หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 95 นักแสดงพิเศษ
บทที่ 95 นักแสดงพิเศษ
มองดูเจ้าหน้าที่รปภ.และเฉินห้านหลิน คุกเข่าให้ตนเองแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในการคาดการณ์ของตนเอง
ลู่เสี้ยงหยางยิ้มแล้วพูดกับลูกพี่ รปภ. ว่า “คุณถูกไล่ออกแล้ว”
จากนั้นเขาก็มองไปที่ เฉินห้านหลินอีกครั้งแล้วพูดว่า “ถ้าหากคุณสามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้ตลอด ทำให้ผมเห็นถึงความจริงใจของคุณ ผมอาจจะพิจารณาให้คุณร่วมงานกับเฟยหยางกรุ๊ปต่อไป”
“ครับครับครับ ประธานลู่ ผมสามารถคุกเข่าอยู่ที่นี่ได้จนกว่าคุณจะพอใจ” เฉินห้านหลิน พยักหน้าราวกับเป็นกระเทียม ขอเพียงแค่สามารถสร้างความร่ำรวยกับเฟยหยางกรุ๊ปต่อไปได้ แค่คุกเข่าทำไมจะทำไม่ได้
“อ้า ประธาน ประธานลู่ อย่าไล่ผมออกเลยนะครับ” ในส่วนของลูกพี่รปภ.ได้กรีดร้องออกมา กลอกตาทั้งสองข้างแล้วเป็นลมลงไป
จากนั้นลู่เสี้ยงหยางไม่ได้อยู่ที่เดิม แต่เดินเข้าไปในเฟยหยางกรุ๊ป ภายใต้การนำของหลี่ซือซือ
ไม่นานลู่เสี้ยงหยางและหลี่ซือซือก็เดินเข้ามาในห้องทำงานของประธาน
ลู่เสี้ยงหยางนั่งลงอย่างสบายๆบนเก้าอี้ประธาน หลี่ซือซือ ยืนอยู่ข้างๆลู่เสี้ยงหยางราวกับเป็นสาวใช้ ทุกการเคลื่อนไหวดูอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ว่าลู่เสี้ยงหยางจะเชื่อใจหลี่ซือซือ ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากว่าเขาเองก็มาถึงบริษัทแล้ว เพราะอย่างนั้นลู่เสี้ยงหยางจึงเตรียมตัวดูสถานการณ์ในการพัฒนาล่าสุดของบริษัท
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในใจของลู่เสี้ยงหยางก็เข้าใจชัดแจ้ง ว่าทุกๆเดือนในช่วงนี้ เฟยหยางกรุ๊ปสามารถเปิดตัวศิลปินได้สำเร็จ พวกเขาอยู่ทั้งแวดวงดนตรีอยู่ทั้งในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ ซึ่งล้วนแต่ได้รับความสำเร็จ
แต่ทว่าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ซูเยียนรันเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยเพลงๆเดียว “ค่ำคืนที่เงียบเหงา ” ที่โด่งดังในวงการเพลง
ตอนนี้ได้เป็นนักร้องเบอร์ต้นๆเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงสามารถปล่อยเพลงที่ได้รับความนิยมอีกสักสองสามเพลง อย่างนั้นแล้วเธอถามถึงตำแหน่งราชินีได้เลย
“อืม ทำได้ดีมาก คุณไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย ในตอนที่ผมเลือกคุณเป็นประธานรักษาการณ์เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด”
ลู่เสี้ยงหยางเงยหน้าขึ้นกล่าวยกย่องหลี่ซือซือ
หลี่ซือซือได้รับคำชมอย่างไม่คาดฝันจนประหลาดใจ รีบเอ่ยว่า “สามารถแบ่งเบาความทุกข์ของประธานได้ นั่นคือเกียรติของฉันค่ะ ถ้าประธานไม่ชอบ ฉันก็จะอุทิศตัวเองทั้งหมดค้นหาศิลปินเพื่อท่านประธานค่ะ”
“อื้ม” ลู่เสี้ยงหยางพยักหน้า จากนั้นก็เข้าประเด็น เอ่ยถามว่า : “ผู้กำกับจะมาเมื่อไหร่เหรอ? จะทดสอบหน้ากล้องที่บริษัทหรือว่ากองถ่าย?”
