หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 303 ศิษย์พี่รอง
พอง้าวพระจันทร์เสี้ยวหลุดออกจากมือของหลิวติงติง เธอก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ตอนที่ปล่อยมือเมื่อครู่ หลิวติงติงออกแรงข้อมือดึงง้าวพระจันทร์เสี้ยวกลับมา แต่ข้อมือขวากลับได้รับบาดเจ็บ
แต่เจ้าเด็กคนนี้มีนิสัยที่ดื้อรั้น ถึงแม้หน้าผากจะเต็มไปด้วยเหงื่อ เจ็บปวดข้อมือมากที่สุด นึกไม่ถึงเลยว่าแค่ส่งเสียงร้องก็ทำให้หุบปากได้ ต้องอดทนไว้
“แย่แล้ว” เหล่าจั่วรักและทะนุถนอมหลานสาวคนนี้ ตอนนี้ทำร้ายเธอ ท่าเยี่ยเทียนจะมีปัญหาแล้ว
เมื่อเห็นหลิวติงติงได้รับบาดเจ็บ ถังเหวินหย่วนก็กลั้นก็ความรู้สึกกลัวไว้ไม่อยู่ เพราะคนที่อยู่ข้างหลังของเธอ ที่เป็นคนน่าเคารพยำเกรงคนนั้น ถือว่าครั้งนี้เยี่ยเทียนได้สร้างความหายนะไม่น้อย
“ฮือ เจ็บ”
เยี่ยเทียนเห็นสีหน้าของหลิวติงติง หน้าผากค่อย ๆ เกิดร่อยย่น คิดว่า เจ้าเด็กคนนี้มีนิสัยที่ดื้อรั้น ถ้าเกิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย อายุน้อยกว่านี้หน่อย ก็สามารถรับไว้เป็นศิษย์ของได้เลย
เพียงแต่ว่าล้อเล่นไปล้อเล่นมา ไม่เจตนาที่จะทำให้คนรุ่นหลังได้รับบาดเจ็บ เยี่ยเทียนเพียงแค่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ทันใดนั้นก็เดินไปข้าง ๆ หลิวติงติง คว้ามือขวาของเธอ
“แก แกจะทำอะไร ปล่อยมือฉัน”
หลิวติงติงที่ทั้งเจ็บปวดและเหงื่อไหลท่วมหน้าผากป้องกันไม่ไหวถูกเยี่ยเทียนคว้ามือไป อดไม่ได้ทั้งอับอายทั้งโมโห ยกขาซ้ายขึ้นมาถีบเยี่ยเทียนออกไป
“อย่าขยับ” ผู้หญิงที่นิสัยแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะแต่งออกไปได้หรือเปล่านะ
เยี่ยเทียนค่อยๆ ใช้แรง ส่งพลังเข้าไปสู่ทางเดินของเลือดลมในร่างกายของหลิวติงติง ในตอนนั้นเธอก็รู้สึกชาไปครึ่งตัว ขาที่ยกขึ้นมาก็ค่อย ๆคลายลงมา
ฟังน้ำเสียงเยี่ยเทียนที่กำลังพูด หลิวติงติงที่เคยแต่ทำให้คนอื่นลำบาก เธอโตมาถูกเอาเปรียบเช่นนี้ได้อย่างไรกัน น้ำตาก็ไหลออกมาจากเบ้าตา
“อย่าขยับสิ ฉันกำลังรักษาเธออยู่ กลับเนื้อกลับตัวซะ อย่าให้ผู้ใหญ่บ้านเธอบอกว่าฉันรังแกเด็กรุ่นหลัง” เยี่ยเทียนกล่าวตักเตือนหลิวติงติง หันกลับไปพูดว่า “อาติง ไปตักน้ำมากะละมังหนึ่ง หลังจากนั้นก็เติมน้ำร้อนเข้าไปแก้วหนึ่ง”
“ปู่ น้ำมาแล้ว” อาติงเอาน้ำกะละมังหนึ่งออกมาจากห้องครัว ไม่ยินดียินร้ายไปกับความโชคร้ายของคนอื่น มองไปที่หลิวติงติง
“ปู่”
