หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 1021 หลบหนีล้มเหลว มาช้าไปหนึ่งก้าว (2)
ตอนที่ 1021 หลบหนีล้มเหลว มาช้าไปหนึ่งก้าว (2)
“อ้อ เช่นนั่นก็ตายเถิด” หนานกงไหวเอ่ยเสียงเย็น
ซังเจี้ยวกวาดตามองชายชุดดำสามคนด้านหลังหนานกงไหว คิดในใจว่าอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะอีกฝ่ายได้ทำได้เพียงหันหลังวิ่งหนีไป เพียงแต่เขาที่เป็นเด็กยังไม่โตนักอีกทั้งยังมีเด็กน้อยอีกหนึ่งคน ไหนเลยจะหนีผู้ใหญ่หลายคนได้ ไม่นานก็คงถูกจับกลับคืนมา ในตอนที่คนของอีกฝ่ายเหาะเข้ามาใกล้
หนานกงไหวสีหน้าทะมึน “จับเขาเอาไว้”
ชายชุดดำสองคนพุ่งเข้าไปรับคนที่กำลังมาทางนี้ ชายชุดดำอีกหนึ่งคนตรงเข้ามาทางซังเจี้ยว ซังเจี้ยวกัดฟัน ยกมีดสั้นในมือขึ้นไปขวางเอาไว้ ทว่าถูกคนโจมตีที่ไหล่ ร่างโซเซล้มไปด้านหลัง ชายชุดดำไม่ได้สนใจซังเจี้ยว ยื่นมืออกไปคว้าเยาเยาที่อยู่ในอ้อมแขนของซังเจี้ยว แต่ไม่คิดว่าเยาเยาที่นิ่งเงียบอยู่ในอ้อมแขนของซังเจี้ยวมาตลอดเอากริชมาจากที่ใดแทงเข้าไปที่มือของเขาโดยไม่ลังเล
ใครจะคิดว่าเด็กอายุสามขวบจะทำร้ายคนได้ เพียงระยะเวลาสั้นๆ เยาเยาก็กลิ้งหล่นลงเนินเขาไปพร้อมกับซังเจี้ยวจนมองไม่เห็นร่าง
ชายชุดดำกัดฟัน กำลังจะโดดตามลงไป ลมเย็นเข้าปะทะด้านหลัง รีบเบี่ยงตัวหลบการโจมตีจากด้านหลังโดยไว
ซังเจี้ยวกอดเยาเยาเอาไว้ในอ้อมอกแน่น ทั้งสองกลิ้งหล่นลงเนินเขาไป โชคดีที่ไม่ได้ชนเข้ากับของแหลมหรือก้อนหิน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ซังเจี้ยวก็รู้สึกเจ็บไปทั้งร่าง ส่งเสียงออกมาเบาๆ ซังเจี้ยวรีบลุกขึ้นมาดูเยาเยาที่อยู่ในอ้อมแขน เยาเยาถูกซังเจี้ยวกอดเอาไว้ในอ้อมอกจึงไม่เป็นอันใด แต่ได้รับความตกใจจนพูดไม่ออก
ซังเจี้ยวรีบบีบใบหน้าเล็ก บีบนวดมือที่ตกใจจนเย็นเฉียบของนาง เอ่ยเสียงเบา “เยาเยา เยาเยา ไม่ต้องกลัว…”
เยาเยาได้สติกลับมา ในที่สุดก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้
“นี่อันใดกัน” น้ำเสียงอ่อนโยนไร้พิษสงดังขึ้น ซังเจี้ยวเงยหน้าขึ้นมองชายในชุดสีขาวคนหนึ่ง มองสำรวจอยู่ชั่วครู่พลันพบว่า ผมของคนผู้นั้นน้อยกว่าคนทั่วไป ใบหน้างดงามอ่อนโยน เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทำให้เพียงมองคนก็รู้สึกดีขึ้นมา
ทว่ายามนี้ซังเจี้ยวทำได้เพียงระแวดระวังมองไปยังอีกฝ่าย “ท่านเป็นใคร”
ชายชุดขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาตมาเนี่ยนหย่วน โยมทั้งสองมีอันใดให้อาตมาช่วยหรือไม่”
ซังเจี้ยวขมวดคิ้ว ชื่อเสียงของเนี่ยนหย่วนเขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง คล้ายกับว่าร้ายกาจมากอีกทั้งยังเป็นคนของเยี่ยนอ๋อง ดังนั้นคงจะเป็นคนฝ่ายเดียวกันถึงจะถูก แต่ว่า…ไยเนี่ยนหย่วนจึงมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ได้เล่า
