หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 221 พระแปลก (3)
“เสด็จลุงกล่าวถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
งานพิธีใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จวนฉู่กั๋วกงเริ่มครึกครื้นขึ้นมา ก่อนพิธีแต่งงานสามวัน หนานกงมั่วเดินทางออกจากจวนฉู่กั๋วกงไปไหว้พระขอพรและถือศีลกินเจที่วัดต้ากวงหมิง ซึ่งเป็นประเพณีที่กำลังเป็นที่นิยมในจินหลิง บ้านเมืองสงบสุข ผู้คนที่เคยต้องการเพียงความสงบเริ่มมีความต้องการที่พึ่งทางจิตใจ ศาสนาพุทธเริ่มกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง บรรดาผู้มีอำนาจในจินหลิงล้วนมีความเชื่อและศรัทธาในศาสนาพุทธ ดังนั้นหากมีเหตุการณ์สำคัญการไหว้พระขอพรและถือศีลกินเจจึงเป็นที่นิยม แม้หนานกงมั่วจะไม่มีความเชื่อเรื่องเหล่านี้ อย่างไรก็ตามมันเป็นดั่งกฎที่มิได้ถูกเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นจึงจำต้องเก็บข้าวเก็บของมาอยู่ที่ห้องรับรองสำหรับผู้มาแสวงบุญในวัดต้ากวงหมิงเป็นเวลาสามวันก่อนพิธีแต่งงาน
เข้าวัดเพื่อมาถือศีลกินเจและไหว้พระขอพร แน่นอนว่าไม่สามารถพาบ่าวรับใช้มาเป็นขบวนได้ หนานกงมั่วมีเพียงจือซู หมิงฉิน หุยเสวี่ย เฟิงเหอ สี่คนนี้เท่านั้น เดินตามพระผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกเข้ามายังห้องพัก พระผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกยกมือพนมไหว้อย่างนอบน้อมจากนั้นเดินออกไป หมิงฉินกวาดตามองห้องทรุดโทรมก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา “คุณหนูเจ้าคะ ห้องดูทรุดโทรมไปบ้าง คุณหนูจะอยู่ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ”
จือซูปิดปากกลั้นยิ้ม “เจ้าพอใจเสียเถิด ในวัดไหนเลยจะมีที่สุขสบายให้เจ้า วัดต้ากวงหมิงยังเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงหนึ่งในสองของจินหลิง ไม่ใช่ใครที่ไหนจะเข้ามาอยู่ได้ง่ายๆ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อปีก่อนฮูหยินน้อยจะออกเรือนจึงต้องไปอยู่ที่จินอวี่อานห่างจากเมืองหลวงออกไปกว่าสามสิบลี้ ที่นั่นนอกจากเตียงหนึ่งหลังแล้วก็ไม่มีสิ่งใดเลย แม้แต่น้ำจะใช้ยังต้องออกไปหาบด้วยตนเอง ฮูหยินน้อยจึงล้มป่วยและกระทบต่อพิธีแต่งงาน”
หนานกงมั่วโบกมือยิ้มๆ “ไม่เป็นไร ยังพออยู่ได้ พวกเจ้าช่วยกันทำความสะอาดตามที่เห็นสมควรเถิด”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” สาวใช้ทั้งสี่เอ่ยขึ้นพร้อมเพรียงกัน ความจริงพวกนางเพียงบ่นไปเท่านั้น ห้องพักของวัดต้ากวงหมิงแห่งนี้แม้จะดูทรุดโทรม แต่อย่างน้อยยังมีโต๊ะเตียงเก้าอี้ สิ่งที่ควรมีก็มีไม่ขาด พวกนางเองก็นำสัมภาระมาไม่น้อย ทำความสะอาดสักหน่อยทนอยู่เพียงไม่กี่วันก็พอไหว สาวใช้มองสบตากันจากนั้นพันแขนเสื้อขึ้นแล้วทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น หนานกงมั่วเห็นว่าไม่มีอะไรจึงหมุนตัวเดินออกไปเดินเล่นรอบบริเวณวัด
