หมอดูยอดอัจฉริยะ - ตอนที่ 236
เมื่อออกจากตำบลเยี่ยเทียนก็รีบเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ ไม่ว่ายังไงเรื่องของเขากับชิงหย่า ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยแล้ว ตอนปีใหม่ก็ควรจะไปเยี่ยมเยียนครอบครัวฝ่ายหญิงบ้าง
หลายเดือนนี้ที่เยี่ยเทียนเก็บตัวฝึกวิชาเลยเหินห่างจากชิงหย่าไปพอสมควร การไปครั้งนี้ก็เพื่อขอโทษชดเชยความผิด มีความรักแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่”อาจารย์เยี่ย” รู้ดีว่าหญิงสาวต่างก็ชอบให้คนเอาใจ
อวี๋เฮ่าหรานหลังจากที่ได้ฟังคำแนะนำของเยี่ยเทียนแล้ว ธุรกิจก็ดีวันดีคืน นอกจากโรงงานสิ่งทอเดิม เขายังอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้ ใช้เงินซื้อที่ดินมาในราคาถูกแล้วสร้างตึกรามที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง
ตอนนี้ตระกูลอวี๋อาศัยอยู่ในบ้านวิลล่าที่เป็นกิจการของตัวเอง พื้นที่ดีมาก แม้จะอยู่ในเขตที่พลุกพล่าน แต่สภาพแวดล้อมรอบๆบ้านกลับเงียบสงบ จึงเป็นบ้านที่สุขสงบอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย
“นี่ ผมมาหาเจ้าของวิลล่าเลขที่8ที่ชื่ออวี๋เฮ่าหราน อย่า…อย่าดันผมสิ?”
พื้นที่ในเขตนี้การรักษาความปลอดภัยแน่นหนามาก “อาจารย์เยี่ย”แค่อยากจะมาเซอร์ไพรส์อวี๋ชิงหย่าเท่านั้น ตอนนี้กลับถูกกันไว้อยู่นอกรั้วหมู่บ้าน
“คุณผู้ชาย เชิญคุณรออยู่นอกประตูก่อน พวกเราต้องได้รับการยืนยันจากเจ้าของบ้านถึงจะให้คุณเข้าไปได้!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงจะพูดด้วยความสุภาพ แต่ยังดันเยี่ยเทียนออกไปจากป้อมยามจนได้ ยิ่งเห็นการแต่งกายกับกระเป๋าสกปรกที่เยี่ยเทียนสะพายอยู่ อดไม่ได้ที่จะเคลือบแคลงใจ
ไปโทษยามไม่ได้ที่เขามองคนที่ภายนอก เยี่ยเทียนเดินทางหลายวันเสื้อผ้าถึงยังสะอาดอยู่แต่ก็มีรอยยับ พวกยามที่เห็นแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมจนชินแล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่านี่เป็นของจีนแดง
พวกแม่บ้านในวิลล่าต่างก็ถือกระเป๋าLV พวกยามถึงจะไม่มีเงินแต่ก็ตาสูง แน่นอนว่าไม่เห็นความสำคัญของหนุ่มขอทานข้างถนนอย่างเยี่ยเทียนหรอก
“ได้ ผมยืนห่างออกมาอีก จะได้ไม่รำคาญลูกตาคุณ…” เห็นสายตาที่มองอย่างกับมองขโมยของยาม เยี่ยเทียนยิ้มแหย ส่ายศีรษะ ยืนรออยู่นอกป้อมยาม
“คุณหนูอวี๋ คุณมาแล้วเหรอ?จะออกไปข้างนอกเหรอครับ?” ไม่ถึงสามนาทีเยี่ยเทียนได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเสียงเย็นชาเมื่อครู่ของยาม ตอนนี้น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประจบประแจง
“เยี่ยเทียน? เยี่ยเทียนเธออยู่ไหน?”
เมื่อครู่อวี๋ชิงหย่าได้รับโทรศัพท์ของเยี่ยเทียน เขาบอกว่าอยู่หน้าหมู่บ้าน ก็รีบออกมาจนไม่ได้เปลี่ยนรองเท้า ยังใส่รองเท้าแตะผ้าเดินในบ้านอยู่เลย
เยี่ยเทียนยื่นศีรษะออกไปจากป้อมยาม ยิ้มแหะๆ “ฉันอยู่นี่…”
“เธอเจ้าคนนิสัยไม่ดี!”
