หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 52 ผมออก 6 ร้อยล้าน
บทที่ 52 ผมออก 6 ร้อยล้าน
มองไปทางลู่เสี้ยงหยางที่เดินเข้ามา คนตระกูลเย่ก็มีแต่ความรู้สึกโมโหและขยะแขยง
เย่หยุนเทาจู่ๆ ก็กระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วชี้ไปทางจมูกลู่เสี้ยงหยางแล้วด่า: “ความผิดพลาดของตระกูลอย่างแกยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ? หน้าตาของตระกูลเย่ถูกแกทำขายหน้าหมดแล้ว”
“ใช่แล้ว ขายตัวอยู่ด้านนอกอยู่ดีนี่ ยังจะกลับมาทำไม? ไม่แน่นะว่าติดโรคมาแล้ว ไม่กลัวจะเอากลับมาติดพวกเราด้วย” เย่ซวงพูดเสียงแหลม
“ไสหัวไป!รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ แกไม่มีค่าพอจะอยู่ที่นี่”
“แม่งเอ๊ย แกไม่ใช่คนของตระกูลเย่แล้ว”
“ฮ่าๆๆ ต่อไปแกก็ไปขายตัวได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว”
ขณะนั้น คำพูดประชดประชันก็สาดเข้ามาท่วมลู่เสี้ยงหยาง
แต่ลู่เสี้ยงหยางก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาแค่ของไปทางเย่สวน
เย่สวนตัวสั่นเทาไม่หยุด ดวงตาเริ่มแดง แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ชีวิตของตนช่างแย่นัก แต่งงานกับคนไร้ค่า และไอ้คนไร้ค่าคนนั้นยังไม่ซื่อสัตย์ต่อเธออีก แถมออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกด้วย
“สวนเอ๋อ ไม่กี่วันมานี้ทำให้เธอน้อยใจแล้ว แต่ความจริงจะกระจ่างในไม่ช้า” ลู่เสี้ยงหยางพูดไปหัวเราะไป
หลิวจิ้งโกรธจนลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปข้างๆ ลู่เสี้ยงหยาง แล้วยกมือขึ้นจะตบหน้าลู่เสี้ยงหยาง
ลู่เสี้ยงหยางเบนหลบไปข้างหลังเล็กน้อย ก็หลบมือของหลิวจิ้งพ้น
“คุณแม่ ทางที่ดีอย่าไร้เหตุผล อยากจะตีผม ก็ควรต้องทำเรื่องให้มันชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน” ลู่เสี้ยงหยางทำสีหน้าเย็นชา แล้วพูดมันออกมาชัดๆ ทีละคำๆ
หลิวจิ้งไม่เคยเห็นลู่เสี้ยงหยางจริงจังแบบนี้มาก่อน อดไม่ได้ที่จะหดคอลง ไม่กล้าโวยวายต่อ
ลู่เสี้ยงหยางหันหน้าไปมองท่านย่า แล้วพูดอย่างเย็นชา: “คุณย่า เพื่อเงินแค่6ร้อยล้าน คุณก็แยกผมกับเย่สวน ทำไมคุณใจร้ายแบบนี้? ตอนกลางคืนนอนหลับลงเหรอ…….”
“ฮ่าๆๆ” ลู่เสี้ยงหยางยังไม่ทันพูดจบประโยค ในห้องประชุมก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น
ไอ้โง่คนนี้ทำไมพูดอะไรน่าขำจัง?
นี่เขากำลังล้อเล่นเหรอ?
แค่เงิน6ร้อยล้าน?
นี่ ทำพูดที่ดูยิ่งใหญ่นี้ ทำอย่างกับเขาเป็นเศรษฐีอย่างนั้นแหละ 6ร้อยล้านในสายตาคนอื่นเป็นแค่6สตางค์
“เจ้าโง่ ทั้งตัวแกตอนนี้มีเงินถึง600มั้ย? 6ร้อยล้านชีวิตนี้แกไม่ต้องไปนึกถึงเลย เข้าใจมั้ย?” เย่หยุนเทามองไปทางลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดประชด
ไม่รอให้ลู่เสี้ยงหยางพูด เย่ซวงก็พูดเสริม ต่อว่า: “ตอนนี้เขาเป็นผู้ชายขายตัวแล้ว คืนนึงก็หาเงินได้พันสองพัน กลัวว่าตอนนี้คงจะเก็บได้หลายหมื่นแล้วแหละ”
“ฮ่าๆๆ”
เมื่อพูดประโยคนั้นออกมา ทั้งห้องก็มีแต่เสียงหัวเราะดังขึ้น
หลิวจิ้งโกรธจนใบหน้าซีดเริ่มมีสีแดง แล้วพูดกับลู่เสี้ยงหยาง “เห็นแล้วใช่มั้ย แกมาที่นี่ก็เป็นได้แค่ความผิดพลาดที่น่าขำของตระกูล เป็นเรื่องน่าขำของเย่สวน ยังไม่ไสหัวไปอีก? รออะไร?”
