หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 760 มองฐานะและตำแหน่งไม่ชัดเจน (2)
ตอนที่ 760 มองฐานะและตำแหน่งไม่ชัดเจน (2)
ผู้คนที่อยู่ในสถานการณ์มีสีหน้าไม่ดีนัก ชายวัยกลางคนหัวใจกระตุก รีบเอ่ยขึ้นว่า “เยี่ยนอ๋องเข้าใจผิดแล้ว ฝ่าบาทมิได้หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยันไร้ความบริสุทธิ์ใจ เห็นชัดว่าไม่ใส่ใจต่อวาจาของเขา
ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธอย่างอดไม่ได้ “ราชโองการของฝ่าบาทมาถึงแล้ว ไม่ว่าอย่างไรท่านอ๋องก็ควรน้อมรับถึงเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
“อ่าน” เยี่ยนอ๋องเอ่ยสั่ง
ชายวัยกลางคนโกรธเกรี้ยว “เยี่ยนอ๋อง พระองค์บังอาจเกินไปแล้ว ราชโองการของฝ่าบาท…”
“ไม่อ่านก็ไสหัวไป” เยี่ยนอ๋องเอ่ย “วันนี้ข้าอารมณ์ดี ไม่เอาชีวิตของเจ้า”
สีหน้าของชายวัยกลางคนพลันเปลี่ยนแปลง ในที่สุดก็ต้องอดกลั้นเอาไว้และถอนหายใจออกมา ยิ่งโยวโจวเป็นเขตพื้นที่ของเยี่ยนอ๋อง นับว่ารนหาที่ตายชัดๆ
เปิดราชโองการในมือออก อ่านขึ้นเสียงดัง “ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา เรียกตัวเยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องรวมไปถึงทายาทคนอื่นๆ เข้าเมืองหลวง มิให้บิดพริ้ว จบราชโองการ”
ฟังเนื้อหาราชโองการจบ ผู้คนจึงมีเสียงเกรียวกราวดังขึ้น ผู้คนส่วนใหญ่คิดอยู่ในใจว่า ‘ในที่สุดก็มาถึง’ ถอนหายใจออกมา ชายวัยกลางคนรวบเก็บราชโองการในมือ มองไปยังเยี่ยนอ๋อง เอ่ย “เยี่ยนอ๋อง พระประสงค์ของฝ่าบาทพระองค์ได้ยินแล้วหรือไม่ เชิญเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เพล้ง!
ถ้วยชาในมือของเยี่ยนอ๋องกระแทกลงกับพื้นในห้องโถง เศษกระถ้วยกระเบื้องแตกละเอียดกระจายไปคนละทิศละทาง ทุกคนสะดุ้ง หันมองไปยังเยี่ยนอ๋อง เปลือกตาของชายวัยกลางคนที่นำราชโองการมาก็กระตุกไปด้วย มองเยี่ยนอ๋องอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง พระองค์คิดจะขัดต่อราชโองการหรือ”
เยี่ยนอ๋องยิ้มหยัน เอ่ย “ข้าขัดต่อราชโองการ แล้วเจ้าจะทำอันใดเล่า”
ชายวัยกลางคนสะอึก เยี่ยนอ๋องคิดอยากขัดราชโองการตัวเขาไม่อาจทำอันใดได้จริงๆ อย่างมากเขาก็ศีรษะหลุดจากบ่า เขาเป็นเพียงขุนนางขั้นสี่ ไม่ได้เกิดในตระกูลสูงศักดิ์และไม่ใช่คนของโจวเซียงหันหมิ่นใต้เท้าทั้งสอง ดังนั้นจึงได้รับหน้าที่ถ่ายทอดราชโองการในครั้งนี้ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดี ด้วยนิสัยของเยี่ยนอ๋องไม่ว่าเยี่ยนอ๋องจะยอมรับราชโองการกลับเมืองหลวงหรือไม่ อย่างไรผู้ที่มาถ่ายทอดราชโองการก็คงไม่ได้รับการรับรองที่ดีนัก
