หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 1092 เลี้ยงลูกเหมือนแกะ มิสุ้เลี้ยงลูกเหมือนหมาป่า (1)
ตอนที่ 1092 เลี้ยงลูกเหมือนแกะ มิสุ้เลี้ยงลูกเหมือนหมาป่า (1)
ชายหนุ่มอายุยี่สิบสามคนกำลังเล่นกับเด็กหญิงอยู่ในสวน ทั้งสามได้สัมผัสความรู้สึกของหนิงอ๋องที่ทั้งรักทั้งโกรธเด็กน้อยเยาเยาอีกครั้ง เมื่อเซวียปินต้องตกใจเมื่อเยาเยาคว้าเจ้าหนอนออกมาจากที่ใดไม่รู้จนต้องกระโดดขึ้นไปอยู่บนหลังคา เฉินซิวถูกเยาเยาตั้งคำถามแปลกประหลาดมากมายจนรอยยิ้มแข็งค้างมุมปากกระตุก จูเหมิงได้สัมผัสแล้วจึงรีบร่นถอยออกไปเจ็ดแปดก้าว บอกใบ้ว่าตนเองไร้ความสามารถ ไม่อาจรับมือกับคุณหนูน้อยได้
มือข้างหนึ่งของเยาเยาจับเฟยเฟย มืออีกข้างยกขึ้นมาเท้าคาง ดวงตากลมโตมองไปยังเฉินซิวราวกับกำลังถาม พวกท่านเป็นอันใดหรือ
เฉินซิวยิ้มขมขื่น ทำเพียงยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กของเยาเยาบอกใบ้ว่าไม่มีอันใด
“เยาเยา เจ้าทำอันใดอยู่หรือ” เสียงคุณชายเสียนเกอดังมาจากด้านนอกประตู เพียงมองสีหน้าของทั้งสามก็รู้แล้วว่าถูกเยาเยากลั่นแกล้ง ได้ยินเสียงของเขา ดวงตาของเยาเยาพลันเป็นประกายขึ้นมา ทิ้งเฉินซิวรีบวิ่งไปยังประตู “ท่านลุงเสียนเกอ”
คุณชายเสียนเกออุ้มเยาเยาขึ้นมา ยกมือขึ้นบีบจมูกเล็กเบาๆ “เด็กดื้อ”
เยาเยาแลบลิ้นออกมาทำหน้าซน “ท่านพ่อท่านแม่ต่างยุ่งมาก ท่านลุงเสียนเกอและท่านตาก็ไม่อยู่” ระหว่างที่เอ่ย ใบหน้าเล็กของเยาเยาพลันยู่ลงอย่างน่าสงสาร “เยาเยาเบื่อ”
เจ้าเด็กน้อย รู้ว่าสิ่งใดเรียกน่าเบื่อด้วยหรือ คุณชายเสียนเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ อีกทั้ง…เจ้าคงนึกถึงข้าเพียงยามที่ซังเจี้ยวกำลังยุ่งกระมัง อุ้มนางขึ้นมาแล้วมองไปด้านนอกประตู ด้านหลังของคุณชายเสียนเกอ อาจารย์อาและหนานกงมั่วกำลังเดินตามกันเข้ามา
“ท่านตา ท่านแม่” เยาเยาเอ่ยเรียกด้วยความดีใจ
ใบหน้าซูบผอมเผยความอ่อนโยนขึ้นมา ยื่นมือออกไปรับเยาเยา
“ท่านเหวิน จวิ้นจู่” เฉินซิวทั้งสามรีบเข้าไปแสดงความเคารพ มองเห็นเซวียปินกระโดดลงมาจากหลังคา หนานกงมั่วรู้สึกน่าขัน “พวกเจ้ากำลังทำอันใดกันอยู่หรือ”
เซวียปินลูบศีรษะ ท่าทางเขินอาย เฉินอวี้ยิ้มพลางเอ่ย “คุณชายมีธุระ พวกเราเลยมาเล่นเป็นเพื่อนกับคุณหนูเยาเยาขอรับ”
หนานกงมั่วเข้าใจแล้ว “ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
“ที่ใดกันเล่าขอรับ คุณหนูเยาเยาน่ารักมาก” เฉินอวี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่ฉลาดและซนเกินไปสักหน่อย ตอนเด็กยังขนาดนี้ โตมาจะเป็นเช่นไร
เยาเยาอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของอาจารย์อา ไม่มีท่าทีของคนที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสามต่างพากันตื่นตกใจเมื่อครู่
เซวียปินมองทั้งสามคนด้วยความสงสัย “จวิ้นจู่ พวกท่านคือ….”
