หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 569 สัญญาของสองสามีภรรยา (2)
ตอนที่ 569 สัญญาของสองสามีภรรยา (2)
จู่ๆ เหยาเยี่ยนอวี่ก็หลุดยิ้ม แล้วใช้สายตาที่ชื่นชมมองอวิ๋นเหยา พลางพยักหน้า “จวิ้นจู่กล่าวถูก”
อวิ๋นเหยานิ่งเงียบไปสักพัก ถึงจะพูดว่า “ยินดีกับเจ้าด้วย”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินก็ตะลึงงัน แล้วพูดยิ้มๆ “ขอบคุณแล้ว”
ทั้งสองเสวนาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทว่าต่างฝ่ายต่างรู้ดีอยู่แล้ว
หันหมิงชั่นก็รู้ว่าอวิ๋นเหยามีใจให้เว่ยจาง กลัวว่าทั้งสองจะไม่ถูกคอกัน จึงให้อวิ๋นเคอไปอยู่เป็นเพื่อนอวิ๋นเหยา ตัวเองหาข้ออ้างว่าจะถามเรื่องที่เหยาเยี่ยนอวี่จัดงานเรื่องคืนนี้อย่างไร ลากนางไปอีกฝั่ง
ละครเพลงร้องไปไปสองชั่วยาม ทุกคนถือว่ากินดื่มกันจนอิ่มแล้ว
หันหมิงชั่นสั่งให้คณะละครเพลงหยุดไปชั่วคราว จากนั้นค่อยเอาของเล่นที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมาให้หมด
ของเล่นที่สร้างความเพลิดเพลินในแคว้นต้าอวิ๋นมีอยู่สองประเภท ประเภทที่หนึ่งคือปาเป้า อีกประเภอคือเล่นไพ่
ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าต้องเล่นไพ่อยู่แล้ว หวางฮูหยินอยู่เคียงข้างนาง ยังมีมารดาซู่ผินและฮูหยินอีกคนก็จะเล่นไพ่ด้วยเช่นกัน จึงได้รับเชิญให้มานั่งโต๊ะของซ่งฮูหยินผู้เฒ่า จิ่นหวังเฟยและเยี่ยนหวังเฟย
องค์หญิงใหญ่หนิงหวา เฉิงหวังเฟย และเหล่าจวิ้นจู่ที่ยังสาวชอบเล่นปาเป้า ใครไม่ดื่มสุรา ก็ต้องเล่นเพลงหรือร้องเพลงหนึ่งเพลง หากดื่มสุราไม่ได้และร้องเพลงไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ก็เล่าเรื่องตลกให้ฟัง
ดังนั้นเหล่าคุณชายที่บนเรืออีกลำเห็นเหล่าสตรีอยู่ปาเป้าบนหัวเรือด้วยกัน จึงสั่งให้คนขับเรือแล่นเรือไปใกล้ลำของสตรี
ภายในใจของเว่ยจางรู้สึกวางใจในเหยาเยี่ยนอวี่มาก เมื่อเทียบกับคนพวกนี้ นางน่าจะเป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทาน ไม่มีทางแพ้แน่นอน
ทว่าแม่ทัพเว่ยเดาผิดไป หลังจากที่เหยาเยี่ยนอวี่ชนะติดต่อกันไปสองรอบ จึงไม่มีหน้าชนะต่อไป มีองค์หญิงใหญ่ หวังเฟย และเหล่าจวิ้นจู่อยู่ ทุกคนต่างก็ยกชูนางขึ้นฟ้าเพราะฝีมือการแพทย์ของนาง หากนางที่เป็นหมอเซียนคนนี้ยังจะแสดงความโดดเด่นไปเสียทุกเรื่อง เกรงว่าวันข้างหน้าคงจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้ว ฉะนั้นตอนที่แข่งปาเป้ารอบที่สาม เหยาเยี่ยนอวี่ตั้งใจไม่ใช้กำลังภายใน แกล้งพ่ายแพ้อีกครั้ง
“เหยาฮูหยินแพ้แล้ว!” ฮั่นหยางจวิ้นจู่ปรบมือแล้วยิ้มขึ้น “เร็ว พวกเจ้ารีบลงโทษนางเร็ว!”
“เล่นเพลงสักเพลงเถอะ!” ซูอวี้เหิงพูดยิ้มๆ
“แต่งบทกวีเสียหนึ่งบทก็ได้!” หันหมิงชั่นพูดด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นก็เล่นเพลงเถอะ พวกเรายังไม่เคยได้ยินเหยาฮูหยินเล่นกู่ฉินเลย”
“แต่งบทกวีก็ไม่เลวเหมือนกัน!”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “ข้าคงมิบังอาจเล่นกู่ฉินหรอก มีถังฮูหยินของพวกเราอยู่ทั้งคน ใครจะกล้าเล่นเล่า ตอนเด็กกลับเคยฝึกเป่าขลุ่ย เช่นนั้นให้ข้าเป่าขลุ่ยให้ทุกคนฟังเสียเพลงเถอะ!”