น้ำตาของเย่สวนค่อยๆ ไหลลงมา คำพูดที่เย่ซวงพูดเมื่อกี้ว่าลู่เสี้ยงหยางเป็นผู้ชายขายตัวนั่น มันราวกับมีด กรีดทีละรอยๆ บนหัวใจของเธอ
ขณะนั้น ในที่สุดท่านย่าก็มองไปที่ลู่เสี้ยงหยาง: “นายเป็นใคร กล้ามาว่าฉันอย่างนู้นอย่างนี้ เมื่อกี้ ฉันได้ประกาศไปแล้ว ว่านายกับเย่สวนไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาแล้ว ไม่พอใจเหรอ?”
ได้ยินแบบนี้ ลู่เสี้ยงหยางก็อยากจะหัวเราะ ยายแก่คนนี้คิดว่าเธอเป็นใครกัน แค่คำพูดคำเดียวก็จะมาลบล้างความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาได้ คิดว่าที่เขตเขาให้ใบทะเบียนมาไว้โยนทิ้งเหรอ?”
“เหอะๆ” ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะ เมื่อคิดที่จะเปิดปากพูด จู่ๆ จางยูนเหาก็พูดแทรก:” คนดีก็ต้องรู้ตัวเอง เคยคิดถึงปัญหานี้มั้ย ว่านายคู่ควรกับเย่สวนหรือเปล่า?”
ลู่เสี้ยงหยางหัวเราะ แล้วพูดตอกกลับ “นายอย่าบอกนะ ว่าฉันไม่คู่ควรกับเย่สวน แต่นายคู่ควร”
ไม่ต้องให้จางยูนเหาเอ่ยปากพูดต่อ เย่หยุนเทาก็พูดขึ้นแทรก:” ลู่เสี้ยงหยาง นายมันโง่ดากดาน ทำได้แค่โม้ไปวันๆ ใครมันให้ความกล้าแกกัน? คุณชายจางมีเงินเป็นพันๆ ล้าน เป็นถึงลูกคนโตของตระกูลจาง ขนนิ้วเท้าเส้นนึงของเขายังมีค่ามากกว่าขยะอย่างแก บอกสิว่าคุณชายจางคู่ควรกับเย่สวนมั้ย?”
“ฮ่าๆๆ” พอได้ยิน คนตระกูลเย่ไม่น้อยก็หัวเราะออกมา
ในสายตาของพวกเขา ลู่เสี้ยงหยางมีตาหามีแววไม่ เห็นได้ชัดว่าต้องการหาเรื่อง
ไปเอาความกล้ามาจากไหน? เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคุณชายจาง
“เหอะๆ” ขณะนั้นจางยูนเหาที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม เขามองไปทางลู่เสี้ยงหยาง แล้วพูดอย่างดูถูก “เอาเงินพันๆ ล้านที่ฉันมีมาพูดกับนาย ก็เหมือนจะเป็นการรังแกนาย เอางี้ ถ้าตอนนี้นายสามารถเอาเงินสินสอด6ร้อยล้านออกมาได้ ฉันจะใจกว้างยกเย่สวนให้”
ลู่เสี้ยงหยางสูดหายใจเบาๆ แล้วพูดน้ำเสียงนิ่งๆ : “ได้ ก็แค่เงินสด6ร้อยล้านเอง? ฉันคนนี้จะให้ตระกูลเย่เดี๋ยวนี้”
พูดจบก็ปรบมือ ประตูห้องประชุมเปิดออกอีกครั้ง มีผู้ชายใส่สูทเดินเข้ามาจากด้านนอก
ชายในชุดสูทคนนี้ตัวผอมๆ สูงๆ หน้าตาก็ธรรมดาๆ เป็นพวกแบบเดินอยู่ในหมู่คนก็จะโดนลืมอะไรแบบนั้น
สายตาของคนตระกูลเย่ต่างจับจ้องไปที่ชายในชุดสูทคนนี้ มองอยู่สักครู่ก็ยังมองไม่ออกว่าเป็นใคร
เย่หยุนเทาพูดขึ้นเสียงดัง “อย่าคิดว่าจ้างคนมาแสดง ก็จะทำให้พวกเราตกใจได้ เมื่อกี้แกไม่ได้บอกว่า จะเอาเงินสด6ร้อยล้านออกมาไม่ใช่เหรอ? เงินล่ะ โดนแกกินเข้าไปแล้วเหรอ?”