อวี๋ชิงหย่าเห็นเยี่ยเทียนมาจริง กลับหมุนตัวหันหลังกลับเข้าไปในหมู่บ้าน หญิงสาววัยยี่สิบกว่าตัวติดกับแฟนหนุ่มเป็นตังเม แต่เมื่อสามเดือนที่ผ่านมา เธอไม่ได้เจอหน้าเยี่ยเทียนสักครั้ง อวี๋ชิงหย่าโกรธเข้าแล้วจริงๆ
“นี่ นี่ รอฉันด้วยสิ!”
“คุณผู้ชายเข้าไปไม่ได้นะครับ!”
เยี่ยเทียนจะรีบตามเข้าไป กลับถูกยามขวางไว้ หญิงสาวเป็นถึงลูกสาวของเถ้าแก่ใหญ่ ทุกทีจะคุยด้วยยังยาก ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว
ยามเห็นว่าเยี่ยเทียนต้องเป็นคนที่มาตามตื้อคุณหนูอวี๋แน่นอน แต่ต้องเป็นประเภทที่หน้าหนาเอามากๆ ถ้าเขาไล่เยี่ยเทียนกลับไปได้ จะถือว่าทำความดีความชอบ
“เธอไม่สนใจฉันเลยเหรอ?”
เยี่ยเทียนถูกยามนั่นเล่นงานจนยิ้มไม่ออก คนตาบอดยังรู้เลยว่าเขากับชิงหย่าเป็นอะไรกัน ยามคนนี้สมองทึบอย่างกับหิน ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ?
“ถ้ายังไม่ออกไปผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ?” ยามชักเอาไม้กระบองออกมา มองหน้าเยี่ยเทียนอย่างประสงค์ร้าย พร้อมทั้งหยิบวอขึ้นมาเตรียมเรียกกำลังเสริม
เยี่ยเทียนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตะโกนบอกชิงหย่าว่า “ชิงหย่า เขาไม่ให้ฉันเข้าไป งั้นฉันกลับปักกิ่งแล้วนะ!”
“เธอกล้าเหรอ?” ได้ยินเสียงตะโกนของเยี่ยเทียน ทำเอาชิงหย่าตวาดกลับแทบไม่ทัน แล้วหันไปพูดกับยามว่า “เขาเป็นเพื่อนของฉัน ให้เขาเข้ามาเถอะ…”
“เป็นแค่เพื่อนเหรอ? ชิงหย่าเธอพูดตกไปนะ ต้องเติมคำว่าชายลงไปด้วยเป็นเพื่อนชายสิ?”
การรับมือกับชิงหย่า เยี่ยเทียนมีวิธีอยู่แล้ว ตั้งแต่เรียนประถม เขาสามารถแกล้งให้ชิงหย่าร้องไห้ได้ อีกสามนาทีต่อมาหยอกเย้าให้เธอหัวเราะได้เช่นกัน
“นิสัยไม่ดี!” อวี๋ชิงหย่าตวัดสายตาใส่เยี่ยเทียน แล้วเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้าน เยี่ยเทียนยิ้มแหย รีบตามเข้าไป
“นี่…นี่ ให้ตายเถอะ ดอกฟ้ากับหมาวัด?”
เห็นแบบนี้แล้วยามจึงเข้าใจสถานะของทั้งสอง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะดึงสติกลับมาได้ อดไม่ได้ที่จะส่องกระจกในป้อมยาม ทำไมเขารู้สึกว่าเจ้านั่นไม่เห็นหล่อเท่าตัวเองเลย?ทำไมถึงได้คบหากับลูกสาวของเถ้าแก่ได้?
เยี่ยเทียนกุลีกุจอตามอวี๋ชิงหย่ามาติดๆ พูดว่า “ชิงหย่า ฉันอธิบายให้เธอฟังแล้วไง หลายเดือนก่อนฉันต้องรักษาตัว ใช่ละ จะบอกให้ว่าตอนนี้ร่างกายฉันแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว เราก็จะได้…ต่อไปเราก็จะได้แบบนั้นกันได้แล้ว!
