หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 256 นี่มันดอกบัวขาวดีๆ นี่เอง (2)
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จแม่ชอบก็เพียงพอแล้วเพคะ หลายวันมานี้ลำบากเสด็จแม่แล้ว ชาสมุนไพรนี้หากมารดาดื่มทุกวัน จะช่วยบำรุงร่างกายและผ่อนคลายจิตใจได้เพคะ”
“เด็กดี ข้ารู้ดีว่าเจ้ามีใจกตัญญู” องค์หญิงฉังผิงมองชายหญิงงดงามที่นั่งถัดลงไปจากตน รู้สึกว่าการมีลูกสะใภ้นั้นมันดีเหลือเกิน หากเป็นเมื่อก่อนอยู่กันสองแม่ลูก ผ่านไปชั่วครู่ก็คงจะหมดคำพูดแล้ว ไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ไม่ดี แต่เป็นเพราะองค์หญิงฉังผิงเองก็ไม่ได้มีนิสัยเปิดเผยร่าเริง ส่วนเว่ยจวินมั่วยิ่งเงียบขรึม ไหนเลยจะมีเรื่องให้พูดคุยถึงเพียงนั้น
“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าประทานรางวัลใหญ่ให้แก่ที่นี่และเรือนซูอวิ๋นอย่างนั้นหรือ” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยถาม
หนานกงมั่วช้อนตาขึ้นมอง กะพริบตาปริบท่าทางใสซื่อ “มีอันใดไม่ถูกต้องหรือเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงชะงัก กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ไม่มีอันใดไม่ถูกหรอก จะให้รางวัลเช่นไรนั่นเป็นเรื่องของเจ้า เพียงแต่…คนในจวนจะไม่ได้มองเช่นนี้น่ะสิ เจ้ากำลังมั่งมี พึ่งแต่งเข้าจวนมาใหม่ อย่างไรก็ต้องดูแลแม่เฒ่าให้ดีสักหน่อย”
หนานกงมั่วยิ้มอ่อน “ไม่ว่าจะดูแลดีอย่างไร แม่เฒ่าก็คงไม่ชอบหม่อมฉัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยจะต้องสิ้นเปลืองด้วยเล่า”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ “แน่นอนว่าข้าต้องปกป้องพวกเจ้า แต่มันไม่ดีต่อชื่อเสียงของพวกเจ้าเองน่ะสิ”
หนานกงมั่วยิ้ม “เสด็จแม่วางใจ ชื่อเสียงนั้นล้วนออกมาจากปาก บนโลกใบนี้ก็มิได้มีเพียงพวกเขาที่พูดได้ ข้าเพียงแค่อยากให้คนในจวนได้รับรู้ ต่อให้พระชายาซื่อจื่อเช่นข้าไม่ได้ปกครองเรือน ขอเพียงเป็นคนที่รู้หน้าที่และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีแน่นอนจะได้รับสิ่งที่ดีตอบแทน ดังนั้นคนพวกนั้น…จะทำได้เพียงมองคนอื่นได้ดี หากกล้ายื่นมือเข้ามา หม่อมฉันก็จะตัดมือเขาเสีย”
องค์หญิงฉังผิงมองสำรวจหนานกงมั่วอยู่ชั่วครู่ ยิ้มพลางเอ่ย “มิน่าเล่าเสด็จพ่อถึงได้ชื่นชมเจ้า ช่าง…ช่างมันเถิด ขอเพียงพวกเจ้ารู้ตัวว่าทำอันใดอยู่ก็ทำให้สบายใจเถิด ถึงอย่างไรก็ยังมีข้า ต่อให้ข้าไม่ไหว ก็ยังมีเสด็จลุงเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องของพวกเจ้าอีก”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่เพคะ” รอยยิ้มของหนานกงมั่วเบ่งบานขึ้น อืม นางชอบองค์หญิงฉังผิงมากๆ เลยล่ะ