“ที่นี่คือที่ใด”
เนี่ยนหย่วนยิ้มเอ่ย “โยมไม่รู้หรือ ที่นี่ห่างจากจินหลิงเพียงสองร้อยลี้เท่านั้น ทว่า…เขาลูกนี้ไม่มีชื่อ โยมทั้งสองไยจึงมาอยู่ที่นี่”
ซังเจี้ยวส่งเสียงหยัน “ไยท่านจึงมาอยู่ที่นี่เล่า”
เนี่ยนหย่วนยิ้มเอ่ย “บางที นี่คงจะเป็นวาสนา หากอาตมาไม่อยู่ที่นี่จะเจอโยมทั้งสองได้เยี่ยงไร” เอ่ยจบ เนี่ยนหย่วนก็เดินเข้ามาหาทั้งสอง
“อย่าเข้ามา” ซังเจี้ยวเอ่ยเสียงเข้ม
เนี่ยนหย่วนเลิกคิ้ว “อาตมาเห็นว่าโยมบาดเจ็บไม่เบา…”
“ไม่เกี่ยวกับท่าน” ซังเจี้ยวลุกขึ้น อุ้มเยาเยาขึ้นมา
เนี่ยนหย่วนถอนหายใจ เอ่ยอย่างจนใจ “แบบนี้หรือ ช่างวุ่นวายเสียจริง”
ซังเจี้ยวใจกระตุก ยังไม่ทันได้สติพลันรู้สึกว่ามีลมเย็นมาทางด้านหลัง คอด้านหลังเจ็บขึ้นมาจากนั้นจึงสลบไป ซังเจี้ยวล้มลงไป เยาเยาตกเข้าไปอยู่ในมือชายชุดดำสุดท้ายถูกส่งตัวไปอยู่ในอ้อมแขนของเนี่ยนหย่วน เนี่ยนหย่วนอุ้มเด็กหญิงในอ้อมแขน ยิ้มหวาน เอ่ย “ช่างเป็นเด็กหญิงที่สวยจริงๆ น่าเสียดายมอมแมมเป็นแมวเลอะไปแล้ว”
ตลอดคืนที่ผ่านมาอีกทั้งยังกลิ้งหล่นลงมาจากบนเขาร่างกายของเยาเยาจึงดูมอมแมม ผมที่ปักปิ่นงดงามยามนี้ยุ่งเหยิง ใบหน้าเล็กเพราะร้องไห้เลอะไปด้วยฝุ่นจึงดูมอมแมม อีกทั้งชุดของนาง เมื่อเทียบกับเนี่ยนหย่วนที่อยู่ในชุดสีขาว ยิ่งดูน่าสงสารมากขึ้น
มองเนี่ยนหย่วนที่คิดจะยื่นมือมาจับใบหน้าเล็กของตน เยาเยายื่นมือขึ้นมาจับมือเนี่ยนหย่วนเอาไว้และกัดลงไปอย่างแรง
‘งับ…’ เนี่ยนหย่วนขมวดคิ้ว ไม่ได้ขยับเขยื้อน เพียงกระทั่งเยาเยาที่กัดจนหัวสั่นคลายแรงลง ถึงได้ยกมือขึ้นมาดู รอยฟันที่มีเลือดซึมประทับอยู่บนมือเรียวยาว เนี่ยนหย่วนเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ร้ายกาจเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด”
“เจ้าสำนัก มือของท่าน…” ชายชุดดำก้าวเดินขึ้นมาเอ่ยเสียงเบา
เนี่ยนหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร กลับไปค่อยทายา ไปกันเถิด”
เยาเยาคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้ถูกตนเองกัดแล้วยังไม่โกรธอีก พลันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่ว่าเมื่อได้ยินว่าจะไปกันแล้วจึงไม่ยอม
“พี่อาเจี้ยว พี่อาเจี้ยว…”
เนี่ยนหย่วนยกมือที่มีบาดแผลขึ้นมา สองนิ้วบีบใบหน้าเล็กของเยาเยา “เด็กดี อย่าดื้อนะ กลับไปกับข้า ดีหรือไม่”
“ไม่เอา ไม่เอา เจ้าเป็นคนชั่วใหญ่” เยาเยาร้องไห้ขึ้นมา
