หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 34 ความสามารถตบหน้า
บทที่ 34 ความสามารถตบหน้า
ต่อมา ไม่มีใครพูดอะไรอีก บรรยากาศในรถเงียบสงบ
หลังจากสิบนาทีลู่เสี้ยงหยางพวกเขาถึงไทม์สแควร์ หลิวจิ้งนำทางอยู่ข้างหน้า มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารเกาหลีเซียงจุน
พึ่งเข้าไปในร้านอาหาร ก็มีพนักงานสวยพูดต้อนรับด้วยภาษาเกาหลีอย่างชำนาญ: “ สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีกี่ท่านคะ ? จะทานของท่านเล่น หม้อไฟหรือข้าวผัดของทางร้านคะ “
เพื่อสร้างบรรยากาศระดับไฮเอนด์และแท้จริงของร้านอาหารเกาหลี ร้านอาหารเกาหลีเซียงจุนใช้โมเดลทั้งหมดตามประเทศเกาหลี เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาสัมผัสรู้สึกเหมือนอยู่ในเกาหลีอย่างแท้จริง
หลิวจิ้งฟังภาษาเกาหลีไม่ออก จึงได้แค่ยืนฟังและนิ่ง
เย่สวน รู้เรื่องเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้าใจหนึ่งประโยคหรือสองประโยค แต่เธอต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยในการแสดงออก และเธอก็ยังคงพูดเป็นระยะ : "เรามีนัดกันในห้องที่5 “
“ได้ค่ะ เชิญท่านสามคนตามฉันมา “ พนักงานสาวสวยนำทาง
ไม่นาน ลู่เสี้ยงหยางพวกเขามาถึงห้องส่วนตัว5 มีชายวัยกลางคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้อง
ชายวัยกลางอายุราว40 สวมชุดสูทและรองเท้าหนังมันเงา หน้าตาไม่หล่อจัดได้แค่ว่าธรรมดา แต่หุ่นค่อนข้างดี ซึ่งน่าจะออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เห็นลู่เสี้ยงหยางพวกเขาเข้ามา ชายวัยกลางรีบยืนขึ้น และทักทายอย่างสนิทสนม
“ลูกสาว แม่ขอแนะนำหน่อย เขาคือคนที่แม่รู้จักคนนั้น เขาชื่อฉินหยวนตง ประธานบริษัทหย่งหยวนกรุ๊ป “ พึ่งได้นั่งลงหลิวจิ้งก็รอไม่ไหวที่จะแนะนำให้รู้จัก
“ยินดีที่ได้รู้จัก ประธานฉิน “เย่สวนทักทาย ฉินหยวนตงอย่างมีมารยาท
“ไม่ต้องเกรงใจ ได้พบคุณหลิวกับคุณเย่ เป็นเกียรติของฉัน “ ฉินหยวนตงพูดพลางหัวเราะ สายตาเผยความตะลึงเล็กน้อย ไม่คิดว่าเย่สวนจะสวยกว่าแม่ที่สง่างามและเซ็กซี่ของเธอ อนาคตถ้าเขาสามารถเป็นครอบครัวเดียวกับหลิวจิ้ง ก็เป็นบุญของเขาแล้ว คิดไปคิดมา ความคิดในใจจึงริเริ่มขึ้น
หลังจากนั้น ฉินหยวนตงก็มองไปที่ลู่เสี้ยงหยาง การดูถูกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เขารู้จักกับหลิวจิ้งมาหนึ่งเดือนแล้ว ในระหว่างนี้ได้นัดเจอกันอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่เจอกันหลิวจิ้งก็มักจะระบายอารมณ์เกี่ยวกับลูกเขยที่ไร้ค่าคนนี้
ก่อนหน้าที่ฉินหยวนตงคิดแค่ว่าหลิวจิ้ง มองการณ์ไกลเกินไป จึงไม่ชอบลูกเขยตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่า ลู่เสี้ยงหยางแต่งตัวธรรมดาตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูเป็นคนไร้ค่า ทั้งไร้ค่าไร้ประโยชน์กว่าที่เขาคิด
“หึ สนุกดี เปรียบเสมือนผักกาดขาวที่ดีถูกหมูกวาดไปหมด เรามาดูกันว่าวันนี้ฉันจะเหยียบขยะนี้ได้อย่างไร” ฉินหยวนตงคิดในใจตัวเอง
ก่อนที่จะได้พบกันวันนี้ หลิวจิ้งก็พูดเน้นกับเขาเป็นพิเศษ ว่าต้องสั่งสอนลูกเขยที่ไม่ได้เรื่องคนนี้ดีดี
“คิดว่าท่านนี้น่าจะเป็นสามีของคุณเย่หรือเปล่า เมื่อฉันเห็นก็รู้สึกไม่ธรรมดาแล้วคิดว่าน่าจะเป็นฮีโร่ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นได้ที่ไหน “ฉินหยวนตงถามลู่เสี้ยงหยางด้วยรอยยิ้ม ก่อนอื่นเขาพูดยกย่องลู่เสี้ยงหยางให้สูง และต่อมาก็เพื่อให้เขาล้มลง
ลู่เสี้ยงหยางจะไม่เข้าใจความคิดของฉินหยวนตงได้อย่างไร : “ ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันเป็นแค่พนักงานในบริษัทเล็กเท่านั้น “
“เป็นพนักงานในบริษัทเล็ก ? “ ฉินหยวนตงเผยความตกใจเล็กน้อย พูดว่า : “ บริษัทเล็กไม่มีอนาคตอะไรทั้งนั้น แต่ที่คุณเลือกบริษัทเล็ก เงินเดือนก็น่าจะสูงใช่ไหม “
“ไม่สูง แค่2000หยวน “ ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างเฉยชา
เย่สวนที่นั่งข้างลู่เสี้ยงหยาง รู้สึกร้อนที่ใบหน้า ผู้ชายคนนี้จะไม่ซื่อสัตย์อย่างนั้นไม่ได้หรือไง ? เป็นพนักงานในบริษัทเล็กเล็กก็ช่าง ได้โปรดพูดเงินเดือนให้เป็นเลข 5 หลักได้ไหม?
