หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 82 เตะให้กระเด็น
บทที่ 82 เตะให้กระเด็น
ไม่กี่นาทีผ่านไปเถาหงเหมยก็ติดต่อจางต้าฉีได้ จางต้าฉีรับปากจะให้หลิวจิ้งยืมเงินและบอกว่าจะไปถึงร้านคาราโอเกะเอ็นเอฟภายในครึ่งชั่วโมง
ระหว่างที่รอจางต้าฉี หลิวจิ้งก็ได้ไปเข้าห้องน้ำคนเดียว
หลังจากที่เธอกลับไปในห้องคาราโอเกะได้สักพัก ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งและมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
ชายคนนี้สวมชุดลำลอง ผิวคล้ำเล็กน้อย ลักษณะใบหน้าของเขาไม่มีอะไรพิเศษ เป็นคนที่คล้ายจะถูกครอบงำได้ทุกเมื่อถ้าอยู่ในท่ามกลางฝูงชน
ชายคนนี้ไม่ใช่จางต้าฉี แต่เป็นโห้กาง
โห้กางเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหลิวจิ้งในสมัยเรียน เขาเป็นคนที่แอบชอบหลิวจิ้งมาตลอดก่อนที่เธอจะแต่งงานมีครอบครัว เขาไม่กล้าบอกรักเธอเพราะคิดว่าตัวเองหน้าตาไม่ดีพอและมาจากบ้านนอกด้วย แม้วันนี้หลิวจิ้งจะเป็นแม่คนแล้ว แต่เขาก็ยังชอบหลิวจิ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ค่ำคืนนี้โห้กางก็นัดเพื่อนหลายคนมาคุยงานในคาราโอเกะเอ็นเอฟด้วยพอดี
เขาบังเอิญเห็นหลิวจิ้งเดินไปเข้าห้องน้ำจึงเดินตามเธอกลับไปที่ห้องด้วย
พวกหม่าเจินเจินและเถาหงเหมยก็ไม่รู้จักโห้กาง ดังนั้นเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องทุกคนก็ต่อว่าเขา
“ไอ้บ้านนอกคนนี้มาจากไหนกันเนี่ย? หลงทางเหรอ?”
“ไอ่โง่ นี่มันห้องวีไอพีนะ นายมีปัญญาจ่ายเหรอ?”
“รีบไปให้พ้น ไม่งั้นพวกเราจะเรียกยามแล้วนะ”
เมื่อโห้กางได้ยินคำพูดของคนเหล่านี้ก็รู้สึกอึดอัด
หลิวจิ้งพยายามฝืนใจพูด “พวกเธอใจเย็นก่อน เขาคือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน”
“ว่าไงนะ? เป็นเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ?” เถาหงเหมยและคนอื่น ๆ ต่างก็ทำหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็พากันหัวเราะเยาะดูถูกเธอ
โห้กางแต่งตัวธรรมดามาก ด้วยรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวที่ธรรมดาของเขา ทำให้พวกเธอต่างก็คิดว่าเขาไม่ต่างอะไรกับเกษตรกรคนหนึ่ง
“โห้กาง คุณมาที่นี่ได้ไง?” หลิวจิ้งขมวดคิ้วถาม สีหน้าของเธอเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย โห้กางเข้ามาที่นี่โดยไม่บอกเธอสักคำ นั่นหมายความว่าเขากำลังทำให้เธอต้องขายหน้าต่อหน้าเพื่อนสนิทของเธอไม่ใช่หรือ?
โห้กางพูดอย่างคลุมเครือว่า “ผมเห็นคุณอยู่ที่นี่ด้วยก็เลยตามคุณเข้ามา”
“อ้อ” หลิวจิ้งพยักหน้าแล้วพูดต่อ “คืนนี้ฉันยังมีธุระอยู่ คุณไปทำธุระของคุณก่อนก็แล้วกันนะ ไว้วันหลังเราค่อยนัดเจอกัน”
“โอเคครับ” โห้กางพยักหน้าแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง
“รอเดี๋ยว” เขาเพิ่งเดินไม่ถึงไหนเถาหงเหมยก็ได้ตะโกนเรียกเขาไว้
โห้กางหยุดเดินแล้วหันกลับมาถาม “มีเรื่องอะไรอีกเหรอครับ?”
เถาหงเหมยยิ้มพูด “ไหน ๆ ก็มาแล้วและยังเป็นเพื่อนกับหลิวจิ้งอีกด้วย งั้นก็มานั่งคุยกันก่อนสิ”
ความจริงคือพวกเธอรู้สึกเบื่อระหว่างรอจางต้าฉีมา อีกอย่างไอ้บ้านนอกโห้กางคนนี้ก็เข้ามาเอง งั้นหาเรื่องแกล้งเขาเล่นแก้เบื่อสักหน่อยดีกว่า
“นั่นสิ ถ้าเป็นเพื่อนสมัยเรียนของหลิวจิ้ง งั้นก็เป็นเพื่อนกับพวกเราเหมือนกันสิ มาดื่มด้วยกันมา” หม่าเจินเจินพูดตาม
ภายใต้การต้อนรับแบบนี้ โห้กางก็จำเป็นต้องอยู่ต่อ
ตามคำเรียกร้องของเถาหงเหมยและเพื่อนคนอื่น ๆ หลิวจิ้งก็เริ่มแนะนำโห้กางให้พวกเธอรู้จัก
เมื่อรู้ว่าครอบครัวของโห้กางเป็นเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์ เถาหงเหมยและคนอื่น ๆ ก็หัวเราะแปลก ๆ ขึ้นมาทันที
“ที่แท้คือคนเลี้ยงหมูนี่เอง ไม่แปลกเลยที่กลิ่นตัวไม่เหมือนใคร”
“หึ ๆ ตอนนี้เลี้ยงหมูไม่มีอนาคตแล้ว นายเปลี่ยนอาชีพมาทำธุรกิจกับพวกเราจะดีกว่านะ”
“ใช่ นายต้องตามให้ทันสิ นายดูสิตอนนี้หลิวจิ้งก็กำลังจะเปิดบริษัทเองแล้ว”
โห้กางมองข้ามคำพูดประชดประชันของเถาหงเหมยที่มีต่อเขา แต่เขาแค่จับใจความสำคัญเพียงจุดเดียวนั่นก็คือหลิวจิ้งกำลังจะเปิดบริษัทเองแล้ว
“เสี่ยวจิ้ง เรื่องจริงใช่ไหม?” โห้กางมองหน้าหลิวจิ้งแล้วถาม
“อืม ฉันแค่อยากลองดู” หลิวจิ้งพยักหน้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความชอบของโห้กางที่มีต่อหลิวจิ้งนั้นมาจากใจจริง เมื่อได้ยินว่าหลิวจิ้งกำลังจะเปิดบริษัทใหม่ เขาก็นึกสิ่งสำคัญของเรื่องนี้ได้ทันที เขาจึงถามหลิวจิ้งต่อ “คุณมีเงินทุนที่จะเปิดบริษัทใหม่แล้วเหรอ?”
หลิวจิ้งยังไม่ทันพูด เถาหงเหมยก็ได้พูดก่อน “ที่หลิวจิ้งมาคืนนี้ก็เพราะจะมาขอยืมเงินกับพวกเรานั่นแหละ พวกเราต่างก็เป็นคนจนกันไม่มีเงินให้เธอยืมหรอก คุณเป็นเฒ่าแก่เลี้ยงหมูไม่ใช่เหรอ? ยืมให้เธอหน่อยสิ”
โห้กางไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกประชดอยู่ เขาจึงพูดกับหลิวจิ้งต่อ “เสี่ยวจิ้ง คุณเปิดบริษัทต้องใช้เงินเท่าไหร่เหรอ? เดี๋ยวผมยืมให้คุณ”
หลิวจิ้งส่ายหัวแล้วตอบ “ไม่จำเป็นหรอก ฉันหาที่ยืมได้แล้ว”
เธอรู้สถานภาพครอบครัวของโห้กางดี เขาเกิดในชนบท แม้ว่าฉันจะเปิดฟาร์มของตัวเอง แต่ไม่ได้มีกำไรมากมายขนาดนั้น เงินฝากในบัญชีที่มีก็คงไม่เกินหนึ่งล้านหยวนหรอก ถ้าเอาให้เธอยืมก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำน้อยแพ้ไฟ
หม่าเจินเจินหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดอย่างไม่กลัวโลกรู้ “หลิวจิ้งต้องการใช้เงิน 5 ล้าน ถ้านายขายธุรกิจฟาร์มหมูของนายทิ้งก็อาจจะมีเงินพอให้เธอยืมอยู่นะ”
ว่าไงนะ?
5 ล้าน?
