หมอผีแม่ลูกติด - บทที่ 288 แมงป่องแด
บทที่ 288
แมงป่องแดง
“นั่นสินะ” หลินซีเหยียนก็ได้กัดฟันตอบ จากนั้นก็ได้“ยิ้ม”ขึ้นมาก่อนที่จะดึงมือของหลีเจี้ยนเฉินเข้ามาในกระโจม
ทันทีที่เขาเข้ามาในกระโจม หลีเจี้ยนเฉินก็เข้าใจได้ถึงสถานการณ์ที่น่ากังวลขึ้นมา แล้วเขาก็ได้นั่งอยู่ที่มุมๆหนึ่งในกระโจมอย่างว่าง่ายและลดตัวตนของเขาให้มากที่สุด
ในฐานะที่เป็นองครักษ์ขององค์ชาย หงเหยียนก็ได้ซื้อกระโจมมาด้วยเงินจำนวนมากแล้วเอากระโจมนั้นให้กับชิงอวี่แล้วจากนั้นก็ไปนอนร่วมกระโจมกับจี๋เฟิง
แล้วจี๋เฟิงก็ได้จ้องไปที่หงเหยียนด้วยสีหน้าที่จริงจัง และรู้สึกรังเกียจท่าทีของเขา
หลินซีเหยียนก็ได้จัดเก็บข้าวของไว้ในกระโจม แล้วจากนั้นก็ได้มองไปที่หลีเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่เย็นชา “รีบๆนอนเถอะ พรุ่งนี้เรายังมีเรื่องต้องทำกันอีก”
หลีเจี้ยนเฉินก็ได้ผงกหัวอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนชุดนอนสีจันทน์ขาวของนาง แล้วก็ออกมานอนอยู่ที่พื้นหญ้าหน้าทางเข้ากระโจม แล้วนอนกดทับกระโจมเอาไว้แน่นด้วยตัวของเขา เพื่อกันไม่ให้ลมหนาวเข้าไปข้างในทำให้ท่านหมอหลินนอนหลับไม่สบาย
ในค่ำคืนที่มืดมิดนี้หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวด นางนั้นรู้สึกช่วยไม่ได้กับการกระทำของหลีเจี้ยนเฉิน แต่นางเองก็รู้ถึงความหวังดีของอีกฝ่าย นางจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป
เดิมทีนางก็เป็นคนไร้ความเมตตาอยู่แล้ว!
ก่อนที่รุ่งสางจะมาเยือน หลินซีเหยียนก็ได้ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเอะอะข้างนอกกระโจม ทันทีที่นางลืมตาขึ้นมา นางก็พบว่าใบหน้าของหลีเจี้ยนเฉินนั้นมีสีคล้ำผิดปกติ และสติสัมปชัญญะของเขาก็เลื่อนลอยมากด้วย ไม่ว่านางจะเรียกเขาอย่างไรก็ไม่มีอาการตอบสนองกลับมาเลย
เอามือของนางไปวางที่หน้าผากของอีกฝ่าย แล้วความร้อนที่ผิดปกตินี้ก็ได้ทำให้หลินซีเหยียนต้องตกใจ
จากนั้นนางก็ได้เหลือบมองไปที่รอยสีแดงๆที่ชุดของอีกฝ่าย นางจึงได้บิดริมฝีปากของนางแล้วถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออก
แล้วหน้าอกของหลีเจี้ยนเฉินก็ได้เปลือยเปล่าต่อหน้าหลินซีเหยียน เป็นกล้ามอกที่ดูทรงพลังและสมบูรณ์แบบ รวมกับผิวขาวๆของเขาดูแล้วช่างน่าหลงใหลนัก
แต่ทว่าในเวลานี้มีรอยแผลที่น่ารังเกียจไปทั่วทั้งบาดแผลของเขา บาดแผลที่ควรจะกำลังหายดีนั้นก็ได้ปริแตกเพราะความเร่งรีบในการเดินทาง และเลือดสีเข้มก็ได้แข็งตัวกลายเป็นสะเก็ดแผลเกาะติดอยู่ที่แผล
ในฐานะที่เป็นหมอผีแล้ว หลินซีเหยียนมองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าแผลนี้เพิ่งปริแตกเมื่อคืนนี้
นางก็ได้มองไปที่หลีเจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าที่ยุ่งยากใจ “ทำไมท่านถึงต้องมาหาข้าทั้งๆที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้นะ? แบบนี้มันเปล่าประโยชน์ไม่ใช่?”
