หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 903 พลังพิเศษ
“ไม่มีอะไร แค่เครื่องบินขัดข้องนิดหน่อย”
เยี่ยเทียนตอบไปอย่างนั้น ดูเหมือนเขาต้องมีความขัดแย้งกับเครื่องบินตลอด ทุกครั้งที่เขาบินจะต้องเกิดปัญหาอยู่ร่ำไป
“ปัญ…ปัญหานิดหน่อย?”
ตอนที่ทหารหนุ่มยศพันเอกมองเห็นสภาพบนเครื่องบินชัดเจนแล้ว ปากที่อ้าค้างทำเอากรามเกือบหลุด เพราะกระจกในห้องเครื่องบินผู้โดยสารแตกทั้งหมด แบบนี้ยังเป็นปัญหาเล็กน้อย?
“ที่แท้ก็เป็นตัวประหลาดจริงๆ ถึงสามารถทำกระจกแตกทุกบานได้?”
นายทหารรู้เรื่องการเรียกประชุมใหญ่ของผู้มีพลังพิเศษที่จัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตัวเขาเองก็มีพลังพิเศษอยู่บ้าง แต่ต่อให้เขามีค้อนขนาดใหญ่ เขาก็ไม่สามารถทุบกระจกทุกบานของเครื่องบินทั้งลำให้แตกละเอียดได้
เดิมทีนายทหารไม่ค่อยพอใจที่เยี่ยเทียนเป็นตัวแทนของประเทศในการเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนผู้มีพลังพิเศษครั้งนี้ แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว มีหรือที่เขาจะกล้าสงสัยความสามารถของเยี่ยเทียนอีก เพราะคนที่สามารถทำให้กระจกทั้งลำของเครื่องบินแตกละเอียดจากความสูงระดับหนึ่งหมื่นเมตรแต่กลับไม่เป็นอะไรนั้น ก็คือหนึ่งในผู้ที่มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
ถ้าหากเยี่ยเทียนรู้ความคิดของนายทหารคนนี้ คงจะต้องรู้สึกเหมือนถูกใส่ร้ายเป็นแน่ ที่ว่าเขานั่งเครื่องบินอยู่ดีๆ แต่ว่างมากแล้วจึงทุบกระจกให้แตกเล่นๆ อย่างไรเสียผู้ร้ายของเรื่องนี้ก็ต้องโทษ “ทุยเป้ยถู” เล่มนั้นที่เกิดการเปลี่ยนแปลงผิดปกติ!
“ไปกันเถอะ ไปถึงที่พักก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อเห็นรถที่รายล้อมเข้ามากับคนที่มากขึ้นเรื่อยๆ เยี่ยเทียนจึงมุดเข้าไปนั่งในรถของอีกฝ่าย แล้วจึงมองนายทหารที่นั่งตำแหน่งข้างคนขับ จากนั้นจึงเอ่ยปากว่า
“คุณชื่ออะไร? ถนัดเรื่องอะไรครับ?”
