หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 460 ความโศกเศร้าของพระชายารัชทายาท (1)
ตอนที่ 460 ความโศกเศร้าของพระชายารัชทายาท (1)
มองเหล่าขุนนางที่ไม่กล้าเอ่ยปาก เซียวเชียนเยี่ยแค่นเสียงหยัน หันกลับมามองเซียวฉุนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งถัดจากตนเอง “ผู้สำเร็จราชการแทนมีความคิดเห็นเยี่ยงไรหรือ”
เซียวฉุนเองก็มีสีหน้าไม่ดีนักทว่ายังดีกว่าเซียวเชียนเยี่ยอยู่มาก แม้แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าหนานกงมั่วจะประกาศเรื่องนี้ออกไปโดยไม่สนสิ่งใด อีกทั้งนางยังลงมือสำเร็จได้โดยที่พวกเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้สาสน์ที่หนานกงมั่วส่งให้อดีตฮ่องเต้ถูกเขาขัดขวางเอาไว้หมดแล้ว เห็นชัดว่าหนานกงมั่วค้นพบช่องทางใหม่ในการส่งฎีกาให้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาอีกครั้ง ทำให้พวกเขาไม่จัดการไม่ได้
เพียงแต่นี่คือปัญหาของเซียวเชียนเยี่ย ไม่ใช่เขา ต่อให้หนานกงมั่วไม่ทำแบบนี้ ผ่านไปอีกสักระยะเขาก็ต้องจัดการปัญหานี้ แม้เขาจะไม่สนใจชีวิตของประชาชนเหล่านั้น แต่กลับได้รับประโยชน์มากมายจากเรื่องนี้
เซียวฉุนควบคุมสติ ลุกขึ้นเอ่ยอย่างนอบน้อม “ในเมื่อเป็นโรคระบาด แน่นอนว่าต้องรีบส่งคนไปจัดการ อย่างไรเสียหลิงโจวก็ไม่ได้อยู่ห่างจากจินหลิงมากนักพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเชียนเยี่ยจ้องเซียวฉุน ยิ้มเย็น “เห็นท่าทางผู้สำเร็จราชการแทนมั่นคงเพียงนี้ คิดว่าคงมีแผนการอยู่ในใจแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นแล้วมิสู้ยกเรื่องนี้ให้ผู้สำเร็จราชการแทนจัดการเป็นอย่างไร”
เซียวฉุนไม่ได้ปฏิเสธ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทเชื่อใจกระหม่อม นับว่าเป็นวาสนาของกระหม่อมแล้ว”
“ผู้สำเร็จราชการแทนคิดให้ดีเล่า เรื่องนี้หากจัดการได้ไม่ดี…” เซียวเชียนเยี่ยหรี่ตาลง มองเซียวฉุนอย่างระมัดระวัง “ขอฝ่าบาทได้โปรดวางใจ กระหม่อมขอเวลาเพียงหนึ่งเดือน กระหม่อมรับรองว่าโรคระบาดจะต้องสงบลง”
เซียวเชียนเยี่ยยิ้มเย็น โรคระบาดไม่ใช่สิ่งอื่นใด ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าอยากจะหยุดก็หยุดได้ “ผู้สำเร็จราชการกล่าวจริงหรือ”
“กระหม่อมยืนยันจะทำให้สำเร็จตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ”
นัยน์ตาของเซียวเชียนเยี่ยหรี่แคบลง หรือว่าเซียวฉุนมีไม้ตายอันใดหรือไม่ หากเป็นเช่นนี้เรื่องนี้ไม่เพียงไม่เป็นผลร้ายต่อเซียวฉุน ทว่ากลับช่วยผลักดันเซียวฉุนให้สูงขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้น…
แม้ในใจจะไม่สงบ แต่ตอนนี้เซียวเชียนเยี่ยทำสิ่งใดไม่ได้ ยิ่งไม่สามารถกลับคำไม่ให้เซียวฉุนรับผิดชอบเรื่องนี้ ทำได้เพียงเอ่ยเสียงเข้ม “ผู้สำเร็จราชการแทนจำคำของตนเอาไว้ด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับบัญชา” เซียวฉุนเอ่ยตอบรับด้วยความมั่นใจ
“หึ”
ในท้องพระโรง เซียวเชียนเยี่ยและเซียวฉุนลับฝีปากกันไปมา บรรดาขุนนางเองก็ไม่ได้อยู่เฉย หันกลับไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่อยู่ใกล้ตัวพวกเขา
ดูเหมือนว่าฝ่าบาทและผู้สำเร็จราชการแทนก็ไม่ลงรอยกันเท่าไร
ใครจะรู้ งานในระยะนี้ช่างมากมายเหลือเกิน ทำได้เพียงหวังว่าปีนี้จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น หรือบางทีปีหน้าก็จะดีแล้วหรือไม่