ออกมาจากกระโจม หลินซีเหยียนก็ได้เรียกให้หงเหยียนคอยดูหลีเจี้ยนเฉิน จากนั้นนางก็ได้เข้าไปในป่าเพื่อไปหาน้ำแล้วนำมาต้มเพื่อฆ่าเชื้อ หลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้ล้างแผลให้ หลีเจี้ยนเฉิน
“ฝ่าบาท เขา….”
หงเหยียนจะเปิดปากพูดอะไรออกมา แต่ก็ตัดสินใจไม่พูด เขานั้นรู้ว่าท่านหมอหลินนั้นเป็นคนที่ฉลาดอยู่แล้ว ต่อให้เขาไม่พูดอะไรอีกฝ่ายก็คงจะรู้ได้อยู่ดี
เขานั้นรู้ดีว่าฮ่องเต้นั้นหลงรักหญิงสาวคนนี้มากเพียงใด และทำทุกอย่างโดยไม่หวังผลตอบแทน
“ขอให้หญิงสาวที่เข้าร่วมงานคัดเลือกนักบุญหญิงทุกคน มารวมกันที่หน้าหมู่บ้าน!”
มีเสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก หลินซีเหยียนก็ได้มองมาที่หลีเจี้ยนเฉิน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกหงเหยียนว่าจะต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นก็ได้จากไปพร้อมกับจี๋เฟิงและชิงอวี่
ในเวลานี้เอง หงเหยียนก็ได้บ่นแทนผู้เป็นนายของ
เป็นถึงฮ่องเต้ของอาณาจักรหนึ่ง แต่กลับโยนทิ้งความสุขสบายของตัวเองเพื่อรีบมาปกป้องท่านหมอหลินด้วยชีวิตของเขาแท้ๆ แต่ในสายตาของอีกฝ่ายแล้วตัวท่านนั้นเทียบไม่ได้กับตำแหน่งนักบุญหญิงเลย
หงเหยียนนั้นไม่รู้ถึงความลับของเรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะคิดเช่นนี้
ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังต่อแถวอยู่นั้นนางก็พบลู่หลีอีกครั้ง ในคราวนี้ที่ผมของลู่หลีนั้นติดใบไม้สีทองไว้รอบหัวของนาง ซึ่งทำให้ทั้งตัวของนางนั้นดูสูงศักดิ์ขึ้นมา
หากดูจากท่าทีของหญิงสาวคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวนางแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดขึ้นมา ดูเหมือนว่าลู่หลีนั้นจะมีฐานะที่สูงศักดิ์ไม่น้อยในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
“เจอกันอีกแล้วนะ”
เมื่อพบหลินซีเหยียน อีกฝ่ายก็ได้ทักทายนางด้วยสีหน้าดูหมิ่น แล้วจากนั้นก็ได้วิ่งไปหาหญิงสาวในชุดสีขาวที่ดูใบหน้าซีดๆด้วยความยินดี
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ยินที่อีกฝ่ายเรียก “พี่เจียงอี๋”
ในขณะที่นางกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น ท่านยายอาวุโสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เดินมาพร้อมกับไม้เท้าแล้วก็กล่าวกับสาวๆ “การคัดเลือกนักบุญหญิงในวันนี้จะคัดเลือกกันด้วยการชิงชัยของแมลงวิปลาส”
ในขณะที่นางพูดนั้น น้ำเสียงของท่านยายอาวุโสก็ได้เปลี่ยนไป “ถ้าหากหญิงสาวคนไหนใช้แมลงวิปลาสประจำตัวของตัวเองแล้วแพ้ จนตัวเองต้องตายตามไปด้วยแล้ว จะไม่มีใครรับผิดชอบ”
มีผู้เข้าแข่งขันมากมายที่เข้าร่วมหลายหนแล้ว จึงไม่มีใครใส่ใจกับคำพูดของท่านยายมากนัก
เพราะใครจะบ้าเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อตำแหน่งนักบุญที่เปลี่ยนกันทุกปีบ้าง?