เมื่อครู่ความสนใจของเยี่ยเทียนล้วนอยู่ที่ “ทุยเป้ยถู” จนกระทั่งตอนนี้พบว่า เดิมทีทหารคนที่มารับตัวเองนั้น ดู เหมือนจะมีพลังงานบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกาย เพียงแต่พลังงานนั่นอ่อนแอมากจริงๆ ซึ่งด้อยกว่าจวงรุ่ยที่เขาเจอเมื่อสองสามวันก่อนอีก
“คุณเยี่ย ผมชื่อกู้ต้าจวิน คุณเรียกผมว่าต้าจวินก็ได้ครับ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน กู้ต้าจวินจึงมองไปที่คนขับรถ แล้วพูดว่า
“พอไปถึงสถานทูตแล้ว ผมจะรายงานรายละเอียดของการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ให้คุณทราบครับ”
งานประชุมใหญ่ผู้มีพลังพิเศษครั้งนี้จัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความลับขั้นสูง ในสถานฑูตจีนที่อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น นอกจากกู้ต้าจวินที่รู้เรื่องและพอจะมีความสามารถพิเศษ ในการเข้าร่วมงานแทนเยี่ยเทียนได้นั้น ก็มีเพียงท่านเอกอัครราชทูตเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนที่ขับรถอยู่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ทั่วไปของสถานฑูต กู้ต้าจวินจึงไม่อยากให้เขาได้ยินการสนทนาเรื่องนี้
“คุณเยี่ย สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่สวยงามมากนะครับ มีเทือกเขาแอลป์ที่ใหญ่โตตั้งตระหว่านห้อมล้อมประ เทศ ประชากรของที่นี่ถือว่ามีรายได้เฉลี่ยต่อคนสูงที่สุดในยุโรป แต่คุณมาไม่ถูกเวลา ไม่อย่างนั้นผมจะพาคุณไปเล่นสกีบนภูเขาครับ”
รถยนต์ที่มีป้ายการฑูตอยู่ขับออกจากสนามบินได้อย่างสบายตลอดทาง ในฐานะเจ้าบ้าน กู้ต้าจวินจึงแนะ นำประเทศสวิตเซอร์แลนด์ให้เยี่ยเทียน ความจริงเขาไม่ต้องพูด เยี่ยเทียนก็รู้สึกถึงความแตกต่างได้ หลังจากมาถึงยุโรปเขาก็พบว่า มลพิษจากอุตสาหกรรมของที่นี่ น้อยกว่าในประเทศจีนเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นลอนดอนหรือเมืองซูริกที่เขาอาศัยอยู่ตอนนี้ ก็ยังมองไม่เห็นปล่องควันไฟสีดำๆ ลอยออกมา แม้ว่าจะไม่ใช่ประเทศที่ติดชายฝั่งทะเล ไม่มีชายฝั่งที่สวยงามก็ตาม แต่ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ของซูริกนั้น ยังคงสะอาดสดใสเหมือน กับไพลิน สวยงามผิดหูผิดตา
หลังจากที่เข้ามาถึงตัวเมืองของซูริกแล้ว สถาปัตยกรรมที่เห็นชัดเจนมากที่สุดก็คือโบสถ์ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โรมัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้นมีภาษาราชการอยู่สี่ภาษาได้แก่ ภาษา เยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาลี และภาษาโรมัน ถือว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่า สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็คือธนาคารกับอุตสาหกรรมด้านนาฬิกา นาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์มีคุณภาพสูงและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก นาฬิกาสวิตเซอร์แลนด์มีปริมาณการผลิตสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของโลก โดยนาฬิกาที่ส่งออกไปทั่วโลกทุกสิบเรือนจะมีเจ็ดเรือนที่มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และนาฬิกาที่มีชื่อเสียงเกือบทั้งหมดล้วนเกิดจากที่นี่ แม้แต่เรือนที่เยี่ยเทียนใส่อยู่ในมือ ก็ยังผลิตมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งราคาก็แพงไม่ใช่ย่อย
