หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 99 ฝ่ามือเหล็ก
บทที่ 99 ฝ่ามือเหล็ก
ได้ฟังคำพูดของเฉินเหาแล้ว ใบหน้าลู่เสี้ยงหยางไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ขยะเช่นเขา ไม่มีผลต่ออารมณ์ของเขาเลย ถ้าจะปะทะกันจริงๆ ตบทีเดียวก็ตายแล้ว
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ลู่เสี้ยงหยางเป็นคนขี้ขลาดในสายตาของเฉินเหา เพราะไม่กล้าที่จะตอบโต้เขาเลย
“เฮ้อ ไอ้หนูน้อย ไสหัวกลับบ้านไปเถอะ เดินย่องราวกับพวกผู้หญิง” เฉินเหาฟึดฟัดอยู่ในจมูก หลังจากพูดจบก็เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
หลังจากที่ออกมาจากKTVมงกุฎแล้ว กลุ่มคนได้ขึ้นไปนั่งบนรถอเนกประสงค์สามสี่คัน แล้วมุ่งหน้าไปที่โรงงานจิ่วอีที่ชานเมือง
เพราะขับรถอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดจึงมาถึงโรงงานจิ่วอี โดยใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น
โรงงานจิ่วอีได้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลาห้าปี กำแพงกรุกร่อนและรกไปด้วยวัชพืชมาเป็นเวลานาน เมื่อทะลุผ่านลานสนามหญ้าด้านหน้าขนาดใหญ่ ภายในเป็นโรงฝึกงานขาดยักษ์
ลู่เสี้ยงหยางและคนเหล่านี้คอยอยู่ในรถ
เวลาผ่านไป จางเซี่ยวเทียนมาไม่ถึงสักที ถังหลงรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ การรอคอยแบบนี้มันทรมานมาก
ลูกน้องของเฉินเหาที่ชื่อว่าเด็กชายอาเลี่ยงนั่นหยิ่งผยองมากเขายิ้มและพูดว่า : “ต้องเป็นเพราะเจ้าคนขี้ขลาดจางเซี่ยวเทียนรู้ว่าคืนนี้ลูกพี่ของฉันลงมือเองแน่ๆ เพราะฉะนั้นเลยตกใจกลัวจนไม่กล้ามา”
ทันทีที่พูดออกมา นอกเหนือจากลูกศิษย์ก้นกุฏิของจางเซี่ยวเทียนสามสี่คนแล้วล้วนแต่กล่าวยกย่องสรรเสริญ ประสบสอพลอ
“ใช่แล้วใช่แล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีใครสู้อาจารย์ของพวกเราได้หรอก”
“ฮ่าฮ่า มีอาจารย์ของพวกเราแล้ว ไม่ต้องพูดถึงจางเซี่ยวเทียนคนเดียวเลย ถึงมาสิบคนก็มีแต่จะถูกตีจนกลัวฉี่ราดเท่านั้นแหละ”
เมื่อได้ฟังคำยกย่องสรรเสริญจากเหล่าลูกศิษย์แล้วเฉินเหาก็มีความภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้น และทำท่าสูงส่งขึ้นเรื่อยๆ
เวลาล่วงเลยไปอย่างต่อเนื่อง และผ่านไปไม่กี่นาที
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ลานสนามหญ้าหน้าโรงงาน ทุกคนหันไปดูแล้วก็มองเห็นร่างหนึ่งในชุดลำลองที่มีรูปร่างผอม บนหน้าชายหนุ่มมีรอยแผลเป็นปรากฏให้เห็น
ทันทีที่เห็นผู้ชายคนนี้ สีหน้าของถังหลงก็เปลี่ยนไปแล้วเอ่ยว่า “เป็นเขาจางเซี่ยวเทียน…ในที่สุดเขาก็มาแล้ว”
“ฮึ เป็นแบบนี้แล้วก็ยังจะกล้ารนหาที่ตาย ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้เขาสมหวังในคืนนี้” เฉินเหาทำเสียงฟึดฟัดในจมูกและใบหน้าดูหมิ่น
ในสายตาของเขา แขนและขาอันบอบบางของจางเซี่ยวเทียนเหมือนกับลู่เสี้ยงหยางล้วนแต่เป็นมนุษย์อ่อนแอที่ไร้ประโยชน์ คนอย่างนี้จะเปรียบเทียบกับเขาได้อย่างไร?
ในช่วงเวลาที่เฉินเหาดูถูกดูแคลน จางเซี่ยวเทียนได้เดินเข้ามาในโรงงานแล้วและกวาดสายตามองทุกคน และแค่มองดูเฉินเหาเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่ถังหลง
“ถังหลงเอ๋ยถังหลง แกนี่มันตกต่ำลงไปทุกๆปีเหมือนเดิม แกไม่ได้เป็นที่รู้จักในนามของวีรบุรุษใต้ดินของเมืองปินเหองั้นเหรอ? ทำไมถึงได้เอาลูกหมาลูกแมวไม่กี่ตัวมารนหาที่ตาย” จางเซี่ยวเทียนกล่าวเยาะเย้ย
ถังหลงกดทับความโกรธในใจเอาไว้แล้วเอ่ยถามจางเซี่ยวเทียนว่า “ไม่มีเรื่องจะคุยแล้วเหรอ?”
