หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 782 เลือดตกยางออก
ตอนที่ 782 เลือดตกยางออก
“เฮ้อ อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น!”
หลังจากนั้นสิบกว่าชั่วโมง เยี่ยเทียนเดินลงจากเครื่องบินที่เคปทาวน์ รู้สึกถึงไอร้อนที่พัดใส่ใบหน้า เสื้อผ้าชุดหนาที่เขาสวมมาจากไซบีเรียนั้นไม่เข้ากับอากาศที่นี่ราวกับอยู่คนละโลก
“สวัสดีครับ คุณคือคุณจ้าวใช่ไหม?”
เมื่อเยี่ยเทียนเดินออกจากประตูสนามบิน ก็มีชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่าเดินเข้ามาหา แล้วยื่นมือขวาออกมาให้เยี่ยเทียน
“คุณจ้าว?” เยี่ยเทียนงงไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ในพาสปปอร์ตที่ถืออยู่ตอนนี้ใช้แซ่จ้าว
“คุณจ้าว ผมคือเฉียวเฟิงหลิน ผมเป็นผู้รับผิดชอบจากบริษัทการลงทุนกวนหวาแอฟริกาใต้จำกัดครับ”
จับมือกับเยี่ยเทียนแล้วเฉียวเฟิงหลินยิ้มแก้มปริ “รถรอคุณอยู่ด้านนอกแล้ว เราออกไปกันเถอะครับ”
“ครับ ลำบากคุณเฉียวแล้ว”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เขามองออกว่ารอยยิ้มของคุณเฉียวคนนี้ดูเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีพิษภัย แต่ในความจริงแล้วได้แอบซ่อนรัศมีบางอย่างเอาไว้ สถานภาพที่แท้จริงของเขาไม่ได้เป็นเพียงผู้จัดการบริษัทธรรมดาอย่างที่บอกไว้เท่านั้น
เยี่ยเทียนยังรู้อีกว่า สถานกงสุลในต่างประเทศกับพวกที่เข้าร่วมกับการทหารนั้นต่างเป็นสายลับที่ทำงานอย่างโจ่งแจ้ง
ส่วนที่บอกว่าบริษัทการลงทุนนั้นหมายถึงสายลับที่คอยรวบรวมข่าวสารจากประเทศนี้ เฉียวเฟิงหลินคงจะเป็นผู้รับผิดชอบงานสายนี้นั่นเอง
ทั้งสองเดินออกมาจากสนามบิน เฉียวเฟิงหลินนำเยี่ยเทียนไปที่รถตะลุยป่าคันหนึ่ง แล้วขับออกไป
“คุณเฉียวครับ รถคันนี้ถูกดัดแปลงมาแล้วใช่ไหมครับ ในเคปทาวน์นี่สถานการณ์ไม่สู้ดีหรือครับ?” เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ได้พูดอะไร เยี่ยเทียนก็ไม่อยากซักไซ้ จึงชวนคุยไปเรื่องอื่น เขาสังเกตรถตะลุยป่าที่ตัวเองนั่งอยู่
รถคันนี้เป็นรถสัญชาติญี่ปุ่นที่พบได้ทั่วไปในต่างประเทศ แต่เยี่ยเทียนเห็นว่าตัวรถไม่เพียงแต่เปลี่ยนไปใช้กระจกกันกระสุน ทั้งยังติดตั้งเหล็กกล้าที่ประตูอีกชั้น ถ้าไม่เห็นสัญลักษณ์ยี่ห้อรถ เขาคงคิดว่านี่เป็นรถสัญชาติอเมริกา
“คุณจ้าว ไม่ใช่ไม่สู้ดี แต่ที่แอฟริกาใต้นี่ ไม่มีความสงบเลยต่างหาก!”
ได้ยินคำถามของเยี่ยเทียนแล้ว เฉียวเฟิงหลินยิ้มแห้ง เห็นเยี่ยเทียนไม่ได้ปิดหน้าต่างรถเขาจึงรีบกดปิดทันที “ในแอฟริกาใต้นี่ ทุกๆสิบนาทีจะเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นครั้งหนึ่ง ทุกๆนาทีจะมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น….”
เฉียวเฟิงหลินพูดมือขวาก็ล้วงเข้าไปใต้เบาะเก้าอี้ ควักเอาปืนไรเฟิลออกมา บอกอีกว่า “คุณจ้าวครับ ที่นี่ไม่เหมือนกับประเทศจีน ถ้าไม่ปิดหน้าต่างรถละก็ พอถึงแยกไฟแดงอาจจะถูกคนร้ายเอาปืนจ่อหัวได้!”