ส่วนธุรกิจด้านธนาคารนั้น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีชื่อเสียงว่าเป็น “ประเทศแห่งการเงิน” ธนาคารของสวิตเซอร์ แลนด์นั้นได้รับขนานนามว่าเป็นธนาคารที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
ธนาคารส่วนใหญ่ของประเทศอื่นๆ แค่เพียงเจ้าหน้าที่ตรวจสอบนำข้อมูลต่างๆและเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ฝากมาแสดง ธนาคารพวกนั้นก็เปิดเผยข้อมูลแล้ว แต่ธนาคารสวิสไม่ทำแบบนั้น เป็นเวลาสามศตวรรษแล้ว ธนาคารสวิสยึดมั่นในหลักการการเก็บความลับอย่างถาวรของผู้ฝากมาโดยตลอด
วิธีการเช่นนี้ ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศต่างก็มาเปิดบัญชีที่ธนาคารสวิส และเช็คที่ออกจากธนาคารสวิสก็เป็นที่ยอมรับระดับสากล ซ่งเวยหลันที่คืนเงินนับพันล้านดอลลาร์ให้แก่เยี่ยเทียน ตอนนี้ก็ฝากเงินไว้ในธนาคารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสองร้อยปีในซูริกเช่นกัน
หลังจากครึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไป รถก็ขับเข้ามายังสถานทูตที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี แค่มองสภาพแวดล้อมโดยรอบ เยี่ยเทียนก็อดถอนหายใจไม่ได้
“ชีวิตที่นี่ดีจริงๆ นะครับ”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะป้าๆ น้าๆ อยากจะใช้ชีวิตที่ปักกิ่งไปตลอดชีวิต เยี่ยเทียนก็อยากให้พวกเขาย้ายออกมานานแล้ว เพราะมลพิษทางอากาศในปักกิ่งรุนแรงขึ้นทุกปี ได้ทำลายสุขภาพของคนแก่เป็นอย่างมาก ต่อให้เยี่ยเทียนช่วยปรับสมดุลให้พวกเขา เกรงว่าอายุคงต้องลดลงถึงสิบปีเป็นอย่างน้อย
“ใช่ครับ พออยู่ที่นี่แล้วก็ไม่อยากกลับประเทศเลยครับ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว กู้ต้าจวินจึงยิ้มพูด
“คุณเยี่ยครับ ตึกเดี่ยวนี้เอาไว้ให้พวกคุณสองคนพักผ่อนครับ จะมีเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดทุกวัน อ้อใช่ วันนี้ท่านฑูตมีกิจกรรม ท่านบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณเย็นนี้ครับ”
ความจริงเรื่องที่ท่านฑูตรู้ยังมากสู้กู้ต้าจวินไม่ได้ แต่มีเจ้าพ่อในประเทศจีนคนหนึ่งโทรมาหาเขา กำชับให้เขาดูแลต้อนรับเยี่ยเทียนเป็นพิเศษ ถ้าหากไม่ใช่เพราะงานยุ่งล่ะก็ เขาก็อยากจะไปรับเยี่ยเทียนที่สนามบินพร้อมกับกู้ต้าจวินเช่น กัน
มองดูตึกเล็กกำแพงสีแดงสไตล์ยุโรปแล้ว เยี่ยเทียนจึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“งานเลี้ยงไม่ต้องหรอก เหล่ากู้ คุณเข้ามาหน่อย ผมมีเรื่องอยากถามคุณนิดหน่อยครับ”
“ครับ คุณเยี่ย มีข้อมูลบางอย่างที่อยากให้คุณตรวจสอบเหมือนกันครับ”
กู้ต้าจวินพยักหน้า แล้วจึงเดินตามเยี่ยเทียนกับโจวเซี่ยวเทียนเข้าไป หลังจากนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกแล้ว เขาจึงหยิบเอกสารสองสามฉบับออกมาจากกระเป๋าเอกสารที่พกติดตัวตลอดแล้วยื่นให้เยี่ยเทียน
“ของพวกนี้ไม่มีอะไรต้องดู”
เยี่ยเทียนวางเอกสารพวกนั้นลงไปบนโต๊ะ แล้วเริ่มถามอย่างสงสัย
“เหล่ากู้คุณมีพลังพิเศษบางอย่างอยู่ในร่างกาย ไม่ทราบว่าคุณมีพลังพิเศษเหมือนกันใช่ไหมครับ?”
