หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 477 ว่าจ้าง (1)
“เต๋อหวาจึกับเซี่ยวทียนเชื่อถือได้ แล้วก็ยังมีบอดี้การ์ดสองสามคนนั่นของเธออีก ที่ยังพอใช้ได้ ส่วนคนอื่นอาจจะต้องให้เธอคิดหาวิธีเอาเองนะ”
โก่วซินเจียหยิบกระดาษถ่ายเอกสารออกมา 16 แผ่น ส่งให้กับเยี่ยเทียนกล่าวว่า “แผนที่ซ่อนทองคำฉันวาดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอจำได้แล้วก็เผาทิ้งซะ อีกอย่างตอนที่ไปพม่า หาเหตุผลดีๆ หน่อย ไม่งั้นฉันกลัวว่าเธอจะถูกคนเพ่งเล็ง”
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ โก่วซินเจียไม่อยากให้เป็นเพราะเรื่องทองคำ ทำให้เยี่ยเทียนเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นมา ต่อให้ความสามารถส่วนบุคคลจะสูง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ระดับประเทศหรือแข็งแกร่งกว่านั้น ยังคงไม่พอ
ตอนนั้นโก่วซินเจียก็ใช่ว่าจะไม่แข็งแกร่ง และลูกน้องที่เขานำทีมไปนั้นก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในประเทศทั้งนั้น แต่ท่ามกลางการโอบล้อมของตระกูลคิตะมิยะ จึงมีกำลังอ่อนแอสู้ไม่ได้ กระทั่งโก่วซินเจียเองก็ยังเกือบจะทิ้งชีวิตไว้ที่ประเทศพม่า
“ศิษย์พี่ พี่ว่าพวกมาราไกย์พวกนั้นเชื่อถือได้เหรอ”
เยี่ยเทียนรับแผนที่ไปแต่ไม่ได้ตรวจดู พลางมองไปที่โก่วซินเจียอย่างประหลาดใจ โบราณว่าไว้ไม่ใช่พวกเดียวกันยากที่จะเดินทางเดียวกัน เยี่ยเทียนไม่เชื่อว่าพวกมาราไกย์พอเห็นทองคำจำนวนมหาศาลนั้นแล้ว จะไม่คิดคดทรยศ?
โก่วซินเจียส่ายหัว กล่าวว่า “พวกเขาเป็นทหารรับจ้าง การปฏิบัติตามสัญญานั้นค่อนข้างเข้มงวด ขอแค่เธอให้เงินที่เพียงพอ พวกเขาจะไม่ทรยศหรอก”
ในตอนปีสามศูนย์สี่ศูนย์นั้น โก่วซินเจียก็เคยสมาคมกับคนอเมริกันอยู่มาก พวกทหารอเมริกันที่ปลดประจำการหลังจากได้ผู้หญิงและเงินจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ช่วยประเทศจีนอย่างถวายชีวิต ทหารเสือบินของทีมเสือบินก็เป็นเช่นนั้น
“ได้ ผมจะลองไปพูดกับพวกเขาดู ส่วนคนอื่นที่เหลือสามารถไปหาได้ที่ชิวเหวินตง ไม่เป็นปัญหา”
ได้ฟังโก่วซินเจียพูดแบบนี้แล้ว เยี่ยเทียนกลับคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ในฐานะสายเลือดสืบทอดของสำนักเสื้อป่าน การดูคนของเยี่ยเทียนนั้น แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึง หากว่าเป็นพวกชั่วร้าย เขาก็คงไม่เอาเข้ามาร่วมในทีมหาสมบัติด้วยแน่
“ตกลง ดูแผนที่ให้หมดแล้วทำลายซะ รีบพักผ่อน พยายามไปภายในสองสามวันนี้นะ”
ทองคำจำนวนนี้เหมือนกับก้อนหินใหญ่ที่กดไว้ในใจของโก่วซินเจียมามากกว่าครึ่งศตวรรษ หลังจากให้แผนที่ไปแล้ว สีหน้าของโก่วซินเจียก็มีแววผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง เขาเชื่อว่าศิษย์น้องเล็กจะต้องจัดการได้เรียบร้อย
“ครับ ศิษย์พี่ใหญ่ เมื่อผมหาคนได้แล้วก็จะออกเดินทางครับ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วนำแผนที่ที่วาดจากมือไปส่องกับแสงไฟในลานบ้าน โก่วซินเจียวาดภาพได้ละเอียดมาก โดยเฉพาะบริเวณที่เก็บซ่อนทองไว้ แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบก็ยังวาดออกมา
เมื่อถือแผนที่ดูได้ประมาณห้านาที เยี่ยเทียนจึงหลับตาทั้งสองข้าง หลังจากรอให้ในหัวของเขาปรากฏภาพแผนที่แล้ว สองมือของเยี่ยเทียนจึงขยำเข้าด้วยกัน เกิดการเสียดสีกันของพลังหยินหยาง แล้วกระดาษสีขาวนั้นก็เกิดไฟลุกขึ้นมา
เมื่อกล่าวราตรีสวัสดิ์ศิษย์พี่ใหญ่แล้ว ทั้งสองคนก็ไปพักผ่อน
พอนั่งโคจรลมปราณพักผ่อนอยู่หลายชั่วโมง ฟ้าก็สางแล้ว คนที่พักอยู่ที่เรือนสี่ประสานไม่กี่คนนี้ล้วนแต่ไม่ใช่คนธรรมดา และดูเหมือนจะพร้อมใจกันออกมาจับจองพื้นที่ในลานฝึกซ้อมตอนเช้าพร้อมกัน เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน สำหรับเยี่ยเทียนและหูหงเต๋อแล้ว ไม่สามารถทำให้อารมณ์ของพวกเขาหวั่นไหวได้
“เหล่าหม่า มานี่!” ประมาณเจ็ดโมงกว่า เยี่ยเทียนเปิดประตูเรือนสี่ประสาน มองไปแวบเดียวก็เห็นมาราไกย์เดินวนไปวนมาอยู่หน้าปากทาง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เหมือนกับที่โก่วซินเจียบอกทุกประการ พวกทหารรับจ้างพวกนี้ล้วนแล้วแต่เคร่งครัดในหน้าที่ นอกจากตัวเองบอกชัดเจนแล้วว่าไม่ให้พวกเขาตามมา แม้แต่ตอนกลางคืนทั้งสี่คนก็ผลัดกันเฝ้าเรือนแห่งนี้ของเขา กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“คุณเยี่ย คุณจะไปข้างนอกใช่ไหมครับ?”
พรสวรรค์ทางภาษาของมาราไกย์นั้นไม่เลว อาศัยอยู่ที่ปักกิ่งแค่ช่วงหนึ่ง กลับสามารถฟังพูดภาษาจีนง่ายๆ ได้บ้าง แถมยังแฝงสำเนียงปักกิ่งอีกด้วย
เยี่ยเทียนหัวเราะแล้วตบไหล่มาราไกย์ กล่าวว่า “ไปกัน ฉันจะพานายไปเลี้ยงอาหารเช้าของปักกิ่ง”
“โอ้ ขอบคุณครับบอส!” ตามเยี่ยเทียนมาหลายเดือนแล้ว มาราไกย์ไหนเลยจะเคยได้อภิสิทธิ์แบบนี้ พลันรู้สึกดีใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบตามหลังเยี่ยเทียนไปทันที
ที่หน้าปากซอยมีร้านขายอาหารเช้า เยี่ยเทียนสั่งปาท่องโก๋ ซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ เรียกให้มาราไกย์นั่งลง ชาวต่างชาติอาศัยที่ปักกิ่งมีเยอะ คนที่นั่งทานอาหารเช้าโดยรอบกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
“เหล่าหม่า สัญญาของพวกนายจะหมดลงเมื่อไร?” ขณะที่เอาปาท่องโก๋จุ่มน้ำเต้าหู้แล้วกัดคำหนึ่ง เยี่ยเทียนจึงมองไปที่มาราไกย์ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นพูดภาษาอังกฤษแล้ว
“บอส ยังเหลืออีกแปดเดือนครับ” มาราไกย์มองเยี่ยเทียนหนึ่งที และพูดอย่างลังเล “บอส หวังว่าในวันข้างหน้าคุณจะให้พวกเราได้ติดตามคุณนะครับ ไม่อย่างนั้น ผมก็ยากที่จะอธิบายกับคุณผู้หญิงซ่ง”
ในฐานะที่เป็นทหารรับจ้างที่ดีที่สุดในโลกทีมหนึ่ง การปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้กลับรู้สึกอัดอั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ใช่เพราะภารกิจนั้นยาก ตรงกันข้ามภารกิจในครั้งนี้กลับง่ายเกินไป ง่ายจนทำให้พวกเขาเหมือนคนไม่มีงานทำนั่งมองประตูใหญ่อยู่ทุกวัน สำหรับมาราไกย์และคนอื่นที่มักจะขยับเฉียดเข้าไปกับเขตแดนความตาย รู้สึกเป็นความทรมานที่ยากจะทนได้รูปแบบหนึ่ง
และความแข็งแกร่งของเยี่ยเทียน ก็ทำให้พวกเขายากที่จะพูดออกมา หากว่าไม่ใช่เพราะเงินสามสิบล้านต่อปีที่จะทำให้ชีวิตปั้นปลายสุขสบายแล้ว เชื่อได้ว่ามาราไกย์จะต้องขอยกเลิกสัญญาว่าจ้างนี้กลางคันแน่นอน
หลังจากฟังมาราไกย์บ่นรอบหนึ่งแล้ว เยี่ยเทียนก็หยิบซาลาเปาที่มีน้ำซุปส่งเข้าปาก กล่าวอย่างงึมงำว่า “เหล่าหม่า ช่วงนี้ผมต้องออกเดินทางไกลสักรอบหนึ่ง”
“เดินทางไกล?” มาราไกย์ได้ยินจึงทำสีหน้าขมขื่น “บอส ครั้งนี้จะต้องให้พวกเราติดตามไปด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้น ภารกิจของพวกเราไม่สามารถทำได้จริงๆ”
ก่อนหน้านั้นที่เยี่ยเทียนไปยังภูเขาฉางไป๋ซาน เขาก็สั่งให้มาราไกย์และคนอื่นรออยู่ที่ปักกิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าซ่งเวย หลันในตอนนั้นเองจะกลับมาที่ปักกิ่ง หลังจากได้ทราบว่ามาราไกย์ไม่ได้ตามติดเยี่ยเทียนไป จึงสั่งให้คนมาดุว่าพวกเขาไปหนึ่งรอบ ทำให้เหล่าหม่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
มองเห็นมาราไกย์ทำท่าเหมือนอาหารไม่ย่อยแบบนั้น เยี่ยเทียนก็อดหัวเราะไม่ได้ “เหล่าหม่า ฉันจะบอกนายให้นะ ฉันไปครั้งนี้ค่อนข้างอันตราย นายแน่ใจว่าจะตามไปใช่ไหม?”
“แน่นอน บอส ภารกิจยิ่งอันตรายมันถึงจะยิ่งมีความท้าทาย!”
หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว มาราไกย์ก็ตาวาว “บอส คุณสามารถไปลองหาข่าวของพวกทหารรับจ้างข้ามชาติดูได้ อัตราการทำภารกิจสำเร็จที่อิรักของผมในปีนั้นทั้งหมดคือหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้จะมีอะไรที่ยากเกินกว่าพวกเราจะรับมือได้?”
เหมือนจะนึกถึงฝีมือของเยี่ยเทียนได้ มาราไกย์จึงแค่นหัวเราะและกล่าวต่อว่า “แน่นอนว่า หากเทียบกับบอสแล้ว พวกเราก็ยังห่างชั้นอยู่นิดหน่อย!”
เยี่ยเทียนพยักหน้า กล่าวว่า “ดี ฉันเชื่อในความมีจริยธรรมในอาชีพของพวกนาย แต่ว่านะเหล่าหม่า ฉันจะต้องเซ็นสัญญากับพวกนายใหม่ หากว่าครั้งนี้พวกนายติดตามฉันไปแล้วสามารถทำภารกิจสำเร็จ เงินสามสิบล้านดอลล่าร์สหรัฐไม่ต้องรอให้ครบปี หลังจากลับมาฉันจ่ายให้พวกนายเลย!”
เมื่อถูกพวกมาราไกย์พวกนี้จ้องทั้งวัน เยี่ยเทียนก็รู้สึกรำคาญอยู่บ้าง ถึงอย่างไรแม่ก็กลับประเทศเดือนหน้า ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน และเชื่อว่าแม่จะต้องยอมจ่ายเงินนี้ก่อนแน่นอน
“บอส.. นี่..จะออกไปทำอะไรกันแน่ครับ ถ้าหากจะทำสงคราม อาวุธในมือของพวกเราไม่โอเคนะครับ”
เยี่ยเทียนทำท่าเคร่งขรึมขึ้นมา ทำให้ในใจของมาราไกย์พลันเต้นตึกตัก เพราะการที่ทำให้เยี่ยเทียนที่สามารถฆ่าทหารรับจ้างได้สิบกว่าคนที่โหดเหี้ยมรู้สึกไม่สบายใจและอันตรายได้นั้น เรื่องนั้นจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน
ในฐานะที่เป็นทหารรับจ้างแบบมาราไกย์ จะต้องทำความเข้าใจกับความยากของภารกิจก่อนแล้วจึงจะตัดสินใจอีกครั้ง แน่นอนว่า เหมือนกับที่โก่วซินเจียกล่าว หากมาราไกย์ยอมรับในภารกิจแล้ว ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญา พวกเขาก็จะทุ่มสุดตัวเหมือนกัน
“ไปประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปหาสมบัติจำนวนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ พวกนายแค่คอยช่วยเหลือฉัน หรือบางทีอาจจะเกิดการสู้รบบ้าง หรือบางทีอาจจะไร้อุปสรรค ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงครึ่งเดือนโดยประมาณ พวกนายสามารถเก็บไปคิดให้ดีก่อน!”
