หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 653 ฟ้าถล่มดินทลาย (1)
“น่าจะเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนกว่า ถึงตอนนั้นยังไงก็ต้องออกจากนิวยอร์ค!”
เยี่ยเทียนพยากรณ์อีกครั้ง แต่ภัยพิบติที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้ราวกับถูกผ้าบังเอาไว้ คำนวณยังไงก็คำนวณเวลาออกมาไม่ได้ จึงได้แต่ปล่อยมันไป
“แอนนา แม่ผมล่ะ?”
หลายวันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกำลังกายหรือกำลังใจ เยี่ยเทียนสูญเสียทั้งสองอย่างไปมาก เช้าวันที่สองก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาฝึกซ้อม แต่นอนถึงสิบโมงกว่า ๆ ถึงจะลุกขึ้นจากเตียง
“นายน้อย นายหญิงไปทำงานแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันเอาอาหารเช้ามาให้ค่ะ!” แอนนาที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา พอเห็นเยี่ยเทียนเดินออกมา ก็รีบลุกขึ้น
“เห้ย ซาลาเปา น้ำเต้าหู้ แล้วยังมีปาท่องโก๋อีก ? แอนนา ไปหาของกินพวกนี้มาจากไหน?” พอเห็น แอนนายกอาหารเช้ามาให้ เยี่ยเทียนดีใจขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้เขาอยู่ถึงนิวยอร์ค ยังมีอาหารเช้าแบบปักกิ่งมาให้กิน
แอนนาตอบว่า “นายหญิงรู้ว่าคุณชอบกินอาหารเช้าปักกิ่งก็เลยสั่งให้ร้านอาหารในไชน่าทาวน์ส่งมาให้ค่ะ!”
“อื้ม ขนมปัง นม ผมก็กินได้ พรุ่งนี้ไม่ต้องส่งมาแล้วนะ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินกว่า 100 ล้าน แต่เขาไม่ชินกับวิธีการใช้ชีวิตแบบนี้เลย เพราะตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเคยเจอความยากลำบากมานับไม่ถ้วน ของนอกกายพวกนี้จึงไม่มีความอยากขนาดนั้น
“หืม ? แอนนา นี่รายการอะไรเหรอ? ”
ปากกัดซาลาเปา ส่วนความสนใจอยู่ตรงหน้าจอทีวี ในจอภาพ มีชายหนุ่มแข็งแกร่งสองคนกำลังสู้กัน เขาเลยอึ้งไปครู่นึง
หน้าจอทีวีกำลังฉายเวทีมวยที่มีชายร่างกำยำสองคนขนาดพอ ๆ กับอันเดรวิช กำลังสู้กันอยู่บนนั้น บรรยากาศบนนั้นดูเหมือนดุเดือดมาก
แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนแปลกใจ คือ หนึ่งในนั้นที่โดนคู่ต่อสู้ฟาดจนล้มไปกับพื้นเวทีแล้ว คนที่โดนฟาดลงไปกลับลุกขึ้นมาและล้มคู่ต่อสู้ได้อีก
เยี่ยเทียนที่มีประสบการณ์มวยใต้ดินมาก่อนยังไม่เชื่อเลยว่า คนที่ถูกโจมตีรุนแรงขนาดนั้น กระดูกสันหลังน่าจะหักทั้งหมด จะมีแรงลุกขึ้นมาได้ยังไง?
“คุณชาย นี่เป็นการแข่งขัน WWE ของอเมริกา หรือเรียกอีกอย่างว่ากีฬาเพื่อความบันเทิง…… ”
แอนนาที่ดูภาพนั้นอยู่และพูดว่า “พวกนี้สู้กันแบบปลอม ๆ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมเท่านั้น เทียบไม่ได้กับการแข่งขันที่ นายน้อยไปเข้าร่วมหรอก…..”
