หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 892 เพื่อนเก่า
“ยินดีต้อนรับคุณเหลย เชิญ เชิญ ได้ข่าวว่าคุณเหลยเป็นผู้มีความกระตือรือร้นในเรื่องสาธารณประโยชน์และชอบช่วยเหลือผู้อื่น วันนี้รบกวนด้วยนะครับ”
คนแก่อายุหกสิบกว่าเข้ามาต้อนรับทันทีที่เยี่ยเทียนกับเหลยหู่ลงจากรถ การแต่งกายของเขาค่อนข้างเรียบง่าย กิริยาท่าทางที่แสดงออกมาเต็มไปด้วยความเป็นผู้ดี เห็นได้ชัดเลยว่ามีเบื้องหลังที่แน่นหนา และคนประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทองเพื่อโอ้อวดกำลังที่ตนมี
“สวัสดีครับท่านเซอร์เฮ่อ ถ้าจะบอกว่าเป็นผู้มีความกระตือรือร้นในเรื่องสาธารณะประโยชน์ ผมคิดว่าเป็นท่านต่างหากครับ!”
เหลยหู่ยื่นมือทักทายฝ่ายตรงข้ามอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยตำแหน่งที่ดำรงอยู่ในสมาคมหงเหมิน มันเพียงพอแล้วที่เขาจะทักทายกับคนระดับนี้ จากนั้นเหลยหู่ขยับตัวออกไป กล่าวว่า
“ท่านเซอร์เฮ่อ ท่านนี้เป็นอาจารย์ของผม ได้ข่าวว่าท่านจัดงานประมูลขึ้น อาจารย์จึงเดินทางมาร่วมงานโดยเฉพาะครับ”
“คุณเหลย คุณ…ไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม”
หลังจากเหลยหู่แนะนำเสร็จ ท่านเซอร์เฮ่อมีสีหน้าเปลี่ยนไปครู่นึง ถึงแม้เหลยหู่จะวางมือจากสมาคม หงเหมินแล้ว แต่ด้วยชื่อเสียงของตระกูลเหลย ใครกันนะที่กล้ารับเขาเป็นลูกศิษย์
ถึงแม้สำนักเสื้อป่านจะมีชื่อเสียงอยู่พอสมควร แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า สำนักเสื้อป่านเป็นของเยี่ยเทียน ส่วนที่เหลยหู่กราบไหว้เยี่ยเทียนเป็นอาจารย์นั้น นอกจากคนในสำนักเสื้อป่านที่ทราบแล้ว มีเหลยเจิ้นเทียนและอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ฉะนั้น ท่านเซอร์เฮ่อจึงคิดว่าเหลยหู่กำลังล้อเขาเล่นอยู่
“ท่านเซอร์เฮ่อ ผมไม่ได้ล้อเล่นครับ”
เหลยหู่แทบตาลุกเป็นไฟ ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะเป็นคนชั่ว แต่เขาก็เป็นคนที่กตัญญูต่อผู้ใหญ่มาก โบราณว่าเอาไว้ เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เปรียบดั่งเป็นพ่อชั่วชีวิต การปฏิบัติต่อเยี่ยเทียนของเหลยหู่ ไม่ต่างไปจากพ่อของตัวเองเลย เขาจึงยอมไม่ได้หากมีคนไม่เคารพ
“เหลยหู่ ทำอะไรหน่ะ”
เยี่ยเทียนยื่นมือไปตบไหล่เหลยหู่ ยิ้มและกล่าวว่า
“ท่านเซอร์เฮ่อ ผมชื่อเยี่ยเทียน การมาของผมอาจจะกระทันหันไปหน่อย!”
“เยี่ยเทียน คุณ…คุณเป็นศิษย์น้องของอาจารย์จั่วงั้นเหรอ”
ที่จริงท่านเซอร์เฮ่อเคยเจอเยี่ยเทียนครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นผ่านมาแล้วหลายปี บุคลิกของเยี่ยเทียนเองก็เปลี่ยนไปมาก เพราะฉะนั้นท่านเซอร์เฮ่อจึงจำไม่ได้ แต่พอได้ยินชื่อเยี่ยเทียนแล้ว เขาจำชายหนุ่มในตอนนั้นได้ทันที
“ใช่ครับ วันนี้ศิษย์พี่มีธุระ ไม่ได้เดินทางมาด้วย ท่านเซอร์โปรดให้อภัย!