ไม่แน่ บางทีอาจจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
แน่นอนว่ายังมีคนที่เอาแต่ยืนมอง ไม่มีความร้อนใจเลยแม้เพียงนิด
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สำเร็จราชการแทนและฮ่องเต้พระองค์ใหม่ไม่ดี เช่นนั้นเกี่ยวอันใดกับพวกเขาเล่า เชื้อพระวงศ์ทะเลาะกันรุนแรงเพียงใดยิ่งเป็นผลดีกับพวกเขาเท่านั้น แบบนี้จะได้ไม่มีเวลามาจัดการกับตระกูลขุนนางเช่นพวกเขา ทะเลาะกันไปเถิด ทะเลาะกันยิ่งวุ่นวายยิ่งดี
ไล่เหล่าขุนนางออกไปหมดแล้ว เซียวเชียนเยี่ยมองท้องพระโรงที่ตนเองนั่งอยู่ด้วยความหงุดหงิด ยามนี้เขายังไม่ทันขึ้นครองราชย์ สตรีในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องนั้นแม้จะเข้าวังมาแล้วทว่ายังไม่ได้รับการแต่งตั้ง พระสนมในอดีตฮ่องเต้ก็ยังไม่ทันย้ายออกไป แน่นอนว่าไม่สามารถโยกย้ายไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ร่างกายของพระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องยิ่งหนักขึ้นแล้ว ยามนี้เรื่องในวังยกให้พระชายารัชทายาทจัดการ เห็นชัดว่าทั่วทั้งวังหลวงสงบเงียบลงมาก
“ออกไป ข้าอยากอยู่ลำพัง” ยกเท้าถีบประตูห้องทรงพระอักษรเปิดออก เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยกับเหล่าผู้ปรนนิบัติรับใช้ด้วยความหงุดหงิด
“เพคะ ฝ่าบาท” เหล่าผู้ปรนนิบัติรับใช้เอ่ยตอบรับอย่างนอบน้อม ถอยออกไปเงียบๆ
เซียวเชียนเยี่ยเดินเข้าไปในห้องเก็บหนังสืออันเงียบสงัด รู้สึกว่าจิตใจยิ่งวุ่นวายหนักขึ้น ในใจเอาแต่คิดอยากเป็นฮ่องเต้ แต่เมื่อได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้แล้วจิตใจของเขากลับเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนและไม่สงบ แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่อาจหันหลังกลับทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป
เซียวฉุน เซียวเชียนเยี่ยกัดฟัน ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวขึ้นมาโดยไม่อาจควบคุมได้
“เชียนเยี่ย” เสียงเบาดังออกมาจากห้องเก็บหนังสือ เซียวเชียนเยี่ยตกใจรีบเดินตามเสียงนั้นเข้าไปด้านใน ทว่ามองเห็นพระชายารัชทายาทในอาภรณ์ไว้ทุกข์ยืนอยู่ตรงหน้าฉากบังลมมองตรงมาที่เขา เห็นได้ชัดว่าตกใจเพราะสีหน้าของเขา เชียนเชียวเยี่ยรีบฝืนยิ้มออกมา “เสด็จแม่ ไยท่านจึงมาอยู่ที่นี่”
พระชายารัชทายาทมองเซียวเชียนเยี่ยนิ่ง เนิ่นนานก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “เชียนเยี่ย มารดาขอถามเจ้าสักเรื่อง เจ้าบอกความจริงกับมารดามาว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่”
เซียวเชียนเยี่ยยิ้ม เอ่ย “มีเรื่องอันใดมารดารีบถามข้ามาเป็นพอ หากลูกรู้จะไม่ปิดบังเลยพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายารัชทายาทเงียบไป เอ่ย “เสด็จพ่อของเจ้า…ไยจึงสิ้นพระชนม์กันแน่”
เซียวเชียนเยี่ยหน้าซีด แม้แต่ร่างกายยังสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ มองเห็นสายตาเย็นชาของพระชายารัชทายาทก รูม่านตาจึงเกร็งโดยไม่รู้ตัว ยังคงฝืนยิ้มออกมา “เสด็จแม่ ไยท่าน…จึงถามเช่นนี้ เสด็จพ่อ…เสด็จพ่อไม่ได้สิ้นพระชนม์เพราะอาการป่วยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เพียะ!