กีฬาเพื่อความบันเทิงเน้นมวยปล้ำอาชีพเป็นหลัก แข่งขันโดยใช้รูปแบบการแสดงละคร WWE ถือว่าเป็นบริษัทมวยปล้ำอาชีพที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในฐานะที่เป็นยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมกีฬาและความบันเทิง รายการทีวีของ WWE ได้รับการแปลกว่า 30 ภาษาและออกอากาศไปแล้วกว่า 145 ประเทศ และมากกว่า 500 ล้านครอบครัวที่รับชมรายการนี้
มวยปล้ำไม่ใช่การแข่งขัน เพียงแต่ว่ามวยปล้ำในช่วงแรก ๆ จะไม่มีโครงเรื่อง เป็นการสู้เพื่อการแสดงเท่านั้นและไม่มีความเกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากปี 1982 กีฬาประเภทนี้กลายเป็นการแข่งขันที่มีความสนุกสนานมากขึ้น
WWE มีการกำหนดบทบาทให้กับซูเปอร์สตาร์หรือผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงทุกคนอีกด้วย แต่บทบาทเหล่านี้ไม่ได้ตายตัวบางครั้งฮีโร่ก็กลายเป็นคนร้าย บางครั้งคนร้ายก็สามารถกลายเป็นฮีโร่ได้เช่นกัน
แต่เนื่องจากโครงเรื่องจะมีลีลาขึ้น ๆ ลง ๆ และมีการต่อสู้ที่นองเลือดอย่างต่อเนื่องมากกว่าละคร ทำให้ WWE ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้เริ่มออกอากาศไปยังทั่วโลก
“บ้าเอ้ย คนอเมริกานี่หาเงินเก่งจริง ๆ ”
หลังจากที่แอนนาอธิบายจบ เยี่ยเทียนก็ส่ายหัว สังคมที่นี่มันบ้าจริง ๆ นอกจากมวยใต้ดินบนเรือสำราญ ควีนอลิซาเบธที่รองรับแต่เศรษฐีแล้ว ยังมีมวยปล้ำเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับประชาชนอเมริกาอีก
“ไป แอนนา ไปหาแม่ผมที่ทำงานกัน!”
หลังจากอาหารเช้าที่กินไปสองสามคำลงท้องไปเรียบร้อย เยี่ยเทียนก็ปิดทีวี รายการทีวีแบบนี้เป็นรายการดูหมิ่นมวยปล้ำชัด ๆ ซุปเปอร์สตาร์เหล่านั้น เวลาอยู่ในสายตาของเยี่ยเทียนก็ไม่ต่างจากตัวตลก
มาถึงตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์อีกครั้ง เยี่ยเทียนพบว่าพลังพิฆาตของที่นี่ข้นกว่าเดิมอีก เมื่อมองจากข้างนอก เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เหมือนถูกหมอกบาง ๆ คลุมเอาไว้ แต่แสงแห่งเลือดกลับพุ่งตรงไปยังขอบฟ้า
พลังพิฆาตที่มีอยู่แตกต่างจากพลังพิฆาตที่เกิดจากธรรมชาติ พลังพิฆาตที่เกิดจากการหมุนเวียนของฟ้า ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกายของคน เว้นเสียแต่ เยี่ยเทียนจะมองเห็นว่าบางคนมีความตายอยู่บนใบหน้า ผู้คนที่อยู่ในตึกยังคงยุ่งอยู่กับการทำงาน
เวลาเดินอยู่ในตึก เยี่ยเทียนจะรู้สึกขนลุกซู่ เพราะเขารู้ว่า อีกไม่นาน คนที่เคยทักทายเห็นหน้ากับเขา เกือบทั้งหมดจะกลายเป็นแค่วิญญาณ
ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกว่าเขากำลังพูดคุยอยู่กับคนตาย ส่วนในใจมีบางอย่างที่ไม่รู้จะพูดยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่ เยี่ยเทียนจะไม่ก้าวเข้ามาที่นี่เป็นอันขาด
หลังจากเดินมาถึงบริษัทของซ่งเวยหลัน เยี่ยเทียนค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย เพราะเป็นเขา พนักงานในบริษัทของแม่จึงไม่ได้ทำหน้าตายใส่เขา
สำหรับลูกชายของเจ้าของ คนในบริษัทจะปฏิบัติอย่างมีมารยาท โดยเฉพาะการปรากฏตัวของเยี่ยเทียน ที่สร้างวันหยุดอันสนุกสานให้กับพวกเขา ทำให้พนักงานระดับสูง ต่ำ ต่างก็ชอบเยี่ยเทียนกันถ้วนหน้า
โดยฉพาะสาว ๆ หุ่นเซ็กซี่ ผมทอง ตาฟ้า เหล่านั้น ยิ่งหลงใหลคุณชายเยี่ยกันใหญ่
