หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 57 แสร้งทำเป็นรักนวลสงวนตัวทำไม
บทที่ 57 แสร้งทำเป็นรักนวลสงวนตัวทำไม
คำพูดของลู่เสี้ยงหยางราวกับลูกกระสุนปืนที่ถูกทิ้งลงในน้ำทะเลสาบที่สงบ และระเบิดออกมาทำให้เกิดคลื่นนับไม่ถ้วน
หม่าเถิงเฟย และเฉินหลันชุดบนตัวที่พวกเขาสวมใส่เป็นชุดลอกเลียนแบบทั้งตัวเลยเหรอ?
คำพูดนี้บ้าเกินไปแล้ว ตีให้ตายยังไงพวกเขาก็ไม่เชื่อ หม่าเถิงเฟยเป็นใคร? เป็นหางเสือในอนาคตของตระกูลหม่า ตระกูลหม่าเริ่มต้นจากการทำธุรกิจไวน์แดง มาวันนี้ได้ผูกขาดตลาดไวน์ทั้งหมดในเมืองปินเหอแล้ว และธุรกิจของตระกูลได้เกินกว่าหมื่นล้านแล้ว
หม่าเถิงเฟยทายาทของตระกูลในอนาคตมีมูลค่ามากกว่า1พันล้าน
เป็นถึงเจ้านายคนจำเป็นที่จะต้องใส่ชุดลอกเลียนแบบเหรอ?
ถังหลง โจวหนิงจ้องมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางทันที และพูดดุว่า “นายมันกระจอก จะไปเข้าใจอะไร ยังกล้ามาพูดเล่นที่นี่”
“ใช่ ใช่ นายบ้ารึเปล่า ฉันว่าในใจเขารู้สึกไม่ยุติธรรม ในชีวิตนี้หาเงินไม่ได้มากขนาดนี้ ดังนั้นในใจจึงรู้สึกไม่ยุติธรรม”
“ฮ่าๆ เข้าใจเข้าใจ นี่คือความคิดของคนที่เกลียดชังคนรวย”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซุนหยันเสว่รู้สึกชาไปทั้งตัว ลู่เสี้ยงหยางมาพูดแบบนี้ในที่แบบนี้ เกรงว่าจะถูกคุณชายหม่าเถิงเฟยสั่งสอนอย่างหนัก
หัวใจของเย่สวนตกไปถึงท้อง เดิมคิดว่าลู่เสี้ยงหยางจะพูดอะไรบางอย่าง ที่สามารถทำให้หม่าเถิงเฟยเบาๆ ลง แต่คิดไม่ถึงว่าจะพูดไปเรื่อย
“ลู่เสี้ยงหยาง นายหยุดพูด” เย่สวนถลึงตาใส่ลู่เสี้ยงหยาง กลัวว่าเขายิ่งพูดจะยิ่งไปกันใหญ่
เธอได้ตัดสินใจนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป งานเลี้ยงรุ่นครั้งต่อไปจะไม่มาเข้าร่วมอีก ทุกครั้งที่เข้าร่วมเธอมักจะถูกเยาะเย้ยทุกครั้ง
“อย่าสิ ในเมื่อเขาบอกว่าเสื้อผ้าของพวกเราเป็นของลอกเลียนแบบ งั้นฉันอยากจะดูว่า เขาสามารถพูดอะไรได้ หึหึ มิฉะนั้นจะถือว่าเขาใส่ร้าย ให้ทนายของสามีฉันยื่นฟ้อง เรียกค่าเสียหายไม่ทำให้ล้มละลาย เฉินก็ไม่แซ่เฉิน” เฉินหลันเท้าใส่เอว ใช้ท่าไม้ตายกับลู่เสี้ยงหยาง
หลายคนมองลู่เสี้ยงหยางด้วยความเห็นใจและสงสาร เส้นทางชีวิตในอนาคตของเด็กคนนี้เกรงว่าต้องน่าตื่นเต้นมาก ต้องทำงานใช้หนี้ไปตลอดชีวิต
“แล้ว ทำยังไงกันดี?” เย่สวนเริ่มกังวลแทนลู่เสี้ยงหยาง