ไต้ซือเนี่ยนเยี่ยนแสดงออกมาว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าคนชั่วใหญ่ เลิกคิ้วพลางยิ้ม เอ่ย “อ้อ ข้าเป็นคนชั่วใหญ่หรือ เช่นนั้นข้าจะให้คนสังหารพี่อาเจี้ยวของเจ้าดีหรือไม่” เยาเยาชะงัก ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาน่าสงสารมองไปยังเนี่ยนหย่วน เนี่ยนหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เด็กดี เด็กน้อยน่าสงสาร หลายวันมานี้คงลำบากไม่น้อยกระมัง หากแม่เจ้ารู้ไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดเพียงใด ต่อไปจะไม่ลำบากแล้ว”
เยาเยาเบะปากเล็กมองเนี่ยนหย่วน “ท่านแม่กับท่านพ่อตีเจ้าแน่”
เนี่ยนหย่วนยิ้มดีใจยิ่งขึ้น เอ่ย “อ้อ ท่านแม่กับท่านพ่อของเจ้าเก่งกาจเพียงนี้เลยหรือ”
“เหอะๆ”
เนี่ยนหย่วนบีบจมูกเล็ก เอ่ย “ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก่อนที่มารดาของเจ้าจะมาตีข้า ข้าก็ตีพี่อาเจี้ยวของเจ้าได้”
“เจ้าสำนัก ที่นี่อยู่นานไม่ได้ขอรับ” ชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเตือน เนี่ยนหย่วนพยักหน้า “ไปกันเถิด”
อุ้มเยาเยาหมุนตัวเดินจากไป
“เจ้าสำนัก เจ้าเด็กนี่จะทำอย่างไรขอรับ”
“หนึ่งคนก็เอาไป สองคนก็เอาไปเหมือนกัน เอาไปด้วยเถิด เด็กนี่จะได้ไม่งอแง”
“ขอรับ” ชายชุดดำคนนั้นโน้มตัวลงไปดึงอาเจี้ยวขึ้นมา เดินตามเสียงของเนี่ยนหย่วนไป
ผ่านไปชั่วครู่ พลันมีไม่กี่คนลอยตรงดิ่งมาทางนี้
“คุณชายฉังเฟิง พวกเรามาช้าแล้ว”
ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว บนพื้นมีรอยเลือดและรอยเท้าหลายรอย ลิ่นฉังเฟิงยืนอยู่อีกฝั่ง ใบหน้าหล่อเหลาตึงขึ้น “ให้ตายสิ มาช้าอีกแล้ว พวกเขามุ่งหน้าไปทางใด” ชายข้างกายมองรอยเท้า ถอนหายใจ เอ่ย “มุ่งหน้าไปทางตะวันออก เพียงแต่…ตรงหน้านั้นเป็นแม่น้ำ ข้ามแม่น้ำไปแล้วเกรงว่าจะไม่เห็นรอยเท้าแล้วขอรับ”
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยเสียงเย็น “ช่างมัน ส่งคนตามไปทิศตะวันออก ห้ามปล่อยให้คนของสำนักหอธาราหลุดรอดไปแม้แต่คนเดียว สังหารให้หมด”
“ขอรับ”
ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงหยัน หมุนตัวลอยตัวออกไป ให้ตายเถอะ เยาเยาน้อยมาอยู่ตรงหน้าอยู่แล้วพวกเขายังมาช้าไปหนึ่งก้าว รอเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วรู้เข้าจะไม่ฆ่าเขาตายเลยหรือ
ห้องหนังสือที่ตกแต่งงดงามแห่งหนึ่ง กงอวี้เฉินนั่งรออยู่ด้านในอย่างอารมณ์ดี ไม่นานสตรีชุดดำก็อุ้มตุ๊กตาตัวน้อยเดินเข้ามา
“เจ้าสำนัก”
เยาเยาถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้ากงอวี้เฉิน ใบหน้าเล็กที่ถูกทำความสะอาดเกลี้ยงเกลายังคงนุ่มนิ่มอมชมพูดูน่ารัก เพียงแต่ความลำบากหลายวันมานี้ทำให้นางผอมลงไปบ้าง ใบหน้าเล็กที่เคยกลมๆ ยามนี้ปลายคางเริ่มแหลมเรียว ดวงตาที่กลมโตสดใสยิ่งดูกลมโตมากขึ้น บนร่างสวมอาภรณ์สีชมพูสวย ผมนุ่มสลวยถูกม้วนขึ้นเป็นมวยเล็กสองข้างด้วยเชือกผูกผมสีชมพูลวดลายงดงาม ยิ่งขับให้ใบหน้าเล็กดูน่ารักยิ่งขึ้น