เยี่ยเทียนที่เดินจากฝ่ายต้อนรับมาจนถึงห้องทำงานของแม่ กระเป๋าเสื้อของเขามีกระดาษพร้อมเบอร์โทรเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบกว่าใบ ทำให้เยี่ยเทียนตกใจจนไม่กล้าเดินออกห้องผู้บริหารทั้งวัน จนซ่งเวยหลันนึกว่าลูกชายเป็นห่วง อยากอยู่เป็นเพื่อนแม่ซะอีก
เนื่องจากซ่งเวยหลันต้องเคลียร์งานของบริษัทฯให้เสร็จภายในหนึ่งอาทิตย์ เธอจึงค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นทั้งอาทิตย์เธอจึงอยู่แต่ในบริษัท
เยี่ยเทียนไม่มีอะไรทำ นอกจากรักษาตัวแล้ว เลิกงานพร้อมกับคุณแม่ หลังจากเข้าสู่อาทิตย์ที่สองของเดือนกันยายน ในที่สุดก็ถึงวันหยุดสักที ทุก ๆคน บินไปบราซิลกันหมด รวมถึงแม่บ้านทำความสะอาดด้วย
จากการอ้อนวอนของเยี่ยเทียน ซ่งเวยหลันก็ไม่ได้อยู่ที่บริษัทต่อ แต่กลับไปทำงานที่บ้านแทน และเธอก็ไม่ได้ทำตามคำสัญญาที่บอกว่าจะพาลูกชายเที่ยวนิวยอร์ก
“แม่ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเรากลับจีนกันเถอะ?”
หลายวันที่ผ่านมา ในใจของเยี่ยเทียนรู้สึกหวาดผวาตลอดเวลา เขารู้ว่าอันตรายใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้แบบนี้ ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกไม่สบายใจมาก
“เสี่ยวเทียน ถ้าเป็นอย่างที่ลูกพูด แค่ออกจากตึกทำงานก็โอเคแล้ว พวกเราไม่ต้องออกจากนิวยอร์กก็ได้มั้ง”
มือพลิกเอกสาร และมองไปที่ลูกชายอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย “ถ้าภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง การเงินทั่วโลกจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม่ยังมีเรื่องต้องจัดการเยอะมาก เยี่ยเทียน รอเรื่องนี้ผ่านไปก่อนเราค่อยกลับจีนกันเถอะ!”
แม้ว่าซ่งเวยหลันจะฟังคำของลูกชาย แต่เธอไม่ได้ฉวยโอกาสสร้างเงินจากภัยพิบัติในครั้งนี้ และเธอยังทำบางอย่างที่สามารถยืนยันได้ว่าภัยพิบัตินี้จะไม่กระทบถึงบริษัทของเธอ
ภัยพิบัติจะทำให้เกิดความตื่นตระหนก ในเวลาแบบนั้น ซ่งเวยหลันจะต้องอยู่ที่นิวยอร์ก และเธอยังมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย เรื่องราวจะรุนแรงและแย่อย่างที่ลูกชายพูดจริงหรือเปล่า?
“งั้นก็แล้วแต่แม่เลยครับ แต่ถ้าเรื่องนี้จบลง พวกเราอยากจะออกอเมริกา ก็คงไม่ง่ายแบบนั้นแล้ว!” เยี่ยเทียนคิดไปสักครู่ แต่ก็ไม่ยืนยันว่าจะออกไปอีก
พูดตามตรง ในใจของเยี่ยเทียนไม่เพียงแต่ไม่สบายใจ แต่ยังมีความสงสัยอยู่ด้วย แล้วกลุ่มก่อการร้ายที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน จะใช้อาวุธอะไรทำลายเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
หรือพวกนั้นแอบขนระเบิดนิวเคลียร์เข้ามา แล้วซ่อนไว้ที่ตึกเพื่อรอมันระเบิด? หลายวันมานี้เยี่ยเทียนคำนวณอยู่ทุกวัน แต่ก็เหมือนกับการดูดอกไม้ในดงหมอก มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง
เยี่ยเทียนเชื่อว่า ก่อนภัยพิบัติจะมาถึง เขาจะสัมผัสได้แน่นอน ฉะนั้นขอแค่ช่วงนี้ไม่เข้าใกล้เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่เหมือนตึกผี ความเสี่ยงก็น่าจะไม่เยอะ
“แม่ครับ พักผ่อนเร็ว ๆ นะครับ ผมกลับห้องก่อน”
มองดูเข็มนาฬิกาชี้ไปที่สิบนาฬิกา เยี่ยเทียนลุกขึ้น กิจวัตรประจำวันของเขามีระเบียบมาก ทุกๆ สิบนาฬิกาจะเริ่มนั่งสมาธิ ช่วงเช้าตีห้าจะยืนตรงฝึกลมปราณ
“โอเค ไปพักเถอะ” ซ่งเวยหลันปัดมืออย่างไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็เบนความสนใจไปที่เอกสารอีกครั้ง “เอ๋ สัญญาที่ทอมเซ็นต์ฉันจำได้ว่าเอากลับมาแล้วนะ ทำไมหาไม่เจอ?”