เพียงแต่รู้แล้วอย่างไร ความจริงแล้วเขากลับไม่มีทางเลือก ดังนั้นเขาจึงมาพร้อมกับความรู้สึกราวกับไม่ยี่หระต่อความตาย น่าเสียดายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเยี่ยนอ๋องผู้เกรี้ยวกราดเขาก็ยังสะท้านหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้
เยี่ยนอ๋องทอดสายตามองลงมายังผู้คนตรงหน้า ยิ้มหยัน เอ่ยว่า “หากข้ากลับเมืองหลวงตามราชโองการจริง เกรงว่าจุดจบคงน่าเวทนายิ่งกว่าน้องสิบ กลับไปบอกเซียวเชียนเยี่ย หากมีความสามารถก็ให้เขารับสั่งประหารเก้าชั่วโคตรข้าไปเสีย ของเล่นที่ไม่อาจเชิดหน้าชูตาพวกนี้ อย่าได้เอามาไว้ต่อหน้าข้า”
ผู้คนเช็ดเหงื่อ ท่านอ๋อง ต่อให้ฮ่องเต้โกรธอย่างไรก็ไม่อาจประหารท่านเก้าชั่วโคตรได้ เพราะตัวเขาเองก็อยู่ในเก้าชั่วโคตรของพระองค์ด้วยนี่
“ท่านอ๋อง…ท่านอ๋องคิดจะขัดต่อราชโองการจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ” ชายวัยกลางคนเอ่ย
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน “ในเมื่อเซียวเชียนเยี่ยคิดจะเอาชีวิตเสด็จอาอย่างพวกข้า ไยต้องหน้าซื่อใจคด มีรับสั่งให้สังหารพวกข้าเลยไม่ง่ายกว่าหรือ กลับไปบอกกับเซียวเชียนเยี่ย บอกว่า ข้ารอเขาอยู่ ตอนนี้ไสหัวออกไป”
เยี่ยนอ๋องยังกล่าวไม่ทันจบ เหล่าองครักษ์ที่มารออยู่ก่อนแล้วก็รีบเดินเข้ามา จับชายวัยกลางคนโยนออกไปด้านนอก
ทหารที่ติดตามมาด้วยแน่นอนว่าไม่อาจมองคนจวนเยี่ยนอ๋องเสียมารยาทต่อคนมาถ่ายทอดราชโองการ เตรียมลงมือ
เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเย็น “ใครกล้าชักดาบออกมาลองดู”
ทุกคนชะงัก มือที่วางอยู่ด้านกระบี่ลังเลอยู่เนิ่นนานสุดท้ายจึงค่อยๆ วางมือ
“โยนออกไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เด็กๆ ทั้งสองกำลังทำพิธีสรงสามมาเจอสถานการณ์เช่นนี้นับว่าทำลายความสุขจริงๆ โชคดีที่ทำพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเยี่ยนอ๋อง พระชายาเยี่ยนอ๋อง องค์หญิงฉังผิงจึงไม่โกรธมากนัก ขณะเดียวกันมีคนไม่น้อยที่แอบคิดว่าคนผู้นั้นโชคดี หากมิใช่เพราะวันนี้เป็นพิธีสรงสามของเด็กทั้งสองไม่อาจมีเลือด คนกลุ่มนั้นจะสามารถมีชีวิตรอดกลับไปหรือไม่ยังพูดยาก เหล่าคนสนิทของเยี่ยนอ๋องหัวใจหนักอึ้งขึ้นมา อย่างไร…ฮ่องเต้ก็ตัดสินใจลงมือกับจวนเยี่ยนอ๋องแล้ว
เรื่องราวด้านนอกจะเป็นเยี่ยงไรไม่สำคัญกับหนานกงมั่วในยามนี้ เพราะทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าสิ่งสำคัญที่สุดของซิงเฉิงจวิ้นจู่ในยามนี้คือการนั่งเดือน อย่างอื่นต่อให้ฟ้าถล่มทลายก็ยังมีคนสูงกว่าคอยค้ำเอาไว้ให้ แม้ว่าเว่ยจวินมั่วและชวีเหลียนซิงจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกให้นางฟัง แต่ก็ยืนกรานห้ามไม่ให้นางมีความคิดเข้าไปช่วยเหลือใดๆ องค์หญิงฉังผิงยิ่งยึดตามใบสั่งยาปรับสภาพร่างกายและบำรุงสุขภาพของคนนั่งเดือนที่คุณชายเสียนเกอออกด้วยตนเอง ทุกวันสั่งให้คนครัวต้มยาให้หนานกงมั่ว กินจนหนานกงมั่วมองเห็นยาหน้าตาซีดขาวขึ้นทันใด
