หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 426 บึงน้ำมังกรดำ
“นี่…นี่คือร่องรอยอะไร?”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหูหงเต๋อ เยี่ยเทียนจึงอาศัยแสงจากกองไฟกวาดตามองไปที่พื้นหิมะ จากนั้นสีหน้าจึงเปลี่ยนไปเป็นดูไม่ได้ขึ้นมาทันที
นอกจากเมิ่งตาบอดกับอีกคนที่ถูกยิง นอกนั้นยังไม่ตายแต่ถูกตีให้สลบเท่านั้น ดังนั้นรอบๆ กองไฟจึงไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ แต่บนพื้นหิมะกลับมีรอยคลานเป็นทางยาว ตรงไปยังหุบเขาที่เต็มไปด้วยอากาศพิษ
สิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่รู้ว่าคืออะไรมีความโหดเหี้ยมทารุณมาก ตอนที่มันกำลังลากคนสองสามคนนั้น เหมือนจะกัดพวกเขาจนเลือดกระจายเต็มพื้นก่อน จากนั้นจึงลากเข้าไปในหุบเขา
ดังนั้นจากกองไฟลากไปถึงหุบเขาจึงมีระยะทางเกือบยี่สิบเมตร พร้อมกับเลือดที่สาดเต็มพื้นแล้วก็ยังมีอวัยวะของร่างกายมนุษย์บางส่วน แต่เวลานี้ได้ถูกแช่แข็งไปหมดแล้ว
“เหล่าหู คุณมาดูสิ มีของเหนียวบนพื้นด้วย” เยี่ยเทียนหมอบคลานสำรวจร่องรอย จากนั้นจึงลงนั่งยองๆ เอามือปาดลงบนพื้นหิมะ พบว่ามีน้ำเมือกติดเป็นชั้นเต็มมือ
น้ำเมือกเหล่านี้มีความโปร่งใสชัดจน แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากวัตถุอะไร ภายใต้อุณหภูมิลบยี่สิบกว่าองศากลับไม่แข็งตัว เมื่อใช้มือดึงจะรู้สึกถึงแรงยึดเกาะได้ชัดเจน
“นี่..นี่คือสารคัดหลั่งของงู หรือ..หรือจะเป็นจริงเหมือนในตำนาน?”
มองดูทางเข้าหุบเขาของถ้ำที่มืดมิด ใบหน้าของหูหงเต๋อเผยความหวาดกลัวอย่างไม่ค่อยได้เห็นมาก่อน พร้อมกับเดินถอยหลังไปสองสามก้าวไม่หยุดโดยไม่รู้ตัว เหมือนยิ่งห่างจากหุบเขาลูกนี้ก็จะยิ่งปลอดภัย
“เหล่าหู ตำนานอะไร?” ถึงแม้เยี่ยเทียนจะไม่ใช่คนกลัวผีหรือเทวดา แต่เมื่อเห็นท่าทางของหูหงเต๋อแล้ว ในใจจึงอดรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาไม่ได้
หูหงเต๋อโบกมือ จากนั้นจึงหยิบฟืนแห้งหนึ่งมัดมาจากในป่าแล้วโยนลงไปในกองไฟ หลังจากกองไฟลุกโชนจนสว่างมากขึ้นแล้ว เขาจึงเอ่ยพูด “เยี่ยเทียน ฉันเคยบอกเธอแล้วว่ามีบึงน้ำมังกรดำอยู่ในหุบเขาลูกนี้…”
ที่แท้สถานที่แบบนี้จะมีคนมาถึงน้อยมาก แต่เมื่ออยู่ในช่วงฤดูร้อน จะมีคนที่ขุดโสมบนภูเขาสามารถมาถึงที่นี่ได้ ทว่าเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ที่นี่กลับมีตำนานเล่าขานว่ามีสัตว์ประหลาดกินคนแพร่ออกมา
เนื่องจากอากาศพิษของบึงน้ำมังกรดำจะหายไปในตอนเช้าตรู่ จึงมีคนขุดโสมสองสามคนมาพบโสมล้ำค่าที่อยู่ในนี้โดยบังเอิญ ทำให้พวกเขาดีใจมากที่ได้เห็น จากนั้นพวกเขาจึงถือโอกาสตอนที่อากาศพิษหายไปเดินเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขา
แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่พวกเขากำลังขุดหาโสมอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีตัวที่เหมือนงูแต่ก็ไม่เหมือนงูตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากบึงน้ำมังกรดำที่อยู่กลางหุบเขา ตัวของสัตว์ประหลาดมีกรงเล็บยาวคู่หนึ่ง จากนั้นก็ฉีกคนที่กำลังขุดโสมคนหนึ่งจนขาดสะบั้นในทันที
