หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 931 ความตาย
ในบ่อนคาสิโนเดอะเวนีเชียนที่เปิดใหม่ในมาเก๊านั้น นักพนันจากทั่วทุกมุมโลกต่างมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ ในห้องพนันอันหรูหราตระการตานั้นมีผู้คนขวักไขว่ ที่นี่มีทั้งลูกค้าที่เป็นเศรษฐีมือหนัก และก็มีป้าๆ ที่หิ้วตะกร้าจ่ายตลาดแวะผ่านมาลองเสี่ยงดวงที่บ่อนคาสิโนแห่งนี้ดู แต่ละวันมีผู้คนสารพัดประเภทแวะเวียนมาเป็นลูกค้าที่นี่
“เจอร์รี วันนี้คุณมือไม่ค่อยขึ้นเลยนะ พักก่อนสักหน่อยดีไหมล่ะ?”
ที่โต๊ะเล่นลูกเต๋าตัวหนึ่ง พนักงานหญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเตือนนักพนันที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับตนด้วยความหวังดี ตั้งแต่เดอะเวนีเชียนเริ่มกิจการจนมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณครึ่งปีแล้ว และเธอก็เห็นนักพนันผู้มีท่าทางเศร้าซึมแต่มีเงินใช้ไม่ขาดคนนี้มาที่นี่เกือบจะทุกวัน
สาเหตุที่บอกว่าเขาดูเศร้าซึมนั้นก็เป็นเพราะว่า ชายลูกครึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลา และพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วคนนี้มักจะขมวดคิ้วอยู่เสมอ พนักงานหญิงคนสวยยังไม่เคยเห็นเขายิ้มมาก่อนเลย แม้แต่ตอนที่ชนะได้ไปแสนกว่าเหรียญฮ่องกง ก็ยังไม่เห็นเขาจะยิ้มเลยสักนิด
บ่อนคาสิโนเปิดกิจการ ก็ย่อมต้องหากำไรเป็นธรรมดา แม้ว่านักพนันหนุ่มคนนี้จะมีแพ้บ้างชนะบ้าง แต่ในครึ่งปีที่ผ่านมานี้ก็คงเสียเงินให้บ่อนคาสิโนไปราวๆ สิบล้านเหรียญฮ่องกงเป็นอย่างต่ำแล้ว ดูจากท่าทางโปรยเงินอย่างไม่นึกเสียดายของเขาแล้ว ราวกับไม่ได้เห็นเงินเหล่านี้อยู่ในสายตาเลย
นักพนันประเภทนี้ บ่อนคาสิโนย่อมยินดีต้อนรับอย่างยิ่ง แน่นอนว่า ทางบ่อนก็ต้องมีการสืบดูเบื้องลึกเบื้องหลังของลูกค้าอย่างละเอียดเช่นกัน หลังจากผ่านการสืบข้อมูล บ่อนคาสิโนจึงพบว่า นายเจอร์รีคนนี้เป็นลูกครึ่งจีนอเมริกัน โดยมีมารดาเป็นคนเชื้อสายจีน ส่วนบิดาก็เป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ แห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา มีทรัพย์สินเป็นมูลค่าเกือบสิบล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อหนึ่งปีก่อน บิดามารดาของเจอร์รีเสียชีวิตไปทั้งคู่จากอุบัติเหตุทางจราจรครั้งหนึ่ง หลังจากได้รับมรดกของบิดา นิสัยใจคอของเจอร์รีก็เปลี่ยนไปมาก เขาขายกิจการของบิดาทิ้งไป แล้วก็มาอยู่ที่มาเก๊า ดื่มเหล้าเล่นพนันทุกวัน ตามความคิดของคนอื่นๆ เขาน่าจะยังคงจมอยู่กับความทุกข์ที่บิดามารดาเสียชีวิตไป
