หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 54 ฉันจะฆ่าแก
บทที่ 54 ฉันจะฆ่าแก
คนที่ถูกหิ้วปีกเข้ามาในห้องประชุมในตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นชายใส่หมวกเบสบอลที่อยู่ใต้คำสั่งของจางยูนเหา
ช่วงนี้ จางยูนเหาต้องการจะล้มลู่เสี้ยงหยางออกไปอย่างเด็ดขาด เพราะงั้นจึงส่งชายสวมหมวกเบสบอลไปตามดูเขาตลอด24ชม. ขอแค่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็จะถ่ายภาพเก็บเอาไว้
ก่อนหน้าที่ลู่เสี้ยงหยางกับจ้าวหรูเย็นออกมาจากไนต์คลับด้วยกัน ก็เป็นเขาที่ถ่ายภาพเอาไว้ จากนั้นก็จ้างนักเขียนบอร์ดมืออาชีพมาโพสต์บิดเบือนความจริงลงอินเทอร์เน็ต โพสต์ให้คนอื่นเข้าใจผิด
ลู่เสี้ยงหยางหลังจากรู้ว่ามีคนคอยตามเขา ก็ให้หลิวผิงจับหางคนที่อยู่รอบตัวเขาออกมา
ไม่ถึงวัน ชายสวมหมวกเบสบอลก็ปรากฏตัว
แว๊บแรกที่เห็นชายสวมหมวกเบสบอล ใจของจางยูนเหาก็ตุ้มๆ ต่อมๆ แต่ไม่นานก็กลับมาสงบ และทำเป็นไม่รู้จักชายสวมหมวกเบสบอล
“ทำไม? ลู่เสี้ยงหยาง นายจ้างใครมาแสดงอีกหรือไง?” จางยูนเหาหัวเราะอย่างเย็นชา สีหน้าติดตลก
ลู่เสี้ยงหยางไม่สนใจเขา แต่หันไปพูดน้ำเสียงเย็นชากับชายสวมหมวกเบสบอล: “ตอนนี้ พูดได้แล้วใช่มั้ย?”
ชายสวมหมวกเบสบอลโดนซ้อมจนหน้าบวมเลือดกำเดาไหล จะกล้าลังเลได้ยังไง เพราะงั้นจึงรีบสารภาพออกมา: “ไม่กี่วันนี้ ข่าวของลู่เสี้ยงหยางบนอินเทอร์เน็ตเป็นผมเองที่โพสต์ เพื่อที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณเย่แย่ลง ที่จริงผมชอบคุณหนูเย่สวนมานานแล้ว เพราะงั้น ผมก็แค่อยากจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้”
อะไรนะ?
พอได้ยิน คนตระกูลเย่ก็ทำหน้างงกันทั้งคณะ
ยังมีวิธีแบบนี้อีกเหรอ
จู่ๆ เย่สวนหัวเราะ แค่หัวเราะไปหัวเราะมาขอบตาก็เริ่มชื้น ที่แท้ลู่เสี้ยงหยางก็บริสุทธิ์ เขาชอบตัวเองขนาดนั้น ทำไมถึงจะทำเรื่องแบบนี้หักหลังตัวเองได้ล่ะ?
สีหน้าของหลิวจิ้งไม่ค่อยดีนัก เธอไม่ค่อยชอบลู่เสี้ยงหยางมานานแล้ว เลยหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ให้ลูกสาวตัวเองหย่ากับลู่เสี้ยงหยาง แต่เห็นทีตอนนี้ ลู่เสี้ยงหยางบริสุทธิ์แล้ว และถ้าจะใช้เหตุผลนี้มาหย่า กลัวว่าจะยากแล้ว
“เห้อ” ลู่เสี้ยงหยางถอนหายใจ ถึงแม้ชายสวมหมวกเบสบอลจะช่วยให้เขาพ้นผิด แต่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผย
ทำไมลู่เสี้ยงหยางจะคิดไม่ถึง คนที่อยู่เบื้องหลังคือจางยูนเหา แต่แค่ชายสวมหมวกเบสบอลยังอยู่ใต้คำสั่งของจางยูนเหา เพราะงั้นในสถานการณ์นี้ เขาก็ไม่กล้าจะพูดถึงเรื่องนี้
จากนั้น ลู่เสี้ยงหยางก็ส่งสายตาให้คนสองคนใต้มือของหลิวผิง
ทั้งสองก็เข้าใจความหมายในทันที จึงเริ่มลงไม้ลงมือแตะต่อยชายสวมหมวกเบสบอล ขณะเดียวกันปากก็ยังคงด่าเขา: “แม่งเอ๊ย กล้าดีจริงๆ กล้ามาเล่นกับพี่เสี้ยงหยางของเรา คอยดูว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง!”
ไม่นาน ชายสวมหมวกเบสบอลก็ถูกซ้อมจนร้องโอดครวญอีกครั้ง
คนตระกูลเย่ไม่น้อยก็หนังตากระตุก ลู่เสี้ยงหยางเป็นแค่หมาในตระกูลของพวกเขาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ได้?
จางยูนเหาหน้าบึ้งจนถึงขีดสุด ถึงแม้ชายสวมหมวกเบสบอลจะเป็นแค่หมาตัวนึงใต้มือเขา แต่ว่าซ้อมชายสวมหมวกเบสบอลก็เหมือนกับซ้อมเขา
ทนได้ หรือทนไม่ได้?
แต่ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชีกับลู่เสี้ยงหยาง
“เหอะๆ สนุกดีนี่ ลู่เสี้ยงหยาง เมื่อก่อนฉันดูถูกนายเกินไป ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อไปพวกเรามีโอกาสค่อยๆ เล่นกันนะ” จางยูนเหามองลู่เสี้ยงหยางด้วยสายตาที่น่ากลัว
“โง่รึเปล่า ใครมีเวลามาเล่นกับนาย ทางที่ดีนายอย่าพลาดท่าให้ฉันล่ะ ไม่งั้นเขาในตอนนี้ก็คือนายในวันนั้น” ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะอย่างเย็นชา
“เหอะๆ” จางยูนเหาไม่พูดอะไรมาก แค่ยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้มเวลาเดินออกจากห้องประชุมไป
ต่อมา คนของหลิวผิงทั้งสองคนก็ซ้อมชายสวมหมวกเบสบอลต่อ และลากเขาออกไป
ไม่นานในห้องประชุมก็กลับมากเงียบอีกครั้ง สายตาทุกคู่ของคนตระกูลเย่ก็มองไปทางเย่สวน สีหน้าสับสน
ตอนนี้หุ้น51%ของตระกูลเย่กรุ๊ปที่หวังหยุนมี เย่สวนมีสิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่าง เพราะงั้นตอนนี้เธอคือเจ้าของตระกูลเย่ที่แท้จริง
เย่หยุนเทาก็ยังยากที่จะรับความจริงเรื่องนี้ได้ และพูดแซะเย่สวน: “เธอก็เป็นแค่หมากตัวนึงของหวังหยุน อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ต่อไปในตระกูล แต่ก่อนเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น ครอบครัวของเราเป็นคุณย่าที่ดูแล”
“ใช่เหรอ?” เย่สวนหัวเราะอย่างเย็นชา แล้วพูดกับเย่หยุนเทา “คุณพูดไร้สาระมากเกินไปแล้ว ต่อไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณในตระกูลเย่กรุ๊ปอีก ไม่งั้น โก๋เย่กรุ๊ปจะเปลี่ยนคนดำรงตำแหน่งใหม่”
“เย่สวน เธอ……” คำพูดนี้ทำเอาเย่หยุนเทาโมโหเกือบตาย เขาจ้องไปที่เย่สวนอย่างโกรธแค้น ราวกับจะกลนกินเธอทั้งเป็น แต่ก็ไม่มีความกล้านั้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าเย่สวนจะไม่กลัวใครในตระกูลเย่อีกต่อไปแล้ว
ท่านย่าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ยื่นมือออกมาตบไปที่โต๊ะแรงๆ มองไปทางเย่สวนแล้วพูด: “จะเอาแบบนี้จริงๆ ใช่มั้ย? เธอจะทำให้ครอบครัวของเราอยู่ไม่สงบ”
เย่สวนพูดนิ่งๆ : “คุณย่า หนูเคารพครอบนี้มาก ถ้าใครไม่มารังแกหนู หนูก็จะไม่รังแกใคร แต่ถ้าหากต่อไปมีคนมาก่อกวนหนูอีกล่ะก็ อย่าโทษที่หนูไม่เกรงใจ”
“โอเคๆ เห็นทีแกจะปีกกล้าขาแข็งแล้ว” ท่านย่าโมโหแทบตาย คิดไม่ถึง ว่าตอนนี้แม้ตัวเองเย่สวนก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
เย่สวนสีหน้าไร้อารมณ์ กวาดสายตาไปมองทุกคนในตระกูลเย่ สำหรับคนพวกนี้เธอรู้ดี ไม่ใครสักคนที่จริงใจกับเธอ
เหอะ!
คนตระกูลเย่ไม่มีใครกล้าสบตากับเธอตรงๆ ต่างหลบสายตากันหมด
จากนั้น เย่สวน หลิวจิ้งกับลู่เสี้ยงหยางก็ไม่มีใครอยากจะอยู่ในห้องประชุมต่อ จึงออกจากห้องไปพร้อมกัน
เย่หยุนเทาเป็นคนแรกที่โวยวาย พูดว่า: “คุณย่า ย่าดูเย่สวน ตอนนี้เธอกล้าไม่เห็นหัวคุณย่าแล้ว ย่าต้องคิดหาวิธีกำจัดเธอนะ”
“ใช่แล้วคุณย่า ถ้าคุณย่าไม่ตัดทางนางก่อน ต่อไปย่าก็จะไม่มีที่ยืนในตระกูลแล้วนะ!” เย่ซวงยุยง
ท่านย่าไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้าบนใบหน้านั้นแย่มากๆ ตระกูลนี้มีแค่เธอที่เป็นผู้นำ
……
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เย่สวนก็ลากลู่เสี้ยงหยางไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที เริ่มแรกก็ขอโทษลู่เสี้ยงหยาง จากนั้นก็ถามคำถามที่สงสัยอยู่ในใจ หวังหยุนที่ใหญ่โตแบบนั้นทำไมถึงได้มาอยู่กับลู่เสี้ยงหยาง
เธอรู้ว่า ที่หวังหยุนกล้าวางเงินพันสองร้อยล้านซื้อหุ้น51%ของตระกูลเย่กรุ๊ป และยกหุ้น51%นั้นให้เธอดูแล ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าเห็นแก่หน้าลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางโกหกไปเรื่อยเปื่อย เช่นเขากับหวังหยุนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นดีมากๆ เพราะงั้นหวังหยุนจึงเห็นแก่หน้าเขา
ถึงแม้เย่สวนจะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ก็เค้นถามต่อไม่ได้
ตกเย็นเย่สวนได้รับโทรศัพท์ เป็นซุนหยันเสว่เพื่อนสนิทของเธอโทรมา ซุนหยันเสว่บอกเธอว่า คืนนี้มีงานปาร์ตี้ของเพื่อนมหาลัยเธอจะไปมั้ย
เย่สวนกำลังคิดจะอยากออกไปข้างนอกรับลม ให้ความเครียดที่มีในช่วงนี้ระบายออกไปบ้าง จึงตอบรับอย่างเร็ว
ที่จริงเย่สวนอยากจะพาลู่เสี้ยงหยางไปด้วยกัน แต่ว่าคิดไปคิดมาก็ช่างเถอะ งานรวมเพื่อนของเธอ จะพาลู่เสี้ยงหยางไปทำไม
ลู่เสี้ยงหยางไปก็จะไปเป็นตัวน่าหัวเราะของคนอื่นเท่านั้น
หลังจากที่มองไปทางลู่เสี้ยงหยางอย่างเสียใจ เย่สวนก็ออกมา
หลังจากนั้น เธอก็กลับมาอีกครั้ง ไม่รอให้ลู่เสี้ยงหยางถาม เย่สวนก็พูดขึ้น: “ตอนนี้นายพาฉันไม่ส่งที่งานเลี้ยงรวมรุ่นหน่อย”
“อะไรนะ?” ลู่เสี้ยงหยางชะงัก
“ทำไม? ไม่เต็มใจ?” เย่สวนจ้องไปที่ลู่เสี้ยงหยาง
ถ้าหากไม่ใช่ว่ารถของเธอสตาร์ทไม่ติด บวกกับตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน เรียกรถไม่ได้ เธอจะให้ลู่เสี้ยงหยางพาเธอไม่ส่งที่งานรวมรุ่นได้ยังไง
“เต็มใจๆ ทำไมจะไม่เต็มใจล่ะ?” ลู่เสี้ยงหยางเริ่มลุกขึ้นยืน พูดพลางยิ้มกว้าง การแสดงออกแบบนี้ในสายตาของเย่สวนมัเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
หลังจากนั้น ลู่เสี้ยงหยางกับเย่สวนก็มาถึงKTVมงกุฎ
งานเลี้ยงรวมรุ่นของเย่สวนจัดขึ้นที่นี่
ในเมืองปินเหอKTVมงกุฎนั้นมีชื่อเสียง คนที่มาเที่ยวที่นี่เป็นของพวกเศรษฐีทั้งหลาย
ดังนั้นลานจอดรถด้านหน้าร้านKTVมงกุฎจึงเต็มไปด้วยรถสปอร์ตหลากหลายยี่ห้อ Benz BMW Audi จอดอยู่เต็มไปหมด แม้แต่รถหรูอย่าง Ferrari Bentley ก็ล่อไปหนึ่งในสามแล้ว
ลู่เสี้ยงหยางเป็นคนแรกที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามา
หนุ่มสาวเศรษฐีที่ผ่านไปผ่านมาก็ต้องจ้องเป็นตาเดียวกัน และแสดงท่าทางดูถูก
“เห้ยแม่ง ฉันไม่ได้มองผิดไปใช่มั้ยวะ มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาเข้าร้านว่ะ”
“ฮ่าๆๆ น่าขำจริงๆ จะตลกไปไหน?”