แต่ลู่เสี้ยงหยางใบหน้าเรียบเฉย มองเฉินหลันแล้วเอ่ยปากพูด: “ชุดกี่เพ้าที่เธอใส่เรียกว่าชิงโย่วซึ่งนักออกแบบอานหย่าเป็นคนออกแบบ ชุดกี่เพ้านี้เกิดในช่วงทศวรรษที่1980 เพราะมันสอดคล้องกับความงามของชาวจีน ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากกำไรที่มหาศาล หลายคนจึงปลอมชุดกี่เพ้านี้ขึ้นมา ไม่บังเอิญเลย ที่กี่เพ้าชุดนี้ของเธอจะเป็นของปลอม”
เฉินหลันรู้สึกขาดความมั่นใจเล็กน้อย แต่ก็ยังปากแข็งพูดว่า: “นายพูดมั่ว อย่างนายเหรอจะรู้ ว่ากี่เพ้าชุดนี้เป็นของปลอม”
ลู่เสี้ยงหยางใบหน้าเรียบเฉย และพูดว่า: “ง่ายมากข้อแรก กี่เพ้าชุดนี้ชื่อว่าชิงโย่ว มีแค่สีอ่อน ในตลาดของแท้ไม่เคยปรากฏแบบสีแดง อีกอย่าง กี่เพ้าชุดนี้ผ่าขึ้นมากกว่าของแท้ไปสามเซนติเมตร แม้ว่าจะเผยให้เห็นรูปร่างสัดส่วนและขาได้ชัดเจน แต่กลับเผยให้เห็นถึงความขาดรสนิยม แม้ให้นางฟ้ามาสวมชุดกี่เพ้านี้ ก็จะกลายเป็นปีศาจได้ ยิ่งไปกว่านั้นกี่เพ้าของแท้อย่างน้อยต้องสามแสนหยวน แต่เมื่อกี้เธอพูดว่าแค่แสนสาม หากไม่ใช่ของปลอม แล้วจะเป็นอะไร? แน่นอน ว่าทุกคนต้องสงสัยกับราคาที่ฉันพูด สามารถตรวจสอบบนอินเตอร์เน็ตได้”
เงียบ!
ทุกคนที่อยู่รอบๆ เงียบกันเป็นแถว!
ไอ้คนจนคนนี้ไม่เคยเจอโลกภายนอกไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงรู้มากขนาดนี้?
เฉินหลันสีหน้าไม่ดี คิดไม่ถึงว่าลู่เสี้ยงหยางจะรู้มากขนาดนี้ เขาพูดถูกทั้งหมด
ลู่เสี้ยงหยางหันไป มองหม่าเถิงเฟยและพูดต่อว่า: “แน่นอน ของนายก็เช่นกัน ชุดสูทของนายมาจากฝีมือของDonjeniดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งจักรวรรดิที่ไม่เคยตกยุค ด้วยชื่อที่หรูหราค่ำคืนที่สงบ เวลาในการออกแบบคือค่ำคืนแห่งชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่2 ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ว่าโลกทั้งใบต้องการความสงบสุข ในเวลานั้นDonjeniมีชื่อเสียงมาก เขาได้กำชับ ให้ชุดสูทนี้ทั่วโลกจำกัดเพียงแค่สิบชุดต่อปีเท่านั้น ชุดสูทของนาย เลียนแบบได้ดีทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่การจัดการด้ายในชุดสูทนั้นฝีมือด้อยมาก หึหึ ชุดสูทนี้ของแท้ราคามากกว่าสิบล้าน ยิ่งไปกว่านั้นถึงจะมีเงินก็ซื้อไม่ได้ ต้องมียศ แต่เมื่อครู่ผู้หญิงของนายบอกว่า ชุดบนตัวนายเพียงล้านห้า ไม่ใช่ว่าสารภาพออกมาเองเหรอ? ขอร้องล่ะ อยากคุยโม้อะไรควรมีสามัญสำนึก”
คำพูดแต่ละคำของลู่เสี้ยงหยางโยนออกไปอย่างรุนแรง ทั่วห้องส่วนตัวตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
คิดไม่ถึงว่าไอ้กระจอกคนนี้จะรู้เรื่องเสื้อผ้าดีขนาดนี้!
“นี่…” ซูเยียนรันที่มีความหยิ่งทะนงและหยิ่งผยองมาโดยตลอดก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหมองคล้ำ และมองลู่เสี้ยงหยางอย่างเหลือเชื่อ
เธอก็เคยศึกษาเสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับโลก จึงดูออกว่า กี่เพ้าที่เฉินหลันสวมใส่เป็นของปลอม
แต่ดูไม่ออกว่าชุดที่หม่าเถิงเฟยสวมใส่ก็เป็นของปลอม
“เชี่ย เกิดอะไรขึ้น? ปรมาจารย์อยู่บนโลกมนุษย์?” ซุนหยันเสว่อ้าปากมองตาค้างมองลู่เสี้ยงหยาง นี่มันบ้าไปแล้ว
เย่สวนอ้าปากด้วยความประหลาดใจ ดวงตาที่สวยงามเบิกกว้าง คำพูดเมื่อครู่ของลู่เสี้ยงหยางลึกซึ้งมาก ไม่เหมือนคนกระจอกที่จะสามารถพูดออกมาได้
ใบหน้าของเฉินหลันเปลี่ยนสี วินาทีต่อมา ดวงตากลอกไปมา และพูดอย่างไร้ยางอายว่า: “นายคิดว่าที่ฉันพูดว่าล้านห้ากับแสนสามจะเป็นความจริงเหรอ? ฉันแค่พิจารณาว่าไอ้กระจอกอย่างนายอยู่ตรงนี้ หากพูดราคาที่สูงเกินไปจะทำให้นายฉี่ราด ดังนั้นจึงกดราคาให้ต่ำลง”
คำพูดเหล่านี้ฟังดูปลอม แต่ถังหลงและโจวหนิงพวกเขายังคงพูดประจบต่อเนื่อง: “ใช่ พี่สะใภ้พูดถูก เธอก็แค่เป็นคนถ่อมตน ไม่อยากอวดขนาดนั้น แต่บางคนกลับไม่เข้าใจ ช่างโง่เง่าจริงๆ”
เมื่อได้ฟังคำชมเหล่านี้ ใบหน้าของเฉินหลันก็ปรากฏรอยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง ตอนนี้เธอพูดอะไร ทุกคนล้วนคิดว่าเธอพูดถูก ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะสงสัยเธอ
หม่าเถิงเฟยมองลู่เสี้ยงหยางลึกเข้าไป ยังดีที่เมื่อครู่เฉินหลันโกหกหน้าด้าน มิฉะนั้นวันนี้คนที่ลงมาไม่ได้ก็คือเขา
“หึ คืนนี้ไม่กระทืบนายให้เละ ฉันก็ไม่แซ่หม่า!” หม่าเถิงเฟยคิดในใจ วินาทีแรกหยิบมือถือออกมาแล้วแก้ไขข้อความแล้วส่งออกไป
ในเวลาเดียวกัน ซุนหยันเสว่ลุกขึ้นแล้วดึงเย่สวนกลับมาอีกครั้ง และพูดกระซิบข้างหูเธอว่า “หากเธอออกไปกลางคัน ต้องถูกคนพวกนี้แกล้งอีกแน่นอน ทำไมไม่รอจนกว่างานเลี้ยงจบลงค่อยออกไป ครั้งหน้าก็แค่ไม่ต้องมาอีก”
เย่สวนคิดๆ แล้วก็ถูก จึงนั่งลงไปใหม่
เวลานี้ ลู่เสี้ยงหยางนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบลุกออกไปจากห้องส่วนตัวทันที เดินตามทางเดินไปจนถึงห้องทำงานของเจ้านายที่อยู่ชั้นบนสุดของKTVมงกุฎ วินาทีที่เขาผลักประตูเดินเข้าไป เห็นเพียงซุนสงผู้ชายที่สวมชุดลำลองที่กำลังพ่นควันนั่งอยู่บนเก้าอี้
ข้างหลังของเขามีผู้ชายกำยำยืนอยู่สองคน กลิ่นอายบนตัวนั้นดูลึกลับ เป็นปรมาจารย์อย่างเห็นได้ชัด
ทันทีที่ลู่เสี้ยงหยางเพิ่งเข้ามา ชายร่างใหญ่สองคนมองไปทางเขา
“หือ? ไอ้สสวะจากไหนกัน? กล้าบุกเข้ามาห้องทำงานของพี่สงของเรา ฉันว่านายคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว” ชายตัวใหญ่คนหนึ่งส่งเสียงคำราม เดินไปทางลู่เสี้ยงหยางด้วยท่าทางดุดัน เมื่อมองไปทางชายร่างใหญ่ที่กำลังเดินมาทางตัวเอง ลู่เสี้ยงหยางก็ไม่แยแส เพียงแค่มองซุนสงอย่างลึกซึ้ง
เฮ้ย!