ฟังให้ชัดเจนกับชื่อเรียกที่อาติง เรียกเยี่ยเทียน หลิวติงติงก็รู้สึกงงอยู่พักหนึ่ง เธอรู้จักอาติง รู้ว่าเจ้าคนนี้เป็นคนที่ จิตใจโหดเหี้ยม นอกจากถังเหวินหยวนแล้วใครหน้าไหนเขาก็ไม่ให้ความเคารพ
“หรือว่าเขาจะมีฐานะที่สูงมากจริง ๆ”
ความคิดที่อยู่ภายในหัวของหลิวติงติง พร้อมกับสถานการณ์ที่เธอถูกกำจัด แต่เป็นเพราะว่าเธอเคยได้ยินคุณปู่พูดว่า บนโลกนี้นอกจากอาจารย์ของเขาและศิษย์พี่นั้น เกรงว่าน่าจะไม่มีใครที่ฐานะสูงกว่าตัวเองแล้ว
“อย่าขยับสิ”
เยี่ยเทียนที่ค่อย ๆ ผ่อนคลายข้อมือของหลิวติงติง เอาขวดเซรามิคออกมาจากห่อ หลังจากที่เทเม็ดยาสีดำ หนึ่งเม็ดลงมาขนาดเท่ากับเม็ดลำไย ใช้แรงบีบแล้วหักออกครึ่ง โยนอีกครึ่งหนึ่งลงไปที่กะละมัง ส่วนยาอีกครึ่งหนึ่งเยี่ยเทียน ยื่นไปที่ปากของหลิวติงติง พูดว่า “กินเข้าไป ภายในสิบนาทีก็สามารถทำให้ข้อมือกลับสู่สภาพเดิมได้แล้ว”
มองเห็นเม็ดยาของเยี่ยเทียน อาติงกับถังเหวินหยว่นชำเลืองมอง พวกเขาเคยเห็นของพวกนี้ เพียงแค่ตอนนั้นเยี่ยเทียนให้ยาเม็ดกับตู้เฟย ไม่ใช่ว่ามันหมดแล้วหรอ
“ไม่กิน เพราะว่าแกแตะโดนแล้ว สกปรกจะตาย ไม่สะอาดเลยแม้แต่นิดเดียว” หลังจากที่หลิวติงติงพูดเสร็จก็ปิดปาก ไม่รู้ว่ายาเม็ดนั้นคืออะไร แค่เห็นก็รู้สึกสะอิดสะเอียน เธอจะไปกล้ากินได้อย่างไร
“ฉันเต็มใจให้เธอ ถ้าไม่อย่างนั้นก็เห็นแก่หน้าผู้ใหญ่ของบ้านเธอ ไม่ต้องคิดอะไร” เยี่ยเทียนอารมณ์ไม่ดี บีบเข้าไปที่ข้อมือที่ปวดของหลิวติงติง ทันใดนั้นหลิวติงติงเจ็บปวดก็อ้าปากขึ้นมา
เยี่ยเทียนใช้มือขวาดีด หลังจากนั้นก็ตบหลังหลิวติงติงเบาๆ เม็ดยาอีกครึ่งหนึ่งนั้นก็ตกลงไปอยู่ในท้องของหลิวติงติง
“แก แก ฉันจะสู้กับแก” หลังจากรอให้หลิวติงติงโต้ตอบ เม็ดยาก็ตกลงไปในท้องแล้ว ทำอะไรไม่ได้เลย ชูกำปั้นซ้ายโบกไปมาแบบไม่รู้สึกเจ็บปวดพร้อมที่จะสู้สุดชีวิตกับเยี่ยเทียน
“พอแล้ว ทำตัวดี ๆ หน่อย” เอามือขวามาแช่น้ำไว้สิบนาที เยี่ยเทียนออกแรง คว้ามือของหลิวติงติง มากดไว้ในกะละมัง หลังจากนั้นถอยมาสองก้าว จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่อยากยุ่งกับเจ้าเด็กโง่คนนี้เลย
หลังจากที่มือขวาแช่ไว้ในกะละมัง หลิวติงติงในเวลานั้นที่รู้สึกแสบร้อนก็ค่อยๆ รู้สึกเย็นสบาย ชั่วพริบตาเดียวความเจ็บปวดบรรเทาลง แต่ภายในใจก็ยังคงรู้สึกโกรธเคือง แต่ว่าก็ไม่ได้เอามือออกมา
“อะแฮ่ม…”