“อะไรนะ ? 2000 หยวน หนึ่งเดือน ? เงินแค่นี้พอจ่ายค่าน้ำมันคุณไหม ? “ ฉินหยวนตงมองลู่เสี้ยงหยางและหัวเราะเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความประชด
หลิวจิ้งตอบแทน:“เขาขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไม่ต้องใช้เงินส่วนนั้น “
“มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ? ฮ่าฮ่านี่มันสมัยไหนแล้ว “ฉินหยวนตงหัวเราะพลางมองลู่เสี้ยงหยางและส่ายหัว “ที่บ้านฉันมีรถสองคันหลังจากพวกฉันเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ให้คุณหนึ่งคัน “
“ขอโทษครับ ไม่ต้อง ฉันชอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของฉันอยู่แล้ว ไม่รถติดเวลาไปทำงาน” ลู่เสี้ยงหยางส่ายหัวอย่างเฉยชา
หลิวจิ้งหัวเราะเย็นขาเล็กน้อย เธอพูดต่อจากลู่เสี้ยงหยาง : “ ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยโม้ต่อหน้าฉันว่า เป็นเพียงเพราะเขาไม่ชอบรถโรลส์ – รอยซ์มิฉะนั้นเขาก็รับมันมานานแล้ว "
ชาที่ฉินหยวนตงดื่มเข้าไปเกือบพุ่งออกมา เขาทำท่าทางคิดหนี้กับลู่เสี้ยงหยาง: "คุณมีเงินเดือน 2,000 ต่อเดือน ปีละ 24,000 และสิบปีก็240,000 ถ้าเป็นล้อของรถโรลล์-รอยช์คุณสามารถซื้อได้”
เย่สวนฟังไม่ลงแล้ว จึงพูดอย่างเย็นชา : “ แม่ พวกฉันมาทานข้าว ? หรือมาฟังพวกท่านพูดเรื่องตลก ? “
“ทำไม? สิ่งที่พวกฉันพูดเป็นความจริง ไม่อยากฟังแล้วหรอ “ หลิวจิ้งกล่าวออกมา
ฉินหยวนตงลุกขึ้นมาช่วยเก็บสถานการณ์ “ พอเถอะพอเถอะ เมื่อกี้แค่ล้อเล่น พวกเราสั่งอาหารกันเถอะ “
พูดจบ เขายื่นมือกดปุ่มเรียกพนักงานเข้ามา
ฉินหยวนตงทำเพื่อเอาหน้าเอาตา เขาสนทนากับพนักงานสาวสวยด้วยภาษาเกาหลีทั้งหมด
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว ทำให้หลิวจิ้งยิ่งรู้สึกชอบใจ และตัดสินใจว่าเขาคือเจ้าชายชุดขาวในดวงใจของเธอแล้ว
หลังจากสนทนาแล้ว พนักงานสาวสวยยื่นเมนูให้เขา
ฉินหยวนตงเริ่มสั่งอาหาร
ไม่นาน เขาสั่งอาหารเองเรียบร้อยแล้ว และพูดกับหลิวจิ้ง: “ ฉันรู้รสชาติที่เธอชอบเล็กน้อย จึงช่วยเธอสั่งไปแล้ว”
“ขอบคุณ “ หลิวจิ้งยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ถ้างั้นตอนนี้คุณเย่กับนายลู่สั่งอาหารเถอะ “ ฉินหยวนตงนำเมนูอาหารยื่นให้เย่สวน
แม้เย่สวนจะเข้าใจภาษาเกาหลีเล็กน้อย แต่ชื่ออาหารบนเมนูมากมาย เธอก็อ่านไม่ออก สิ่งเดียวที่อ่านออกคือของท่านเล่นหนึ่งอย่าง เพราะฉะนั้น เธอจึงสั่งของทานเล่นนั้นไป
นึกถึงลู่เสี้ยงหยางที่อาจจะอ่านเมนูพวกนี้ไม่ออก ดังนั้นเธอจึงพูดกับลู่เสี้ยงหยาง “ ให้ฉันช่วยคุณสั่งด้วยกันเลยไหม ? “