ในการแข่งขันรอบแรก หลินซีเหยียนพบกับหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง อีกฝ่ายนั้นดูขี้กลัวและสายตาของนางก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่กล้าที่จะมองมาที่หลินซีเหยียนเป็นเวลานานๆ
หลินซีเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกล่องไม้อย่างใจเย็น แล้วปล่อยแมลงวิปลาสของนางออกมา แล้วแมงป่องตัวสีแดงตัวเล็กๆก็ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน
แมงป่องตัวนี้ตัวเล็กก็จริง แต่ก็มีอำนาจคุกคามสมกับที่เป็นราชันวิปลาส
ยกก้ามน้อยๆที่น่ารักของมันขึ้นมา แล้วก็ได้เดินไปหาอีกฝ่ายที่เป็นตะขาบอย่างช้าๆ แล้วทั้งสองตัวก็ได้ต่อสู้กันจนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวแน่นิ่งไปและยอมแพ้
หลินซีเหยียนก็ได้กลายเป็นผู้ชนะในรอบนั้น แต่เด็กสาวก็ได้วิ่งหนีไปทั้งน้ำตา
ในการแข่งขันรอบๆถัดๆมา หลินซีเหยียนก็ได้กลายเป็นเป้าสายตาจากการเอาชนะคู่แข่งมาได้หลายคน จนกระทั่งก่อนบ่าย ท่านยายที่หายไปก็ได้กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง “วันนี้สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ และได้ผู้เข้ารอบทั้งหมด 12 คน ขอให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้เราจะมาตัดสินหาผู้ที่จะเป็นผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้าย”
เมื่อหลินซีเหยียนกลับไปที่กระโจม ก็พบว่าหลีเจี้ยนเฉินนั้นไม่มีไข้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา
จ้องไปที่ใบหน้าของหลีเจี้ยนเฉินอย่างเงียบๆแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ค่อยๆคิ้วขมวด อย่างไรก็ดีนางนั้นเป็นหนี้ หลีเจี้ยนเฉินมากเกินไปแล้ว
หลังจากที่ทายาและทำแผลให้หลีเจี้ยนเฉินใหม่ นางก็ได้ต้มยามาและเตรียมจะป้อนให้หลีเจี้ยนเฉิน
แต่ใครจะไปรู้ว่าแม้ในยามหมดสติเช่นนี้ หลีเจี้ยนเฉินก็ยังกลัวความขมของยานี้และปฏิเสธที่จะเปิดปากอย่างแข็งขืน หลังจากที่พยายามป้อนยาอยู่พักใหญ่ ก็พบว่าเขาทานไปได้ไม่ถึงหนึ่งในสามเลย…..
นางคิดที่จะวางชามยาลงและจากไป แต่ในใจของนางนั้นก็ไม่อาจที่จะปล่อยชายคนนี้ไว้แบบนี้ได้ หลินซีเหยียนจึงได้กลั้นหายใจและทำ“หน้าที่”ของนางต่อ
กว่าจะป้อนยาหมดชามได้เสร็จ ก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว แล้วก็ได้มีเสียงของท่านยายดังออกมาจากนอกกระโจม
“แม่นางหลินช่วยออกมาหน่อย พวกมีบางอย่างที่ต้องให้เจ้าชี้แจง”
หลินซีเหยียนก็ได้เปิดม่านและออกมา แล้วนางก็พบผู้คนมากมายมารวมกันอยู่ด้านนอก “ท่านยายมีธุระอะไรกับข้าเหรอ?”
“มีคนบอกมาว่าแมงป่องของเจ้านั้นเป็นของที่ขโมยมาและขอให้เจ้าคืนมันให้กับเจ้าของด้วย” ท่านยายนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงคงเดิม โดยไม่มีน้ำเสียงที่แสดงถึงการเอาอารมณ์ส่วนตัวมาร่วมด้วย ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนนั้นต้องมองนางเสียใหม่
แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่บ้ามากๆอยู่ดีที่หาว่านางนั้นไปขโมยแมลงวิปลาสของคนอื่นมา!
นางก็ได้เงยหน้าขึ้นมา แล้วจ้องไปที่ผู้คนด้วยดวงตาหงส์ไฟคู่นั้นของนาง “แต่ขอโทษนะ ข้าไปขโมยแมงป่องของใครมา แล้วมีหลักฐานหรือไม่?”
“แมงป่องตัวนั้น ข้าเคยพักอยู่ในกระโจมนี้แล้วเผลอทิ้งมันเอาไว้ ได้โปรดคืนมันมาให้ข้าด้วย”
มองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น นางนั้นดูน่าสงสารมาก แต่หลินซีเหยียนนั้นรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นแค่แกล้งทำเป็นน่าสงสารเท่านั้น จึงไม่มีความอ่อนไหวอะไรในหัวใจของนาง กลับกันเหล่าคนที่มามุงดูกันอย่างตื่นเต้นรอบตัวนางนั้น ต่างก็พูดกล่าวหาและต่อว่าหลินซีเหยียนอย่างต่อเนื่อง “นางออกจะน่าสงสารขนาดนี้ เจ้ารีบๆคืนให้นางได้แล้ว!”
“ใช่แล้ว ต่อให้เจ้าสู้ชนะด้วยแมลงที่ขโมยมา เจ้าก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะจริงๆหรอก”