หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 741 มอสโคว
ตอนที่ 741 มอสโคว
หลังจากยืนยันความสัมพันธ์ของตระกูลอวิ๋นกับติงหงแล้ว เยี่ยเทียนจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ
เหมืองแร่ทองคำที่ไซบีเรียมีอะไรกันแน่? ถึงทำให้ติงหงรีบแจ้นไปทันทีหลังจากที่จบงานประมูล ถ้าหากไปเพื่อทองคำ เหตุผลดูจะขัดๆ กันนิดหน่อย
“บอสส์ คุณจะมาเหรอครับ? งั้นก็ดีเลย ตอนนี้พวกเราอยู่ที่…”
พอได้ยินเยี่ยเทียนพูดว่าจะรีบมาที่รัสเซีย มาราไกย์ที่ถือสายอยู่ก็ดีใจขึ้นมาทันที แล้วจึงบอกที่อยู่ของตัวเองไป ในใจของมาราไกย์ เยี่ยเทียนเปรียบเสมือนพระเจ้าที่มีความสามารถสารพัดอย่าง
“ผมรู้แล้ว จะไปพรุ่งนี้เช้านะ”
เยี่ยเทียนจดที่อยู่เสร็จแล้ว จึงวางสาย ขณะที่เขากำลังจะลงไปข้างล่างหาถังเหวินหย่วน เพื่อให้ช่วยจัดตารางการเดินทางให้กับเขานั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เยี่ยเทียน เมื่อครู่นายติดสายเหรอ?”
เสียงของอวี๋ชิงหย่าดังมาตามสาย เดิมทีเธอไม่ชอบกับการคอยตามเช็คแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้พฤติกรรมของเยี่ยเทียนผิดปกติเกินไป ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องเหมือนที่นิวยอร์กอีกครั้ง
“ใช่ ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่รัสเซีย…”
เยี่ยเทียนแอบถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ชิงหย่า พรุ่งนี้ฉันจะบินไปที่รัสเซียสักหน่อย ไม่รู้ว่าที่นั่นจะโทรศัพท์สะดวกไหม ถ้าหากไม่ได้โทรหาเธอ เธอก็ไม่ต้องร้อนใจนะ!”
ซ่งเวยหลันกับเยี่ยตงผิงต่างก็มีอายุประมาณห้าสิบกว่าปีแล้ว ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นให้เยี่ยเทียนต้องเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า เขาอยู่ข้างนอกจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพียงแต่กับอวี๋ชิงหย่า เยี่ยเทียนกลับรู้สึกผิดและละอายมาจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ
ตั้งแต่แต่งงานมาจนถึงตอนนี้ นอกจากช่วงเวลาที่เขาบาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว ก็ไม่เคยอยู่กับอวี๋ชิงหย่าถึงเดือนเต็มสักครั้ง ในฐานะของสามี เยี่ยเทียนไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสามีที่ดีคนหนึ่ง
“นายจะไปต่างประเทศ?” หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน เสียงของอวี๋ชิงหย่าจึงดูตึงเครียดขึ้นมาบ้าง “ไปทำอะไรที่รัสเซีย? อันตรายหรือเปล่า?”
ในใจของอวี๋ชิงหย่า ดูเหมือนเยี่ยเทียนจะไม่เคยทำเรื่องปกติเลย ถ้าไม่วิ่งไปหาทองคำที่พม่า ก็วิ่งไปเสินหนงเจี้ยหาคนป่า ตอนนี้จะไปต่างประเทศอีกแล้ว
“ไม่เป็นไร เรื่องธุรกิจน่ะ ไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับแล้ว!”
เรื่องที่ซ่งเวยหลันลงทุนเหมืองแร่ทองคำ มีเพียงเธอกับเยี่ยเทียนสองคนเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงไม่ต้อง อธิบายอะไรให้ละเอียด จึงปลอบใจอวี๋ชิงหย่าพักหนึ่ง หลังจากสองสามนาทีผ่านไป จึงวางสาย
เยี่ยเทียนไปหาถังเหวินหย่วนที่ห้องด้านล่างของตึก ซึ่งเขาได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เกือบครึ่งปีแล้ว
เนื่องจากลักษณะพิเศษของบ้านหลังนี้ ถังเหวินหย่วนจึงทำอาหารทานเองทุกวัน ไม่มีการสังสรรค์ข้างนอกบ่อยๆ กับการหล่อเลี้ยงของปราณวิเศษฟ้าดินที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ทำให้เขารู้สึกหนุ่มลงไปยี่สิบปี ริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็จางลงมาก
พอได้ยินเยี่ยเทียนพูดว่าจะไปรัสเซีย ถังเหวินหย่วนจึงรับปากทันที ตอนนี้เครื่องบินส่วนตัวของเขาเหมือนจะเก็บให้เยี่ยเทียนใช้โดยเฉพาะไปแล้ว และเขาก็ยังอยากให้เยี่ยเทียนหาเรื่องรบกวนเขาบ่อยๆ อีกด้วย
…
“คุณเยี่ย เรียกผมว่าอาหวาก็ได้ครับ ไม่ทราบว่าคุณจะไปที่ไหนครับ?”
เวลาประมาณเที่ยงของวันที่สอง เยี่ยเทียนเพิ่งลงจากเครื่องบิน รถยนต์ที่มีป้ายทะเบียนท้องถิ่นของมอสโควคันหนึ่งก็ขับเข้ามา นี่คือการจัดการของถังเหวินหย่วน เพราะที่รัสเซียเขาก็มีบริษัทสาขาของตัวเองเช่นกัน
หลังจากเข้าไปนั่งที่เบาะหลังแล้ว เยี่ยเทียนจึงพูดว่า “ไปแถวๆ จตุรัสแดงครับ!”
คนขับรถเชื้อสายจีนคนนั้นไม่ได้พูดอะไรมาก สตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากสนามบิน จากนั้นเยี่ยเทียนจึงหลับตา และกำลังคิดถึงการเดินทางมารัสเซียในครั้งนี้
เนื่องจากตอนนี้ติงหงอาจจะอยู่ที่ไซบีเรีย ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงพกกระดิ่งซานชิงติดตัวมาอย่างเดียว ส่วนมีดบินกับเชือกรัดมังกรที่ได้มาจากเก๋อข่าย เขาได้ซ่อนไว้ในบ้านที่ฮ่องกงแล้ว
ตอนนี้ในใจของเยี่ยเทียนเกิดความขัดแย้งกัน เพราะเขาอยากไปที่เหมืองแร่ทองคำเพื่อดูว่ามีอะไรแตกต่างกันกันแน่ แต่ก็กลัวจะเจอกับติงหง จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคิดไม่ตก
ส่วนเรื่องของต่งต้าจ้วง เยี่ยเทียนกลับมองเป็นเรื่องรอง เพราะก่อนจะมาเขาได้ทำนายแล้ว ตอนนี้ต่งต้าจ้วงไม่ได้ถูกทำร้ายอะไร ถือว่าน่าจะยังราบรื่นอยู่
“คุณเยี่ย นี่คือจตุรัสแดงครับ มันคือสถาปัตยกรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของมอสโควเชียวนะ!” ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังหลับตาครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงของคนขับรถก็ดังขึ้นมา
“อ้อ? มีชื่อเสียงมากกว่าจตุรัสเทียนอันเหมินอีกเหรอ?”
เยี่ยเทียนได้ยินแล้วจึงลืมตามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วสถาปัตยกรรมสีแดงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า นั่นคือกำแพงป้อมปราการสีแดงของพระราชวังเครมลิน และรอบๆ ของมันก็คือสุสานเลนินกับหอคอยสูงสามแห่ง
“ก็งั้นๆ แหละ!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าเล็กน้อย ผลงานคลาสสิคมากมายของต่างประเทศความจริงแล้วต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง และถึงแม้จตุรัสแดงจะมีชื่อเสียงมาก แต่ก็ครอบคลุมพื้นที่น้อยกว่าจตุรัสเทียนอันเหมินเสียอีก
“อ้อใช่ อาหวา” พอดึงสายตากลับมา เยี่ยเทียนมองไปที่อาหวาคนขับรถแล้วถามว่า “คนเชื้อสายจีนที่อยู่ในมอสโควเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ดี ไม่ดีเอามากๆ เลยครับ!”
อาหวาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตอนที่ถึงยุคการสลายตัวของอดีตสหภาพโซเวียต คนจีนจำนวนมากต่างแห่เข้ามาทำการค้า ในหมู่พวกเขามีทั้งที่ทำตามกฎและไม่ยึดตามกฎ จนกระทั่งตอนนี้ คนรัสเซียต่างก็ต่อต้านคนจีนอย่างรุนแรง…”
เรื่องที่อาหวาพูด เยี่ยเทียนก็พอรู้บ้าง เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่า เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เรื่องพวกนั้นยังคงมีผล กระทบมากถึงขนาดนี้
ตอนนั้นเกิดการสลายตัวของอดีตสหภาพโซเวียต คนที่พอมีหัวคิด ต่างก็กรูกันเข้ามาที่รัสเซียอย่างล้นหลาม เหมือนอย่างเฉินสี่ฉวนกับเว่ยหงจวินก็เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นเช่นกัน
ตอนนั้นรัสเซียที่เพิ่งสถาปนาประเทศมีทรัพยากรน้อยมาก ขอเพียงคุณนำของจากประเทศจีนไปขาย ไม่ว่าอะไรก็ขายหมด
แม้แต่เหล้าเอ้อร์กัวโถวก็ยังแลกกับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ได้ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก กระทั่งมีตำนานว่าพวกเจ้าสัวที่สามารถประดิษฐ์ของใช้ในชีวิตประจำวันก็ยังแลกของกับเครื่องบินได้เลย แสดงถึงความวุ่นวายของอดีตโซเวียตในตอนนั้นอย่างเห็นได้ชัด
ความไม่มั่นคงทางสังคม ทำให้แก๊งค์มาเฟียของรัสเซียเหิมเกริม หนำซ้ำอิทธิพลของพวกแก๊งค์มาเฟียอย่างประเทศตุรกีที่อยู่รอบๆ ก็ยังเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย
ตอนแรก คนที่ทำธุรกิจในประเทศถูกแย่งไปเป็นจำนวนมาก แต่คนที่กล้าใช้เงินหนีไปต่างประเทศ จะมีสักกี่คนเชียว? หลังจากความวุ่นวายโกลาหลในช่วงแรก จึงมีการรวมกำลังพลเพื่อต่อสู้กลับทันที
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ถนนของมอสโควยังเคยเห็นภาพการขับรถไล่ยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุทำให้ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องต้องบาด เจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และแก๊งค์มาเฟียที่มาจากประเทศจีนก็ทำให้ตำรวจรัสเซียปวดหัวไม่หยุดหย่อน
บวกกับตอนหลังพวกพ่อค้าที่ทำธุรกิจก็ชอบหลอกลวงกันเยอะ ทำให้เดิมทีคนรัสเซียมากมายที่รู้สึกถึงความเหนือกว่า ก็ยิ่งต่อต้านคนจีนมากขึ้น ปรากฏการณ์แบบนี้รุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ
หลังจากฟังอาหวาเล่าเรื่องแล้ว เยี่ยเทียนจึงอดสายหน้าไม่ได้ แล้วจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “อาหวา แล้วคุณรู้จักสมาคมหงเหมินหรือเปล่า?”
“หงเหมิน?”
พอได้ยินชื่อนี้ มือที่จับพวงมาลัยของอาหวาสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเขาจึงมองกระจกหลัง แล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณเยี่ยครับ คุณรู้จักสมาคมหงเหมินได้ยังไงครับ?”
“อาหวา ให้ผมโทรไปหาถังเหวินหย่วนดีไหมล่ะ?” เยี่ยเทียนได้ยินจึงหัวเราะ เขามองออกว่าอาหวาจะต้องรู้เรื่องของสมาคมหงเหมินมากแน่นอน ไม่แน่เขาก็คือคนของสมาคมหงเหมินด้วย
แต่เยี่ยเทียนขี้เกียจคุยเรื่องมาเฟียอะไรพวกนี้ จึงเอาชื่อของถังเหวินหย่วนออกมาอ้างดีกว่า
และแล้ว หลังจากที่ได้ยินชื่อของถังเหวินหย่วน สีหน้าของอาหวาก็เปลี่ยนไปจริงๆ จากนั้นเขาจึงหัวเราะอย่างขมขื่น “คุณเยี่ย ขอพูดตามตรง ผมก็คือคนของสมาคมหงเหมินครับ ช่วงนี้ สมาคมหงเหมินในมอสโควถือว่ามีแต่ชื่อแต่ตัวตายไปแล้วครับ…”