ซุนสงตกใจ เหมือนมีสปริงติดอยู่ที่ก้น เด้งตัวขึ้นมากะทันหัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ที่ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต่อมาไม่สามารถพยุงร่างกายของตัวเองได้ ร่างกายอ่อนระทวยนั่งลงกับพื้น
เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าเม็ดถั่วออกมาจากศีรษะของเขา ตกลงพื้นราวกับเม็ดฝน
ชายที่เดินไปทางลู่เสี้ยงหยางสังเกตถึงความผิดปกติ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พี่สงหัวหน้าของพวกเขาเป็นคุณชายลือชื่อของเมืองปินเหอ เป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
มีเพียงคำอธิบายเดียว ผู้ชายคนนี้ที่ปรากฏอยู่ห้องทำงานในตอนนี้ น่ากลัวกว่าพี่สงหลายเท่า
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง เจ้าเด็กนี่แค่คนกระจอก บนตัวไม่มีออร่า แค่มองก็ไร้รสนิยม เทียบกับพี่สงได้ที่ไหนกัน
ขณะที่เขากำลังงุนงงอยู่ในใจ ซุนสงก็ร้องออกมาพูดกับลู่เสี้ยงหยางว่า: “คุณชายลู่ คุณ…คุณ ทำไมถึงมีเวลามาถึงที่นี่ได้” วินาทีนี้ ซุนสงก็นึกขึ้นได้ คืนนั้นที่คลับดีโอรา หลิวผิงได้แนะนำลู่เสี้ยงหยางให้เขาและช่ายเวยได้รู้จัก หลิวผิงยอดฝีมือยังต้องก้มหน้าให้
“หึหึ นายชีวิตดีมาก ยังต้องให้ฉันมาหานายถึงที่” ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะ
คืนนั้น หลังจากหลิวผิงได้แนะนำช่ายเวยและซุนสงให้เขาได้รู้จักแล้ว พูดคุยผ่านๆ หลังจากนั้นเขาก็ออกมาเห็นเย่หยุนเทาพยายามบังคับจ้าวหรูเย็น
ซุนสงตกใจแทบกระอักเลือด รีบลุกขึ้น รีบมาข้างกายของลู่เสี้ยงหยาง ประจบต่างๆ
ชายร่างใหญ่สองคนต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน
…
ในเวลาเดียวกัน เย่สวนและคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องส่วนตัว ขณะที่หลายคนกำลังร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นประตูห้องส่วนตัวถูกทีบออก เห็นเพียงห้าคนที่สวมเสื้อกล้าม มีรอยสัก พวกอันธพาลผมย้อมสีเดินเข้ามา พวกอันธพาลแวบแรกก็มองเย่สวนไม่วางตา ก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเธอ
เมื่อมองฉากนี้ ถังหลง โจวหนิงและคนอื่นๆ ต่างพากันงุนงง เกิดอะไรขึ้น?