กงอวี้เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เอ่ย “ต้องแบบนี้สิ สมแล้วที่เป็นบุตรีของเสี่ยวมั่วเอ๋อร์”
ถูกคนชื่นชม ทว่าเยาเยากลับไม่น้อมรับแม้เพียงนิด “พระชั่ว หลบไป ข้าจะเอาพี่อาเจี้ยว”
กงอวี้เฉินชะงัก ดวงตานิ่งสงบมองสำรวจเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนโต๊ะ เลิกคิ้วเอ่ย “พระชั่วอันใดกัน”
เยาเยากลอกตา “พระชั่วยังอยากทำตัวน่าเกลียดหลอกคนอื่นอีก ไยผมเจ้าจึงยาวเร็วจังเลยเล่า”
สตรีชุดดำที่ยืนอยู่ด้านหลังกงอวี้เฉินมุมปากกระตุก เริ่มทนไม่ไหว ตามหลักแล้วคนที่กล้าเสียมารยาทกับเจ้าสำนักเช่นนี้ พวกเขาคงจัดการอีกฝ่ายจนไม่เหลือเถ้ากระดูก แต่ว่าคนที่เอ่ยประโยคนี้เป็นเพียงเด็กสามขวบคนหนึ่ง ทำให้คนรู้สึก…อีกทั้ง คล้ายว่ากงอวี้เฉินจะไม่โกรธแม้เพียงนิด
กงอวี้เฉินเหมือนจะแปลกใจ “อ้อ ไยเจ้าจึงดูออกเล่า”
เยาเยาหงุดหงิด “ก็ดูออกสิ โง่จังเลย” ก็เห็นอยู่ว่าเป็นพระชั่วคนนั้น นึกว่าเปลี่ยนชุดสีดำ สวมหน้ากาก ผมยาวสีดำแล้วจะหลอกเยาเยาคนฉลาดได้อย่างนั้นหรือ อาจารย์ตาเอาไป๋ไปมาหลอกว่าเป็นเฟยเฟยยังหลอกนางไม่ได้
กงอวี้เฉินเชยปลายคางเล็กของเยาเยาหันซ้ายหันขวา เอ่ยอย่างสนอกสนใจ “ร้ายกาจเพียงนี้เลยหรือ หรือว่าสายตาของเด็กจะเห็นได้ชัดเจนกว่าผู้ใหญ่อย่างนั้นหรือ” เยาเยาไม่พอใจ ก้มลงกำลังจะอ้าปากเล็ก ทว่ากงอวี้เฉินหูไวตาไวบีบแก้มเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ชอบกัดคนอื่นไม่ใช่นิสัยที่ดี” กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เยาเยาไม่ได้ชอบกัดคนอื่น เจ้าเป็นคนชั่วใหญ่” เยาเยาเอ่ยตอบโต้ ท่านแม่บอกว่ากัดคนไม่ใช่เด็กดี
กงอวี้เฉินกระตุกยิ้มมุมปาก “เจ้าไม่กลัวข้าหรือ”
เยาเยากะพริบตา มองหน้าเขาอย่างฉงน กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนชั่วใหญ่มิใช่หรือ ข้าได้ยินมาว่าตับเด็กนั้นเป็นอาหารชั้นเลิศ เจ้าว่า…ข้าจะลองดูดีหรือไม่”
ใบหน้าเล็กของเยาเยาซีดขาวทันใด รีบหมุนตัวอยากปีนลงจากโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง ทว่าถูกกงอวี้เฉินคว้าคอเสื้อเอาไว้แล้วยกกลับคืนมา มองดูท่าทางน่าสงสารของนาง กงอวี้เฉินรู้สึกสนุกขึ้นมา “เจ้าเชื่อฟัง ข้าก็จะลองคิดดูว่าจะไม่กินเจ้าเป็นอย่างไร”
ปากเล็กของเยาเยาเบะอย่างไม่พอใจ ไม่กล้าเอ่ยปาก
กงอวี้เฉินยิ้มอย่างพึงพอใจ “นี่สิถึงจะเป็นเด็กดี ต่อไปเจ้าก็อยู่กับข้า ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี จะดูแลเจ้าให้ดีกว่าพ่อแม่ของเจ้าอีก” เยาเยาเบี่ยงใบหน้าเล็กหนีไปไม่สนใจเขา กงอวี้เฉินเองก็ไม่สนใจ ยื่นมือไปอุ้มเยาเยาส่งให้สตรีชุดดำด้านหลัง “ดูแลนางให้ดี”
“เจ้าค่ะ เจ้าสำนัก”