“โฮะๆ” เย่ซวงหัวเราะปิดปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าดูถูก: “เขาเป็นผู้ชายขายตัว ขายทั้งชีวิตก็กลัวว่าจะหาเงินได้ไม่ถึง6ร้อยล้านนะ”
ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้สนใจจะตีกับไอ้โง่สองคนนั้น แค่ยืนอยู่เงียบๆ
ท่านย่ามองไปที่ชายในชุดสูท แล้วก็ทำสีหน้าเย็นชา และถามตัวเอง คนที่มีหน้ามีตาในเมืองปินเหอเธอก็รู้จักหมด แต่ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายในชุดสูทที่อยู่เบื้องหน้าเธอที่จริงแล้วเป็นใคร
จางยูนเหาขมวดคิ้ว รู้สึกคุ้นๆ ชายในชุดสูทคนนี้ แต่ก็นึกไม่ออก น่าจะเคยเจอที่ไหน
ไม่นาน ชายในชุดสูทก็เดินไปอยู่ข้างๆ ลู่เสี้ยงหยาง และยืนเคียงข้างลู่เสี้ยงหยาง และพูดแนะนำตัวเองกับท่านย่าอย่างสั้นๆ : “กระผมประธานเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ป หวังหยุนครับ ;วันนี้มาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า แถมยังทำให้ท่านย่าประหลาดใจอีก”
อะไรนะ?
เทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปประธาน? หวังหยุน?!
เมื่อประโยคนี้จบลง ภายในห้องประชุมของตระกูลเย่กรุ๊ปก็เหมือนมีลมพัดแรง
ที่เมืองปินเหอ มีบริษัทใหญ่ๆ อยู่สี่บริษัท เทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปก็เป็นหนึ่งในสี่ ความสามารถของพวกเขาสูสีกับหยูเม่ยหยินกรุ๊ปเลย
เหมือนว่าตระกูลจาง เมื่อเจอกับพี่ใหญ่อย่างเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปยังต้องหลบ
และสิ่งที่ทำให้ทุกคนกลัวคือ เทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปต่างกับหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ผู้คนต่างรู้ดีว่าคนที่หนุนหยูเม่ยหยินกรุ๊ปอยู่เบื้องหลัง ก็คือตระกูลใหญ่อย่างตระกูลลู่ แต่คนที่หนุนเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปอยู่เบื้องหลังนั้น ไม่มีใครรู้!
เพราะว่าเป็นความลับยิ่งทำให้คนอื่นกลัว และไม่กล้าที่จะยุ่ง
จากที่ฟังมา ประธานของเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปนั้นเป็นคนลึกลับมาก มีคนไม่มากนักที่จะได้เห็นหน้าจริงๆ ของเขา คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาเปิดเผยที่ตระกูลเย่
ปัง!
สมองของท่านย่าราวกับจะระเบิด อีกนิดร่างก็แทบจะหล่นลงมาจากเก้าอี้ ต่อมา ไม่พูดอะไรต่อก็รีบเด้งตัวขึ้น แล้วโค้งให้หวังหยุนอย่างอ่อนน้อม “ยินดีที่ได้พบประธานหวัง”
“ยะ ยินดีที่ได้พบประธานหวัง “คนตระกูลเย่ก็โค้งคำนับตาม ตัวสั่นๆ เล็กน้อย
เห็นคนตระกูลเย่เป็นแบบนี้ ลูกชายตระกูลจางอย่างเขา จะเทียบกับเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ป ยังห่างกันไกล30ปีได้
“ยินดีที่ได้พบประธานหวัง มีโอกาสได้พบประธานหวัง ผมดีใจเป็นอย่างมาก” ต่อมาจางยูนเหาก็ก้มหัวให้ด้วย ท่าทางถ่อมตัวมาก
หวังหยุนหึออกมา ในใจก็คิดว่าน่าขำ
คนตระกูลเย่นั้นสายตาสั้น จะไปรู้ได้ยังไง ลู่เสี้ยงหยางที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นถึงจะเป็นคนใหญ่คนโตที่แท้จริง
เทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปที่จริงแล้วก็เป็นหมากที่ตระกูลลู่วางไว้ แต่ว่าตระกูลลู่เป็นตระกูลธุรกิจ คงจะหงายไพ่ทั้งหมดในมือออกให้ดูหมดไม่ได้ เพราะงั้น ธุรกิจของเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ปจึงเก็บไว้เป็นความลับ
ประเทศจีนตั้งกว้างใหญ่ อย่างเทคโนโลยีมังกรกรุ๊ป ตระกูลลู่วางหมากไว้อีกไม่รู้กี่ที่
จากนั้น หวังหยุนก็ไม่ได้ใส่ใจความตกใจของตระกูลเย่กับจางยูนเหา แค่พูดนิ่งๆ : “เงินแค่6ร้อยล้าน ผมควักยาก ผมออกหนึ่งพันสองร้อยล้าน ขอซื้อหุ้น51%ของตระกูลเย่กรุ๊ป”
อึ้ง!
อึ้งกันทั้งห้อง!