ฝ่ามือหนักๆ ตวัดลงบนใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ย ใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ยหันไปตามแรงตบ มองพระชายารัชทายาทอย่างตกตะลึงอยู่เนิ่นนาน
พระชายารัชทายาทมองบุตรชายตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและไม่อยากจะเชื่อ “เชียนเยี่ย เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน นั่นคือเสด็จพ่อของเจ้านะ เจ้าทำแบบนั้นได้เยี่ยงไร”
เซียวเชียนเยี่ยมองพระชายารัชทายาทนิ่ง เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน “เสด็จแม่ พระองค์กำลังเอ่ยอันใดอยู่ ท่านไปฟังใครพูดสิ่งใดมา”
ร่างกายบอบบางของพระชายารัชทายาทโงนเงนไปมา เอ่ยทั้งน้ำตา “เจ้าคิดว่ามารดาโง่หรือ ไม่รู้อันใดเลยอย่างนั้นหรือ เสด็จพ่อและเสด็จปู่ของเจ้าตายไปอย่างแปลกประหลาดกะทันหันเพียงนี้ เจ้าคิดว่าเรื่องแบบนี้จะปิดบังทุกคนได้จริงๆ น่ะหรือ เจ้าคิดว่าเหล่าขุนนางพวกนั้นจะไม่คิดสงสัยอยู่ในใจหรือ พวกเขาเพียงไม่เอ่ยออกมาก็เท่านั้น อีกทั้งเสด็จปู่รอง จู่ๆ เขาก็กลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทน พวกเจ้าทำอันใดกันแน่”
เซียวเชียนเยี่ยรีบเข้าไปประคองพระชายารัชทายาท เอ่ยวิงวอน “เสด็จแม่…ขอท่านเชื่อลูกด้วยเถิด เสด็จพ่อ เรื่องของเสด็จพ่อและเสด็จปู่ ไม่เกี่ยวกับลูกจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายารัชทายาทตัวสั่นเทา เอ่ยเสียงเบา “เช่นนี้ พวกเขาไม่ได้…” หนึ่งรัชทายาทหนึ่งฮ่องเต้ถูกลอบสังหารในเมืองจินหลิงอย่างแปลกประหลาด เป็นเรื่องอกสั่นขวัญแขวนเพียงใด และบุตรชายของนางยังเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเรื่องน่าหวาดกลัวเหล่านี้ หรือว่าเชียนเยี่ยไม่รู้ หากเรื่องเหล่านี้ถูกแพร่งพรายออกไป ไม่ว่าเขาจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ถึงตอนนั้นเขาก็ไม่อาจหลีกหนีจากการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดได้
“เชียนเยี่ย เจ้าช่างเลอะเลือน” พระชายารัชทายาทส่ายศีรษะ สายตาที่มองไปยังบุตรชายนั้นผิดหวังเป็นที่สุด ต้องโทษนางที่เอาอกเอาใจบุตรชายผู้นี้มาตั้งแต่เล็กจนโต แม้เชียนเยี่ยจะได้ร่ำเรียนฉิน หมาก อักษร และบทกวีไม่ได้ขาด แต่กลอุบายที่ราชวงศ์ควรเรียนรู้กลับเรียนรู้เพียงผิวเผิน มีหลายเรื่องที่จำต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยตนเองจึงได้เรียนรู้ และเชียนเยี่ยกลับขาดประสบการณ์เหล่านี้มาตั้งแต่เล็กจนโต
เพียงแต่พระชายารัชทายาทคิดไม่ถึงว่าเซียวเชียนเยี่ยจะพาตัวเองมาอยู่ในจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพียงนี้