หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 649 สถานที่อันตราย
อาคารใหญ่เบื้องหน้าเยี่ยเทียนมีลักษณะเป็นตัวอาคารสองหลัง เป็นแท่งคู่ที่ปักอยูบนชั้นหินอย่างแข็งแรง
ตัวตึกเป็นโครงสร้างท่อนเหล็ก ที่ล้อมด้านนอกไว้อย่างแน่นหนา ส่วนผนังสร้างขึ้นด้วยแผ่นอลูมิเนียมชีทและกระจกสูงตระหง่านเสียดฟ้า เยี่ยเทียนนับไม่ถูกว่าตึกนี้สูงกี่ชั้นกันแน่
แต่ด้านหน้าของตึกคู่นี้เป็นบริเวณของท่าเรือ เยี่ยเทียนมองดูแล้วก็ขมวดคิ้ว
โลกตอนนี้เข้าสู่ยุคแห่งความศิวิไลซ์ เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง กฎแห่งสวรรค์เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง จิตวิญญาณแห่งท้องทะเลเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งขึ้น พลังอาฆาตสะสมรวมตัว ก็สามารถทำให้สถานที่ที่มีฮวงจุ้ยดีกลายเป็นแหล่งสะสมพลังงานด้านลบได้
แอนนาเห็นเยี่ยเทียนลงจากรถแล้วยังยืนขมวดคิ้วมองตึกอยู่โดยไม่พูดอะไรจึงถามว่า “นายน้อย ที่นี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกาเชียวนะ….ตึกแฝด ถ้าสามารถทำงานในนี้ได้จะต้องเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งนั้น คุณไม่รู้จักหรือ?”
“ตึกแฝด? เหมือนว่าจะเคยได้ยิน เป็นฝีมือการสร้างของคนญี่ปุ่นคนนั้นใช่ไหม?”
ได้ยินที่แอนนาอธิบาย เยี่ยเทียนรู้สึกคับคล้ายคับคลา แม้ว่าตอนเรียนมหาลัยจะเลิกเรียนกลางคัน แต่เยี่ยเทียนยังได้เรียนหนึ่งเทอม เขาเลือกเรียนสาขาสถาปัตยกรรม แน่นอนว่าต้องเคยได้ยินชื่อของตึกหลังนี้
ในความทรงจำของเยี่ยเทียน ตึกแฝดเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าของโลก เป็นตึกที่สูงที่สุด มีจำนวนชั้นมากที่สุดในโลก
โดยมีจำนวนชั้นทั้งหมด 110 ชั้น สูง 411เมตร ได้รับฉายาว่า “หน้าต่างโลก” ระบบอุปกรณ์ทั้งหมดในตึกใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุม ไม่ว่าฤดูไหนก็สามารถปรับให้เหมาะสมได้ จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “ศูนย์รวมของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด”
มีพื้นที่ใช้สอยสำหรับสำนักงานทั้งหมดแปดแสนสี่หมื่นตารางเมตร บรรจุพนักงานได้ห้าหมื่นอัตรา ขณะเดียวกันก็รองรับลูกค้าที่มารับประทานอาหารได้อีกสองหมื่นคน
อาคารนี้เปิดให้บริษัทการค้าระหว่างประเทศ 800 กว่าบริษัทเช่า ยังมีศูนย์บริการการค้าแยกย่อยอีก ทั้งศูนย์แหล่งข่าวและศูนย์วิจัยต่างๆ ในความคิดของคนอเมริกา ตึกนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งมหานครนิวยอร์คเช่นเดียวกับรูปปั้นเทพีเสรีภาพ
“การเปลี่ยนแปลงของฮวงจุ้ย ก็หมายถึงสถานที่แบบนี้!”
เยี่ยเทียนเงยหน้ามองดูตึกระฟ้าแล้วส่ายหัว การเปลี่ยนแปลงของฮวงจุ้ยมีเป็นพันเป็นหมื่น เช่นเดียวกับเหล่าทหารในกองทัพที่ชื่อไม่ซ้ำกันสักคน ไม่มีสถานที่ไหนที่ฮวงจุ้ยจะยั่งยืนได้ตลอดไป
“นายน้อย พวกเราขึ้นไปกันเถอะ ถ้าเจ้านายรู้ว่าคุณมาถึงจะต้องเลิกประชุมเร็วกว่าปกติแน่นอนเลย!”