หลี่ซือซือ ยิ้มแล้วกล่าวว่า : “ประธานคะตอนนี้ผู้กำกับอยู่ที่บริษัทของเราแล้ว แต่ว่าเขาตัดสินใจเพิ่มตัวละครหญิงลำดับสามเข้ามา ตอนนี้กำลังทดสอบหน้ากล้องอยู่ที่ห้องประชุม เมื่อเขาทำงานเสร็จแล้ว จะมาพบคุณที่ห้องทำงานด้วยตัวเองค่ะ”
ลู่เสี้ยงหยางลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับพูดว่า : “ไม่ต้อง ผมจะไปที่ห้องประชุมเอง”
“ตกลงค่ะประธาน ฉันจะไปกับคุณ” หลี่ซือซือ รีบเดินตามไป
“ไม่ต้องหรอกนะ คุณทำงานของคุณเถอะ ผมจะไปเอง” ลู่เสี้ยงหยางโบกมือ
ไม่ง่ายนักที่เขาจะเดินทางมาที่บริษัท จะได้เดินทั่วบริษัทคนเดียวเพื่อตรวจสอบดูสภาพการทำงานของพนักงานบริษัทพอดีเลย
“โอเคค่ะท่านประธาน” หลี่ซือซือหดหู่เล็กน้อย เธอแค่อยากจะอยู่กับลู่เสี้ยงหยางอีกสักสองสามนที แต่ลู่เสี้ยงหยางพูดออกมาแล้ว เธอไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง
หลังจากที่ลู่เสี้ยงหยางเดินเข้ามาภายในบริษัทคนเดียว พนักงานที่ได้พบเขาระหว่างทางทุกคนต่างมองเขาด้วยความประหลาดใจ
สามารถทำงานที่เฟยหยางกรุ๊ปได้ คนไหนบ้างที่ไม่ใช่หนุ่มหล่อสาวสวยที่กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นลู่เสี้ยงหยางที่แต่งตัวเหมือนกับเป็นคนชนบทธรรมดาสามัญ
พนักงานหลายคนพากันรวมตัวและพูดคุยกันอย่างรวดเร็ว “ให้ตายเหอะ ทุกคนรู้ไหมว่าคนๆนี้คือใครกันเนี่ย? ทำไมถึงมาที่บริษัทของพวกเรา?”
“ไม่รู้สิ อาจจะเป็นพนักงานทำความสะอาดก็ได้นะ”
“เฮ้อ พวกฝ่ายบุคคลทำงานกันยังไงเนี่ย หาพนักงานทำความสะอาดก็หาที่เข้าตาหน่อยสิ มองเห็นคนนี้แล้ว อารมณ์ของพวกเราก็ถูกทำลายหมด แล้วจะมีอารมณ์ร้องเพลงได้ยังไง?”
ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ และเดินเข้าไปในห้องประชุม
เมื่อสักครู่นี้ ผู้กำกับได้ทดสอบผู้ที่มาใหม่สามคนและไม่พอใจทั้งหมด เขารู้สึกอารมณ์เสีย จึงเข้าห้องน้ำไปสูบบุหรี่
ตอนนี้ในห้องประชุมจึงเหลือเพียงคนมาใหม่ที่รอทดสอบหน้ากล้องเหล่านั้น รวมถึงนักแสดงหลักบางส่วนที่ถ่ายทำละครเรื่องนี้
สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องมาที่ลู่เสี้ยงหยางที่เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องประชุม ทั้งตัวของเขามีแต่สินค้าแผงลอย เท้าเหยียบอยู่บนรองเท้าผ้าใบราคาถูกคู่หนึ่ง ดูไม่เข้าตาฝูงชนอยู่แล้วยิ่งไม่เข้าตามากขึ้นไปอีก
“โธ่เอ๊ย ให้ตายเหอะ คนงานนี่นา นักแสดงพิเศษมาที่บริษัทเราได้ยังไงเนี่ย?” ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงดูถูกออกมา
ซูเยียนรันในฐานะนักแสดงนำฝ่ายหญิงที่ถูกกลุ่มคนห้อมล้อมอยู่นั้น เมื่อมองเห็นลู่เสี้ยงหยางก็แสดงออกบนใบหน้าด้วยความรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน
เธอเคยมองหาผู้ชายคนนี้อย่างจงใจมาก่อน อยากให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดให้กับตนเอง แต่ว่าเขาก็ปฏิเสธ ไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยนใจเร็วอย่างนี้ มั่นใจว่าเขามาที่นี่เพื่อมาหาตนเองและขอร้องเธอให้โอกาสแก่เขาสินะ
“เหอเหอ ฉันเคยพูดไว้ว่าคุณจะต้องเสียใจ เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ผ่านไปแค่วันเดียว คุณก็เสียใจแล้ว สิ่งนี้ทำให้ฉันผิดหวังอยู่นิดหน่อยนะ” ซูเยียนรันคิดในใจ ดูเหมือนว่ากระดูกของลู่เสี้ยงหยางจะไม่ได้แข็งมากนัก ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลเย่แล้วเกาะผู้หญิงกิน
ในเวลาเดียวกันกับที่ซูเยียนรันกำลังคิดในใจ ได้มีนักแสดงหลายคนหยิบมือถือออกมา เตรียมโทรเรียกเจ้าหน้าที่รปภ. ให้มาเอาตัวลู่เสี้ยงหยางนักแสดงพิเศษคนนี้ออกไป
“รอเดี๋ยว” ซูเยียนรันลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับทุกคน “เขามาหาฉันค่ะ”
อะไรนะ?