ตอนนั้นคนที่เข้าไปในหุบเขามีทั้งหมดห้าคน แต่ที่หนีรอดออกมาได้มีเพียงสองคน เพียงแต่หลังจากหนึ่งในสองคนนี้กลับไปมาแล้วก็เป็นบ้าเสียสติไป จากนั้นเรื่องที่ว่ามีสัตว์ประหลาดอยู่ในบึงน้ำมังกรดำอยู่ๆ ก็หายไปเอง
คนที่มาเก็บโสมบนภูเขาฉางไป๋ซานมีเป็นพันคน และมีบางคนที่โลภมาก จึงไม่เชื่อเรื่องของพวกเขา
หลังจากเรื่องผ่านไปยี่สิบกว่าปี ก็มีกลุ่มคนอยากลองดีรวมตัวกันสร้างทีมขึ้นมาสิบกว่าคน แล้วเข้าไปในบึงน้ำมังกรดำอีกครั้ง
คนพวกนี้พกปืนและอาวุธที่ใช้ในการล่าสัตว์แล้วก็ยังมีแหขนาดใหญ่ที่ใช้จับปลาสองสามอันมาด้วย หลังจากรออยู่นอกหุบเขามาหนึ่งคืนแล้ว เช้าวันที่สองต่อมา อากาศพิษที่ปกคลุมหุบเขาก็สลายไป
ขณะที่เข้าไปในหุบเขาอย่างระมัดระวัง ตอนแรกก็ยังไม่มีปรากฏการณ์ผิดปกติใดๆ แต่ตอนที่ทีมนี้มาถึงบึงน้ำสีดำสนิทนั้น จู่ๆ ก็เกิดความผิดปกติขึ้นมา
แตกต่างจากการบอกเล่าของสองคนครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง มีงูเหลือมใหญ่ขนาดเท่าถังน้ำตัวหนึ่ง พุ่งออกมาจากบึงน้ำ กัดร่างกายของพวกเขาคนหนึ่งอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบแล้วลากลงไปในสระน้ำ
งูเหลือมใหญ่ตัวนั้นมีความรวดเร็วมาก ทำให้พวกเขาไม่ทันได้ตอบโต้ใดๆ เลย หลังจากพวกเขาได้สติกลับมา บึงน้ำก็คืนสู่ความเงียบสงบแล้ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
ครั้งนี้มีคนมาหลายคน ความกล้าจึงมากขึ้นเป็นธรรมดา มีบางคนมองเห็นงูเหลือมใหญ่ตัวนั้นชัดเจนแล้ว มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดอะไร
ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนร่วมทางที่ถูกลากลงไปในน้ำนั้นไม่น่าจะมีชีวิตรอดแล้ว แต่ทุกคนก็ยังนำระเบิดโยนใส่ไปในบึงน้ำ
ระเบิดเหล่านี้จะนำดินปืนใส่เข้าไปในหม้อดิน จากนั้นเชื่อมต่อชนวน ระเบิดเป็นชนิดที่รุนแรงใช้ในการเจาะภูเขา พวกเขาจุดไฟแล้วโยนเข้าไป
ถึงแม้การใช้ระเบิดจะเป็นวิธีที่ง่ายๆ และหยาบ แต่อานุภาพของมันกลับแรงมาก หลังจากระเบิดบึงน้ำ ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นขนาดใหญ่ลอยขึ้นมาในบึงน้ำ
มีเสียงเหมือนเสียงเด็กทารกร้องไห้ดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเงาสีดำโผล่พรวดออกมาจากสระน้ำ ตวัดหางแล้วจึงทำให้คนหกคนล้มลง ตกลงไปในบึงน้ำ
คนที่มาจับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ คือมือล่าสัตว์ที่มีชื่อเสียงในเขตภูเขาฉางไป๋ซาน ถึงแม้จะตกใจแต่ก็ไม่ลนลาน ใช้ปืนยิงออกไปหลายชุด
หลังจากรอให้ควันระเบิดหายไป กลับทำให้ทุกคนงงและประหลาดใจ เพราะนอกจากเกล็ดปลาสองสามอันที่ตกอยู่บนพื้นแล้ว สัตว์ประหลาดที่เหมือนงูเหลือมยักษ์ กลับไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
คนที่สายตาแหลมคม มองเห็นบนศีรษะของงูเหลือมตัวนั้นมีมุมแหลมนูนออกมา และตรงศีรษะด้านล่างของมันลงไปอีกหนึ่งเมตร ก็มีกรงเล็บที่งอกยาว การค้นพบครั้งนี้จึงทำให้ทั้งคนที่อยู่บนบกและที่ตกลงไปในบึงน้ำตื่นตระหนกตกใจ
ถึงแม้ตอนนั้นจะเป็นยุคหลังราชวงศ์ชิงแล้ว แต่สำหรับประชาชนทั่วไปมากมาย ยังคงเชื่อว่า มังกรที่อยู่ในภาพวาดโบราณยังมีตัวตนอยู่ ดังนั้นสัตว์ประหลาดที่คล้ายมังกรที่อยู่ตรงหน้า จึงทำให้พวกเขาตกใจจนต้องถอยออกมา