เทียบกับความวุ่นวายในจวนฉู่กั๋วกงช่วงหลายวันนี้ วัดต้ากวงหมิงเรียกได้ว่าเงียบสงบมากทีเดียว แม้ค่อนข้างอยู่ไกลจากมหาวิหาร ในห้องก็ยังได้กลิ่นธูปหอมอ่อนๆ หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสดใส อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เดิมยังคิดก่นด่าธรรมเนียมแปลกประหลาดนี่อยู่ในใจ ยามนี้กลับรู้สึกดีกว่าอยู่กับความวุ่นวาย มองผู้คนไปๆ มาๆ อยู่ในจวนฉู่กั๋วกง มิสู้มานั่งมองท้องฟ้าสงบจิตสงบใจที่นี่เสียจะดีกว่า
ใกล้จะแต่งงานแล้ว หนานกงมั่วนั่งพิงเสา คิดเงียบๆ อยู่ในใจ
จะว่าไปก็แปลก ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวเรื่องการแต่งงานนางยืนยันว่าอย่างไรก็จะไม่มีวันยอมเด็ดขาด มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใดกันนะ คล้ายกับค่อยๆ เปลี่ยนไป ยอมรับไปโดยปริยาย หรือว่า…จะหลงใหลในรูปลักษณ์เสียแล้ว
ถอนหายใจออกมาอย่างน่าขัน หนานกงมั่วพลันรู้สึกโดดเดี่ยว จะแต่งงานแล้ว รู้สึกว่ายังมีคำพูดอีกมากมายที่อยากบอกกับคนอื่นๆ แต่ว่า…คนที่สามารถรับฟังนางได้กลับไม่อยู่ พี่ชายและน้องสาว…นั่นเป็นเรื่องของชาติที่แล้วไปเสียแล้ว ศิษย์พี่…นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าการระบายความในใจกับเขาจะเป็นเช่นไร อาจารย์อาไม่รู้ไปท่องเที่ยวอยู่แห่งหนใด ส่วนอาจารย์…นางสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะฟังเข้าใจหรือไม่ว่านางกำลังพูดอันใดอยู่
ความรู้สึกในเวลานี้…มันคือความกังวลใจใช่หรือไม่
“คุณหนูหนานกง” น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้น หนานกงมั่วหันกลับไปมองเห็นพระอยู่ในชุดนักบวชรูปหนึ่งกำลังยืนกอดฉินอยู่ท่ามกลางป่าไผ่กำลังมองมายังนาง ที่แท้นางเดินมาถึงป่าไผ่หลังเรือนพักโดยไม่รู้ตัว บางทีอาจเพราะบรรยากาศในวัดต้ากวงหมิงนั้นเงียบสงัดจนเกินไป นางจึงไม่ได้สังเกตเห็นอีกฝ่ายที่กำลังนั่งอยู่ไม่ไกล อดตกใจอยู่ในใจไม่ได้ มองและเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นไต้ซือเนี่ยนหย่วนนี่เอง ไยท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้”
เนี่ยนหย่วนมองนางอย่างแปลกใจ “อาตมาอยู่ที่นี่” ยกมือขึ้นชี้ไปทางกระท่อมไม้ไผ่สองหลังอยู่ห่างออกไปไม่ไกล คาดว่าคงเป็นที่พักของเนี่ยนหย่วน
หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีละอายใจ “ขออภัยด้วย เพราะข้าเดินเหม่อลอยจึงได้เข้ามาในเขตที่พักของท่าน” เอ่ยจบกำลังจะหมุนตัวจากไป เนี่ยนหย่วนยิ้มพลางเอ่ย “คุณหนูหนานกงเกรงใจเกินไปแล้ว คนมีวาสนาจึงได้พานพบ ในเมื่อคุณหนูหนานกงมาแล้ว มาดื่มชาสักถ้วยดีหรือไม่” หนานกงมั่วลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงพยักหน้า “เช่นนี้ คงต้องรบกวนไต้ซือแล้ว”