เยี่ยเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ดูจากโหงวเฮ้งตรงหน้าแล้ว ท่านเซอร์เฮ่อมีรังสีจาง ๆ บนใบหน้า นี่เป็นสัญลักษณ์ของคนที่มีบุญ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนดีมีเมตตา ไม่ได้เป็นแค่คนดีแค่ในนาม ด้วยเหตุนี้จึงแสดงความมีมารยาทมากขึ้น
พูดถึง เยี่ยเทียนกับตระกูลเฮ่อมีความเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง มีปรมาจารย์ท่านหนึ่งของสำนักเสื้อป่านเคยช่วยคุณทวดของเฮ่อตงดูเรื่องฮวงจุ้ยสุสาน ทำให้เฮ่อตงในสมัยนั้นได้รับฉายาว่าเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง
แต่ทุกสิ่งย่อมมีวันล่มสลาย สุสานแห่งนั้นเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นตอนที่ญี่ปุ่นรุกรานประเทศจีน ทำให้ตระกูลเฮ่อได้รับผลกระทบและล่มสลายไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเยี่ยเทียนเปิดฮวงจุ้ยของสุสานตอนที่ตั้งค่ายกลรวมวิญญาณ และใช้คาถารอดพ้นปัดเป่าให้พลังอัปมงคลหายไป ลูกหลานตระกูลเฮ่อก็คงต้องพบเจอกับภัยอีกมากมาย
แต่รากฐานของตระกูลเฮ่อที่สร้างโดยเฮ่อตงนั้นแข็งแรงมาก ราชาพนันแห่งมาเก๊าที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ก็มาจากตระกูลเฮ่อ แม้แต่ประธานบริหารคนที่หนึ่งหลังจากมาเก๊ากลับสู่จีน ก็มาจากตระกูลนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนผู้รักษาความยุติธรรมแซ่เฮ่อท่านนั้น เป็นหลานชายของเฮ่อตง หลังจากที่เขาได้รับมรดกก้อนใหญ่มาแล้ว เขาไม่เดินเส้นทางธุรกิจทางทะเล แค่เงินปันผลจากบริษัทต่างๆ ก็ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีของฮ่องกงแล้ว
เขาเป็นคนใช้ชีวิตแบบถ่อมตัว ยิ่งอายุมากยิ่งชอบในงานการกุศล ในช่วงยุค 1980 เขาได้รับตำแหน่ง “ท่านเซอร์” ซึ่งแต่งตั้งโดยพระราชินีแห่งอังกฤษ เขาจึงเป็นที่นับถือของคนฮ่องกงมาก
ด้วยเหตุนี้งานประมูลเพื่อการกุศลที่เขาจัดขึ้น ผู้ทีเดินทางมาร่วมมงาน ล้วนแต่เป็นมหาเศรษฐีของเกาะฮ่องกง หลายคนถึงขั้นรู้สึกว่าการที่ถูกเชิญมาร่วมงาน เป็นเกียรติที่สูงมาก เพราะคนที่ชื่อเชาเหรินท่านนั้นเป็นแขกประจำของเขา
“คุณเยี่ยให้เกียรติเดินทางมา ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดของผมเลยครับ เชิญ เชิญด้านในก่อนครับ”
หลังจากมั่นใจว่าเป็นเยี่ยเทียนแล้ว ท่าทีของท่านเซอร์เปลี่ยนไปทันที คนที่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ยมีตั้งแต่ประชาชนทั่วไป มหาเศรษฐีจนถึงข้าราชการ ส่วนชื่อเสียงของเยี่ยเทียนจะดังมากในสังคมชั้นสูง แม้แต่ หลี่เชาเหรินก็ยังคงยกย่อง ตอนนี้ท่านเซอร์เดินนำเยี่ยเทียนไปยังด้านในคฤหาสน์
“คนนั้นคือใครกัน หนุ่มขนาดนี้ ถึงกับให้ท่านเซอร์เดินไปด้วย”
“ไม่รู้สิ ไม่เหมือนคนฮ่องกง”
“พวกกบในกะลาเสียจริง คนนั้นชื่อเยี่ยเทียน มีชื่อเสียงตั้งหลายปีมาแล้ว”
การปฏิบัติของท่านเซอร์เฮ่อดึงดูดสายตาของแขกเป็นอย่างมาก หลายคนเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่เยี่ยเทียนสั่งสอนสำนักเจ็ดดาวเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่เยี่ยเทียนเองก็ไม่ปรากฏตัวที่ฮ่องกงแล้วหลายปี เศรษฐีใหม่ๆหลายคนจึงไม่รู้จักเขา
หลังจากเดินมาถึงห้องโถง คนที่ยืนพูดคุยกันอยู่ตรงกลางห้องโถงพวกนั้น เดินเข้ามาหาทันที หวาเซิ่งหัวเราะตั้งแต่ระยะห่างยังเหลืออีกสี่ห้าเมตร กล่าวว่า
“คุณเยี่ย นี่คุณมาด้วยเหรอ พบคุณได้ยากมากจริงๆ!”