คบกับอวี๋ชิงหย่ามาได้สองสามปี ทั้งสองเคยทั้งจูงมือ เคยทั้งจูบกัน โอบกอดกันก็เคย ชิงหย่าเตรียมยอมพลีกายให้เยี่ยเทียนอยู่หลายครั้ง แต่เยี่ยเทียนยังคงรักษาคำสั่งของนักพรตเฒ่า ไม่กล้าฝืนคำสั่งเกินเลยไปแม้แต่น้อย
ต่อให้ความอดทนอดกลั้นของเยี่ยเทียนจะสูงแค่ไหน แต่เขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าเท่านั้น แม้ตอนเด็กจะได้ยินได้ฟังเรื่องที่พวกนักพรตเล่าว่าผู้หญิงนั้นเป็นเสือ แต่เยี่ยเทียนก็สนใจเรื่องหญิงหญิงชายชายอยู่มาก
ครั้งนี้มาเยี่ยมญาติฝ่ายหญิง เพราะอยากจะให้ชิงหย่าไปปักกิ่งกับเขา รอให้ใช้อาคมทำให้ดวงชะตาของอวี๋ชิงหย่าเปลี่ยนได้แล้ว ทั้งสองคนก็จะได้อยู่ด้วยกันจริงๆแล้ว
“อะไรนั่นมันคืออะไรล่ะ?” ได้ยินคำที่เยี่ยเทียนพูด จึงหยุดถามกลับด้วยความสงสัย
“ก็คือ…ก็คือ โอ้ย แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน!” เยี่ยเทียนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่กล้าพูดออกไปต่อหน้าคนใสซื่ออย่างชิงหย่า
“เธอเลวเป็นบ้าเลย!” อวี๋ชิงหย่ารู้ทันความหมายของเยี่ยเทียน วิ่งหน้าแดงกลับบ้านไป
เข้าไปที่บ้านอวี๋แล้ว เยี่ยเทียนต้องเก็บงำความขี้เล่นไว้ นำเอาแท่นหมึกโบราณออกมาจากกระเป๋ามอบให้ว่าที่พ่อตา อวี๋เฮ่าหรานเคยเป็นครูมาก่อน ฝีมือการเขียนพู่กันจีนนั้นสุดยอด ของขวัญชิ้นนี้ถือว่าเหมาะสมฐานะ
ส่วนว่าที่แม่ยาย เยี่ยเทียนก็ได้เตรียมของขวัญมาเหมือนกันเป็นต่างหูหยกเฝยชุ่ยคู่หนึ่ง ลวดลายละเอียดอ่อน อีกทั้งสีเขียวสดสว่าง เป็นหยกเนื้อกระจกอย่างดี เคยเป็นเครื่องประดับหยกหนึ่งในสองชุดของซ่งเหม่ยหลิงภรรยาของเจียงไคเช็ค
แน่นอนว่าลำพังเยี่ยเทียนจะไปหาของพวกนี้มาจากที่ไหน เยี่ยตงผิงให้เขาติดตัวมาด้วย เพื่องานมงคลของลูกชาย ถือว่าเยี่ยตงผิงได้ทำตามหน้าที่พ่อแล้ว ต่างหูคู่นั้นใครจะรู้ว่าราคาตั้งเป็นล้าน
เมื่อรับของขวัญแล้ว อวี๋เฮ่าหรานถามเยี่ยเทียนว่า “เยี่ยเทียน ผมเธอไม่ได้ย้อมมาใช่ไหม?”
อวี๋เฮ่าหรานเห็นเยี่ยเทียนตั้งแต่เด็กจนโต ถึงจะไม่มีความคิดเห็นกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่เยี่ยเทียนได้ใช้วิชาฝืนลิขิตฟ้าให้กับนักพรตเฒ่า สภาพร่างกายของเขากลับทำมห้อวี๋เฮ่าหรานกังวล
“ลุงอวี๋ ไม่ได้ย้อมครับ ช่วงก่อนเก็บตัวอยู่หลายเดือน ตอนนี้ร่างกายฟื้นฟูแข็งแรงดีแล้ว!” เป็นคนกันเองทั้งยังรู้ถึงความสามารถของเขา เยี่ยเทียนไม่ได้ปิดบังอะไร
“งั้นก็ดี เยี่ยเทียน ปีนี้เธอยี่สิบสองแล้วนะ?” อวี๋เฮ่าหรานเริ่มถาม
เยี่ยเทียนพยักหน้า “เลยยี่สิบสองแล้ว ลุงอวี๋ ทำไมหรือ?”
“ชิงหย่าอ่อนกว่าเธอครึ่งปี แต่งงานตอนนี้ออกจะเร็วไป แต่เธอทั้งสองหมั้นกันไว้ก่อน”
“อะไรนะ!?”
“พ่อ!”