“ได้! ขลุ่ย! ขลุ่ยอยู่ไหน” มีคนตามหาขลุ่ยขึ้นมาทันที
เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นเคอเตรียมตัวมาอย่างดี จึงสั่งให้สาวใช้คนสนิทเอาขลุ่ยหยกเขียวราคาแพงให้เหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่รับขลุ่ยไว้แล้วลองเสียงเบาๆ จากนั้นค่อยๆ เป่าบทเพลง ‘ดอกเหมย’
จริงๆ เดิมทีนางก็เป่าขลุ่ยไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว ตระกูลเหยาสอนบุตรีโดยยึดหลักภูมิปัญญาทั้งสี่ของชาวจีน นางได้ฝึกเล่นกู่ฉินเป็นอันดับแรก เพียงแต่ตอนนี้นางติดตามชิงอวิ๋นจื่อไปฝึกกำลังแล้ว นางก็ยิ่งชอบเป่าขลุ่ย ยิ่งตอนที่ใช้กำลังภายในเป่าขลุ่ย ก็ถือว่าเป็นการฝึกกำลังภายในของตนเอง
เหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ เป่าขึ้นช้าๆ ตอนที่ขลุ่ยเปล่งเสียงสูงนั้นราวกับดอกเหมยที่เบ่งบานรับลมหนาว ตอนที่กดเสียงต่ำราวกับหิมะเย็นยะเยือก เมื่อได้ฟังเสียงขลุ่ยและตากลมหนาวบนทะเลสาบ ทุกคนเหมือนเห็นคืนหิมะโปรย ดอกเหมยเบ่งบานอย่างงดงามกลางหิมะ
เดิมที ‘ดอกเหมย’ ก็เป็นชื่อเพลงอยู่แล้ว และแทบจะรู้จักกันแพร่หลาย คงไม่มีใครบนเรือไม่รู้จักอยู่แล้ว ทว่าใช้เสียงขลุ่ยบรรเลงเพลงนี้ออกมาได้อย่างไพเราะจับใจ ทุกคนกลับไม่เคยได้ยิน คงไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่น แค่ถังเซียวอี้ที่ฝึกเป่าขลุ่ยตั้งแต่เด็ก และหลงใหลในขลุ่ยมาตลอด ยังรู้สึกตกตะลึงในเพลงที่เหยาเยี่ยนอวี่บรรเลงในวันนี้
ตอนที่ฮั่นหยางจวิ้นจู่รอให้เหยาเยี่ยนอวี่บรรเลงจนจบเพลง ก็อดพึมพำขึ้นไม่ได้ “เหมยดอกเดี่ยว กลัวเกลือกกลั้ว หิมะร้าย ในใจของดอกเหมยไม่มีใครอยู่ เพียงภาวนาให้สุภาพบุรุษคนเดิมกลับมา แผ่นดินหญิงงามได้มายาก ฝูหรงดั่งใบหน้า ใบหลิ่วดั่งคิ้ว ฤดูฝนที่ล้อมรอบเสียงจักจั่นในเดือนแปด พลบค่ำไปบ่อดอกไม้เพื่อเก็บดอกเหมย”
ทุกคนต่างเปรยในใจ ได้ยินบทเพลง ‘ดอกเหมย’ แล้ว เกรงว่าวันข้างหน้าคงไม่มีใครในเมืองต้าอวิ๋นบรรเลงเพลง ‘ดอกเหมย’ อีก
คนทั้งหมดในเรือลำนี้ฟังจนเพลิน อีกฝั่งก็เช่นกัน
แม้กระทั่งถังเซียวอี้ยังตกอยู่ในภวังค์ คนอื่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว
เฟิงเซ่าเชินถือโอกาสตอนที่ยังมึนเมาเล็กน้อย ขอพู่กัน หมึก กระดาษ และจานฝนหมึกกับสาวใช้มา และวาดภาพดอกเหมยภูมิใจในหิมะออกมาหนึ่งรูป พร้อมทั้งเขียนบทกวีว่า ‘ดอกเหมยมาจากภูเขาลึก ไม่ปล่อยให้หยกรูปงามห่างไกลจากถ้ำฟ้า บุษบาร่วงหล่นเป็นโคลนตม บุษบาป่าหล่นลงบนชุดกระโปรงสีขาวโพลน’
เมื่อใกล้ค่ำ หลังจากที่ทุกคนออกจากงานเลี้ยงแล้ว เว่ยจางเห็นภาพนี้และบทกวีนี้ เขาก็รู้สึกหึงหวงอย่างรุนแรงอีกครั้ง แทบอยากจะโยนภาพวาดไม่ดีนี้ลงในทะเลสาบทันที