เฉียวเฟิงหลินตอนที่เพิ่งมาอยู่ที่เคปทาวน์ใหม่ๆ ก็ได้ลิ้มรสชาติไปแล้วครั้งหนึ่ง เขาขับรถธรรมดา พอถึงแยกไฟแดงถูกคนร้ายทุบกระจกรถแล้วเอาปืนจ่อขมับเขาเพื่อแย่งกระเป๋าไป
“แย่ขนาดนี้เลย? แล้วประเทศจะพัฒนาไปได้อย่างไร?”
เยี่ยเทียนฟังแล้วอึ้งไป ประเทศหนึ่งหากเกิดเหตุวุ่นวายภายในถึงขนาดนี้ ใครยังอยากจะมาลงทุน? นี่ไม่เป็นการขุดหลุมฝังตัวเองหรอกหรือ?
“แอฟริกาใต้ไม่กลัวจะไม่มีใครมาหรอก”
เฉียวเฟิงหลินยิ้ม “ที่นี่มีเหมืองแร่กับเหมืองทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก พูดได้ว่าเป็นประเทศที่มีสมบัติใต้ดินมากที่สุด แล้วการปกครองให้เกิดความสงบยังจะสำคัญอยู่อีกหรือ? ขอแค่หาเงินได้ ใครๆก็อยากมาลงทุนที่นี่!”
“คนตายเพราะความโลภ นกตายเพราะหาอาหาร”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เขาพูดตามที่ตัวเองคิด “คุณเฉียวครับ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ เมื่อไหร่คุณจะช่วยดำเนินการให้ผมกลับประเทศ?”
ตามความหมายของเยี่ยเทียน ตอนที่เขาลงจากเครื่องบินที่เคปทาวน์ แทบอยากจะขึ้นเครื่องบินกลับจีนเดี๋ยวนี้เลย แต่ซ่งเฮ่าเทียนจัดการให้เขาแบบนี้ เยี่ยเทียนจึงต้องไว้หน้าชายชราด้วย
เฉียวเฟิงหลินได้ฟังแล้วตอบอย่างขอโทษขอโพย “คุณจ้าวครับ ต้องขอโทษจริงๆนะครับ มันฉุกละหุกเกินไป ขั้นตอนบางอย่างยังไม่สามารถดำเนินการได้”
ตั้งแต่เยี่ยเทียนเดินทางจากไซบีเรียมาจนถึงเคปทาวน์ใช้เวลาทั้งหมดยี่สิบกว่าชั่วโมง เครือข่ายลูกน้องของซ่งเฮ่าเทียนกว้างขวาง ระยะห่างไกลหลายหมื่นกิโลเมตร ยังไงก็ต้องให้เวลาพวกเขาใช้เวลาเดินเรื่อง
อีกอย่างระหว่างทางเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นก็คือ “เยี่ยเทียน” ตอนนี้ถือพาสปอร์ตท่องเที่ยวอยู่ในอเมริกา ดังนั้นเขายังต้องใช้ชื่อคุณจ้าวเพื่ออยู่ในเคปทาวน์ไปอีกหลายวัน
เรื่องนี้มีคนเพียงไม่กี่คนที่รับรู้ เฉียวเฟิงหลินคนนี้ไม่รู้ความจริง เขาได้รับเพียงคำสั่งให้ไปรับและพาเยี่ยเทียนเข้าที่พักเท่านั้น
เยี่ยเทียนฟังจบก็ตอบอย่างหมดอาลัยตายอยากว่า “เอาเถอะ ให้เร็วหน่อยแล้วกัน ผมยังมีธุระที่ต้องกลับไปทำ”
“วางใจเถอะครับ คุณจ้าว ผมจะรีบจัดการให้”
พูดจบเฉียวเฟิงหลินขับรถเข้าไปจอดหน้าประตูโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง “ผมจองห้องพักให้คุณแล้ว คุณเข้าไปยื่นพาสปอร์ตให้เขาก็จะได้กุญแจห้องมา คุณจ้าว ในช่วงหลายวันนี้ถ้ามีเรื่องอะไรให้รีบโทรศัพท์ติดต่อผมทันทีเลยนะครับ!”