“ท่านประธานหวาก็พูดเกินไป คนในประเทศเดือดร้อน ทุกคนต่างพากันสนับสนุน แล้วผมจะไม่สนใจได้อย่างไรกัน” เมื่อเห็นว่าหวาเซิ่งทำทีเหมือนสนิทกับตนมาก เยี่ยเทียนก็อดขำไม่ได้
“ท่านประธานหวาผู้มีกิจการใหญ่โตนี่สิครับ วันนี้อย่าลืมบริจาคเงินเพื่อการกุศลเยอะๆนะครับ”
“คุณเยี่ยกำลังล้อเลียนผมหรือเปล่า กิจการแค่นั้นเอง จะเทียบกับคุณได้อย่างไรกัน”
รอยยิ้มของหวาเซิ่งขมขื่นเล็กน้อย พอเยี่ยเทียนพูดแบบนี้ออกไป เดิมทีเขาแค่อยากมาร่วมสนุกเท่านั้น แต่ดูแล้วคงเลือดซิบไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงเป็นการไม่ไว้หน้าปรมาจารย์เยี่ยเป็นแน่
“ท่านประธานเยี่ย เหล่าเหวินก็มานะครับ ยังมีเพื่อนของท่านอีกคนหนึ่ง
” หวาเซิ่งหันซ้ายขวาและโบกมือให้กับคนทางนู้น ตะโกนว่า “เหล่าเหวิน คุณเยี่ยมา มาตรงนี้กับคุณเฉินสิ!”
“คุณเฉิน เฉินจิ้งหลันเหรอ”
เยี่ยเทียนที่ได้ยินก็อึ้งไปครู่หนึ่ง พอเงยหน้ามองผู้หญิงที่กำลังเดินมาทางนี้ ก็คือเฉินจิ้งหลัน และข้างๆเธอยังมีเถ้าแก่เหวิน เหวินหลวนสงใส่สูทรองเท้าหนังมาด้วย เหวินหลวนสงอายุห้าสิบกว่าแล้ว แต่ยังดูหนุ่มเหมือนสามสิบกว่า ถ้าเยี่ยเทียนตรวจเช็คการเคลื่อนไหวของปราณชีวิตไม่เป็น คงคิดว่าหมอนี่เป็นผู้ฝึกวิชาเหมือนกัน
“คุณเยี่ย ไม่ได้เจอตั้งสองปี เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ!”
รอยยิ้มของเหวินหลวนสงดูเกร็งกว่าหวาเซิงที่อยู่ข้างๆเสียอีก เขารู้ว่าเยี่ยเทียนเคยดูแลเธอมาก่อน พอคิดถึงการกระทำของตัวหลายปีที่ผ่าน ในใจรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาทันที
เหวินหลวนสงกับหวาเซิ่งสนิทกันกว่า และยังรู้สิ่งที่เยี่ยเทียนทำเอาไว้ ได้ข่าวว่าเหตุการณ์ต่างประเทศหลายเหตุการณ์ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับเยี่ยเทียนไม่มากก็น้อย อย่างเช่นคนญี่ปุ่นหายสาบสูญเป็นกลุ่ม กับแก๊งรัสเซีย ดูเหมือนว่าจะมีเงาของเยี่ยเทียนเกี่ยวพันอยู่ทุกเรื่อง
“ท่านประธานเหวิน ท่านก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนนะครับ”
เยี่ยเทียนแซวเล่นกับเหวินหลวนสงไม่กี่คำเสร็จ เขาหันไปหาเฉินจิ้งหลัน ยิ้มและกล่าวว่า
“พี่จิ้งหลัน พี่ยิ่งอยู่ยิ่งสวยนะครับ หนังที่พี่เพิ่งแสดงเร็วๆนี้ผมดูหมดแล้ว แสดงได้ดีมากเลยครับ”
ช่วงเวลาที่ภรรยาตั้งครรภ์ เป็นช่วงเวลาที่เยี่ยเทียนใช้ชีวิตแบบคนธรรมดามากที่สุด บางทีเขาก็พาชิงหย่าไปดูหนังในโรงภาพยนต์ ประกอบกับลักษณะงานของอวี๋ชิงหย่าแล้ว ทำให้เขารู้เรื่องของเฉินจิ้งหลันอยู่ไม่น้อย
เฉินจิ้งหลันในวันนี้ ไม่ใช่ดาราเล็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว หลังจากที่เธอแสดงเป็นตัวหลักในหนังฮอลลีวูดแล้วหลายเรื่อง ตอนนี้เธอได้เข้าไปอยู่ในตลาดยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เยี่ยเทียนไม่คิดเหมือนกันว่า งานประมูลการกุศลครั้งนี้จะเชิญเธอมาร่วมได้
พอคิดถึงเรื่องเก่าๆ เยี่ยเทียนถอนหายใจ พริบตาเดียวผ่านไปแล้วสิบปี