อายุน้อยมีเงินมาก ซ้ำยังหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้ โดยเฉพาะใบหน้าอันเศร้าซึมนั้น สามารถเรียกความเห็นใจจากผู้หญิงได้ดีนัก ในเวลาครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา พนักงานหญิงแสนสวยประจำโต๊ะลูกเต๋าคนนี้ก็คอยส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มตั้งหลายครั้งแล้ว ถ้าชายหนุ่มคนนี้ส่งสัญญาณกลับมาสักหน่อย เธอก็พร้อมจะเสนอตัวให้ทันที
แต่สิ่งที่ทำให้พนักงานหญิงต้องผิดหวังคือ ชายหนุ่มคนนี้กลับนิ่งเฉยราวกับเป็นตอไม้ ไม่เคยมีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ ต่อสัญญาณของเธอเลย ชีวิตแต่ละวันวนเวียนอยู่แต่การเล่นพนันแล้วก็ไปนอน และพอจะสังเกตได้จากกลิ่นสุราบนตัวของเขาว่า เขาอาจจะกำลังใช้สุราคลายทุกข์อยู่
วันนี้ชายหนุ่มผู้นี้แพ้เสียไปหกแสนกว่าเหรียญฮ่องกงแล้ว เมื่อเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเล่นเลย พนักงานหญิงจึงอดเอ่ยปากเตือนเขาไม่ได้
เจอร์รีผู้มีดวงตาสีดำอย่างคนตะวันออก แต่มีโครงหน้าแบบคนตะวันตกนั้น โยนธนบัตรมูลค่าหนึ่งพันเหรียญฮ่องกงปึกหนึ่งลงไปตรงหน้าพนักงานหญิงคนสวย ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปที่ลูกเต๋าในแก้วครอบอย่างไร้ชีวิตชีวา แล้วตอบอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ไม่ต้องพักหรอก แลกชิปมาให้ผมอีกแสนเหรียญ!”
ลูกครึ่งจีนอเมริกันที่ชื่อว่าเจอร์รีคนนี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่คนอเมริกันที่ได้รับมรดกมาอะไรนั่นเลย แต่เป็นซ่งเสี่ยวหลงที่พวกเยี่ยเทียนตามหามาตลอดต่างหาก!
คราวก่อนหลังจากที่รีบหนีออกมาจากแอฟริกาใต้ ซ่งเสี่ยวหลงก็ไปหลบซ่อนอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในอเมริกามาตลอด ตอนนั้นเขานึกว่าเยี่ยเทียนตายไปแล้ว เดิมคิดว่าจะหลบอยู่สักประมาณหนึ่งปี หลังจากนั้นค่อยไปแสดงตัวกับตระกูลซ่ง เขาเชื่อว่า ตระกูลคงไม่ทำอะไรเขาโดยไร้หลักฐาน เพื่อคนที่ตายไปแล้วเพียงคนเดียวหรอก
แต่สิ่งที่ซ่งเสี่ยวหลงคาดไม่ถึงคือ ขณะที่เขากำลังเตรียมจะกลับไปหาตระกูล ก็พลันได้ยินข่าวว่าเยี่ยเทียนปรากฏตัวขึ้น ขณะเดียวกันตระกูลซ่งและสมาคมหงเหมินก็ออกประกาศตั้งค่าหัวไว้สูงลิ่ว หากผู้ใดสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับซ่งเสี่ยวหลงได้ ก็จะมอบเงินรางวัลให้จำนวนสิบล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ซ่งเสี่ยวหลงก็สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง เขารู้ว่า ตระกูลได้ตัดเขาออกจากกองมรดกแล้ว หากเขากล้าไปปรากฏตัว ก็จะต้องเผชิญกับการล่าสังหารของสมาคมหงเหมินและการลงโทษของตระกูลแน่นอน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ซ่งเสี่ยวหลงก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น