พูดตามตรง เขาเชี่ยวชาญในการหลอกล่อและใช้กลอุบาย การฆ่าฟันไม่ใช่จุดแข็งของเขาจริงๆ
“คุย? แกอยากจะคุยกับฉัน ได้เลย ฉันชอบพูดคุยกับผู้คนมากที่สุด แต่ว่าก่อนที่จะคุย แกต้องควักหนึ่งพันล้านมาชดใช้ให้ฉันก่อน” จางเซี่ยวเทียน พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้ม
“แก..” คำพูดนี้ทำให้ถังหลงสำลักจนพูดไม่ออก อุตสาหกรรมทั้งหมดของเขาในตอนนี้รวมกันแล้วไม่สามารถสร้างรายได้ถึงพันล้าน แต่จางเซี่ยวเทียนคนนี้เอ่ยปากว่าต้องการพันล้าน มันชัดเจนว่าต้องการยั่วยุเขา
“พูดอย่างนี้ เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” ถังหลงส่ายหัว
“ไร้สาระ เย็ดแม่งแกทำตัวยิ่งใหญ่ขนาดนี้จะมาคุยกับฉันทำไม ถังหลง แกคิดว่าฉันจางเซี่ยวเทียนยังคงเป็นจางเซี่ยวเทียนในอดีตใช่ไหม? คืนนี้ฉันมาถึงที่นี่ ไม่เพียงแต่ต้องได้สิ่งที่เป็นของฉันคืนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นต้องได้ชีวิตสุนัขอย่างแกด้วย” ทันใดนั้นสีหน้าของจางเซี่ยวเทียนก็เปลี่ยนเป็นมืดมนและกระหายเลือด
“เฮ้อ อาจารย์เฉิน เห็นทีต้องลำบากคุณแล้ว” ถังหลงพูดกับเฉินเหา
บนหน้าของเฉินเหามีท่าทีไม่ใส่ใจและเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า : “วางใจเถอะ ของพรรค์นี้ไม่ต้องให้ฉันลงมือหรอก แค่ลูกศิษย์ของฉันก็ฆ่าเขาได้แล้ว อาเลี่ยง นายไม่ได้อยากอวดฝีมือการต่อสู้ของตัวเองมาตลอดงั้นเหรอ? งั้นก็ลุยเลย”
“ครับอาจารย์” ใบหน้าของอาเลี่ยงเต็มไปด้วยความยินดีและอยากลองทำ
เขาเรียนศิลปะการต่อสู้กับเฉินเหามาเป็นเวลาหลายปี และต่อเติมความมั่นใจในตัวเองสูงเกินจริง ราวกับว่าอาจารย์ของเขาเป็นที่หนึ่งของโลกและเขาเป็นอันดับสองของโลก นอกเหนือจากอาจารย์ของเขาแล้ว ภายใต้โลกนี้ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ก้าวไปด้านหน้า อาเลี่ยงก็ได้เผชิญหน้ากับจางเซี่ยวเทียนแล้ว
จางเซี่ยวเทียนมองอาเลี่ยงอย่างดูถูกและพูดว่า “เชื่อหรือเปล่าว่าฉันใช้แค่นิ้วเดียวก็ฆ่าแกได้แล้ว?”
“บ้าเอ๊ย เชื่อแม่มึงสิ ดูสิว่าฉันจะหักขาหมาของแกยังไง” อาเลี่ยงตะโกนเสียงดัง แล้วกระโดดออกไปทั้งตัวพุ่งเข้าใส่จางเซี่ยวเทียน
ชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจอาเลี่ยงก็มาอยู่ด้านข้างของจางเซี่ยวเทียนแล้ว
ความเร็วที่น่ากลัวนี้ทำให้อาเปียวและเสือแอบตกใจจนพูดไม่ออก พวกเขาทั้งคู่เองก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะอาเลี่ยงได้เช่นกัน
ดูเหมือนว่าหลายปีที่ผ่านมานี้วิสัยทัศน์ของพวกเขาจะคับแคบเกินไป ไม่ได้สัมผัสกับคนของโลกแห่งศิลปะการต่อสู้จึงไม่รู้ว่าพวกเขาน่ากลัวแค่ไหน
หุ!