“รายงานองค์หญิง ท่านอ๋องเชิญซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อที่ห้องโถงฝูฮุ่ยพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอก พ่อบ้านรีบเข้ามารายงาน องค์หญิงฉังผิงเลิกคิ้ว มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ย “เห็นแล้วหรือไม่ มาเร็วถึงเพียงนี้” หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากยิ้มๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในสายตา องค์หญิงฉังผิงเห็นเช่นนั้นจึงพยักหน้าในใจ จวินเอ๋อร์อยู่ในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องอย่างอึดอัด กำลังต้องการภรรยาเช่นอู๋สยา หากเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ทั่วไปต่อให้มีนางคอยหนุนหลังก็ไม่รู้จะถูกคนพวกนั้นกดขี่เพียงใด
“ข้ารู้แล้ว ออกไปก่อนเถิด” องค์หญิงฉังผิงกล่าวเสียงเรียบ
แม้พ่อบ้านจะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินองค์หญิงฉังผิงจึงทำได้เพียงถอยออกไป
องค์หญิงฉังผิงมองทั้งสองคนพลางถอนหายใจ “จวินเอ๋อร์ แม่มาคิดดีๆ แล้ว สิ่งที่เจ้าและเสด็จลุงของเจ้าได้กล่าวไว้ เจ้าอยากไปอยู่ที่ใดก็ไปเถิด เพียงแต่แม่…อย่างน้อยก็ต้องรอให้เสด็จปู่ของเจ้า…”
คำข้างหลังนั้นไม่อาจเอ่ยออกมาได้ แต่ทั้งสองที่นั่งอยู่เข้าใจความหมายขององค์หญิงฉังผิงได้เป็นอย่างดี องค์หญิงฉังผิงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายอดีตฮองเฮามาตั้งแต่เด็ก และนอกจากองค์หญิงหลิงอี๋แล้วก็เหลือนางที่เป็นธิดาเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตและอยู่ในจินหลิง ไม่ว่าอย่างไร ตราบใดที่ฮ่องเต้ยังมีชีวิตอยู่ องคหญิงฉังผิงต้องอยู่ที่จินหลิงเพื่อแสดงความกตัญญู ฮ่องเต้อายุยิ่งมากยิ่งต้องการการเอาใจใส่จากลูกๆ โอรสนั้นนอกจากองค์รัชทายาทแล้วล้วนถูกแต่งตั้งให้ไปปกครองหัวเมืองต่างๆ ไม่ง่ายเลยหากจะกลับเมืองหลวง คนที่สามารถดูแลเอาใจใส่ได้ก็คงมีเพียงเหล่าองค์หญิงไม่กี่พระองค์ เมื่อก่อนฮ่องเต้ไม่เรียกตัวธิดาเข้าวังบ่อยนัก แต่สองปีมานี้องค์หญิงฉังผิงกลับต้องเข้าวังเว้นห่างกันสิบถึงสิบห้าวันเท่านั้น นี่ยิ่งเป็นเหตุให้ตระกูลเว่ยนับวันยิ่งหวาดกลัวเว่ยจวินมั่ว กลัวว่าองค์หญิงฉังผิงจะไปเอ่ยสิ่งใดกับฝ่าบาทแล้วยกตำแหน่งจวิ้นอ๋องให้กับเว่ยจวินมั่ว
ความจริงแล้วแน่นอนว่าตระกูลเว่ยคิดมากเกินไป นอกเสียจากเว่ยหงเฟยทำผิดร้ายแรงถูกปลดตำแหน่งเสียเอง คงไม่มีใครที่ไหนที่บิดายังมีชีวิตอยู่แล้วจะสละตำแหน่งให้แก่บุตรชาย แน่นอนว่าไม่อาจมองข้ามสถานการณ์ที่ปฏิเสธได้ยาก สิ่งที่ตระกูลเว่ยหวาดกลัวก็คงเป็นเหตุการณ์จำยอมเช่นนี้ เป็นสามีภรรยากันมาถึงเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ยขึ้น “เสด็จแม่วางใจ ต่อให้จะไปก็ใช่ว่าจะไปได้ง่ายๆ” ตำแหน่งที่ฮ่องเต้แต่งตั้งใช่ว่าคิดจะทิ้งก็ทิ้งได้ง่ายๆ เว่ยจวินมั่วเพียงไม่มีความสนใจต่อตำแหน่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องและต้องการให้มารดาเข้าใจเท่านั้น
องค์หญิงฉังผิงลุกขึ้น กล่าว “เช่นนี้ก็ดี ไปกันเถิด แม่จะไปกับพวกเจ้า”
หนานกงมั่วลุกขึ้น “เสด็จแม่ เรื่องเล็กน้อยไม่ลำบากท่านหรอกเพคะ ข้าไปกับจวินมั่วก็พอแล้ว”
องค์หญิงฉังผิงยิ้ม เอ่ย “เจ้ายังไม่รู้จักคนพวกนี้ ข้าไปด้วยจึงจะวางใจ”