หม่าเถิงเฟยยิ้มอย่างล้ำลึก เฉินหลันภรรยาของเขาเกลียดผู้หญิงคนนี้เข้ากระดูก เมื่อก่อนไม่เคยได้มีโอกาสสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ วันนี้เพิ่งจะมีโอกาส เช่นนั้นก็ไม่มีทางปล่อยเธอไป
“หึ ฉันจะจัดการแกก่อน แล้วค่อยไปจัดการไอ้เศษขยะนั่น” หม่าเถิงเฟยคิดในใจ
เฉินหลันดวงตาเปล่งประกาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวัง ราวกับว่าได้เห็นเย่สวนและลู่เสี้ยงหยางถูกสั่งสอนอย่างน่าสังเวช
“ฮ่าๆ บังเอิญจริงๆ เย่สวน เราได้เจอกันอีกแล้ว” พวกอันธพาลเดินไปตรงหน้าของเย่สวน อันธพาลหนึ่งในนั้นยิ้มอย่างชั่วร้าย และหัวเราะออกมา
“พวกนายเป็นใคร? ฉันไม่รู้จักพวกนาย” เย่สวนขมวดคิ้ว และพูดอย่างเย็นชา
“ไม่รู้จักพวกฉัน? หึ คุณเป็นผู้สูงส่งที่ขี้ลืมจริงๆ” หนึ่งในอันธพาลทำเสียงหึตรงจมูก ใบหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
อันธพาลอีกคนยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของเย่สวน และยิ้มแปลกๆ : “อีร่าน แสร้งทำเป็นหวงตัว เมื่อคืนเรายังนอนด้วยกันอยู่บนเตียง”
“อะไรนะ?” เมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนในห้องส่วนตัวต่างพากันตกใจ และร้องขึ้นมา
คนอย่างเย่สวนจะคลุกคลีอยู่กับคนแบบนี้
เย่สวนสีหน้าหมองคล้ำ จ้องมองพวกอันธพาลและพูดว่า: “ฉันไม่รู้ว่าพวกนายพูดอะไรกัน หากพวกนายกล้ารุมฉัน ฉันจะแจ้งความ”
“แจ้งความ?” พวกอันธพาลไม่กลัวเลยสักนิด หัวหน้าอันธพาลเงยหน้าขึ้น ยอมแล้วพูดว่า: “
มีอาหารให้กินฟรี ทำไมจะไม่เอา แต่หลังจากรอให้พวกฉันได้ออกมา ครอบครัวของแกจะไม่มีวันสงบสุข ฉันรับปาก”
เมื่อได้ยินคำนี้ เย่สวนก็กลัวทันที ใบหน้าเล็กตกใจจนขาวซีด หากทำให้พวกอันธพาลโกรธขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าชีวิตนี้คงไม่มีวันสงบสุข
“หึหึ เมื่อคืนตอนอยู่บนเตียงเธอทำได้ดีมาก ทำให้พวกฉันลืมไม่ลง ไปเถอะ คืนนี้ไปเล่นสนุกกับเราอีกคืน แล้วจะซื้อวิลล่าให้เธอหนึ่งหลัง” หัวหน้าอันธพาลกวาดมองเย่สวนขึ้นลง รู้สึกเพียงความหื่นกระหายเร่าร้อนไปทั่วร่างกาย
เย่สวนรู้สึกขยะแขยง จับแก้วไวน์ไว้แน่น อยากจะเขวี้ยงแก้วไวน์ใส่หน้าอันธพาลคนนี้จริงๆ แต่ก็ไม่มีความกล้า
ทันใดนั้นก็มองไปทางที่ที่ลู่เสี้ยงหยางอยู่เมื่อครู่ เห็นเพียงความว่างเปล่า ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกเสียใจ ในตอนที่เธอต้องการเขามากที่สุด เขาหนีไปแล้วเหรอ?
ซุนหยันเสว่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เย่สวนอย่างขุ่นเคือง จ้องมองพวกอันธพาลและพูดว่า “ทางที่ดีนายอย่าพูดมั่วๆ เมื่อคืน เย่สวนอยู่กับฉันตลอด….”
เพี๊ยะ!
เธอยังไม่ทันจะพูดจบ ใบหน้าของเธอก็ถูกตบ จนใบหน้าข้างหนึ่งบวมขึ้นมา มีเลือดไหลตรงมุมปากเล็กน้อย
“นังนี่ ลูกพี่ของเรากำลังพูดแกมีสิทธิ์อะไรมาขัดจังหวะ?” อันธพาลคนหนึ่งพูดขึ้น ยกมือขึ้นและลูบใบหน้าของซุนหยันเสว่