หากยังไม่ได้เข้ามายังขอบเขตเหล่านี้ ผู้คนมากมายจะไม่มีทางรู้เลยว่า โลกภายนอกที่พวกเขารู้นั้น ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่มีใครรู้ เยี่ยเทียนก็เช่นกัน ถ้าหากเขาไม่ได้เข้าสู่ระดับเซียนเทียน แม้ว่าจะมีการเจอหน้าตัวต่อตัวกับกู้ต้าจวิน ก็ยากที่จะรู้ความลับที่อยู่ภายในร่างกายของเขา
“คุณเยี่ย พลังพิเศษของผมเพิ่งจะตื่นตัวได้ไม่นาน ถือว่ายังอ่อนหัดมากครับ”
เดิมทีกู้ต้าจวินเป็นทหารยศพันตรี แต่เนื่องจากพลังพิเศษที่ตื่นตัว ทำให้เขาเลื่อนขั้นเป็นยศพันเอกโดยตรง จากนั้นจึงถูกย้ายมาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ก่อนที่เยี่ยเทียนจะมาได้หนึ่งเดือนกว่า นี่ก็เป็นการเตรียมงานของพวกที่อยู่ในประเทศจีนทั้งนั้น ถ้าหากเยี่ยเทียนไม่ตกลงยอมเดินทางมาครั้งนี้ พวกเขาก็จะให้กู้ต้าจวินไปร่วมงานประชุมใหญ่การแลก เปลี่ยนของผู้มีพลังพิเศษในครั้งนี้แทน
ขณะที่พูดอยู่นั้น กู้ต้าจวินก็ยื่นมือออกแล้วโชว์ความสามารถให้ดู แก้วกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ จู่ๆ ก็ลอยขึ้นมา จากนั้นก็ลอยโยกเยกไปมาจนถึงตู้กดน้ำดื่มที่อยู่มุมกำแพง ปุ่มกดน้ำของตู้กดน้ำก็ถูกกดโดยอัตโนมัติ เพียงช่วง เวลาครู่เดียว น้ำก็ล้นเอ่อเต็มแก้วกระดาษ
“คุณเยี่ย พลังของผมคือการควบคุมวัตถุสิ่งของ สามารถควบคุมวัตถุที่มีปริมาณไม่ใหญ่มากนักภายในระยะสิบเมตรกว่าๆ ได้ครับ”
หลังจากใช้พลังพิเศษนำแก้วกระดาษกลับมาวางบนโต๊ะแล้ว หน้าผากของกู้ต้าจวินก็มีเม็ดเหงื่อละเอียดผุดขึ้น มา สำหรับเขา การทำให้น้ำเต็มแก้วนั้น คือขีดจำกัดของเขาแล้ว ถ้าหากไกลออกไปกว่านี้อีกนิดหนึ่ง เกรงว่าเขาคงต้องขายหน้าต่อหน้าเยี่ยเทียนแน่นอน
“เอ่อ ที่แท้ก็เป็นพลังแบบนี้?”
มองดูท่าทางอันเหนื่อยล้าของกู้ต้าจวินแล้ว เยี่ยเทียนจึงหมดซึ่งคำพูด จากนั้นเขาจึงเกรงใจที่จะพูดประโยคต่อไป นั่นก็คือ “ความสามารถแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร?”
แค่การควบคุมแก้วน้ำ ก็ทำให้กู้ต้าจวินหมดแรงแล้ว หรือว่าตอนที่ต่อสู้กับผู้มีพลังพิเศษคนอื่น แค่ใช้น้ำแก้วเดียวก็ทำให้อีกฝ่ายจมน้ำตายได้หรือไง? ถ้าหากเขาปรากฏตัวในงานประชุมใหญ่แลกเปลี่ยนผู้มีพลังพิเศษของโลก อย่างนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องตลกแน่นอน
“คุณเยี่ย ไม่ทราบว่าคุณมีพลังพิเศษอะไรครับ?”
หลังจากแสดงพลังพิเศษของตัวเองแล้ว กู้ต้าจวินจึงมองเยี่ยเทียนอย่างสงสัยใคร่รู้ เพราะเขาไม่รู้จักเยี่ยเทียนมากเท่าไร รู้แค่ว่าเขาเป็นผู้ที่มีพลังพิเศษที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง และจากที่เห็นเหตุการณ์ของเครื่องบินก่อนหน้านี้ ก็เป็นการพิสูจน์ความจริงของสิ่งที่พูดมาเบื้องต้น
“พลังของผม?”
