หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 646 ห่วงโซ่อาหาร
ในลักษณะเช่นนี้ เยี่ยเทียนรู้สึกว่าการมองเห็นและการได้ยินของเขาคมชัดขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาไม่เคยมองโลกอย่างทะลุปรุโปร่งเท่าตอนนี้เลย การมองเห็นพัฒนาขึ้นอย่างคาดไม่ถึง แม้แต่อากาศที่ไหลเวียนอยู่เบื้องหน้าเขายังสามารถมองเห็นได้
แม้จะเป็นเวลาเพียงครู่เดียว แต่ความรู้สึกพิเศษนี้ เป็นสิ่งที่เยี่ยเทียนสัมผัสได้ และยังอยู่ในความทรงจำของเขาไปอีกนาน เขาอยากจะสัมผัสความรู้สึกที่ดวงจิตแยกจากร่างอีกครั้ง แต่ทำอย่างไรก็ทำไม่ได้เสียที
“ทำไมไม่ให้ฉันอยู่ต่ออีกหน่อยนะ?”
เยี่ยเทียนลืมตา นัยน์ตามีแววโกรธเคือง ตำราที่ตกทอดของสำนักไม่มีการอธิบายถึงการเข้าสู่ภาวะแห่งความว่าง หรือแม้แต่คำสอนในความทรงจำของเขายังไม่มี เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าอนาคตเขาควรจะฝึกวิชาอย่างไรต่อไปดี
“ช่างเถอะ ได้สัมผัสกับความลับของวิชาลำนักแล้ว ถือว่ายังมีวาสนาอยู่ เรื่องพวกนี้บังคับไปก็ไม่มีประโยชน์!”
คิดไตร่ตรองอยู่นาน เยี่ยเทียนหลุดหัวเราะออกมา ตัวเขาเป็นเพียงคนหนุ่มอายุ 23-24 ปีเท่านั้น จะเปรียบเทียบกับเหล่านักพรตผู้แก่วิชาในบรรพกาลได้อย่างไร ถ้าได้ขนาดนี้ยังไม่พอใจก็ถือว่าเยี่ยเทียนมีจิตใจละโมบโลภมาก
“เอ๋ น้ำเย็นหมดแล้ว?”
เมื่อรู้สึกว่าน้ำในอ่างอาบน้ำเย็นราวน้ำแข็ง เยี่ยเทียนลุกขึ้นยืน หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัว แล้วพันรอบเอวเดินออกไปจากห้องอาบน้ำ
“เยี่ยเทียน นายออกมาสักที ฉันกับเหล่าต่งร้อนใจจะแย่แล้ว!”
พอเปิดประตูห้องน้ำออก จู้เหวยเฟิงรีบพุ่งเข้ามาหาจนเกือบดึงผ้าขนหนูที่คาดเอวของเยี่ยเทียนไว้หลุดออก
“ผมรักษาตัวอยู่ข้างในน่ะ พวกคุณร้อนใจอะไรนักหนา?”
เยี่ยเทียนตอบส่งๆมองเห็นแสงอาทิตย์ที่สาดผ่านระเบียงเข้ามาในห้อง แล้วชะงักถามว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้ว? ผมจำได้ว่าเมื่อวานตอนกลับมาถึงห้องไม่ใช่ตอนเที่ยงคืนหรอกหรือ?”
เมื่อคืนการแข่งขันเริ่มขึ้นตอนประมาณสามทุ่มครึ่ง และสิ้นสุดลงตอนสี่ทุ่ม ตอนนี้พระอาทิตย์ชี้โด่งบนท้องฟ้า แสดงว่าเป็นตอนกลางวัน
“ตอนนี้สิบเอ็ดโมงเช้าแล้ว นายเข้าไปอยู่ในนั้นสิบสองชั่วโมงเต็มๆ!”
ต่งเซิงไห่เดินเข้ามาใกล้ ใช้สายตาประเมินดูเยี่ยเทียน เอ่ยว่า “ท่านเยี่ย ผมได้ยินว่าคุณบาดเจ็บสาหัส แต่…แต่นี่ดูไม่เห็นเป็นอะไรเลย?”
ต่งเซิงไห่ส่งสายตาไม่พอใจไปให้จู้เหวยเฟิง เมื่อคืนตอนที่เขามาถึงห้องนี้ จู้เหวยเฟิงเล่าอาการของเยี่ยเทียนที่ฟังดูใกล้สิ้นลมให้เขาฟัง แต่เยี่ยเทียนตอนนี้กลับดูสบายดี
“ท่านไห่ คุณอย่ามองผมอย่างนั้น ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
จู้เหวยเฟิงหัวเราะแก้เก้อ เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ช่างต่างกับสภาพเมื่อวานราวฟ้ากับเหว ไม่เพียงแต่สีหน้าอมชมพู รวยฟกช้ำตามตัวได้หายเป็นปลิดทิ้ง
“เหล่าต่ง ให้คนส่งเฝือกดามแขนมาให้ผมหน่อย อาการบาดเจ็บบางแห่งยังต้องรักษาต่อ!”