เยี่ยเทียนส่ายหัวแบบไม่รู้จะพูดยังไง ตั้งแต่มาถึงอเมริกา แม่เปลี่ยนไปเยอะมาก ภาพลักษณ์ที่อ่อนช้อยหายไปหมด สิ่งที่เข้ามาแทนคือผู้หญิงแกร่งคนนึง
นิวยอร์ก วันที่ 11 กันยายน ค.ศ 2000
เวลาหกโมงเช้า ถนนของนิวยอร์กก็เริ่มคึกคักแล้ว ผู้คนจากสถานที่ต่าง ๆ มารวมตัวกันอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ผู้คนหลายสิบล้านคนในมหานครที่เงียบงัน ก็เริ่มพลุกพล่านขึ้นอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อคืนเยี่ยเทียนไม่สามารถสงบนิ่งได้เลย และรู้สึกกระสับกระส่ายทั้งคืน แม้กระทั่งตอนเช้าที่ตื่นเพื่อฝึกออกกำลังกายเในสวนลอยฟ้าภายในบ้าน สมองก็มีแต่ความเบลอ
“แม่ครับ เดี๋ยวผมมีธุระ ไม่ต้องเรียกผมนะครับ!”
เยี่ยเทียนเจอแม่ก่อนถึงห้องนอน และสั่งเอาไว้ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน อยากคำนวณดี ๆ อีกครั้ง เพื่อดูว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นวันนี้หรือเปล่า
เยี่ยเทียนหยิบกระดาษฟางที่ซื้อมาจากไชน่าทาวน์โดยเฉพาะ จากนั้นใช้นิ้วโป้งกรีดไปที่นิ้วกลาง ทันใดนั้นเลือดสดก็ไหลออกมา เยี่ยเทียนใช้นิ้วกลางวาดผังแปดทิศบนกระดาษ
ซวิ่น หลี คุน ตุ้ย เฉียน ข่าน เกิ้น เจิ้น ทั้งแปดวาดเสร็จ เยี่ยเทียนหยิบเหรียญทองแดงออกมา และโยนลงที่ผังแปดทิศ
สิ่งที่เยี่ยเทียนกำลังใช้อยู่เป็นวิชาลับของสำนักเสื้อป่าน ใช้เลือดสดของตัวเองพยากรณ์ ถ้าไม่ใช่เพราะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาไม่จำเป็นต้องใช้วิชานี้เลย
“จะเกิดวันนี้จริงเหรอ?”
พยากรณ์ต่อเนื่องไปสามครั้ง สีหน้าของเยี่ยเทียนก็เปลี่ยนไป การพยากรณ์แสดงให้เห็นว่า ประตูบาดเจ็บคือเซียนไม้ คุนตำแหน่งสอง เกิ้นตำแหน่งแปดเป็นไม้ข่มดิน เจ้าของจะเจอเรื่องไม่ดี
เยี่ยเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผลักประตูและเดินออกไป วันนี้เป็นวันที่ไม่ควรออกจากประตู ไม่ว่ายังไงแม่ก็ห้ามหายไปจากระยะสายตาของเขาเด็ดขาด
“แอนนา แม่ผมล่ะ?” มองเห็นแอนนาอยู่ข้างโต๊ะอาหารคนเดียว ในใจรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที
“นายน้อย นายหญิงบอกว่าลืมสัญญาฉบับหนึ่งไว้ที่บริษัท คนขับรถพานายหญิงไปเอาแล้ว!” เมื่อมองเห็นเยี่ยเทียนออกมา แอนนายกอาหารเช้ามาไว้บนโต๊ะอย่างรู้งาน
……