อวี๋เฮ่าหรานเพิ่งพูดจบ เยี่ยเทียนกับอวี๋ชิงหย่าก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ ทั้งสองคนรักใคร่กันด้วยความจริงใจ แต่เพราะอายุยังน้อยทั้งคู่ จึงยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องแต่งงาน
“ทำไม?ไม่ยอมเหรอ?” อวี๋เฮ่าหรานถามเยี่ยเทียน เขาไม่ต้องถามลูกสาวเลย เพราะวันๆเขาได้ยินลูกสาวบ่นถึงชื่อเยี่ยเทียนวันละสิบกว่ารอบ นั่นไม่ได้ชัดเจนอยู่แล้วหรือ?
“ยอมครับ ต้องยอมสิครับ ลุงอวี๋ ลุงว่ายังไงก็ทำตามนั้นแหละครับ!”
เยี่ยเทียนถึงจะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ตกปากรับคำออกไป ถามต่อว่า “ลุงอวี๋ เรื่องนี้ลุงพูดกับพ่อผมหรือยัง?”
อวี๋เฮ่าหรานตอบว่า “เมื่อวานฉันโทรหาพ่อของเธอ พรุ่งนี้เขาจะบินมาที่นี่ เราจัดงานในเซี่ยงไฮ้ก่อน แล้วที่ปักกิ่งจะจัดหรือไม่จัดก็แล้วแต่พวกเธอ”
“พ่อผมจะมาพรุ่งนี้?แล้ว…แล้วจะหมั้นกันเมื่อไหร่ครับ?” ได้ยินที่อวี๋เฮ่าหรานพูด ทั้งเยี่ยเทียนและอวี๋ชิงหย่าได้แต่ตะลึงงัน เป็นเรื่องของเขาสองคนแท้ๆ ทำไมกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย?
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในงานหมั้นก็ต้องใส่ชุดเจ้าสาว ชุดเจ้าสาวยังไม่ได้เตรียมเลย อวี๋ชิงหย่ายังไม่เท่าไหร่ แต่เยี่ยเทียนนี่สิ จะให้เขาใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อสูทเข้างานไม่ได้นะ?
อวี๋เฮ่าหรานคิดเล็กน้อย กล่าวต่อว่า”ถัดจากวันมะรืนเป็นวันที่สิบสี่กุมภาไม่ใช่เหรอ?เป็นวันแห่งความรักของวัยรุ่น งั้นก็หมั้นกันวันนั้นแลัวกัน!”
“ถัด…ถัดจากวันมะรืน? ลุงอวี๋ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” เยี่ยเทียนมองออก อวี๋เฮ่าหรานที่ออกจะหวงลูกสาวแต่ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ที่เขาไม่รู้ ถึงจะให้หมั้นกันรวดเร็วขนาดนี้
“มีเรื่องอะไรที่ไหนกันเล่าชิงหย่าทำงานที่ปักกิ่ง แล้วก็ไปอยู่กับเธอบ่อยๆ ถ้าไม่หมั้น ไม่มีสถานะชัดเจน แล้วจะไม่ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านได้ยังไง?”
อวี๋เฮ่าหรานโบกมือ พูดต่อ “ชิงหย่า ลูกขับรถพาเยี่ยเทียนออกไปหาซื้อชุดแต่งงานเถอะ เหลือเวลาอีกสามวัน น่าจะซื้อแบบตัดสำเร็จแล้ว
“ค่ะ หนูจะพาเยี่ยเทียนไปเดี๋ยวนี้!” อวี๋ชิงหย่าไม่ได้คิดซับซ้อนเหมือนเยี่ยเทียน พอได้ยินคำสั่งของพ่อ ก็ไม่มัวแต่อายม้วน รีบลากเยี่ยเทียนออกประตูไป
รอจนทั้งสองออกไปแล้ว แม่ของอวี๋ชิงหย่าถามว่า “เหล่าอวี๋ หมั้นกันเร็วขนาดนี้ ไม่ใจร้อนไปหน่อยเหรอ?”
แม่ของอวี๋ชิงหย่าการศึกษาไม่ได้สูงนัก แต่ตอนสาวๆนั้นสวยมาก ตลอดหลายปีมานี้ก็รักใคร่กับอวี๋เฮ่าหรานดี ตอนนี้เรื่องแต่งงานของลูกสาว กลับไม่ได้ปรึกษากับเธอก่อนสักนิด เธอจึงรู้สึกไม่สบายใจ
“เธอคิดว่าฉันอยากเหรอ ซิ่วเหลียน รีบให้ชิงหย่าหมั้นก่อนจะไปอยู่ปักกิ่ง จะได้ตัดความหวังของใครบางคน” อวี๋เฮ่าหรานถอดถอนใจ เอนกายพิงโซฟา สีหน้าแสดงออกถึงความเหนื่อยล้า