ผู้คนที่อยู่ในห้องโถงฝูฮุ่ยสีหน้าไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ รอมาเกือบสองเค่อ[1]แล้วคนก็ยังมาไม่ถึง จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกว้างใหญ่เพียงใดเชียว นี่มันตั้งใจถ่วงเวลาอย่างเห็นได้ชัด เห็นใบหน้าไม่น่ามองของแม่เฒ่าและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เฝิงซื่อรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา ยิ่งหนานกงมั่วยโสโอหัง ยิ่งไม่อาจควบคุมได้ นางยิ่งดีใจ ค่อยๆ ดูไปเถิด
ด้านข้างยังมีสองฮูหยินน้อยและสองคุณหนูนั่งอยู่ด้วย แน่นอนพวกนางเองก็มาเพราะได้ข่าว ได้ยินมาว่าหนานกงมั่วให้รางวัลเพียงเรือนซูอวิ๋นและเรือนองค์หญิง ผู้คนจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา แต่หนึ่งในผู้ที่ไม่สบายใจที่สุดคงจะเป็นเว่ยเชี่ยน ทั้งเกลียดที่หนานกงมั่วไม่ไว้หน้านาง ทั้งริษยาความหรูหราฟุ่มเฟือยของนาง นางเป็นถึงคุณหนูเรือนจวิ้นอ๋อง เงินเดือนในแต่ละเดือนได้รับเพียงสิบตำลึง หนานกงมั่วกลับใจกว้างให้รางวัลสาวใช้ขั้นหนึ่งไปถึงสิบตำลึง นอกจากนั้น สาวใช้เรือนซูอวิ๋นเห็นได้ชัดว่ามีมากเกินจำเป็น ข้างกายหนานกงมั่วมีสาวใช้ขั้นหนึ่งแปดคน คิดว่าตนเองเป็นองค์หญิงในรั้วในวังหรืออย่างไร
“ไยพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ยังมาไม่ถึงอีกเล่า เรือนซูอวิ๋นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากห้องโถงฝูฮุ่ยไกลนี่” เสียงฉอเลาะของเว่ยเชี่ยนเอ่ยขึ้น เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าจิ้งเจียงจวิ้นอ่องก็ยิ่งถมึงทึงมากขึ้นไปอีก ที่ด้านข้าง เว่ยเฟยลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ยขึ้น “บางที…พี่ใหญ่และพี่สะใภ้อาจไปอยู่ที่เรือนเสด็จแม่ก็ได้เจ้าค่ะ” เสด็จแม่ที่เว่ยเฟยหมายถึงก็คือองค์หญิงฉังผิง แม้องค์หญิงฉังผิงไม่ค่อยพบปะกับเชื้อสายรองในจวนและกฎในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนั้นก็มิได้เคร่งครัด แต่นิสัยของเว่ยเฟยนั้นแตกต่างจากเว่ยเชี่ยน เว่ยเฟยเป็นคนระมัดระวังและไม่ออกนอกกรอบ ไม่กล้าทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรแม้เพียงเล็กน้อย
เว่ยเชี่ยนชักสีหน้าพร้อมแค่นยิ้มให้พี่สาวผู้นี้ที่เอาแต่เอาอกเอาใจองค์หญิงฉังผิง เอาอกเอาใจมานานหลายปี องค์หญิงฉังผิงเคยไว้หน้าเชื้อสายรองอย่างเราสักครั้งหรือไม่เล่า
“องค์หญิงเสด็จ ซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อมาแล้วเจ้าค่ะ”
ทุกคนในห้องโถงชะงัก สีหน้าแม่เฒ่าไม่น่ามองขึ้นมา ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดองค์หญิงฉังผิงก็ย่างเท้าเข้ามาโดยมีสาวใช้คอยประคอง ด้านข้างมีหนานกงมั่วที่กำลังยิ้มหวานและเว่ยจวินมั่วที่ใบหน้าเย็นชา
“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ” ทุกคนถวายพระพร องค์หญิงฉังผิงไม่ทำเหมือนเช่นเคยที่เอ่ยขึ้นก่อนแม่เฒ่าจะถวายพระพร ครั้งนี้นางรอให้สาวใช้ประคองแม่เฒ่าลุกขึ้น ย่อตัวลงไปก่อนจึงเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ “ลุกขึ้นเถิด แม่เฒ่าไม่ต้องมากพิธี”
————————-
[1] 1 เค่อ เทียบเท่ากับเวลาประมาณ 15 นาที