ทันทีที่เธอพูดคำนี้ออกมา ทำให้หลายคนต่างตกตะลึง ในสายตาของพวกเขา ลู่เสี้ยงหยางเป็นไอ้คนธรรมดาตัวเปล่าเล่าเปลือย
แต่ว่าซูเยียนรันเป็นดาราใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยรัศมี ไม่มีจุดตัดที่ทั้งสองคนจะมาบรรจบได้เลย
ซูเยียนรันไม่สนใจต่อการแสดงออกของฝูงชน แล้วก้าวไปข้างหน้าจนถึงข้างตัวของลู่เสี้ยงหยาง และมองอย่างสนุกสนานพร้อมกับพูดว่า : “ทำไมถึงเสียใจเร็วนักล่ะ ฉันจำได้ว่าเช้านี้ที่คลินิกคุณห้าวหาญมากเลยนี่นา”
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้ต้องการพูดอะไรกันแน่?
“เหอเหอ” ซูเยียนรันยิ้มบางๆ และพูดกับลู่เสี้ยงหยางต่อไปว่า : “ถึงแม้ว่าคุณจะมาตามหาฉันถึงบริษัทด้วยความจริงใจ แต่ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันได้เจอคนที่เหมาะสมจะเป็นบอดี้การ์ดเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นคุณออกไปได้แล้ว”
“คุณคิดมากเกินไปแล้วหรือเปล่า?” ลู่เสี้ยงหยางแค่นยิ้ม
ดูเหมือนว่าซูเยียนรันจะเข้าใจเขาผิดไปแล้ว คิดว่าเขามาที่นี่เพื่อมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับเธอ
“งั้นเหรอ? ฉันคิดมากไปแล้ว” ซูเยียนรันรู้สึกขบขันเล็กน้อย รู้สึกว่าลู่เสี้ยงหยางน่าอนาถใจอยู่พอสมควร เดิมทีมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ตนให้โอกาสเขาเป็นบอดี้การ์ดอีกครั้ง แต่กลับวางท่าไว้สูงขนาดนี้ ไม่ยอมลดเสียงลงเพื่อขอความช่วยเหลือ
เขามีนิสัยเช่นนี้แล้วจะเข้ากับสังคมได้ยังไง
“ถ้าหากว่ามันเป็นอย่างที่พูด คุณก็มาผิดที่แล้ว ตอนนี้ไปได้แล้ว ประตูอยู่ทางนั้น ขอไม่ส่งนะ” ซูเยียนรันยื่นนิ้วมือเรียวยาวดั่งหยกออกมาแล้วดึงประตูใหญ่ของห้องประชุม
ลู่เสี้ยงหยางยืนเฉยไม่สนใจและเอ่ยปากพูดอย่างใจเย็นว่า : “ผมมาที่นี่เพื่อทดสอบหน้ากล้อง”
อะไรนะ?
เขาที่ขี้ขลาดอย่างนี้ก็จะมาทดสอบหน้ากล้อง?
แม่งเอ๊ย นักแสดงตัวประกอบก็อยากจะมาทดสอบหน้ากล้องด้วย?
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ภายในห้องประชุมมีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้น นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่พวกเขาเคยเจอมา คิดว่าตัวเองมีความสำคัญงั้นเหรอ? นักแสดงตัวประกอบก็เป็นตัวประกอบ คิดอยากจะทดสอบหน้ากล้อง คิดว่าเป็นตัวเอกสินะ
ซูเยียนรันพูดด้วยสีหน้าดำมืดว่า : “คุณเอาจริงเอาจังมากไปแล้วหรือเปล่า? ตัวประกอบไม่มีคุณสมบัติจะมาทดสอบหน้ากล้องหรอกนะ เข้าใจหรือเปล่า?”
“เหอะเหอะ ใครบอกว่าผมเป็นนักแสดงประกอบ? ผมเป็นนักแสดงนำชายในละครเรื่องนี้” ลู่เสี้ยงหยางยักไหล่แล้วพูด
บ้าเอ๊ย!
นักแสดงนำชาย!
ทันทีที่พูดออกมา ทั้งห้องประชุมก็เงียบราวกับตายไปแล้ว