ซ่งเสี่ยวหลงไม่อยากตาย หรืออย่างน้อยก็ไม่อยากตายต่อหน้าเยี่ยเทียน ภาษิตว่า กระต่ายเจ้าเล่ห์ย่อมมีหลายโพรง ตั้งแต่ตอนที่ได้ข้องเกี่ยวกับกิจการของตระกูลสมัยอายุยี่สิบต้นๆ ซ่งเสี่ยวหลงก็เคยจัดหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไว้ทางหนึ่งแล้ว
ซ่งเสี่ยวหลงไปหาคู่สมรสชาวจีนและชาวอเมริกันที่ไม่มีบุตรธิดามาคู่หนึ่ง จ่ายเงินก้อนโตให้แก่ทั้งคู่ แล้วดำเนินการผ่านขั้นตอนต่างๆ ทำให้ตนกลายเป็นทายาทตามกฎหมายของพวกเขา
แม้กระทั่งรูปถ่ายในข้อมูลส่วนตัวของซ่งเสี่ยวหลงก็ยังทำได้อย่างแนบเนียน เขาใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ปรับเปลี่ยนใบหน้าของตนเอง นอกจากดวงตาแล้ว เค้าหน้าส่วนอื่นๆ ล้วนเป็นลักษณะแบบชาวอเมริกันทั้งนั้น
เมื่อถึงคราวหมดสิ้นหนทาง ซ่งเสี่ยวหลงจึงเริ่มใช้แผนที่เขาได้ตระเตรียมไว้นานแล้ว ก่อนอื่นเขาไปทำศัลยกรรมตกแต่งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อให้หน้าตาของตัวเองเหมือนกับเจอร์รีที่อยู่ในรูปถ่ายนั้นทุกประการ จากนั้น…คู่สามีภรรยาวัยกลางคนซึ่งไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ลูกชายซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่ยุโรปได้รับมรดกของทั้งสองไปตามกฎหมาย
อเมริกาเหนือเป็นถิ่นของสมาคมหงเหมิน ถ้าอยู่ที่นั่นต่อไป ความลับอาจรั่วไหลได้ง่าย ดังนั้นหลังจากที่เปลี่ยนแปลงตัวตนของตัวเองแล้ว ซ่งเสี่ยวหลงจึงตัดสินใจอย่างอาจหาญ เขาเดินทางมาเอเชีย โดยมีจุดหมายคือมาเก๊าซึ่งอยู่ข้างๆ เกาะฮ่องกงนั่นเอง
ซ่งเสี่ยวหลงใช้แผนเส้นผมบังภูเขา ซึ่งก็ได้ผลดีตามคาด ในสถานที่ที่มีคนต่างชาติและคนเชื้อสายจีนอยู่ปะปนกันเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขาเลย ส่วนตระกูลซ่งและสมาคมหงเหมินที่ตามหาเขาไปทั่วนั้น ก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า ซ่งเสี่ยวหลงจะมาหลบซ่อนอยู่ที่มาเก๊านี่เอง
ซ่งเสี่ยวหลงเคยกุมอำนาจของตระกูลซ่งในต่างประเทศมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงมีบัญชีลับที่เปิดกับธนาคารสวิสอยู่ด้วย เงินที่ฝากไว้ในนั้นเพียงพอที่จะให้เขานำไปถลุงได้หลายชาติเลยทีเดียว ซ่งเสี่ยวหลงผู้กำลังอึดอัดกลัดกลุ้มจึงไปหมกตัวอยู่ในบ่อนคาสิโนทุกวัน เขารู้ว่า ตนอาจจะต้องมีชีวิตอยู่โดยใช้ชื่อเจอร์รีนี้ไปตลอดชาติเลยก็เป็นได้
“หนึ่งหมื่น แทงสูง!”
ซ่งเสี่ยวหลงผลักชิปมูลค่าหนึ่งหมื่นไปกองที่จุดวางพนันอย่างเหม่อลอย ในใจกลับกำลังคิดว่าควรจะกอบกู้วิกฤตนี้อย่างไรดี และควรจะกำจัดเยี่ยเทียนด้วยวิธีไหนดี เพื่อที่จะได้กลับไปกุมอำนาจของตระกูลอีกครั้ง เขาอายุยังน้อย จึงไม่อยากจะใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสารเช่นนี้ไปตลอดชาติ
“หนึ่งหมื่น แทงสูงเหมือนเดิม!”