หลังจากที่อาเลี่ยงมาอยู่ที่ด้านข้างของจางเซี่ยวเทียนก็ยกฝ่ามือขึ้นออกไปฟาดจางเซี่ยวเทียน
เขาได้รับการถ่ายทอดฝ่ามือเหล็กของเฉินเหามาหลายส่วน จึงทำได้คล้ายคลึงอย่างมาก ฝ่ามือที่เพิ่งจะฟาดออกไปทำให้เกิดเสียงลมแหลมที่ดุดัน
“เหอเหอ ฝ่ามือตดหมาอะไรกัน นี่มันให้ผู้หญิงใช้เถอะ” ใบหน้าของจางเซี่ยวเทียนเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม หลังจากหัวเราะเยาะแล้วก็ชกออกไปหนึ่งหมัด
ตูม!
หมัดนี้พุ่งเข้าใส่ฝ่ามือของอาเลี่ยงโดยตรง แขนทุกส่วนของอาเลี่ยงมีอาการกระดูกแตกจนแหลกเป็นผุยผง และบิดเป็นเกลียวจนลู่ตกลงไป
ไม่ต้องรอให้อาเลี่ยงส่งเสียงกรีดร้อง จางเซี่ยวเทียนก็ชกหมัดที่สองตามออกมา
หมัดนี้พุ่งตรงเข้าไปบนหน้าอกของอาเลี่ยง
หน้าอกของอาเลี่ยงยุบลงไปอย่างรวดเร็ว รอยหมัดลึกปรากฏขึ้นมาในชั่วพริบตา
พรืด!
เลือดทะลักออกจากปากอาเลี่ยงเต็มไปหมด ทั้งตัวปลิวว่อนลอยออกไปแล้วกระแทกลงบนพื้นจนสลบไป แต่ว่ารอยกำปั้นบนหน้าอกกลับเป็นที่น่าสยดสยอง
เฉินเหาสูดหายใจอย่างรุนแรง ความน่ากลัวของหมัดนี้อยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ ถึงแม้ว่าเขาจะซัดฝ่ามือเหล็กออกไปจนถึงขีดสุดก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทิ้งรอยฝ่ามือไว้บนตัวคนได้
เหล่าลูกศิษย์ของเฉินเหา ทุกๆคนต่างหน้าเปลี่ยนสีในทันใด แต่ว่ายังคงมีความมั่นใจระดับสูงในตัวอาจารย์ของพวกเขา
“อาจารย์ คุณรีบลงมือตบสวะตัวนี้ให้ตายเถอะ เขากล้ามาทำร้ายศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา”
สีหน้าของเฉินเหาเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
สู้กับจางเซี่ยวเทียนน่ะ น่ากลัวว่าไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส
แต่ไม่สู้กับจางเซี่ยวเทียน ต่อจากนี้ก็จะไม่สามารถอยู่ในวงการนี้ได้อีกต่อไป
โดยไม่ให้เวลาเขาได้สับสน จางเซี่ยวเทียนก็ทำท่าสะบัดมืออย่างเย่อหยิ่ง : “ตอนนี้เข้ามารับความตายได้แล้ว”
“เฮอะ” เฉินเหากัดฟัน ท้ายที่สุดไม่สามารถเอาชนะความกดดันได้ และเริ่มเข้าสู่สนาม
ในครั้งนี้ เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ เขาได้ใช้ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดที่เรียนมาอย่างเต็มที่จนถึงขีดจำกัด
ฝ่ามือเหล็กพยัคฆ์ที่น่ายำเกรงไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด เสียงลมก็จะหวีดหวิว จนเม็ดทรายปลิวก้อนหินขยับกลิ้ง
อาเปียวและเสือจ้องเขม็งตาเบิกโพลง นี่สิถึงจะเป็นศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง
แต่ว่าลู่เสี้ยงหยางกลับส่ายหัว เฉินเหาเรียนวิชาฝ่ามือเหล็กเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น และกำลังจะพ่ายแพ้
โชคไม่ดี เมื่อเขาส่ายหัวอยู่นี้ถูกพวกลูกศิษย์ของเฉินเหาเห็นเข้าพอดี ต่างพากันกล่าวหาเขาอย่างเซ็งแซ่
“ไอ้โง่คนนี้ แกดูเป็นหรือเปล่า? ส่ายหัวหาอะไร?”
“ใช่แล้ว เสแสร้งล่ะสิ แกดูหมิ่นอาจารย์ของพวกเราใช่ไหม?”
“เฮอะ รอดูเมื่ออาจารย์ของเราชนะแล้ว จะจัดการแกยังไง”
ตูม!
ทันทีที่เสียงจบลง เฉินเหาก็ถูกจางเซี่ยวเทียนซัดหมัดเข้าที่ท้องแล้วตัวก็ปลิวออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงของโรงงาน
กำแพงของโรงงานทรุดตัวลงมาโดยตรง เฉินเหาถูกฝังอยู่ในกองอิฐ
เงียบเหมือนตาย!
คนทั้งสนามต่างเงียบสนิทเหมือนตาย!