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอันใด ศิษย์พี่มีเวลาว่างไปจวนเยี่ยนอ๋องพอดี มาดูสักหน่อยว่าเว่ยจวินมั่วทำงานเสร็จแล้วหรือไม่”
ระหว่างที่เอ่ย คุณชายเว่ยก็เดินออกมาจากด้านใน ยื่นม้วนกระดาษรายงานในมือส่งให้จูเหมิงที่อยู่ใกล้ตนเองที่สุด
เมื่อได้รับของแล้ว ทั้งสามจึงขอตัวลาไป
มองเฉินซิวทั้งสามกลับไป เว่ยจวินมั่วจึงหันมาหาคุณชายเสียนเกอ เอ่ยถาม “เตรียมตัวเสร็จแล้วหรือ”
คุณชายเสียนเกอส่งเสียงหยัน เขาเตรียมตัวไม่พร้อมยามใดบ้างเล่า ไม่ใช่เพราะเยี่ยนอ๋องและเว่ยจวินมั่วไม่ว่าง พิษในร่างกายของเยี่ยนอ๋องรีบจัดการเสียจะดีกว่า เพียงแต่สองวันมานี้ไม่มีเวลาว่างก็เท่านั้น มองเว่ยจวินมั่วที่มีใบหน้าเรียบนิ่ง คุณชายเสียนเกอไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเรื่องชาติกำเนิดของคุณชายเว่ย แม้ฐานะของเว่ยจวินมั่วจะนำพาเรื่องวุ่นวายมามากมายในอนาคต แต่ตอนนี้ลูกๆ ก็เติบโตแล้ว ยังจะเอ่ยสิ่งใดได้อีกเล่า
เว่ยจวินมั่วไม่สนใจท่าทีของคุณชายเสียนเกอ หันไปพยักหน้าให้อาจารย์ เอ่ย “ลำบากอาจารย์อาแล้ว”
อาจารย์อาอุ้มเยาเยา พยักหน้าเบาๆ ไม่เอ่ยสิ่งใดมาก
ในจวนเยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋องนั่งอยู่ในห้องโถงมองทั้งสามคนที่นั่งเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า เซียวเชียนชื่อสามพี่น้องยังเป็นระเบียบในตำแหน่งที่นั่งถัดลงมาจากเยี่ยนอ๋อง ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง มีเพียงเซียวเชียนจย่งที่ไม่อาจนั่งนิ่งได้ เงยหน้าขึ้นไปมองเยี่ยนอ๋องอย่างอดไม่ได้ ทว่ากลับก้มหน้ากลับลงไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเสด็จพ่อ…ไม่น่ามองเอาเสียเลยจริงๆ
‘ปึก!’ รายงานเล่มหนึ่งถูกโยนมาตรงหน้าทั้งสามคน เยี่ยนอ๋องหรี่ตามองบุตรชายทั้งสามที่ตื่นตกใจเล็กน้อย เอ่ยเสียงเย็น “พวกเจ้าลองอ่านดูสิ”
สามพี่น้องมองสบตากัน เป็นเซียวเชียนชื่อที่หยิบขึ้นมาอ่าน อ่านจบแล้วมองไปยังเซียวเชียนเหว่ยด้วยสีหน้าสับสน ยื่นรายงานส่งต่อให้เขา เซียวเชียนเหว่ยลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรับมา อ่านจบแล้วส่งต่อให้เซียวเชียนจย่ง คุณชายเซียวสามอ่านจบพลันไม่พอใจ โยนรายงานในมือไปที่โต๊ะด้านข้าง เอ่ย “เสด็จพ่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระหม่อม พระองค์เรียกกระหม่อมมาทำไมหรือ”
เห็นอยู่ว่าเป็นฝีมือของลูกน้องที่โง่เขลาของพี่รอง เรื่องอันใดเขาต้องมาร่วมรับความกดดันจากเสด็จพ่อเล่า
นี่เป็นรายงานที่ลิ่นฉังเฟิงส่งมาให้ แม้ไม่อาจสืบเรื่องใดจากคนตระกูลเว่ย แต่จากทหารเฝ้าประจำการเมืองนั้นพอมีเบาะแสบ้าง แม้ไม่ใช่คำสั่งจากเซียวเชียนเหว่ยโดยตรง แต่ทหารเฝ้าประจำการเมืองนั้นล้วนเป็นคนของเซียวเชียนเหว่ย จะบอกว่าเซียวเชียนเหว่ยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เกรงว่าแม้แต่เยาเยาที่อายุสามขวบเองก็คงไม่เชื่อ