ซ่งเสี่ยวหลงมองดูชิปที่ถูกกินไป แล้วโยนออกไปอีกหนึ่งเหรียญ ทุกวันนี้อาจดูเหมือนว่าเขากำลังใช้เงินโดยไม่ยั้งคิด แต่ที่จริงเขาก็พยายามประหยัดมากแล้ว และต่อให้ในหนึ่งปีเขาแพ้เสียไปสิบล้านเหรียญฮ่องกง ทรัพย์สินของเขาก็มีพอให้เล่นแพ้ไปได้อีกหลายร้อยปีเลยทีเดียว
เพียงไม่นาน ชิปที่อยู่ในมือเขาก็ถูกกินเรียบหมด ซ่งเสี่ยวหลงส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นมา ขณะที่กำลังจะบอกลาพนักงานหญิงสุดสวยที่อยู่ตรงหน้าก็กลับพบว่า วันนี้พนักงานหญิงคนนั้นมีสีหน้าแปลกไป
“มีอะไรหรือ? มองผมทำไม?”
ซ่งเสี่ยวหลงลูบใบหน้าของตัวเองดู เพราะพนักงานหญิงคนนั้นจ้องมาที่ใบหน้าของเขาด้วยสายตาแปลกๆ อย่างไรชอบกล ในความหวาดกลัวนั้นดูเหมือนจะแฝงไว้ด้วยความเห็นใจและสับสน ซ่งเสี่ยวหลงไม่ชอบสายตาแบบนี้เลย
“เอ๊ะ ทำไมเราถึงเลือดกำเดาไหลล่ะ?”
ซ่งเสี่ยวหลงได้รสคาวที่มุมปาก พอยกมือขึ้นมาแตะดู ก็เห็นโลหิตเปื้อนเต็มฝ่ามือ จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หมายจะหยิบผ้าเช็ดมือออกมาเช็ด
แต่ซ่งเสี่ยวหลงพลันพบว่า การเคลื่อนไหวของตัวเองกลับเชื่องช้าลงมาก มือขวาที่ยื่นไปหากระเป๋านั้นรู้สึกราวกับไม่มีเรี่ยวแรงเลยสักนิด ขณะเดียวกันขาทั้งสองข้างก็หนักอึ้งราวกับมีปรอทอยู่ข้างใน ร่างทั้งร่างกำลังล้มลงไป
“เกิดอะไรขึ้น แล้วเสียงรอบๆ ล่ะ ทำไมคนพวกนั้นเคลื่อนไหวช้าขนาดนี้?”
เสียงพูดคุยดังจอแจในบริเวณนั้นพลันเงียบหายไปหมด คนแต่ละคนที่ซ่งเสี่ยวหลงมองเห็นต่างก็ดูราวกับกำลังเคลื่อนไหวอย่างสโลว์โมชัน ใบหน้าของพนักงานหญิงคนสวยที่อยู่ตรงหน้านั้นก็ค่อยๆ เลือนรางไปเรื่อยๆ
“นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย?”
ซ่งเสี่ยวหลงอยากจะยกมือขึ้นมาเคาะศีรษะตัวเองดู แต่เมื่อพลังกายเหือดหายไป เขาจึงไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว และหนังตาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกง่วงงุนอยากจะหลับ
“ทำไมเราถึงลอยขึ้นมาได้ล่ะ? ท…ที่นี่มันบ่อนคาสิโนเดอะเวนีเชียนนี่นา?!”
ขณะที่สติของซ่งเสี่ยวหลงกำลังจะดับวูบไป ทันใดนั้นวิญญาณของเขาก็ถูกดึงหลุดออกมาจากร่างแล้วลอยขึ้นไปบนฟ้า ซ่งเสี่ยวหลงมองเห็นผู้คนที่อยู่ในห้องพนันอันคึกคักนั้นได้อย่างชัดเจน แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ผู้คนในห้องโถงนั้นดูราวกับจะกลายเป็นใบ้กันไปหมด เพราะเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
“หา? ไม่สิ นี่มันอะไร?”