นิวยอร์คในเดือนสิงหาคมอากาศยังร้อนจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหานครที่พลุกพล่านแห่งนี้เหมือนอยู่ในเรือกลไฟมากกว่า แม้ว่าฟ้ามืดแล้ว แต่ยังร้อนจนรู้สึกหายใจไม่ออก
“ได้!” เยี่ยเทียนพยักหน้า เดินเข้าไปในตัวตึก
“เกิดอะไรขึ้น?!”
ทันทีที่เดินเข้าไปในอาคาร ความรู้สึกอบอ้าวภายนอกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ความรู้สึกแปลกอย่างอื่นเกิดขึ้นในหัวใจของเยี่ยเทียน จนรู้สึกหลังกระตุกจนแทบจะเด้งตัวขึ้นมา
“นี่… ที่นี่เป็นที่ๆน่าสยดสยองจริงๆ!”
เยี่ยเทียนมองไปรอบๆ หนังศีรษะของเขารู้สึกชาและขนลุกไปทั่วร่าง ภาพตรงหน้าปรากฏทะเลแห่งซากศพและเลือดกระจัดกระจายเต็มไปทั่ว เขายืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
เมื่อแอนนาเห็นเยี่ยเทียนเหม่อลอยตาค้างอยู่จึงผลักเขาแล้วตะโกนถามว่า “นายน้อย เป็นอะไรไป?”
“ห๊า? ไม่เป็นไร บริษัทของแม่อยู่ชั้นไหน?” เยี่ยเทียนถามกลับอย่างเหม่อลอย เมื่อกวาดตามองโดยรอบ สีหน้าของเขาก็ยิ่งหม่นหมองลง
ในสายตาของเยี่ยเทียน อาคารสว่างไสวแห่งนี้ปกคลุมด้วยพลังหยินพิฆาตอยู่ทุกหนทุกแห่ง และบางจุดยิ่งหนักจนเกือบจะก่อเกิดเป็นรูปร่างได้ เป็นสถานที่ที่มีพลังหยินสูงสุดแห่งหนึ่งในศาสตร์ฮวงจุ้ย
จากใบหน้าของผู้คนที่เดินเข้าออกอาคารนี้ เยี่ยเทียนมองเห็นพลังแห่งความตายเคลื่อนไหวไปมาอยู่ในอาคาร จนทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่ท่ามกลางเหล่าภูตผี น่าขนลุกสิ้นดี
เมื่อมองออกไปนอกตัวอาคาร ในระยะทางสั้นๆแค่สิบกว่าเมตรนี้เปรียบเสมือนสะพานข้ามภพยมโลก ที่ตรงกลางสะพานเป็นเส้นแบ่งระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ เป็นรอยต่อของพลังหยินและหยาง
เมื่อเห็นใบหน้าเยือกเย็นของเยี่ยเทียน แอนนากระซิบถามเบาๆว่า “นายน้อย บริษัทของเจ้านายอยู่ชั้น 82 มีอะไรหรือเปล่า?
“พาฉันขึ้นไปเถอะ ให้ตายสิ ใครเลือกที่นี่ตั้งบริษัทกัน” เยี่ยเทียนไม่อาจควบคุมอารมณ์ไว้ได้อีกต่อไป โชคดีที่เขารู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงเดินทางมาอเมริกาพร้อมกับ
มารดาด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วเกรงว่าเขาอาจจะต้องสูญเสียมารดาอันเป็นที่รักไป
พอเยี่ยเทียนโมโห ทำให้เขาดูเหมือนหอกดาบที่แหลมคมที่พร้อมเข้าทิ่มแทงทุกคนที่ขวางหน้า จิตสังหารแรงกล้า แม้แต่อากาศในอาคารยังเย็นลงหลายองศา
“คือ…คือฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นาย…นายน้อย อย่ากล่าวหาฉันสิ!”
คนธรรมดาไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังที่ซ่อนเร้น แต่เยี่ยเทียนทำให้แอนนาตกใจใหญ่ จนเธอหายใจกระชั้นขึ้น เวลาพูดก็ติดขัดเหมือนคนติดอ่างไปเลย
“ไม่เกี่ยวกับเธอ ไป ขึ้นลิฟท์!”