เซียวเชียนจย่งไม่ได้โต้แย้งต่อการที่เซียวเชียนเหว่ยมองเว่ยจวินมั่วเป็นศัตรู การขัดขวางหรือโจมตีคนนอกเป็นสัญชาติญาณโดยกำเนิดของคน แต่วิธีการนี้…ก็ไม่ได้เรื่องสักหน่อย แม้ตระกูลเว่ยจะเป็นจุดมืดบอดของเว่ยจวินมั่ว ตระกูลเว่ยนั่นก็มืดบอดเสียยิ่งกว่าเว่ยจวินมั่ว จะทำลายชื่อเสียงของเว่ยจวินมั่วไปได้สักเท่าใดกันเล่า อย่างมากก็หาเรื่องเขาไม่สนใจมิตรภาพเก่าแก่ ตระกูลเว่ยเคยเป็นมิตรกับเว่ยจวินมั่วด้วยหรือ
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน สายตามองไปยังเซียวเชียนเหว่ย “เจ้ามีสิ่งใดจะเอ่ยหรือไม่”
น้ำเสียงของเซียวเชียนเหว่ยนั้นขมขื่นเล็กน้อย “เสด็จพ่อ ลูกไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องยิ้มเย็น เอ่ย “เจ้าไม่พอใจ คิดว่าข้าเข้าข้างจวินเอ๋อร์ กดขี่เจ้าใช่หรือไม่”
“ลูกมิกล้า” เซียวเชียนเหว่ยรีบตอบ ไม่กล้าไม่ใช่ไม่คิด
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เจ้าวางใจ ข้าไม่มีทางช่วยจวินเอ๋อร์กดดันเจ้า…พวกเจ้า”
ได้ยินเช่นนั้น เซียวเชียนเหว่ยรีบเงยหน้าขึ้นมา สายตาที่มองไปยังเยี่ยนอ๋องราวกับไม่เชื่อและตื่นตกใจ ในสายตาของเซียวเชียนเหว่ย เยี่ยนอ๋องนั้นให้ความสำคัญกับเว่ยจวินมั่วตลอดมา ทว่าสายตานั้นปรากฏอยู่เพียงไม่นาน เซียวเชียนเหว่ยรีบก้มหน้ากลับคืนลงไป แต่ว่าเยี่ยนอ๋องกลับไม่ได้พลาดสายตานั้น ดวงตาทะมึนลง ยังคงเอ่ยเสียงเข้ม “อดีตฮ่องเต้แต่งตั้งผู้ปกครองเมือง ไม่เพียงให้ผู้ปกครองเมืองแยกย้ายไปอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ยังเป็นเพราะความมั่นคงของตำแหน่งอดีตรัชทายาท ทำให้ผู้คนได้รับรู้ถึงตำแหน่งผู้สืบทอดที่แท้จริงเลี่ยงการแก่งแย่ง แต่ว่า..ข้าไม่เหมือนเสด็จพ่อ เสด็จพ่อปกป้องอดีตรัชทายาทและเซียวเชียนเยี่ยมายี่สิบกว่าปี เลี้ยงดูคนอย่างเซียวเชียนเยี่ยออกมา ดังนั้นข้าไม่มีทางทำเยี่ยงนั้น”
แม้ว่าเซียวเชียนเยี่ยขึ้นครองราชย์เร็วเป็นเพราะอดีตองค์รัชทายาทจากไปเร็ว แต่หากให้เวลาเซียวเชียนเยี่ย เยี่ยนอ๋องก็ไม่คิดว่าเขาจะเติบโตมากขึ้นแต่อย่างใด ต่อให้เป็นอดีตรัชทายาท สิ่งที่ผู้ปกครองเมืองให้ความเคารพก็คือฐานะพี่ชายและคนที่อดีตฮ่องเต้ให้ความสำคัญ ไม่ใช่เพราะความสามารถของเขา ความแตกแยกของเชื้อพระวงศ์แน่นอนว่ามิใช่เรื่องดี แต่หากจะเปิดทางให้ผู้สืบทอด ก็คงไม่ดีหากไม่ได้รับการฝึกฝน ต้องรับผิดชอบแผ่นดินยิ่งใหญ่ จำต้องมีการเสียสละ อย่างน้อยในสายตาของเยี่ยนอ๋องที่ผ่านการรบราฆ่าฟันมานาน เลี้ยงลูกราวกับแกะมิสู้เลี้ยงลูกให้เป็นหมาป่า เยี่ยนอ๋องเป็นผู้แข็งแกร่ง ชื่นชอบความแข็งแกร่ง ตำแหน่งผู้ปกครองย่อมต้องเป็นของคนมีความสามารถ