หลังจากที่จัดการกับหลิวติงติง เยี่ยเทียนเห็นว่าคนในห้องกำลังจ้องมองตัวเองอยู่ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกระแอมออกไป พูดกับหลิวติงติงว่า “ขอโทษนะครับ คุณผู้หญิง ผมแค่ให้บทเรียนกับคนรุ่นหลัง ทำให้ทุกคนหัวเราะแล้ว”
“คนแซ่เยี่ย แก แกไม่ใช่ผู้ชาย” อารมณ์ที่ค่อยๆ สงบลงแล้วของหลิวติงติง หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียน ก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง
“เฮ้ ฉันว่า แกเองก็ไม่สามารถใช้ง้าวพระจันทร์เสี้ยวนั้นได้ ที่เราสองคนพนันกันไว้ ให้แกชนะก็ได้” เยี่ยเทียนหันกลับไป สีหน้าที่รู้สึกตลกมองไปที่หลิวติงติง เขาคิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่รองจะมีหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนแบบนี้
ตอนที่หลิวติงติงเข้ามาในห้อง เยี่ยเที่ยนก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับพลังงานที่ออกมาจากตัวเธอ แม้ว่านักบวชเต๋าเคยพูดไว้แต่แรกแล้ว ไม่ได้ถ่ายทอดวิชากังฟูให้กับศิษย์พี่ทั้งสองคนนั้น
แต่ว่ากังฟูของสำนักเสื้อป่าน หลี่ซั่นหยวนได้รับการถ่ายทอดแล้ว พลังที่คุ้นเคยแบบน้ันเยี่ยเทียนไม่มีทาง พลาดอย่างแน่นอน
แต่หลังจากที่ถังเหวินหย่วนบอกว่าปู่ของหลิวติงติงแซ่จั่ว ในเวลาเดียวกันก็คือคนที่ดูฮวงจุ้ยให้กับบ้านนี้ เยี่ยเทียนครุ่นคิดขึ้นมาว่า เพราะว่าศิษย์พี่รองของเขา ก็คือผู้มีปัญญาของตระกูลจั่ว
ตามที่ถึงหลี่ซั่นหยวนบอก สิบปีที่แล้วผู้มีปัญญาของตระกูลจั่วคืออายุห้าสิบกว่าปี ตอนนี้อายุก็น่าจะประมาณ หกสิบสี่หกสิบห้าปีแล้ว ก็พอดีกับที่หลานสาวโตขนาดนี้
คนดูฮวงจุ้ยแซ่จั่วคนนี้ วิธีถ่ายทอดมาจากสำนักเดียวกันกับตัวเอง นอกจากศิษย์พี่รองที่คุ้นเคยกันดี เยี่ยเทียนไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องบังเอิญอื่นอีก
“ฉันเอาไม่ขึ้น แกก็เอาไม่ขึ้น จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าแกไม่ใช่พวกคนหลอกลวง” เวลานี้หลิวติงติง ถูกต้มจนเป็ดสุกแล้ว แต่ก็ไม่ยอมรับ
ง้าวพระจันทร์เสี้ยวเล่มนี้หนักมาก ให้ตายยังไงหลิวติงติงก็ไม่เชื่อ มองดูเยี่ยเทียนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ไม่ใช่คนที่แข็งแรงกำยำ ที่จะสามารถยกขึ้นมาได้ ถ้าเกิดว่าเยี่ยเทียนก็ยกขึ้นมาไม่ได้ เธอก็จะไม่นับว่านั้นคือการขายหน้า
“เธอบอกว่าฉันก็ยกไม่ขึ้นหรอ”
เยี่ยเทียนเมื่อได้ยินแล้วก็หัวเราะ พูดว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าเกิดว่าฉันยกขึ้นมาได้ เธอเรียกฉันว่าคุณอา เป็นไง”