คนอย่างเฉียวเฟิงหลินนอกจากจะรวบรวมข้อมูลจากต่างชาติแล้วยังมีงานที่สำคัญอีกอย่างคือ การต้อนรับ ทุกๆปีเขาจะต้องทำหน้าที่ให้การต้อนรับดูแลแขกผู้มาเยือนหน้าใหม่
เรื่องของเยี่ยเทียนถือเป็นความลับขั้นสุดยอด แน่นอนว่าเฉียวเฟิงหลินไม่มีสิทธิ์รับรู้ เขาจึงจัดให้เยี่ยเทียนเป็นแขกที่เขาต้องดูแลคนหนึ่ง ไม่ได้ให้ความใส่ในเป็นพิเศษ
“คุณเฉียว ผมไม่รบกวนคุณหรอก”
เยี่ยเทียนพยักหน้ายิ้ม เปิดประตูโรงแรมเดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์ หยิบพาสปอร์ตออกมายืนยันเพื่อรับกุญแจห้อง แล้วขึ้นห้องพักไป
แม้เฉียวเฟิงหลินไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต้อนรับเยี่ยเทียน แต่โรงแรมที่เขาจองให้นั้นดีมาก เยี่ยเทียนพักอยู่ชั้นยี่สิบแปด เมื่อยืนมองจากหน้าต่างห้องพัก สามารถมองเห็นวิวเมืองเคปทาวน์ได้ครึ่งเมือง
“มาถึงที่นี่ก็โทรกลับบ้านได้แล้วล่ะสิ?”
เยี่ยเทียนโยนกระเป๋าเป้ที่ฝูเจิ้งหมิงมอบให้เขาลงไปบนโซฟา แล้วหยิบโทรศัพท์ของโรงแรมขึ้นมา คิดเล็กน้อย เขาไม่ได้โทรกลับบ้านโดยตรง แต่โทรเข้ามือถือของมาลาไกย์
“คุณเป็นใคร? ต้องการคุยกับใครครับ?”
สายโทรศัพท์ดังอยู่สิบกว่าครั้ง ฝ่ายนั้นถึงจะได้ยิน เสียงมาลาไกย์ถามมาในสายแสดงให้เห็นว่าเขาระแวดระวังกับเบอร์โทรแปลกหน้ามาก
มาลาไกย์ไม่ระวังไม่ได้ แม้สามเดือนก่อนเขาพาต่งต้าจ้วงลุงและหลานหนีออกจากรัสเซียได้สำเร็จแต่ด้วยเขาเป็นคนต่างชาติที่อยู่ในไซบีเรียในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน ทำให้ชื่อของมาลาไกย์ถูกขึ้นบัญชีดำไว้แล้วเรียบร้อย
สามเดือนที่ผ่านมา มีคนแปลกหน้ามาปรากฏตัวขึ้น ยิ่งกว่านั้นมีหลายครั้งที่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ถ้าเขาไม่ระวังตัวมากพอ ป่านนี้คงถูกเชิญไปนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ไหนสักแห่งในรัสเซีย
“เหล่าหม่า นี่ผมเอง!”
เยี่ยเทียนตอบเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงปักกิ่ง มาลาไกย์ได้ยินก็ตะลึงตาค้าง แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงตกใจว่า “บอสส์? คุณ ….คุณยังมีชีวิตอยู่?”
ถ้าสายนี้เป็นความรักครั้งแรกของมาลาไกย์ เขาจะยังไม่ตกใจเท่านี้ พอได้ยินเสียงของเยี่ยเทียน มาลาไกย์รู้สึกตื่นเต้นจนขนหัวลุก
หลังจากส่งต่งต้าจ้วง ลุงและหลานกลับปักกิ่งเรียบร้อยแล้ว มาลาไกย์ได้ข่าวจากพรรคพวกที่ไซบีเรียว่า กองทัพรัสเซียหนึ่งแสนนายได้สังหารชายชาวจีนที่มีความสามารถเก่งกล้าไปคนหนึ่ง
ข่าวนี้ทำให้มาลาไกย์คิดว่าผู้ตายต้องเป็นเยี่ยเทียนอย่างแน่นอน เขาถึงกับล้มเลิกความคิดที่จะทวงเงินยี่สิบล้านตามคำสัญญาของเยี่ยเทียนไปเลย
มาตอนนี้ได้ยินเสียงของเยี่ยเทียนอีกครั้ง มาลาไกย์รู้สึกเย็นยะเยือกในสันหลังจนขนลุกชูชันไปทั้งตัว
“เหลวไหล ตายแล้วก็ต้องเป็นผีสิ เป็นผีแล้วจะมาคุยกับคุณได้ยังไง?”