ยังดีที่หลังจากคลอดได้เจ็ดวันในที่สุดหนานกงมั่วก็ได้รับอนุญาตให้ลงจากเตียงเดินอยู่ในเรือนได้ ทว่ายังคงออกจากเรือนไม่ได้
ดังนั้นในแต่ละวันของคุณหนูใหญ่หนานกงนอกจากหมุนวนอยู่รอบกายลูกทั้งสองก็คงเดินเล่นอยู่ในเรือนแล้ว
เด็กน้อยที่เพิ่งคลอดมาได้เพียงไม่กี่วันเริ่มเกลี้ยงเกลามากขึ้น ดวงตาใสแป๋วคู่นั้นทำให้คนมองแทบหลอมละลายกลายเป็นน้ำ เพียงแต่หนานกงมั่วรู้ดีว่า ลูกน้อยในยามนี้นั้นยังมองไม่ชัดจึงได้หยิบกระดิ่งขึ้นมาแกว่งไกวเล่นกับลูกๆ เด็กทั้งสองได้ยินเสียงกระดิ่งจึงเริ่มหันศีรษะเล็กๆ ไปตามที่มาของเสียง เพียงแต่การเคลื่อนไหวของพวกเขา ก็เพียงกะพริบตาและขยับศีรษะก็เท่านั้น ความเป็นจริงนั้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้
กระดิ่งใบนี้องค์หญิงฉังผิงสั่งคนทำขึ้นมา กระดิ่งเงินไม่เพียงถูกทำขึ้นมาอย่างงดงาม เสียงยังไพเราะน่าฟังอีกด้วย รอเด็กทั้งสองโตกว่านี้อีกสักหน่อย นางคิดว่าจะเอาแขวนไว้บนเปลให้เด็กทั้งสองได้เล่น
“รายงานจวิ้นจู่ ซั่นจยาจวิ้นจู่มาเจ้าค่ะ” ด้านนอกเสียงสาวใช้กล่าวรายงานดังขึ้น
“ซั่นจยาจวิ้นจู่หรือ นางมาคนเดียวหรือ” หนานกงมั่วหันกลับไปถามสาวใช้ สาวใช้พยักหน้า เอ่ยตอบว่า “ตอบจวิ้นจู่ ซั่นจยาจวิ้นจู่มาลำพังเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “เชิญนางเข้ามาเถิด”
“เจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วแปลกใจเล็กน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างตนและจูชูอวี้นั้นเบาบาง แม้ไม่ได้ต่างคนต่างอยู่เหมือนเฉินซื่อ แต่นั่นเป็นเพราะจูชูอวี้มีความเป็นคนมากกว่าเฉินซื่อก็เท่านั้น มิใช่เพราะว่าความสัมพันธ์ของตนกับนางจะดีกว่าเฉินซื่อ นับตั้งแต่คลอดเด็กๆ ออกมา นอกจากพิธีสรงสามวันนั้นจูชูอวี้ก็ไม่เคยมาเยี่ยมเยียน พิธีสรงสามในวันนั้นก็เพียงยืนต้อนรับแขกในงานอยู่ด้านหน้าเรือนกับพระชายาเยี่ยนอ๋อง ส่วนเพราะอันใดนั้น หนานกงมั่วเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ด้วยความสัมพันธ์ของนางและจูชูอวี้อีกทั้งความรู้สึกของจูชูอวี้ต่อเว่ยจวินมั่วในครานั้น หากชอบเด็กทั้งสองจริงๆ นั่นสิถึงจะแปลก
เพียงไม่นานจูชูอวี้ก็เดินมาจากด้านนอก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ช่างสุขสบาย”
จูชูอวี้อยู่ในอาภรณ์สีม่วงอ่อน ชายเสื้อและปลายแขนเสื้อปักลายดอกชบาสีอ่อน คอเสื้อยังมีรูปผีเสื้อหนึ่งคู่ ดูหรูหราไม่ธรรมดา ยิ่งขับให้นางดูสง่างามและอ่อนหวานยิ่งขึ้น เดิมทีจูชูอวี้เองก็เป็นสตรีที่รู้จักแต่งตัว แม้ใบหน้าจะมีรอยแผลเป็นที่กงอวี้เฉินสร้างเอาไว้ ทว่านางกลับทำให้ตนเองดูงดงามขึ้นมาได้