“ยกขึ้นมาได้ก็ยังไม่นับ แกก็ต้องเล่นกับพู่ง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่ออกมานี้ ถ้าแกทำได้ฉันจะเรียกเแกว่าคุณอา ถ้าทำไม่ได้แกมันก็แค่คนโกหก”
หลิวติงติงไม่ได้โง่ เยี่ยเทียนพูดว่ายกขึ้นมา แม้ว่าง้าวพระจันทร์เสี้ยวนี้หนักมาก แต่ว่าพวกวัยหนุ่มสาว จะเคลื่อนย้ายก็สามารถทำได้
หลิวติงติงก็ไม่รู้ว่าทำไมเยี่ยเทียนถึงอยากให้ตัวเองเรียกว่าคุณอา แต่เธอก็มั่นใจว่าเยี่ยเทียนจะยกง้าวพระจันทร์เสี้ยวนี้ออกมาไม่ได้ ง้าวพระจันทร์เสี้ยวเล่มนี้น้ำหนักของมันอยู่ที่เจ็ดแปดสิบกิโลกรัม จะเล่นกับง้าวพระจันทร์เสี้ยวเล่มนี้ ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแรงของแขนกับน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัม
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเราตกลงกันแล้วนะ อย่ากลับคำละ”
เยี่ยเทียนหัวเราะฮาฮา เดินไปข้าง ๆ ง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่ถูกวางทอดยาวขวางอยู่ที่พื้น ไม่ได้ก้มตัวลงไปยกง้าวพระจันทร์เสี้ยวขึ้นมา แต่ว่าใช้เท้าเกี่ยวด้ามขึ้นมา อย่างสุดแรงและรวดเร็ว
ง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่หนักถึงเจ็ดแปดสิบกิโลกรัม คาดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนแค่เกี่ยว ก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมา หันง้าวพระจันทร์เสี้ยวไปด้านหน้า เยี่ยเทียนยื่นมือขวาออกไป จับไปที่ช่วงกลางของด้ามง้าวพระจันทร์เสี้ยว
หลังจากยกง้าวพระจันทร์เสี้ยวขึ้นมาได้แล้ว เยี่ยเทียนเดินไปข้างๆ ไม่กี่ก้าว ยื่นง้าวพระจันทร์เสี้ยวออกไปข้างหน้า
ในมือของเยี่ยเทียนที่ถือง้าวพระจันทร์เสี้ยวอยู่ ดูคล้ายกับไม่มีสิ่งของอะไร เดินไปรอบ ๆคนที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับยื่นด้านคมง้าวไปข้างหน้า เดินไปรอบๆ คนที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง เห็นเพียงแค่แสงสะท้อนของใบง้าวพระจันทร์เสี้ยว และพู่สองช่อ ที่งดงามก็ถูกเยี่ยเทียนสะบัดออกมา
เยี่ยเทียนที่กำลังสะบัดง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่อยู่ในมือ ยังไม่เคยเคลื่อนไหวสบายอารมณ์เช่นนี้มาก่อน คาดไม่ถึงว่าง้าวพระจันทร์เสี้ยวก็มีเสียงหวีดหวิวออกมา ดูเหมือนว่ากำลังแสดงความสุขของตัวเองเช่นกัน
ถือง้าวพระจันทร์เสี้ยวติดตัว เยี่ยเทียนก็รู้ได้ทันทีถึงความหมายของง้าวพระจันทร์เสี้ยว เวลานี้เกิดอารมณ์คึกคัก ตะโกนว่า “อาติง ตักน้ำนั้นมาสาด”
“ได้ครับ!”