เยี่ยเทียนได้ยินเสียงที่ตกใจจนแหบห้าวของมาลาไกย์แล้วก็หงุดหงิด “เหล่าหม่า คุณเล่าสถานการณ์ทางฝั่งนั้นมาให้ผมฟังคร่าวๆหน่อย ถ้าภารกิจสำเร็จเงินก้อนนั้นผมจะเพิ่มจำนวนโอนให้คุณเลย!”
“จริง….จริงเหรอ บอสส์?”
มาลาไกย์เสี่ยงชีวิตยิงปืนฝ่าออกมาจากห่ากระสุนหนีเอาตัวรอดมาได้ เขาดึงสติกลับมาจากความตกใจ รีบตอบกลับว่า “ต่งต้าจ้วง ลุงและหลานน่ะผมส่งตัวให้คนที่ชื่อจู้เหวยเฟิงแล้ว พวกเขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ”
ตอนแรกเขาอยากจะคุยโม้ว่าตัวเองพาต่งต้าจ้วงหลบหนีจากอันตรายด้วยความยากลำบากอย่างไร แต่พอนึกถึงเยี่ยเทียนที่หลบหนีจากกองทัพรัสเซียเป็นแสนนายได้ เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
“ดีแล้ว ผมรู้แล้วล่ะ เงินนั่นอย่างเร็วครึ่งเดือน อย่างช้าหนึ่งเดือน ผมจะโอนเข้าบัญชีให้คุณ”
เมื่อได้ยินว่าต่งต้าจ้วง ลุงและหลานถูกส่งตัวให้จู้เหวยเฟิงแล้ว เยี่ยเทียนก็วางใจ เขากำลังจะวางสายจู่ๆเกิดภาพขึ้นในหัว รีบบอกมาลาไกย์ว่า “เหล่าหม่า ช่วงนี้คุณดวงไม่ค่อยดี ไปอยู่เมืองจีนสักหลายวันหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นจะมีภัยให้เลือดตกยางออก”
ไม่รู้ว่าเพราะการฝึกวิชาที่ก้าวหน้า ทำให้การทำนายของเยี่ยเทียนเกิดความเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ขอแค่ในหัวเขาผุดภาพของใครขึ้น ก็มักจะเกิดเรื่องกับคนๆนั้น
เมื่อครู่ตอนที่คุยกับมาลาไกย์อยู่นั้น เยี่ยเทียนมองเห็นภาพมาลาไกย์ถูกคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามอย่างน่าสมเพช เขาจึงเอ่ยเตือนไป
“เลือดตกยางออก? หมายความว่ายังไง?” มาลาไกย์แม้จะเรียนภาษาจีนมาเล็กน้อย แต่ไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งของคำนี้
ภาพในหัวของเยี่ยเทียนสลายไป เยี่ยเทียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ก็คือคุณไปเที่ยวผู้หญิงแล้วไม่ยอมจ่ายเงินไงเล่า เลยถูกเขาตีหัวแตก เข้าใจหรือยัง?”
“เข้าใจ…เข้าใจแล้ว แต่ว่าบอสส์ ทำไมถึงรู้ว่าผมไปเที่ยวผู้หญิงแล้วไม่จ่ายเงินเล่า?” มาลาไกย์ได้ฟังก็งุนงง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อเดือนก่อน มาลาไกย์หลบหนีจากการติดตามของหน่วยพิเศษรัสเซีย เข้าไปหลบในบ้านของสาวโสดคนหนึ่ง ตอนแรกคิดแค่ว่าเล่นสนุก กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นโสเภณี หลังจากเสร็จกิจแล้วเธอได้แบมือขอเงินเขาห้าร้อยดอลลาร์เป็นค่าตอบแทน
มาลาไกย์ค้นเงินออกมามีเพียงห้าร้อยดอลล่าร์เท่านั้นที่ติดตัว ตอนที่เขากำลังสวมกางเกงเตรียมจะไปนั้น ก็ถูกหญิงโสเภณีใช้แจกันฟาดหัวทีหนึ่ง
แม้จะทำอะไรมาลาไกย์ไม่ได้มากไปกว่านี้ แต่รอยแผลบนหัวของเขาก็คือภัยเลือดตกยางออกที่เยี่ยเทียนพูดถึง