สาเหตุที่บอกว่าทองคำกลายเป็นสมบัตินั้น เพราะเยี่ยเทียนไม่อยากให้ข้อมูลหลุดรอดออกไป แต่ก็จำเป็นให้มาราไกย์ได้รู้ว่าพวกเขาจะไปทำอะไร เพื่อที่หลังจากเห็นทองคำแล้วคนพวกนั้นจะไม่เกิดความคิดทรยศ
“หาสมบัติเหรอ”
สีหน้ามาราไกย์ปรากฏแววตื่นเต้นออกมา เสียงที่พูดนั้นเหมือนควบคุมตัวเองอยู่บ้าง ทำให้คนที่กินอาหารเช้ารอบๆ มองจ้องมากันเป็นทิวแถว “โอ้ ขอโทษครับ บอส ผมตื่นเต้นเกินไป ภารกิจนี้พวกเราตกลงรับครับ”
ราวกับกลัวว่าเยี่ยเทียนจะไม่ยอมตกลง มาราไกย์กล่าวต่อไปอย่างรีบร้อนว่า “คุณวางใจได้ พวกเรารับแต่เงินที่ควรได้ จะไม่ไปแย่งชิงสมบัติของคุณที่ซ่อนไว้โดยเด็ดขาด!”
ในประเทศแถบตะวันตกนั้นมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการลักขโมยเงินทองและปล้นสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ คนตะวันตกหลายคนตั้งแต่เด็กก็มีความฝันแบบนี้ มาราไกย์และคนอื่นถึงแม้จะรวมกลุ่มกันเป็นทหารรับจ้าง ประการแรกก็เพื่อหาเงิน ประการต่อมาคือชื่นชอบในการใช้ชีวิตบนความตื่นเต้น การค้นหาสมบัติ แน่นอนว่าต้องทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
“ดี สองสามวันนี้ฉันจะร่างสัญญาให้กับพวกนาย ไม่ว่าครั้งนี้ที่ออกไปจะค้นหาสมบัติพบไหมนั้น เงินสามสิบล้านนั่นก็จะจ่ายให้พวกนาย…”
เยี่ยเทียนพยักหน้า แล้วซื้ออาหารเช้าสำหรับสองสามคนเพิ่มอีก ลุกขึ้นเดินไปยังเรือนสี่ประสาน ในตอนที่จะเดินถึงประตู เยี่ยเทียนกล่าวกับมาราไกย์ที่ตามอยู่ด้านหลังว่า ”หลังจากออกนอกประเทศ พวกนายจะต้องพกอาวุธเพิ่มขึ้น นี่คงไม่เป็นปัญหาใช่ไหม?”
เมื่อห้าสิบปีก่อน คนของตระกูลคิตะมิยะเคยใช้อาวุธสมัยใหม่ลอบทำร้ายโก่วเจียซินและคนอื่นๆ พวกเขาเดิมทีก็ไม่มีจิตใจของนักสู้อะไร แต่ออกตามหาทองคำในครั้งนี้จะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง เยี่ยเทียนก็ยังไม่รู้ ดังนั้นหากเรื่องยังไม่สำเร็จจึงต้องเตรียมการไว้ก่อน
“บอส คุณวางใจได้ อาวุธของพวกเราสี่คนนั้นเกื้อกูลกันเป็นอย่างมาก สามารถสู้รบกับกองทัพเล็กๆ ได้ครับ!”
เมื่อกล่าวถึงอาวุธสมัยใหม่ สีหน้าของมาราไกย์ก็ปรากฏแววภาคภูมิใจทันที พวกเขาล้วนแล้วแต่ปลดประจำการจากกองรบพิเศษของอเมริกาและออกมาด้วยเหตุผลต่างๆ นานา สำหรับการรบแบบสมัยใหม่นั้นจึงมีความเข้าใจมากกว่าเยี่ยเทียนมาก
สำหรับที่มาของอาวุธ มาราไกย์มีช่องทางของพวกเขาเอง ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เปิดให้ซื้อขายอาวุธปืนอย่างเสรี อาวุธประจำกายของพวกเขา ที่พกไว้อาจจะดีกว่าของกองทัพด้วยซ้ำไป
“ได้ พวกนายไปเตรียมตัวเถอะ สองสามวันนี้ก็ไม่ต้องตามฉันแล้ว” เยี่ยเทียนคิดสักครู่ กล่าวว่า “จะออกเดินทางในอีกห้าวัน จุดหมายคือย่างกุ้งประเทศพม่า พวกนายสามารถขนส่งอาวุธไปก่อนได้!”
……