แม้จะรู้สึกว่าอาการบอบช้ำของอวัยวะภายในทุเลาลงมาก แต่แขนซ้ายตำแหน่งที่กระดูกหักยังต้องดามเฝือกเอาไว้ โบราณกล่าวว่า บาดเจ็บถึงเอ็นถึงกระดูกต้องรักษาหนึ่งร้อยวัน เยี่ยเทียนไม่กล้าประมาท
ต่งเซิงไห่พยักหน้า ยังรู้สึกกังวลอยู่จึงถามต่อว่า “ได้ แล้วจะให้ตามหมอมาด้วยไหม?”
“ไม่ต้อง ใช้เฝือกดามเอาไว้ พักผ่อนสักสองเดือนก็หายแล้ว”
เยี่ยเทียนส่ายหัว มียาสูตรลับที่ศิษย์พี่ปรุงขึ้นใช้ทั้งกินและประคบภายนอก อาการบาดเจ็บของเอ็นและกระดูกไม่เป็นไรแน่นอน แต่ภายในสองเดือนนี้เขาไม่มีทางไปต่อสู้กับคนอื่นได้
ต่งเซิงไห่โทรศัพท์กริ๊งเดียว ก็มีคนนำเฝือกดามแขนมาให้ถึงที่ เยี่ยเทียนใช้มันพันไว้ที่ท่อนแขน ไม่ต้องใช้สายห้อยคอเลย วางมือในแนวดิ่งลงไปได้ตรงๆ ไม่มีผลกับการเคลื่อนไหว
จัดการบาดแผลเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนถามว่า “เหล่าต่ง เมื่อวานรูดอล์ฟไม่ได้หาเรื่องคุณอีกใช่ไหม?”
ต่งเซิงไห่ถลึงตา ตอบว่า “เขากล้าที่ไหน เขาจะได้รู้ว่ารังแกผมไม่ได้ง่ายๆ คิดว่าสมาคมหงเหมินของเราเป็นลูกพลับนิ่มๆหรืออย่างไร?”
ต่งเซิงไห่ได้ครอบครองค่ายมวยใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในมอสโค แน่นอนว่าเบื้องหลังต้องมีอิทธิพลของกลุ่มสมาคม หงเหมินหนุนหลัง รูดอล์ฟเป็นถึงเจ้าพ่อคาสิโนแห่งลาสเวกัสกลับไม่มีทางทำอะไรต่งเซิงไห่ได้
ต่งเซิงไห่เหมือนนึกบางอย่างออก หันมาหาเยี่ยเทียนแล้วยกนิ้วโป้งให้ “ใช่แล้ว ท่านเยี่ย เมื่อวานคุณสุดยอดมาก ที่ทำให้เบอร์นี่ย์ รอตซ์ชาลด์อึ้งไปได้ และยอมก้มหัวให้คุณ!”
“เบอร์นี่ย์ รอตซ์ชาลด์เขาเป็นใคร?” เยี่ยเทียนงุนงง ชื่อเมื่อครู่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ต่งเซิงไห่มองเยี่ยเทียนอย่างแปลกใจ “ก็คือคนที่จะนำร่างของแอนโทนี่ มาคัส โยนลงทะเลไง เขาเป็นถึงประมุขตระกูลรอตซ์ชาลด์เชียวนะ เรือสำราญลำนี้เป็นของเขาเอง!”
แม้ว่าตระกูลรอตซ์ชาลด์มักจะถ่อมตนมาโดยตลอด แต่ถ้าเป็นคนวงในถึงจะรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเบอร์นี่ย์ รอตซ์ชาลด์ เพราะเขาได้ควบคุมอาณาจักรธุรกิจมหาศาล จนเกือบจะแทรกซึมไปทั่วทุกมุมโลก
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ตอบว่า “ไม่รู้จัก ผมไปยุ่งอะไรกับเขาเยอะแยะ?”