อาติงก็มองด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนก็ไม่ได้ครุ่นคิด รีบเอามือไปตักน้ำมาสาด เข้าไปที่เยี่ยเทียน น้ำกระจัดกระจายจนทำให้ง้าวพระจันทร์เสี้ยวเกิดแสงสะท้อนออกมา
“ฮ่าฮ่า”
เยี่ยเทียนส่งเสียงหัวเราะออกมา การเคลื่อนไหวของมือก็ถี่ขึ้น เมื่อไม่มีใครเห็นเงาสะท้อนของง้าวพระจันทร์เสี้ยว เยี่ยเทียนก็ดึงพู่ง้าวพระจันทร์เสี้ยวออกมา และแล้วง้าวพระจันทร์เสี้ยวก็ถูกวางลงบนพื้น
“ป้าบ” เสียงที่ดังขึ้นมา พื้นหินอ่อนนั้นมีรอยเส้นแตกเหมือนกับใยแมงมุม แต่ว่าง้าวพระจันทร์เสี้ยวกลับปัก อยู่ตรงกลางพื้นหินอ่อน
“เฮ้ ไม่ได้ระวัง เหล่าถัง ขอโทษนะ ทำพื้นบ้านของนายพังเสียแแล้ว”
เยี่ยเทียนดีใจขึ้นมาทันที แล้วก็ลืมตัวว่าควรเรียกถังเหวินหย่วนว่าอย่างไร ทันใดนั้น คนรอบข้างต่างจ้องมองเยี่ยเทียน ราวกับว่าเขาคือตัวประหลาด
พื้นตรงหน้าของเยี่ยเทียน สามารถมองเห็นร่องรอยของน้ำได้อย่างชัดเจน แต่ว่าเสื้อสีขาวของเยี่ยเทียนนั้นกลับไม่มี รอยเปื้อนหรือคราบน้ำอะไรเลย หรือว่าจะถูกใบมีดง้าวพระจันทร์เสี้ยวกั้นไว้
แม้ว่ากงเสี่ยวเสี่ยวที่ไม่มีความรู้ด้านกังฟูแม้แต่นิดเดียว ก็รู้ได้ว่าระดับความยากของการเคลื่อนไหวเมื่อกี้ อย่าว่าแต่น้ำหนักของง้าวพระจันทร์เสี้ยวนี้ การยกง้าวพระจันทร์เสี้ยวที่หนักหลายกิโลกรัมนี้ เกรงว่าไม่มีใครที่จะมีระดับความสามารถทำได้เหมือนกับเยี่ยเทียน
“นี้ นี้ นี้คือน้ำกระเซ็นไม่เข้าหรอ”
ง้าวพระจันทร์เสี้ยวแค่อยู่ในมือของตัวเองก็อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ แต่พออยู่ในมือของเยี่ยเทียนกลับเหมือน ของเล่นชิ้นหนึ่ง หลิวติงติงที่กำลังเพลิดเพลิน รู้ว่าเธอคือคนที่มีวิชากังฟู แต่เทียบไม่ได้กับการแสดงท่าทางของเยี่ยเทียน นั่นคือความยากในการใช้ง้าวพระจันทร์เสี้ยว
อย่าว่าแต่หลิวติงติงเลย ปู่ที่เธอนับถือ ก็ไม่คิดว่าจะสามารถเอาง้าวพระจันทร์เสี้ยวเล่มนี้ขึ้นมาได้ ยิ่งไม่ต้องเปรียบเทียบกับท่าที่เยี่ยเทียนยกง้าวพระจันทร์เสี้ยวขึ้นมาได้ง่าย อีกทั้งน้ำที่ไม่สามารถกระเซ็นเข้ามาได้
ความจริงแล้วเยี่ยเทียนก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการใช้ง้าวพระจันทร์เสี้ยว เขาเพียงแค่ต้องรักษาหน้าของเขา ถ้าเกิดว่าคนสมัยก่อนฝึกฝนการที่สาดน้ำเข้ามาสี่ด้านแปดทิศ เยี่ยเทียนก็อาจกลายเป็นเพียงแค่หมาตกน้ำ
“เฮ้ เจ้าเด็กโง่’
หลังจากที่เก็บง้าวพระจันทร์เสี้ยว เยี่ยเทียนหันไปหาหลิวติงติง ยิ้มแล้วพูดว่า “พู่ง้าวพระจันทร์เสี้ยวก็เล่นให้เธอดูแล้ว ยังไง เรียกคุณอาสิ”
เยี่ยเทียนตอนเด็กไม่ว่าเขาจะอยู่ที่บ้านหรือว่าอยู่ในสำนักของอาจารย์ ก็คือตัวคนเดียวมาโดยตลอด นี้ก็คือครั้งแรกที่เขาได้บังเอิญเจอกับหลานของศิษย์พี่ เขากลับมีจิตใจที่เป็นเด็กขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะไม่หยอกล้อหลิวติงติง
……