เพียงแต่การกระทำก่อนหน้าของคนพวกนี้ ทำให้สัตว์ประหลาดโกรธมาก มีคนหนึ่งทิ้งปืนล่าสัตว์ในมือแล้วกำลังวิ่งหนีไปข้างนอก ร่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นกลับชูตัวสูงขึ้นแล้วพ่นหมอกสีเทาออกมาจากปากของมัน
หมอกพวกนี้ลอยฟุ้งขึ้นอย่างรวดเร็ว มีบางคนที่เพิ่งจะวิ่งถึงปากหุบเขาก็ถูกหมอกควันนี้ไล่ตามทัน แต่ละคนก็ร้องโหยหวนดิ้นไปมาอยู่บนพื้น พอผ่านไปสักพักหนึ่ง เลือดเนื้อทั้งร่างกายก็เน่าเปื่อยผุพัง ตายไป
การไปล่าสัตว์ประหลาดในครั้งนี้มีทั้งหมดสิบแปดคน แต่มีเพียงคนสุดท้ายที่โชคดี ยืนรออยู่ปากทางหุบเขาจึงมีชีวิตรอด แต่เขาก็สูดอากาศพิษเข้าไปเช่นกัน แต่เพราะโสมที่เขามีอยู่และกินเข้าไปจึงทำให้รอดชีวิตมาได้ จากนั้นเขาก็ไปพบกับคนที่มาขุดโสมบนภูเขา แล้วจึงเล่าเรื่องที่เจอมาทั้งหมดให้ฟังแล้วก็ตายไป
หลังจากเกิดเรื่องนั้น บึงน้ำมังกรดำจึงกลายเป็นเขตห้ามเข้าของคนขุดโสมบนภูเขาฉางไป๋ซาน แล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในหุบเขานี้อีกเลย กระทั่งป่าที่อยู่นอกหุบเขาก็มีคนเข้าไปน้อยมาก
บึงน้ำที่อยู่กลางหุบเขานั้น จึงถูกคนตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า บึงน้ำมังกรดำ ตั้งแต่นั้นมา!
และนี่คงจะเป็นสถานที่ซ่อนตัวกลางภูเขาที่ค้นพบโดยเมิ่งตาบอด และยังเห็นสาเหตุหลักที่ไม่มีใครค้นพบจนถึงตอนนี้
“มังกร? เหล่าหู คุณ…คุณคิดว่าเป็นไปได้เหรอ?”
หลังจากฟังหูหงเต๋อเล่าเรื่องจนจบแล้ว สีหน้าของเยี่ยเทียนจึงประหลาดใจมาก เพราะมังกรก็เป็นแค่ตำนานที่ได้รับรู้มาจากผู้คนเท่านั้น บนโลกนี้จะมีมังกรจริงๆ ได้อย่างไร?
“ฉันรู้สึกว่าเป็นไปได้!” หูหงเต๋อพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนั้นพ่อของฉันตั้งที่พักอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ เคยคิดอยากไปสำรวจบึงน้ำมังกรดำ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อากาศพิษในหุบเขากลับไม่เคยหายไปเลย สุดท้ายจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป”
เยี่ยเทียนส่ายหน้าแล้วพูด “เหล่าหู ผมรู้สึกว่าข้างในน่าจะเป็น งูเหลือมตัวหนึ่งหรือไม่ก็จระเข้”
ในสายตาของเยี่ยเทียน คนพวกนั้นก่อนช่วงปลดปฏิรูป ยังไม่รู้จักว่าอะไรคือจระเข้เลย พวกเขาอาจจะมองจระเข้เป็นมังกร เพราะในสมัยโบราณก็มีการเข้าใจผิดอย่างนี้มาก
ก็เหมือนกับที่ทุกคนรู้ตำนานของ “โจวฉู่พิฆาตสามเลวร้าย” ที่เขาปราบมังกรคะนองน้ำ แท้จริงแล้วเป็นจระเข้ เพียงแต่คนโบราณความรู้น้อย จึงเอาจรเข้กับมังกรมารวมกัน
“ไม่ว่าจะเป็นจระข้หรือมังกร พวกเราก็หาเรื่องไม่ได้ เยี่ยเทียน วันนี้ก็นอนที่นี่อีกสักวัน พรุ่งนี้เช้าก็ออกจากภูเขาแต่เช้าเถอะ”
ถึงแม้จะเป็นรุ่นน้องที่มีความกล้าหาญมาก แต่หูหงเต๋อก็ให้เความเคารพบึงน้ำมังกรดำที่อยู่ไกล้ ๆ มาตลอด โดยเฉพาะร่องรอยที่ทิ้งอยู่บนพื้น ยิ่งทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
“สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบึงน้ำอาจจะเป็นสัตว์วิเศษ? ไม่อย่างนั้นตอนที่หูอวิ๋นเป้าไปสำรวจ อากาศพิษเหล่านั้นจะอยู่อย่างนั้นโดยไม่หายไปได้อย่างไร?”
