หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 301 สนับสนุนองค์ชาย
บทที่ 301
สนับสนุนองค์ชาย
“ที่ท่านพี่พูดหมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
องค์ชายน้อยพูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปและจริงจังมากขึ้น คำพูดที่น่าตกตะลึงนี้ได้ให้ความรู้สึกยากเกินที่จะทานทนนัก ทำให้เขาเป็นเหมือนกับตัวตลกซึ่งทำให้องค์ชายสามที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
องค์ชายสามก็ได้เดินไปหาเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่มืดหม่น “องค์ชายหกข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าเอาคนพวกนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน?”
แต่ก่อนที่องค์ชายหกจะได้พูดอะไร องค์ชายสามก็ได้พูดเสริม “องค์ชายหกนั้นช่างผอมและบอบบางเช่นนี้ เกรงว่าเจ้าคงจะไม่อยากให้ข้าใช้วิธีการสอบปากคำเลือดแบบที่ใช้ในคุกใช่ไหม?”
การพูดขู่เช่นนี้ใช้ได้ผลกับเด็กที่ยังมีจิตใจที่ยังไม่เข้มแข็งพอแต่องค์ชายหกนั้นต่างออกไป เขานั้นเติบโตมาในตำหนักใน ถึงแม้ว่าปกติเขาจะไม่ต้องสู้หรือแย่งชิงกับใคร แต่หัวใจของเขาก็ใสเหมือนกับกระจก เขานั้นรู้ดีว่าหากเขายอมสารภาพ จะไม่เพียงแต่จะรักษาชีวิตของเขาไว้ไม่ได้แล้ว แต่ยังจะลากพาท่านลุงและตระกูลน่าหลานให้ล่มจมตามไปด้วย
เมื่อเห็นร่างที่ผอมบางสวมชุดสีเหลืองนั้นยังคงดื้อรั้นและไม่ยอมพูดอะไรออกมาแล้ว องค์ชายสามก็ได้รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แล้วในตอนนั้นเองก็ได้มีปรากฏความคิดบางอย่างขึ้นในหัวของเขา จากนั้นเขาก็ได้เรียกราชองครักษ์ที่อยู่ข้างๆเขามา แล้วชักเอาดาบที่ห้อยอยู่ข้างเอวของอีกฝ่ายมา “ถ้าองค์ชายหกไม่อยากจะบอกก็ไม่เป็นไร หากว่าข้าใช้ดาบเล่มนี้ทำร้ายเจ้าแล้วให้เจ้าตะโกนออกมา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนพวกนั้นจะไม่ยอมออกมา?”
หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้ลงมือฟันองค์ชายหกจริงๆ องค์ชายหกนั้นอ่อนแออยู่แล้ว เขานั้นกลัวจนหน้าซีดและหลับตาลง
น่าหลานจาวที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นและจะรีบเข้าไปช่วย แต่เขาก็ได้ถูกหยุดโดยชายคนนั้นเอาไว้ และทันทีที่เขาอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างออกไป ก็ได้มีเสียงเบาๆดังเข้าหูของเขา
“ถ้าตอนนี้เจ้าไปออกไป ก็จะเป็นแค่แผลรอยบาดเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าออกไปทั้งตระกูลน่าหลานและองค์ชายหกไม่รอดแน่”
“เจ้ารู้เหรอว่าข้าเป็นใคร?”
น่าหลานจาวก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ ราวกับว่ามีพายุลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา
อีกฝ่ายนั้นรู้ถึงตัวตนของเขา แต่ตัวเขานั้นกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชายคนนี้เลย ในเวลานี้เขาทำได้เพียงแค่ภาวนาให้อีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูของเขา ไม่อย่างนั้นพระอาทิตย์คงได้ตกก่อนที่สงครามจะเริ่มแน่
ไม่….
บางที….อาจจะยังพอมีหนทางอยู่นั่นคือฆ่าผู้ชายคนนี้เสีย
หากว่าผู้ชายคนนี้ตาย ตระกูลน่าหลานของเราก็จะไม่เป็นอันตราย และองค์ชายหกก็จะขึ้นครองบัลลังก์อย่างสะดวกโยธิน
แต่ทว่านี่คือเจียงหวายเย่ องค์ชายรัตติกาลผู้ยิ่งใหญ่ แผนการเล็กน้อยในใจของน่าหลานจาวนั้นไม่อาจที่จะพ้นไปจากสายตาของเขาได้
ในขณะที่น่าหลานจาวกำลังแอบไปจับกระบี่ในมือของเขานั้น เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวอย่างเย็นยะเยือก “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก เจ้าดูอยู่เฉยๆจะดีกว่า!”