เยี่ยเทียนตกตะลึง แล้วจึงยิ้มพูดว่า
“เซี่ยวเทียน แกดีกว่า!”
“ครับ อาจารย์!”
โจวเซี่ยวเทียนพยักหน้า มองไปรอบๆ แล้วดวงตาก็จ้องไปที่ไม้แขวนเสื้อแสตนเลสที่อยู่ประตูด้านหลัง จากนั้นจึงยื่นมืออกมาอย่างฉับพลัน แล้วก็ได้ยินเสียงดัง “กร๊อบ” ขึ้นมาเบาๆ ไม้แขวนเสื้ออันนั้นก็ถูกโจวเซี่ยวเทียนจับกลางอากาศ ลงมาจากประตูนั่นโดยตรง
โจวเซี่ยวเทียนก็ใช้ฝีมือการควบคุมวัตถุเช่นกัน นำไม้แขวนเสื้อแสตนเลสมาถืออยู่ในมือ แล้วสองมือนั่นก็เหมือน กับกำลังนวดดินน้ำมัน ไม้แขวนเสื้อแสตนเลสก็เหมือนกับแป้งนวดก็ไม่ปาน ถูกนวดและเปลี่ยนรูปทรงไปมาอยู่ในมือของโจวเซี่ยวเทียนตามความต้องการ สุดท้ายจึงกลายเป็นลูกบอลเหล็กอันหนึ่ง ที่ถูกโจวเซี่ยวเทียนเอามาเล่นอยู่ในมือ
“นี่…นี่คือวิชาอะไรครับ?”
กู้ตาจวินตกตะลึงตาค้าง เพราะการควบคุมวัตถุกลางอากาศก็ยังพอเข้าใจ แต่วิชาที่อยู่ในมือของโจวเซี่ยวเทียนนั้นเขาไม่เคยเห็นมาก่อน คิดว่าหากสองมือนี้มานวดอยู่บนร่างกายของคนล่ะก็ ทำให้กู้ต้าจวินอดลุกขนพองขึ้นมาไม่ได้
กู้ต้าจวินก็เคยเห็นยอดฝีมือที่ฝึกวิชากังฟูอย่างพวกฝ่ามือเหล็กในกองทัพมาก่อน แต่เมื่อเทียบกับโจวเซี่ยวเทียนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว วิชาของคนพวกนั้นเหมือนกับเด็กน้อย ไม่สามารถเอามาสู้ได้
“กองทัพอย่างพวกคุณให้ความสำคัญเรื่องฆ่าศัตรูเพื่อเอาชนะ เป็นการฝึกพลังภายนอก แต่ลัทธิเต๋าอย่างพวกเราเป็นการฝึกพลังภายใน ทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกัน คุณก็อย่าดูถูกตัวเองเกินไป”
เมื่อเห็นกู้ต้าจวินหน้าขาวซีด เยี่ยเทียนจึงส่ายหน้า ถึงแม้คนผู้นี้จะมีพลังพิเศษก็จริง แต่ด้านจิตใจนั้นยังอ่อนหัดนัก กระทั่งยังสู้ฉางเฮ่าไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าทำไมทางประเทศถึงให้เขามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้?
เพียงแต่เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า เนื่องจากประเทศหาผู้ที่มีพลังพิเศษไม่ได้แล้วจริงๆ จึงได้เลือกทหารตัวเตี้ยม่อต้อ ส่งกู้ต้าจวินที่เพิ่งปลุกพลังพิเศษของเขาได้ไม่นานมาที่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่อย่างนั้นประธานาธิบดีเยวี่ยก็คงไม่มาเชิญเยี่ยเทียนให้ออกโรงด้วยตัวท่านเองหรอก
……………………….