เยี่ยเทียนได้ยินตำนานของบึงน้ำมังกรดำเป็นครั้งแรก เขาไม่กลัวสัตว์ประหลาดที่อยู่ในหุบเขามากเท่าไร คนที่ฝึกวรยุทธ์อย่างเขา นอกจากเคารพโลกและสวรรค์แล้ว มีน้อยมากที่วัตถุภายนอกจะทำให้จิตใจเขาหวั่นไหวได้
“เหล่าหู คุณรอก่อนนะ ผมขอเข้าไปดูหน่อย!” เยี่ยเทียนพูดพลางลุกขึ้น แล้วจึงเดินเข้าไปในหุบเขา
“เยี่ยเทียน เธอ…เธออย่าไป นี่ไม่ใช่การล้อเล่นนะ” หูหงเต๋อตกใจมาก จึงรีบลุกขึ้นแล้วเอาตัวมาบังตรงหน้าเยี่ยเทียนไว้
เยี่ยเทียนส่ายหน้าพลางพูด “เหล่าหู ไม่เป็นไร ผมก็แค่ไปสัมผัสอากาศพิษด้านนอก ไปดูว่าอากาศพิษเกิดจากวัตถุอะไรกันแน่ อีกอย่าง วันนี้สัตว์ประหลาดนั่นก็กินจนอิ่มหนำแล้ว คงไม่ทำอะไรผมหรอก”
หูหงเต๋อเห็นว่าตัวเองโน้มน้าวเยี่ยเทียนไม่ได้ จึงเอ่ยพูด “งั้น…งั้นฉันจะไปกับเธอด้วย!”
“ไม่ต้อง เหล่าหู ฝีมือคุณยังไม่พอ ถ้าหากเกิดเรื่องยุงยากล่ะ คุณรอผมอยู่ข้างนอกนี่แหละ!”
เยี่ยเทียนโบกมือ เขามั่นใจกับวิชาของตัวเองมาก ต่อให้สัตว์ประหลาดวิ่งออกมาจากอากาศพิษ เยี่ยเทียนรับประกันได้ว่าตัวเองจะสามารถหนีออกมาจากหุบเขาได้แน่นอน
และจะว่าไปแล้ว เยี่ยเทียนก็ใช่ว่าจะไม่กลัวสัตว์ประหลาดนั่น ถ้าหากต่อสู้กันขึ้นมา ใครจะอยู่หรือใครจะตายก็ยังไม่รู้เลย
“ตกลง เธอระวังตัวด้วย เฮ้อ ฉันพาเธอเข้ามาในภูเขาได้ยังไง!”
หูหงเต๋อส่ายหน้าด้วยความกังวลใจ เยี่ยเทียนที่สุภาพอ่อนโยนก่อนหน้านั้น ให้ความประทับใจเขามาก แต่หลังจากเข้ามาในภูเขาแล้วหูหงเต๋อเพิ่งพบว่า เด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นตัวเจ้าปัญหาเหมือนกัน
“ผมรู้แล้วครับ เหล่าหู คุณอยู่ข้างนอกก็ระวังตัวด้วย มีอะไรไม่ชอบมาพากลก็หนีเข้าไปในป่านะ!”
เยี่ยเทียนโบกมือโดยไม่หันหน้ากลับมาและยังไม่เอาคบเพลิงไปด้วย จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ หายเข้าไปในหุบเขา และกองไฟด้านนอกก็ส่องไม่เห็นแล้ว
เยี่ยเทียนพูดเหมือนสบาย ๆ แต่การกระทำของเขากลับไม่กล้าประมาท เขาไม่เพียงแต่ปล่อยพลังชีวิตออกไป ในมือยังจับมีดสั้นอู๋เหินเอาไว้ด้วย เพื่อเตรียมต่อสู้ตลอดเวลา
“อากาศพิษนี้มีความแปลกประหลาดอยู่บ้าง ภายในแฝงไปด้วยพลังจักรวาล?”
ถึงแม้ตาจะมองไม่เห็น แต่สถานการณ์ที่อยู่รอบตัวของเยี่ยเทียนในระยะสิบว่าเมตร ปรากฏขึ้นมาในใจของเขาอย่างชัดเจน หลังจากเดินเข้าไปประมาณแปดนาที เยี่ยเทียนก็รู้สึกถึงการมีอยู่ของอากาศพิษ
…