เสียงพูดเบาๆที่น่าดึงดูดนั้นก็ได้ดังขึ้นมาอย่างช้าๆท่ามกลางความมืด ราวกับราชาที่อยู่ในความมืดมิดที่กำลังมองดูทุกสิ่งทุกอย่าง และไม่มีอะไรที่หนีพ้นไปจากการควบคุมของเขาได้
น่าหลานจาวจึงได้รู้สึกหวาดกลัวจนร่างกายของเขาสั่นขึ้นมา
อีกฝ่ายมองการเคลื่อนไหวของเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูที่เหมือนกับเทพเซียนได้
เขาจึงได้ปล่อยมือของเขาแล้วหันกลับไปมองดูที่ตำหนักเย็นอีกครั้ง ในเวลานี้องค์ชายหกได้ถูกจับโดยราชองครักษ์ ชุดสีเหลืองของเขาก็ได้ถูกตัดให้ขาดด้วยใบดาบคมๆ และผิวขาวๆของเขาเองก็ได้ถูกเฉือนเข้าไปลึก
ขัดกับสีผิวขาวๆนั้น เลือดที่มีสีแดงเหมือนดอกปี้อันก็ได้ค่อยๆไหลออกมาอย่างช้าๆ เป็นความสวยงามที่น่าตื่นเต้นและน่าสยดสยอง
“อุ่—“
“องค์ชายหกดูเจ้าสิ โดยดาบฟันไปแค่ทีเดียวก็ถึงกับทนไม่ได้แล้วเหรอ?”
คำพูดที่ประชดประชันนี้ดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักเย็น องค์ชายสามก็ได้มองไปที่องค์ชายหกที่หน้าซีดเผือดและมีเหงื่อออกเต็มหน้าผาก และหัวใจขององค์ชายสามก็ได้มีความรู้สึกที่ยินดีและพึงพอใจพรั่งพรูออกมา
ในตอนนี้เขานั้นไม่ได้สนใจที่อยู่ของคนทั้งสามคนนั้นแล้ว ด้วยดาบใหญ่ๆในมือของเขานั้นได้ทำการฟาดฟันลงไปที่องค์ชายหก และเหลือบาดแผลทิ้งเอาไว้บนตัวอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานนักองค์ชายหกก็ได้กลายเป็นคนโชกเลือด โดยไม่รู้ว่าความเย่อหยิ่งนี้ได้สร้างปัญหาให้เขา เขาได้พยายามกัดริมฝีปากของเขาและพยายามที่จะไม่ส่งเสียงออกไป
ท่าทางเช่นนี้ได้ทำให้องค์ชายสามรู้สึกโมโหมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วอีกฝ่ายก็ได้บิดริมฝีปากแดงของเขาและวางดาบไว้บนใบหน้าขององค์ชายหกด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เห็นใบหน้าของเจ้าที่ดูงดงามยิ่งกว่าลูกคุณหนูแล้ว พี่ชายของเจ้าจะช่วยสงเคราะห์ทำลายมันให้เองล่ะกัน?”
เมื่อได้ยินที่พูดนี้องค์ชายหกที่กำลังหลับและอดทนอยู่อย่างเงียบๆนั้นก็ได้ลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกแล้วกล่าวด้วยเสียงที่ดัง “ไม่!”