ร่างของซ่งเสี่ยวหลงลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ในขณะนั้นเอง กระแสลมสีดำก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา ไอปราณแห่งความตายที่แผ่ออกมาจากกระแสลมนั้นทำให้ซ่งเสี่ยวหลงได้สติขึ้นมาในที่สุด
แต่ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว ขณะที่ซ่งเสี่ยวหลงมองเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้นในห้องโถงใหญ่ ร่างเงาของเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ถูกพัดพาเข้าไปในกระแสลมแล้ว และนั่นก็เป็นภาพของโลกใบนี้ที่ซ่งเสี่ยวหลงได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย!
“มีคนตาย มีคนตายแล้ว!”
ขณะที่ร่างของซ่งเสี่ยวหลงสูญเสียเลือดและของเหลวไปอย่างรวดเร็ว จนดูคล้ายกับมัมมี่มากขึ้นทุกทีนั้น ในที่สุดพนักงานหญิงซึ่งคอยสังเกตดูเขามาตลอดก็กรีดร้องขึ้นมา เพราะไม่ว่าใครก็ตาม หากต้องมาเห็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ดีๆ กลับกลายเป็นโครงกระดูกไปต่อหน้าต่อตา ก็คงจะไม่อาจสะกดกลั้นความหวาดกลัวไว้ในใจได้ทั้งนั้น
จะกล่าวหาว่าพนักงานหญิงเป็นพวกยึดติดกับรูปโฉมภายนอกก็คงไม่ถูก ซ่งเสี่ยวหลงผู้มีส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตรพร้อมหน้าตาอันหล่อเหลานั้น ภายในเวลาเพียงหนึ่งนาทีกว่าๆ ผิวหนังบนร่างก็แห้งติดกับโครงกระดูกไปแล้ว เหตุการณ์อันแสนพิสดารนั้นทำให้ลูกค้าในบริเวณนั้นต่างตกใจจนขวัญกระเจิง ทำให้ภายในห้องพนันเกิดความอลหม่านขึ้นมา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนเมื่อทราบเรื่องก็รีบมาทันที แม้จะรู้สึกตื่นตระหนกกับสภาพของซ่งเสี่ยวหลงไม่น้อย แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ จึงนำถุงออกมาบรรจุร่างของซ่งเสี่ยวหลงไว้ ทำให้บรรยากาศอันวุ่นวายอลหม่านภายในห้องโถงคลี่คลายไป
แม้จะจัดการเก็บศพของซ่งเสี่ยวหลงไปแล้ว แต่พวกเขากลับไม่อาจปิดปากของบรรดาลูกค้าได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ข่าวที่ปรากฏผีดิบขึ้นในบ่อนคาสิโนก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งบ่อน บ่อนคาสิโนที่ตอนแรกกำลังคึกคักจึงกลับวังเวงขึ้นมาในพริบตา
…
“มีปฏิกิริยาแล้ว หรือว่าจะพันธนาการดวงวิญญาณของซ่งเสี่ยวหลงมาได้จริงๆ?” ในบ้านพักตากอากาศบนเกาะฮ่องกง สายตาของทุกคนต่างกำลังจับจ้องไปที่ คัมภีร์เป็นตาย
ขณะที่บ่อนคาสิโนเดอะเวนีเชียนซึ่งอยู่ห่างไปอีกเกาะหนึ่งนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น คัมภีร์เป็นตายที่เยี่ยเทียนถืออยู่ก็พลันเปล่งรัศมีสีดำออกมา บดบังประกายสีขาวบนหน้าหนังสือจนหมองไป ส่วนชื่อของซ่งเสี่ยวหลงนั้นก็ถูกอาบไปด้วยสีแดงฉาน
……………………………….