เวลาผ่านไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เด็กผู้ชายบ้านๆเดินทางเข้ากรุงเพื่อไปเรียนหนังสือ ได้ถอดรูปแปลงร่าง อำนาจและความมั่งคั่งเป็นเพียงเมฆล่องลอยสำหรับเขา ส่วนเด็กผู้หญิงที่เข้าเรียนสถาบันภาพยนต์ในวันนั้น ได้กลายเป็นดาราภาพยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และทุกๆวันจะเห็นเธอแทบทุกรายการบันเทิง
“เยี่ยเทียน ไม่ได้ข่าวคราวเธอนานมาก สบายดีไหม”
ความรู้สึกของเฉินจิ้งหลันซับซ้อนมากเมื่อเห็นหน้าเยี่ยเทียน เข้าวงการบันเทิงมานาน เคยมีแฟนมาแล้ว แต่ในใจส่วนลึกยังคงมีภาพผู้ชายที่ยิ้มเขินแล้วดูดีมากอยู่คนหนึ่งตลอดเวลา แต่เฉินจิ้งหลันเข้าใจว่า มันเป็นเพียงดอกไม้ในกระจกเงาเท่านั้น ระหว่างเขาสองคนไม่มีวันแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้
“ก็สบายดีครับพี่จิ้งหลัน ถ้ามีภาพยนต์ใหม่ฉายอีก เอาตั๋วให้ผมด้วยนะ ไม่แน่นะ ถ้าลูกผมโตขึ้น เขาอาจจะเป็นแฟนคลับพี่ก็ได้!”
เยี่ยเทียนรู้สึกดีต่อเฉินจิ้งหลัน ผู้หญิงที่มีความมั่นใจมากคนนี้ มิฉะนั้นตอนนั้นเขาคงไม่ยื่นมือเข้าช่วยเธอ แต่ความรู้สึกดีก็คงต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้ นอกจากอวี๋ชิงหย่าที่ลิขิตไว้แล้ว เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวความสัมพันธ์ใดอีก
“หา เธอมีลูกชายแล้วเหรอ เวลาผ่านไปเร็วจริง!”
เฉินจิ้งหลันเกิดความรู้สึกพูดไม่ออก เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอมีชื่อเสียงโด่งดังทะลุฟ้าตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบ เธอรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ น่าเบื่อซะจนมีความคิดอยากจะออกจากวงการ
เยี่ยเทียนสัมผัสความรู้สึกของเฉินจิ้งหลันได้ เขายิ้มและกล่าวว่า
“พี่จิ้งหลัน ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง พี่ควรจะใช้ชีวิตอยู่ในหน้าจอเนี่ยแหละ สู้ๆครับ!”
คำพูดของเยี่ยเทียนเหมือนมีพลังพิเศษ และเหมือนนสายลมเย็น ที่พัดหมอกในใจของเฉินจิ้งหลันออกไป เฉินจิ้งหลันยิ้มและกล่าวว่า
“เธอพูดถูก เยี่ยเทียน ครั้งหน้าถ้าภาพยนต์ของฉันฉายเมื่อไหร่ เธอต้องมาด้วยนะ!”
เยี่ยเทียนพยักหน้าและตอบว่า
“พี่ไม่บอก ผมก็จะไปครับ พี่จิ้งหลัน ตรงนั้นมีคนรู้จัก เดี๋ยวผมขอตัวไปคุยกับเขาก่อนนะครับ”
จิ้งหลันมองดูเยี่ยเทียนและคนข้างๆเดินจากไป เธอรู้ดีว่าโอกาสพูดคุยกับเยี่ยเทียนต่อจากนี้ จะน้อยลงกว่าเดิม เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน แลดูล่องลอยราวกับไม่ใช่มนุษย์ที่อยู่บนโลกอย่างนั้น
“ซีกั๋ว มาได้ยังไงเนี่ย” เยี่ยเทียนไม่ได้ตั้งใจหลบเฉินจิ้งหลัน แต่เขาเห็นคนรู้จักจริงๆ และเขาคนนั้นก็คือหลิ่วซีกั๋วลูกเขยของจั่วเจียจวิ้น
“อาเล็ก อามาถึงฮ่องกงตั้งแต่ไหร่”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนที่นี่ หลิ่วซีกั๋วตกใจไม่เบา เมื่อวานเป็นวันรวมตัวของสำนักเสื้อป่าน เพราฉะนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนมาที่ฮ่องกง
……………………………..