น่าหลานจาวที่แอบซ่อนอยู่ในความมืดนั้น ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป องค์ชายหกนั้นหากบาดเจ็บก็ยังพอรักษาให้หายได้ ต่อให้มีรอยแผลเป็นก็ไม่เป็นไร แต่ทว่าต้องไม่ใช่บนใบหน้า
สำหรับฮ่องเต้แล้ว ถึงแม้จะไม่มีความสง่างาม แต่อย่าง น้อยก็จะต้องมีใบหน้าที่ดูดี ถ้าเกิดว่าองค์รัชทายาททำลายโฉมของเขาแล้ว ก็เกรงว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้อีกเป็นแน่แท้
สำหรับเรื่องนี้ไม่อาจปล่อยไปได้อีกแล้ว น่าหลานจาวก็ได้จับไปที่กระบี่ของเขาแล้วเตรียมที่จะออกไป
ในช่วงภาวะวิกฤตินั้นเอง น่าหลานจาวก็ได้ถูกทำให้สลบไปโดยเจียงหวายเย่ เขามองไปที่น่าหลานจาวที่หมดสติแล้วก็ถอนหายใจออกมา “สถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่า”
ก่อนที่จะลากพาตัวของน่าหลานจาวไป เขาก็ได้จับเข็มเงินด้วยมือของเขาแล้วจากนั้นก็ได้ขว้างออกไปด้วยกำลังภายใน
เมื่อเห็นเข็มเงินนักปักเข้าไปที่คอขององค์ชายสามแล้ว ดวงตาของเขาก็ได้ปรากฏแสงออกมาเล็กน้อย
แล้วนึกถึงเรื่องที่เข็มเงินเหล่านี้เคยถูกใช้โดย เสี่ยวเหยียนเอ๋อเพื่อป้องกันตัว ซึ่งผลของยานั้นเหมือนว่าจะทำให้คนที่โดนรู้สึกเจ็บๆคันๆเท่านั้น และผลของมันก็ได้ทำให้องค์ชายสามนั้นรู้สึกหมดอารมณ์ไม่อยากทำร้ายองค์ชายหกอีก
อย่าโทษเขาแล้วกันที่ทำให้เขาต้องใช้มัน แต่เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาว่าหากถูกพบขึ้นมาแล้วมันอาจจะสร้างปัญหาให้ เสี่ยวเหยียนเอ๋อได้ แต่ในชั่วขณะนั้นเขาเองก็ไม่มีเวลามาคิดมากนัก ถ้าเกิดมีปัญหาตามมาจริงๆเขาก็จะเป็นคนจัดการกับเรื่องนี้เอง และไม่ให้มีปัญหาไปถึงเสี่ยวเหยียนเอ๋อโดยเด็ดขาด
“ไปจากที่นี่พร้อมกับเรา”
เมื่อเห็นเจ้านายสลบไปและอยู่ในมือของอีกฝ่ายแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะไม่ยอมอย่างไร แต่ทั้งสองคนก็จำยอมต้องจากไปพร้อมกับเขาแต่โดยดี
เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้พาพวกเขากลับไปวังรัตติกาล อย่างไรก็ดีเขานั้นไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาง่ายๆ เขาจึงได้โยนน่าหลานจาวขึ้นบนรถม้าที่ซ่อนเอาไว้นอกวังหลวง แล้วจากนั้นก็มองไปที่ชายชุดดำที่เหลืออีกสองคน “ไปที่บ้านสกุลน่าหลาน”
ทั้งสองคนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้ขึ้นไปบนรถม้า ข้างในรถม้าที่มืดทึบนั้น เจียงหวายเย่ก็ได้ถอดหน้ากากออกมา เส้นสีดำที่ปรากฏบนหน้าของเขานั้นได้ช่วยเพิ่มความลึกลับให้เขาเป็นอย่างดี
ทำให้เขาคิดว่าตัวเองนั้นเป็นเหมือนกับปีศาจจากนรก และเยือกเย็น, เย่อหยิ่งและโหดร้าย!
ในตอนที่คุณหนูบ้านน่าหลานนั้นเข้าวัง บ้านสกุลน่าหลานก็ได้ย้ายออกมาตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเพราะต้องการที่จะหลบเลี่ยงสายตาของผู้คน และทำให้ความสงสัยของฮ่องเต้นั้นสงบลงอย่างง่ายดาย
ก่อนที่จะเข้าไปในบ้าน เจียงหวายเย่ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นไม่ชอบมาพากลที่มาจากในความมืด ซึ่งดูเหมือนจะมาจากกองกำลังต่างๆ ก็ดีในเวลานี้เมืองหลวงก็อยู่ในช่วงโกลาหลมากอยู่แล้ว ต่อให้มีคนรู้เรื่องอะไรไป ก็เกรงว่าพวกเขาก็คงทำแค่นั่งอยู่บนภูเขาแล้วดูเสือสู้กันเท่านั้น!
แล้วทั้งหมดก็ได้เข้าไปทางประตูหลังของบ้านสกุลน่าหลาน ในเวลานี้แสงจากบ้านสกุลน่าหลานนั้นได้ดับลงไปแล้ว แต่เหล่าผู้อาวุโสของบ้านน่าหลานนั้นต่างก็มารวมกันอยู่ในห้องโถงโดยยังไม่ได้หลับนอน เกรงว่ากำลังรอการมาถึงขององค์ชายหกอยู่!
แต่แล้วพวกเขาก็ต้องผิดหวัง ไม่เพียงแต่จะไม่พบ องค์ชายที่พวกเขารอแล้ว แม้แต่คุณชายก็ยังสลบไป และที่สำคัญที่สุดคือพาอันตรายที่ไม่รู้จักกลับมายังบ้านน่าหลานด้วย