ที่แท้ เมื่อสองสามเดือนก่อน สาขาของสมาคมหงเหมินที่ดูแลมวยใต้ดินของมอสโคว จู่ๆ ก็ถูกพวกแก๊งค์มาเฟียที่มาจากญี่ปุ่น มอสโคว และตุรกีร่วมมือกันลอบโจมตี
เนื่องจากต่งเซิงไห่ไม่อยู่ สมาคมหงเหมินจึงไม่ทันได้ตอบโต้ ทำให้บาดเจ็บล้มตายเพียงชั่วข้ามคืน และต้องหนีออกมาจากมอสโควอย่างช่วยไม่ได้ จึงทำให้ตำแหน่งของคนเชื้อสายจีนในมอสโควลดต่ำลง
“ตอนนั้นคุณไม่ได้รับผลกระทบเหรอ?” เยี่ยเทียนมองอาหวาด้วยความประหลาดใจ
อาหวาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “คุณเยี่ย ถึงแม้ผมจะเป็นคนของสมาคมหงเหมิน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสังกัดของสาขามอสโควครับ”
แม้ปากจะพูดว่าเป็นสมาชิกของสมาคมหงเหมิน แต่ความจริงแล้วสมาคมหงเหมินก็ยึดตามการแบ่งแยกเขตแดน หัวหน้าของแต่ละพื้นที่มีชื่ออยู่ในสมาคมหลักเป็นเพียงในนามเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วต่างก็เป็นเสือเจ้าถิ่น การควบคุมของสมาคมหลักจึงไม่มีผลอะไรมาก
เหมือนอย่างอาหวาที่เป็นคนของสมาคมหงเหมินก็จริง แต่เขาก็เป็นคนของถังเหวินหย่วน เมื่อมามอสโควก็แค่มาทำความเคารพต่งเซิงไห่ ไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียดว่าตัวเองมาที่นี่ทำไมก็พอ เพราะการคบค้ากับสมาคมกับหงเหมินในมอสโควนั้นมีไม่มาก
แต่ตอนนี้อาหวาก็ใช้ชีวิตไม่ราบรื่นเช่นกัน นอกจากบริษัทกับที่พักแล้ว เขาก็ออกไปข้างนอกน้อยมาก เพราะว่าแก๊งค์มาเฟียท้องถิ่นของมอสโควพวกนั้น กำลังตามหาลูกน้องของต่งเซิงไห่ที่หนีรอดไปได้
“ผมเข้าใจแล้ว”
เยี่ยเทียนพยักหน้า แอบคิดว่าแต่ก่อนต่งเซิงไห่เล่นกินผลประโยชน์คนเดียวเกินไปในตลาดมวยใต้ดินสองแห่งในตุรกีกับมอสโควที่เขาดูแลอยู่ ปกติก็ไม่ค่อยไว้หน้าสมาคมหงเหมินหลักอยู่แล้ว
ครั้งนี้หลังจากต่งเซิงไห่เกิดเรื่อง ตู้เฟยที่เพิ่งรับตำแหน่งหัวหน้าคนใหม่ก็เคยเรียกหัวหน้าจากทุกพื้นที่มาปรึกษาหารือเรื่องนี้แล้ว แต่หัวหน้าส่วนใหญ่ก็คัดค้านที่จะเปิดสงครามกับแก๊งค์มาเฟียของต่างประเทศ เพราะมันไม่ค่อยเหมาะกับผลประโยชน์ของพวกเขา
ตู้เฟยรู้ว่าเยี่ยเทียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับต่งเซิงไห่ เขาจึงโทรไปพูดเรื่องนี้กับเยี่ยเทียนเมื่อสองสามวันก่อน แต่เขาเพิ่งจะนั่งตำแหน่งหัวหน้าได้ไม่นาน ถึงอยากช่วยแต่ก็ไม่มีอำนาจ
“แย่งดินแดนก็ไม่ค่อยเท่าไร ทำไมถึงต้องฆ่าแกงกันด้วย?”
เยี่ยเทียนมีแววตาที่เย็นชาออกมา ถึงแม้เขาจะไม่ได้ซึ้งต่อการรักชาติมากเท่าใร แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนของสมาคมหงเหมินนัก แต่เมื่อเห็นพรรคพวกถูกคนเลวต่อยตีจนแพ้ย่อยยับ ในใจพลันเกิดความอาฆาตขึ้นมา
“โอเค ถึงแล้ว จอดที่หน้าประตูโรงแรมก็พอครับ!”
เมื่อเห็นป้ายโรงแรมอยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนจึงตบไหล่อาหวาเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณช่วยไปสืบหน่อย ดูว่าแก๊งค์มาเฟียไหนที่มาสู้กับสมาคมหงเหมิน ขอข้อมูลละเอียดหน่อยนะ ทางที่ดีที่สุดขอที่อยู่ของพวกมันด้วย”
ถึงแม้อาหวาจะไม่ใช่คนของสาขาสมาคมหงเหมินในมอสโคว แต่เยี่ยเทียนเชื่อว่า เขากับคนของสมาคมหงเหมินที่หลบซ่อนตัวอยู่จะต้องติดต่อกันแน่นอน
“คุณเยี่ย วางใจได้ครับ ตอนบ่ายผมจะเอาข้อมูลมาให้คุณครับ!”
ถึงแม้อาหวาจะสงสัยมากว่าเยี่ยเทียนจะเอาข้อมูลพวกนี้ไปทำอะไร แต่ถังเหวินหย่วนก็ได้กำชับไว้แล้ว ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามประสงค์ของเยี่ยเทียน