เห็นท่าทางแอนนาดูหวาดกลัว เยี่ยเทียนเรียกสติกลับมา บริษัทของมารดาของเขาได้ตั้งอยู่ในอาคารนี้มาสิบปีแล้ว ไม่เกี่ยวกับแอนนาแต่อย่างใด
ในทางกลับกัน ถ้าไม่ใช่เพราะดวงเมืองเปลี่ยนแปลง ฮวงจุ้ยของที่นี่อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนี้
เยี่ยเทียนตอนอยู่ที่บ้านฮวงจุ้ยในฮ่องกงได้ทำการชะลอการเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้า ไม่แน่ว่าเป็นการส่งผลทำให้ ฮวงจุ้ยของที่นี่เปลี่ยนเร็วขึ้น
เมื่อเข้าไปในลิฟท์ แอนนาเห็นเยี่ยเทียนเป็นปกติแล้ว ถามต่ออย่างระมัดระวังว่า “นายน้อย เมื่อกี้ท่าทางคุณดูน่ากลัวมาก!”
“ขอโทษที แอนนา ฉันกำลังคิดเรื่องเรื่อยเปื่อย ไม่เกี่ยวกับเธอ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว คิ้วยังขมวดแน่นไม่คลาย เพราะในลิฟต์ตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นหกสิบกว่า เยี่ยเทียนรู้สึกถึงพลังพิฆาตรุนแรงที่คละคลุ้งไปทั่ว
พอนึกถึงภาพเหตุการณ์ในนิมิต เยี่ยเทียนเกือบจะแน่ใจได้ว่าอีกไม่นาน ตึกแห่งนี้จะต้องกลายเป็นนรกบนดิน
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ผุดขึ้นกลางอก เยี่ยเทียนรู้ว่าตนไม่มีทางแก้ไขหรือหยุดยั้งสิ่งจะตามมาได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยิ่งไม่มีทางหยุดยั้ง
บริษัทของซ่งเวยหลันอยู่บนชั้นที่ 82 ชั้นนี้มีบริษัทเดียว เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เยี่ยเทียนมองเห็นแม่ของเขาอยู่หน้าประตูลิฟท์
“แม่ครับ ทำไมดึกป่านนี้แล้ว แม่ยังทำงานอยู่อีก?” เยี่ยเทียนเดินออกจากลิฟท์ไปโอบไหล่แม่ของเขาเบาๆ ใช้สายตาประเมินดูแม่ แล้วโล่งใจขึ้น
ช่วงหว่างคิ้วของซ่งเวยหลันแม้จะมีรอยหมองคล้ำ แต่ในความหมองนั้นแฝงความสดใส เป็นสัญญาณว่าเรื่องร้ายกำลังจะกลายเป็นดี เยี่ยเทียนทราบว่า ถึงเขาจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่การช่วยชีวิตคนนั้นเขาทำได้แน่นอน
“เสี่ยวเทียน ลูกมานิวยอร์คทำไมไม่บอกแม่ก่อนสักคำ?” ซ่งเวยหลันเห็นท่าทีออดอ้อนของบุตรชายที่แสดงต่อหน้าลูกน้องของเธอแล้วรู้สึกไม่คุ้นชิน
“แม่ อเมริกาไม่นิยมการทำงานล่วงเวลาไม่ใช่เหรอ? ทำไมที่นี่ยังมีคนอยู่เยอะแยะเลย?”
เยี่ยเทียนยิ้ม โอบไหล่มารดาแน่นขึ้น “อุตส่าห์ได้มาถึงอเมริกาทั้งที ช่วยพาชมให้ทั่วทั้งบริษัทข้ามชาติของแม่ทีนะครับ?”
“ลูกคนนี้ พูดเล่นลิ้นเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ซ่งเวยหลันนำมือเยี่ยเทียนออกอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “ช่วงนี้แม่ยุ่งมาก โครงการในแอฟริกากลางกำลังดำเนินการ เสี่ยวเทียน ให้แอนนาพาลูกไปเที่ยวให้ทั่วนิวยอร์คสักสามสี่วันดีไหม?”