ต่งเซิงไห่มีหรือจะไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนไม่สนใจเรื่องธุรกิจเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เศรษฐีชาวจีนเองเขาก็ยังรู้จักไม่ครบ แล้วนับประสาอะไรกับตระกูลรอตซ์ชาลด์
“ได้ ผมพูดไปอย่างนั้นเอง คุณไม่เกี่ยวอะไรกับเขาหรอก”
ดูท่าทางเยี่ยเทียนไม่ได้แอบอ้าง ต่งเซิงไห่หัวเราะแก้เก้อ บนโลกนี้คงจะมีแต่เยี่ยเทียนเท่านั้นที่ได้ยินชื่อของประมุขตระกูลรอตซ์ชาลด์แล้วไม่หวั่นไหว
“เหล่าต่ง คนๆนั้นกับผมไม่เกี่ยวกัน แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะได้ออกจากเรือลำนี้?”
ไม่รู้ทำไม หลังจากได้ลิ้มรสการถอดจิตแล้ว เยี่ยเทียนรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นที่จะส่งผลถึงคนในครอบครัวของเขา
เยี่ยเทียนผูกดวงทำนายในใจ กลับไม่ได้ผลที่ชัดเจน แต่ตำแหน่งชี้ไปทางตะวันตก มหานครนิวยอร์คตั้งอยู่ทางทิศนั้น มารดาของเยี่ยเทียน ซ่งเวยหลัน ตอนนี้อยู่ที่เมืองนั้นพอดี
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเทียรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ยังจะไปสนใจประมุขตระกูลรอตซ์ชาลด์อะไรนั่นอีกหรือ หากว่านายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนก็จะผลักออกอย่างไม่แยแส
“ตอนเที่ยงมีงานเลี้ยง หลังจากจบงานเลี้ยงเราถึงจะไปได้ มีเครื่องบิน บินตรงไปส่งเรากลับซานฟรานซิสโก!”
ดูท่าทางของเยี่ยเทียน ต่งเซิงไห่อดถามไม่ได้ว่า “ท่านเยี่ย คุณมีธุระด่วนหรือ? ซานฟรานซิสโกเป็นถิ่นของเรา มีเรื่องอะไรสั่งให้คนไปทำก็ได้”
แม้ในใจจะรู้สึกถึงความไม่สงบ แต่ไม่ถึงกับร้อนรุ่มอยู่ไม่สุข เยี่ยเทียนคิดเล็กน้อยก่อนพูดออกไป “คุณช่วยติดต่อให้หน่อย คืนนี้พอกลับถึงซานฟรานซิสโกแล้ว ผมจะบินไปนิวยอร์คทันที!”
“ได้สิ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เดี๋ยวผมจะจัดการให้”
ต่งเซิงไห่พยักหน้ารับปาก หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋า บอกว่า “ท่านเยี่ย นี่เป็นเงินที่คุณควรจะได้รับ ส่วนของผมกับประธานจู้อยู่ข้างในแล้ว ส่วนรหัสผ่านอยู่บนกระดาษ”
การแข่งขันมวยใต้ดินครั้งนี้ ต่งเซิงไห่กับจู้เหวยเฟิงได้เงินจำนวนมหาศาล ยังไม่รวมเงินที่ชนะพนันคู่เอเชียอีกหลายนัด แม้แต่การแข่งขันนัดสุดท้าย ทั้งสองยังได้เงินอีกจำนวนมาก
เรือสำราญควีนอลิซาเบธต้อนรับแขกที่เป็นมหาเศรษฐีจากทุกทวีป แน่นอนว่าการบริการต้องดีเลิศ วันนี้ตอนเช้า เงินแพ้ชนะพนันมวยต่างถูกจัดแบ่งให้ทุกคนเรียบร้อย อีกทั้งเงินทั้งหมดถูกใส่ลงในบัตรธนาคารสวิสที่ไม่มีการระบุชื่อ
จู้เหวยเฟิงและต่งเซิงไห่ปรึกษากัน ทั้งสองตกลงกันว่าจะทำบัตรธนาคารให้เยี่ยเทียนใบหนึ่ง คือใบที่ยื่นให้เยี่ยเทียนอยู่ตอนนี้
เยี่ยเทียนรับบัตรไป เล่นบัตรในมือไปมา ถามเรื่อยเปื่อยว่า “ในนี้มีเงินเท่าไหร่?”
“ท่านเยี่ย ทั้งหมด ห้าพันสามร้อยล้านดอลลาร์!”
“ห้าพันสามร้อยล้านดอลลาร์!”
มือข้างที่ถือบัตรของเยี่ยเทียนทรุดลง จำนวนตัวเลขทำให้เขาตกใจ “ไม่ใช่สามพันหกร้อยล้านดอลลาร์หรอกหรือ? ทำไมถึงเพิ่มขึ้นตั้งพันเจ็ดร้อยล้าน?”