ยามอัสดง ผิวน้ำในทะเลสาบเริ่มโชยไอเย็นขึ้นมาเรื่อยๆ เรือจอดเทียบท่า และทุกคนก็ลงจากเรือตามลำดับ ริมทะเลสาบอีอวิ๋นมีบ้านพักตากอากาศที่เป็นสินเดิมของหันหมิงชั่น ตอนนี้ก็เก็บกวาดเพื่อต้อนรับทุกคนเข้าไปพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว หันหมิงชั่นบอกว่าตอนกลางคืนค่อยมาร่วมสนุกกันต่อ
จากนั้นหวังเฟยสองสามคนเสวนาถึงเรื่องในจวนและเรื่องสัพเพเหระนับไม่ถ้วน วันนี้ถือว่าเพลิดเพลินไปอีกวัน จึงพาเหล่าจวิ้นจู่และคุณหนูกลับเมืองหลวง แน่นอนว่าฮูหยินพวกนั้นก็ไม่อยู่ต่ออยู่แล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่คิดจะรั้งเหยาเฟิ่งเกอและหนิงฮูหยินน้อยอยู่ต่ออีกวัน เหยาเฟิ่งเกอเปรยเสียงเบา “ข้าอยู่ต่อไม่ได้หรอก ในจวนมีเรื่องมากมาย เจ้าเองก็รู้ดีอยู่แล้ว”
หวางฮูหยินจึงให้หนิงฮูหยินน้อยพาเหยาชุ่ยฮั่นอยู่ต่อ ตนเองจะกลับเมืองหลวงเป็นเพื่อนซ่งฮูหยินผู้เฒ่าเอง
เหล่าสตรีกลับเมืองหลวง ส่วนเหล่าซื่อจื่อก็ส่งมารดาของตนเองกลับไป
บางคนก็ขึ้นรถม้า บางคนก็ขึ้นควบม้า เวลาผ่านไปได้ไม่นานก็แยกย้ายกันหมดแล้ว เว่ยจางยืนมองขบวนรถม้าที่ค่อยๆ จากไปไกลบนริมทะเลสาบ แล้วหันกลับไปมองสองสามคนที่อยู่ต่อ นั่นก็คือถังเซียวอี้ เซียวหลิน หันซังเกอ และหันซังเย่ว์ เฟิงเซ่าเชินที่เมาหมดสติไปเพราะเพลง ‘ดอกเหมย’ ของเหยาฮูหยินยังคงอยู่ต่อ เวลานี้นอนหมดสติบนห้องโดยสารชั้นสาม
เหล่าสตรีฝั่งนี้ยังมีองค์หญิงใหญ่หนิงหวาและฮั่นหยางจวิ้นจู่ที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน มีเพียงหันหมิงชั่น ซูอวี้เหิง และเหยาเยี่ยนอวี่ที่สวมชุดคลุมมองเหล่าสาวใช้และผัวจื่อเก็บกวาดโต๊ะอาหารบนเรือ
“พอเถอะ ให้พวกนางเก็บกวาดต่อ พวกเราไปพักผ่อนได้แล้ว” เว่ยจางมองเสื้อคลุมเหยาเยี่ยนอวี่ที่ถูกลมพัด จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
หันซังเกอต้องเอ็นดูน้องสาวตนเองอยู่แล้ว จึงพูดขึ้นอย่างคล้อยตาม “พวกเจ้ากลับไปบ้านพักตากอากาศก่อนเถอะ ให้พ่อบ้านสองคนคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”
หันซังเย่ว์พูด “พวกเจ้าไปกันเถอะ ข้าจะอยู่ดูแลคุณชายเฟิงเอง รอให้เขาตื่นขึ้นมา ที่นี่ก็น่าจะเก็บกวาดเสร็จหมดแล้ว”
“ก็ได้” เซียวหลินก็เป็นห่วงฮูหยินตนเอง ถังเซียวอี้ก็ยิ่งอดเป็นห่วงไม่ได้
เว่ยจางยังอยากพูดจาเกรงใจสักสองสามคำ กลับถูกหันซังเย่ว์ตบไหล่หนึ่งที “เจ้ายังเห็นข้าเป็นคนนอกอยู่หรือ รีบกลับไปพักผ่อนกับฮูหยินเจ้าเถอะ ตอนกลางคืนดื่มสุราเพิ่มสองจอก ถือเป็นการขอบคุณข้าก็พอ”
เว่ยจางก็ไม่ใช่คนที่มีนิสัยจู้จี้จุกจิก จึงสั่งให้รถม้ามา พยุงเหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นไปกลับบ้านพักตากอากาศพร้อมกับคนอื่นๆ