“น่าสนุกดี ไอ้ยาจกคนนี้มาที่นี่จะมีเงินซื้อน้ำเปล่าสักแก้วมั้ยวะ?”
……
คำดูถูกทั้งหลายเริ่มดังขึ้น
เย่สวนไม่สามารถทนต่อคำถากถางพวกนี้ได้ จึงวิ่งเข้าไปในKTVมงกุฎก่อน
ลู่เสี้ยงหยางไม่สนใจ ขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดในโซนที่ไม่ใช้เครื่องยนต์คนเดียว
ติ๊ดติ๊ด!
เอี๊ยด!
จู่ๆ เสียงนกหวีดและเสียงเบรกก็ดังขึ้นด้านหลังของลู่เสี้ยงหยาง
จู่ๆ รถเฟอร์รารี่สีแดงสดคันนึงก็จอดลง ระยะห่างจากรถมอเตอร์ไซ์แค่ฝ่ามือนึง
กระจกรถลดระดับลง ก็มีหัวคนโผล่มาจากด้านใน และด่าทอลู่เสี้ยงหยาง: “เชี่ย มึงโง่หรือไง ขี่มอเตอร์ไซค์มาในที่แบบนี้ อยากตายหรือไง?”
ลู่เสี้ยงหยางทำหน้านิ่ง และกระโดดลงจากรถ และมองไปทางคนในรถแล้วพูดน้ำเสียงนิ่งๆ : “ทางที่ดีพูดให้มันดีๆ หน่อย ไม่งั้นฉันจะให้นายได้ลิ้มรสชาติขี้”
“โอ๊ะโอ๋ แปลกดี ฉันไม่เคยเจอยาจกแบบนาย ที่กล้าพูดกับฉันแบบนี้” ชายสวมสูทที่อยู่บนรถยิ้มอย่างน่ากลัว เปิดประตูรถลงมา
นัยน์ตาเหมือนจะระเบิด ดีที่รปภ.มาห้ามเอาไว้ทัน
“เชี่ย ไอ้ยาจก ถือว่าแกโชคดีไป คืนนี้ฉันยุ่งมีนัดรวมรุ่น ทางที่ดีนายภาวนาอย่าให้ได้เจอฉันอีก ไม่งั้นฉันจะขับเฟอร์รารี่คันนี้เหยียบแก ให้แกนอนเป็นผักไปทั้งชีวิต” ชายสวมสูทด่าทิ้งท้ายไว้ และหันหลังเดินไป
ความหนาวเย็นปรากฏบนดวงตาของลู่เสี้ยงหยาง ในที่สุดเขาก็หาที่จอดมอเตอร์ไซค์ได้
ขณะที่ลู่เสี้ยงหยางมาที่ห้องที่จัดปาร์ตี้รวมรุ่นของเย่สวน ด้านในห้องก็มีคนนั่งอยู่เต็มห้อง
คนพวกนี้ไม่ใช่หนุ่มหล่อสาวสวย แต่เป็นแบรนด์เนมเคลื่อนที่ ราวกับดาวที่ส่องประกาย
ลู่เสี้ยงหยางสวมชุดบ้านๆ เสื้อผ้าทั้งตัวรวมกันแล้วไม่ถึงสองร้อยหยวน เมื่อเทียบก็หนุ่มสาวพวกนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เข้ากัน
“เฮ้ย ไอ้นี่ ทำไรวะ? ขอทานเหรอ? มาผิดที่แล้วมั้ง มาขอเงินพวกเราถึงนี่ ใจกล้าไม่เบานะ!”
ลู่เสี้ยงหยางเมื่อเดินเข้าไปในห้อง ลูกชายเศรษฐีคนนึงก็ยื่นมือมาผลักลู่เสี้ยงหยาง สีหน้าดูถูกแล้วพูดขึ้น