เป็นเงินสิบแปดล้านดอลลาร์ที่จู้เหวยเฟิงใช้ลงพนันให้เยี่ยเทียนชนะ ยังมีกำไรหุ้นจากค่ายมวยใต้ดินในญี่ปุ่นของต่งเซิงไห่อีกสี่ร้อยล้าน อีกทั้งเงินของฟรุสอีกหนึ่งพันสี่ร้อยล้านดอลลาร์ ทั้งหมดสามพันหกร้อยล้านดอลลาร์
แต่จำนวนที่ห้าพันสามร้อยล้านดอลลาร์ที่ต่งเซิงไห่เอ่ยออกมานั้น เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าพันเจ็ดร้อยล้านนั้นเพิ่มมาจากไหน
เห็นท่าทางตกตะลึงของเยี่ยเทียนแล้ว ต่งเซิงไห่หัวเราะคิกคัก เฉลยว่า “ท่านเยี่ย ในนี้มีเงินส่วนของคุณอีกเก้าร้อยล้าน แล้วพวกเราได้ปรึกษากัน เพิ่มเงินให้คุณอีกคนละสามร้อยล้าน ทั้งหมดรวมเป็นห้าพันสามร้อยล้าน”
ในการแข่งขันนัดสุดท้าย ต่งเซิงไห่ได้ลงพนันให้เยี่ยเทียนชนะ โดยเฉพาะต่งเซิงไห่ที่ลงเงินถึงสองร้อยล้านดอลลาร์ อัตราส่วนเงินรางวัลหนึ่งต่อห้า ทำให้เขาได้เงินคืนกลับมาถึงพันล้านดอลลาร์ เขาแบ่งออกมาแค่สามร้อยล้านเพื่อแสดงความขอบคุณแก่เยี่ยเทียน
“ให้ตายเถอะ ถ้าอยากรวยก็ไปต่อยมวยเอา ยังจะต้องทำธุรกิจอะไรให้เหนื่อยอีกทำไม?”
ฟังต่งเซิงไห่อธิบายจบ เยี่ยเทียนอุทานคำหยาบออกมา เขากับบิดาทำการค้าด้วยความยากลำบากมาเป็นสิบปี แม้แต่สมบัติสักสิบล้านหยวนยังมีไม่ถึงเลย แค่เขาลงแข่งมวยแค่นี้ กลับได้เงินมากมายจนกลายเป็นมหาเศรษฐีภายในพริบตา
ต่งเซิงไห่หัวเราะเอ่ยว่า “ท่านเยี่ย จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ พวกนักมวยน่ะหาเงินไม่ได้มากเท่านี้หรอก พวกเขาได้เงินมากสุดจากการแข่งขันหนึ่งนัดเพียงไม่กี่แสนดอลลาร์ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว!”
อย่ามองว่าการลงพนันมวยนั้นลงเงินกันถึงหลักพันล้าน แต่เงินพวกนี้มีแต่เหล่าอภิมหาเศรษฐีเท่านั้นที่ทำได้ ส่วนพวกนักมวยนั้นเป็นแค่เครื่องมือในการแทงพนันเท่านั้นเอง
บนโลกนี้เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก โดยเฉพาะในสังคมมนุษย์ วัฏจักรห่วงโซ่อาหารแบบนี้ยิ่งเห็นชัด แน่นอนว่าคนธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงเรื่องราวแบบนี้ได้
ยังไม่ทันรอให้เยี่ยเทียนแสดงความขอบคุณ ต่งเซิงไห่มองดูเวลาแล้วลุกขึ้นยืน “ท่านเยี่ย ใกล้ได้เวลาแล้ว คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเราลงไปร่วมงานเลี้ยงกัน ตอนบ่ายผมจะจัดการให้คุณบินไปนิวยอร์ค”
จู้เหวยเฟิงกับต่งเซิงไห่เป็นผู้ชนะพนันที่ได้เงินมากที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็ก่อศัตรูไปด้วย พื้นที่ๆพวกเขาเข้าครอบครองค่ายมวยใต้ดินในแต่ละประเทศนั้น ต่างเป็นแหล่งรายได้ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ
ดังนั้นเขาทั้งสองตอนนี้อาศัยเยี่ยเทียนเป็นยันต์หนังเสือ อย่างน้อยภายในสองปีพวกเจ้าของค่ายมวยใต้ดินประเทศอื่นไม่กล้ามาระรานพวกเขาแน่นอน
“ได้ ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เยี่ยเทียนตอบรับ เขารู้ดีว่าต่งเซิงไห่คิดอะไร แล้วก็ไม่รังเกียจที่จะให้ความร่วมมือกับพวกเขา ตนเพิ่งได้เงินมาสูงถึงห้าพันสามร้อยล้านดอลลาร์ จะให้ปฏิเสธหักหน้าฝ่ายนั้นได้อย่างไร
………………………………………………