การกลับมาของซ่งเวยหลันทำให้พนักงานในบริษัทอุ่นใจขึ้น แต่เงินกว่าหมื่นล้านดอลลาร์นั้นตามกลับคืนมาไม่ได้ ทุนที่บริษัทได้ลงทุนไปกับหลายๆ โครงการต้องหยุดชะงัก ซ่งเวยหลันจำเป็นต้องใช้แรงใช้สมองไปกับเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่อ
เยี่ยเทียนส่ายหัว ยืนกรานหนักแน่นว่า “แม่ครับ แค่แป๊บเดียวเอง ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับแม่อีก แม่พาผมไปเดินดูเถอะครับ”
“งั้นก็ได้”
บุตรชายคนนี้แทบไม่เคยขออะไรจากเธอเลย ซ่งเวยหลันจึงพยักหน้ารับปาก พาเยี่ยเทียนเดินชมรอบๆ บริษัท
บริษัทของเธอมีหุ้นอยู่กระจัดกระจาย ตั้งแต่ศูนย์การค้าไปจนถึงสถาบันการเงินใหญ่ล้วนแล้วแต่มีหุ้นอยู่ทั้งนั้น ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ และยังเป็นแหล่งรวมของมันสมองของกลุ่มบริษัท
ซ่งเวยหลันตั้งความหวังไว้ว่าอยากให้บุตรชายรับสืบทอดกิจการของเธอต่อไป ดังนั้นเมื่อเดินไปถึงจุดใดจุดหนึ่ง เธอจะแนะนำส่วนสำคัญของแต่ละแผนกและพนักงานที่มีตำแหน่งสูงในบริษัทให้เยี่ยเทียนรู้จักด้วย
การมาถึงของเยี่ยเทียนทำให้บริษัทฮือฮาขึ้น ปกติแล้วคนอเมริกาจะให้ความสำคัญกับสิทธิส่วนบุคคล แต่ในบริษัทใหญ่โตขนาดนี้นอกจากแอนนาแล้วไม่มีใครรู้เลยว่าซ่งเวยหลันมีบุตรชายที่โตขนาดนี้แล้ว
“เสร็จแล้ว เสี่ยวเทียน ลูกมีอะไรจะคุยกับแม่หรือจ้ะ?”
เมื่อพาเยี่ยเทียนเดินชมทั่วบริษัทแล้ว ซ่งเวยหลันพาบุตรชายเข้าไปให้ห้องทำงานของตัวเอง นั่งลงจัดการเอกสารพร้อมๆ กับชวนเยี่ยเทียนคุยไปด้วย “เสี่ยวเทียน แม่ยุ่งมากจริงๆ พรุ่งนี้ตอนเที่ยงแม่หาเวลาว่างไปทานข้าวเป็นเพื่อนลูกดีไหม?”
เยี่ยเทียนไม่พูดอ้อมค้อม โพล่งออกไปว่า “แม่ครับ สามวัน แม่มีเวลาแค่สามวัน ต้องย้ายบริษัทออกไปจากที่นี่ให้ได้!”
“สามวัน ย้ายออก?”
ซ่งเวยหลันเอ่ยอย่างไม่สนใจ แล้วจู่ๆก็สะดุ้งขึ้น เงยหน้ามองบุตรชาย “เยี่ยเทียน ลูกบ้าไปแล้วเหรอ อยู่ดีๆแม่จะย้ายบริษัททำไม? ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทนะ!”
“แม่ครับ ผมไม่ได้ล้อเล่น”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม อธิบายต่อว่า “แม่รู้ดีว่าผมถนัดด้านไหน สถานที่นี้มีพลังพิฆาตสะสมอยู่มากกลายเป็นสถานที่อันตรายไปแล้ว อีกไม่ถึงครึ่งเดือนจะต้องเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นที่นี่แน่นอน”
“ลูก เป็นอะไรไป?”
ซ่งเวยหลันมองเยี่ยเทียนตาค้าง จู่ๆก็ยื่นมืออกไปลูบหัวบุตรชาย “ลูกไม่สบายเปล่า? แม่ตามหมอเวยเหลียนมาดูให้ดีมั้ย เขาเป็นหมอส่วนตัวที่ดีที่สุดในอเมริกา!”
ซ่งเวยหลันรู้ดีว่าบุตรชายมีความสามารถแค่ไหน แต่ตอนนี้คำพูดของเยี่ยเทียนฟังดูเหลวไหลมาก ตึกศูนย์กลางเศรษฐกิจของโลกมายี่สิบกว่าปี แล้วจะเกิดภัยพิบัติได้อย่างไร?
………………………………………………