เนี่ยนหย่วนเป็นพระที่แปลก หนานกงมั่วรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
แม้เป็นพระผู้ใหญ่ของวัดต้ากวงหมิง เนี่ยนหย่วนกลับไม่พักอยู่ในกุฏิวัด ทว่ามาพักที่กระท่อมไม้ไผ่เก่าๆ อีกทั้งยังห่างไกลจากความสะดวกสบายแห่งนี้ เพลงฉินที่ถูกบรรเลงโดยพระรูปนี้นั้นสะกดคนได้เป็นอย่างดี ดูฉากอีโรติกสดๆ โดยสีหน้ายังคงเรียบเฉย มีความสามารถทั้งฉิน หมาก วาดเขียน กลยุทธ์การศึกสงครามก็พึ่งพาได้ หากเขาไม่ได้อยู่ในชุดนักบวช เกรงว่าเขาคงกลายเป็นบุรุษผู้สง่างามยิ่งกว่าเสียนเกอด้วยซ้ำ
นอกป่าไปมีโต๊ะหินตั้งอยู่ เนี่ยนหย่วนวางฉินไว้ด้านข้างและนำน้ำแร่จากภูเขามาต้มชา หนานกงมั่วนั่งมองเขาต้มชาอยู่เงียบๆ ทุกการเคลื่อนไหวนั้นเรียกได้ว่างดงาม ควันสีขาวล่องลอยขึ้นตรงหน้าระหว่างพวกเขาทั้งสอง หนานกงมั่วมองสำรวจเขาที่กำลังหลุบตาลง ใบหน้าเรียบสงบ
“คุณหนูหนานกง เชิญ” เนี่ยนหย่วนวางถ้วยชาลงตรงหน้าหนานกงมั่ว หนานกงมั่วพยักหน้ารับเบาๆ “ขอบคุณท่านไต้ซือ”
ทั้งสองนั่งดื่มชา เนี่ยนหย่วนเอ่ย “เมื่อครู่แม่นางหนานกงดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ข้าจึงได้เรียกท่านเอาไว้ คุณหนูหนานกงมีเรื่องทุกข์ใจอันใดหรือไม่”
หนานกงมั่วยิ้ม “ไต้ซือเปนผู้วิเศษ เข้าใจความทุกข์ใจของคนทั่วไปด้วยหรือเจ้าคะ”
เนี่ยนหย่วนยิ้ม “ผู้วิเศษอย่างไรก็หนีไม่พ้นคำว่าคน ผู้คนมากมายนั้นมีความทุกข์ ยิ่งไปกว่านั้น เนี่ยนหย่วนเป็นเพียงภิกษุ มิอาจเรียกว่าว่าผู้วิเศษได้”
หนานกงมั่วแปลกใจ “ศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่า คนมีความทุกข์แปดประการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แยกจากรัก พบกับความเกลียดชัง ไม่สมปรารถนา ทุกข์เพราะขันธ์ห้า ไต้ซือมีความทุกข์ประการใดหรือ” เนี่ยนหย่วนมองนาง ยิ้มออกมา “ข้าคงจะมีความทุกข์ทั้งแปด” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ยิ้มพลางเอ่ย “ศาสนาพุทธสูงส่ง จะเป็นเช่นนั้นได้เยี่ยงไร”
“หากไม่มีความทุกข์ ไยต้องเข้ามาพึ่งร่มพระพุทธศาสนา”
“อู๋สยาศรัทธา” หนานกงมั่วรู้สึกว่าจนปัญญากับพระรูปนี้ เนี่ยนหย่วนเอ่ย “คุณหนูหนานกงกังวลเรื่องแต่งงานหรือ”
หนานกงมั่วส่ายหน้า “ไม่นับว่าเป็นกังวลอันใด เพียงแต่…ไม่คุ้นชินเท่านั้น”
เนี่ยนหย่วนยิ้ม “อาตมารู้จักกับจวินมั่วมาหลายปี ซื่อจื่อนับว่าเป็นผู้อัจฉริยะมีความสามารถรอบด้าน เข้ากันได้ดีกับคุณหนูหนานกง เป็นคู่ที่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
“ไต้ซือทำนายดวงชะตาได้หรือเจ้าคะ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
เนี่ยนหย่วนไม่ใส่ใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บางครั้งก็ทำนายได้บ้าง”
“ตรงหรือไม่เจ้าคะ”
“ตรงไม่ตรงต้องดูว่าเจ้าตัวนั้นคิดเช่นไร”