โห้กางรู้สึกตกใจไปชั่วขณะ
ต่อให้ขายหมูในฟาร์มทั้งหมดทิ้งก็ไม่ได้เงินมากขนาดนั้นหรอก
เมื่อเห็นโห้กางทำตัวไม่ถูก หลิวจิ้งก็พูดต่อ “แค่คุณมีใจให้ฉันยืม ฉันก็รู้สึกขอบคุณคุณมากแล้วล่ะ ไม่จำเป็นแล้วจริง ๆ ฉันยืมกับประธานจางเอง แกกำลังมาที่นี่แล้ว”
“ประธานจาง ประธานจางคนไหน?” โห้กางขมวดคิ้วถามทันที เขาเคยมีเพื่อนในธุรกิจที่เคยยืมเงินกับประธานจาง สุดท้ายแล้วต้องแตกสลายทั้งครอบครัวเพราะเงินดอกเบี้ยของเขา
“จางต้าฉี” หลิวจิ้งพูด
ว่าไงนะ?
จางต้าฉี?
ครั้งนี้โห้กางตกใจกลัวจริง ๆ เงินกู้ของประธานจางนั้นดอกเบี้ยแพงและวิธีการทำงานของเขาสกปรกจนโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
“ไม่ ไม่ได้ คุณจะกู้กับแกไม่ได้นะเสี่ยวจิ้ง คุณเชื่อผมสิ ทั้งชีวิตของคุณก็ใช้หนี้ไม่หมดหรอก” โห้กางพูดอย่างกระวนกระวาย “ถ้าคุณต้องการใช้เงินจริง ๆ เดี๋ยวผมไปขายฟาร์มของผม แล้วถ้าไม่พอผมจะขอยืมกับเพื่อน ๆ มาให้ น่าจะได้ครบ 5 ล้านอยู่”
หลิวจิ้งรู้สึกทราบซึ้งใจมาก แต่เธอจะยอมให้โห้กางทำเช่นนี้ได้อย่างไร
“ไม่เป็นไร ถ้าคุณขายฟาร์มแล้วคุณจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวยังไงล่ะ?” หลิวจิ้งพูดอย่างใจเย็น
“ก็……” โห้กางเงียบไปสักพัก จากนั้นก็รีบยิ้มพูดต่อ “ผมจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวให้ได้ แต่เงินก้อนนี้คุณจะกู้กับจางต้าฉีไม่ได้จริง ๆ นะ หลายต่อหลายบ้านแล้วที่ต้องแตกสลายเพราะกู้ยืมเงินจากเขา”
ไงนะ?
บ้านแตกสลาย?
ก็แค่กู้เงิน จำเป็นต้องขนาดนั้นเลยหรือ?
“มันยังไงเหรอโห้กาง?” หลิวจิ้งถาม
“เฮ่อ เงินของต้าฉีที่ปล่อยกู้ดอกเบี้ยมันสูงเกินไป บางทียังแพงกว่าเงินต้นอีก เงินล้านสองล้านก็คงต้องจ่ายถึงเจ็ดแปดล้าน สิบล้าน” โห้กางกัดฟันพูด
เพื่อนสนิทของเขาหลายคนที่กู้เงินของเขา สุดท้ายต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าดอกเบี้ยนั้นได้
หือ!
เมื่อได้ยินคำพูดของโห้กาง หลิวจิ้งก็เริ่มลังเลว่าควรกู้เงินของเขาหรือไม่?
โห้กางสีหน้าเคร่งเครียดแล้วยื่นมือออกไปจับมือของหลิวจิ้งไว้และเตรียมที่จะพาเธอออกไปจากห้องคาราโอเกะนี้ “เสี่ยวจิ้ง คุณไว้ใจเถอะ เงิน 5 ล้านนี้ผมจะหามาให้คุณเอง เงินก้อนนี้เราจะไม่ยืมแล้ว”
พรึบ!
ทันใดนั้น ประตูห้องคาราโอเกะก็ถูกเปิดออก
จางต้าฉีเดินเข้ามาพร้อมกับชายหน้าตาโหดเหี้ยมอีกสิบกว่าคน
“แมร่งเอ้ย ไอ้เบื๊อกนี้มาจากไหนวะ กล้ามาใส่ร้ายลับหลังกู” จางต้าฉีพูดด้วยรอยยิ้มที่อำมหิต “จัดการมันซะ”
“ครับนาย” ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของจางต้าฉีเดินเข้ามาเตะท้องของโห้กางดังพรึ่บ!
โห้กางกระเด็นออกไปนอนขดตัวที่บนโซฟาด้วยสีหน้าเจ็บปวด