ไม่รอให้ลู่เสี้ยงหยางตอบ ฉินหยวนตงจึงส่ายหัวแล้วพูดออกมา:“คุณเย่ ให้นายลู่สั่งเองเถอะ เขาชอบทานอะไรก็ให้เขาสั่งได้ไม่อั้น “
“แต่……”เย่สวนลังเลเล็กน้อยลู่เสี้ยงหยางอ่านเมนูไม่ออก จะสั่งได้อย่างไร
“อุ๊ยฉันเกือบลืมไปเลย นายลู่อ่านภาษาเกาหลีไม่ออกถ้างั้นก็สั่งข้าวผัดให้เขาหนึ่งที่เถอะ “ฉินหยวนตงพูดแซะพลางหัวเราะ
เย่สวนโกรธและไม่พอใจอย่างมากกับการที่ฉินหยวนตงโจมตีลู่เสี้ยงหยางอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้ใครสั่งให้ผู้ชายของเธอไร้ประโยชน์
“อืม ฉันก็คิดว่าเมนูของตัวเอง ก็ควรเป็นตัวเองที่สั่งเองจะเหมาะสมกว่า “ ทันใดนั้น ลู่เสี้ยงหยางพูดออกมา และหยิบเมนูจากมือเย่สวนไป
ก่อนหน้านี้ในครอบครัว เพื่อจัดการกับโครงการต่างต่าง ลู่เสี้ยงหยางเคยได้เรียนรู้หกภาษา ภาษาเกาหลีพร้อมสำหรับเขา
ลู่เสี้ยงหยางมองเมนู และชี้ไปที่เมนูหลายอย่าง พนักงานสาวสวยจดบันทึกตามแล้วออกจากห้อง
ฉินหยวนตงมั่นใจว่า ลู่เสี้ยงหยางไม่เข้าใจภาษาเกาหลี เมนูที่สั่งเมื่อกี้เป็นเพียงการจิ้ม เขาจึงหัวเราะและพูดขึ้นมา : “คุณคงไม่สั่งเป็นน้ำจิ้มใช่ไหม ทานได้หรอ ? หรือว่าคุณชอบทานน้ำจิ้ม ? “
ลู่เสี้ยงหยางขี้เกียจสนใจเขา เขาหลับตาสงบอารมณ์
เย่สวนกังวลเป็นอย่างมากถ้าลู่เสี้ยงหยางสั่งน้ำจิ้มมาจริงจริง คงต้องเสียหน้ามากมาก
ต้องบอกว่าร้านอาหารเกาหลีเซียงจุนมีประสิทธิภาพสูงมาก ใช้เวลาไม่นานอาหารของลู่เสี้ยงหยางพวกเขาก็มาเสิร์ฟหมดแล้ว
สิ่งที่ทำให้ฉินหยวนตงกับหลิวจิ้งผิดหวังคือสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าลู่เสี้ยงหยางไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดไว้แต่เป็นอาหารหลากหลายที่อร่อย
เย่สวนตะลึงเล็กน้อย หรือว่าลู่เสี้ยงหยางจะเข้าใจภาษาเกาหลี ?
“หึ แค่โชคดีเท่านั้น “ หลิวจิ้งพูดอย่างไม่พอใจ
สีหน้าฉินหยวนตงดูไม่ดีเล็กน้อยอาหารทุกจานของลู่เสี้ยงหยางราคาไม่เบา วันนี้เขาคงต้องเสียแล้ว
เวลาต่อมา ทุกคนต่างทานข้าวลู่เสี้ยงหยางนำอาหารอร่อยที่อยู่หน้าย้ายไปให้เย่สวน
ทานข้าวได้ถึงครึ่งพนักงานสาวสวยเข้ามา จะเริ่มตรวจสอบระดับความพอใจเกี่ยวกับอาหารของพวกเขา
ฉินหยวนตงอยากให้ลู่เสี้ยงหยางเสียหน้า เขาจึงพูดกับพนักงานสาวสวย “ ให้เขาพูดเถอะ “
พนักงานสาวสวยยิ้มหวาน และเริ่มสนทนาขึ้นมา : “ คุณผู้ชายท่านนี้ ท่านคิดว่าอาหารทางร้านเราเป็นอย่างไร?ควรจะปรับปรุงอะไรตรงไหมคะ”
เย่สวนเหนื่อยใจแทนลู่เสี้ยงหยางอีกรอบแต่ลู่เสี้ยงหยางกลับยืนขึ้นมาแล้วพูด : ข้าวอบกุ้งรสเผ็ดไม่พอ อาจจะรู้สึกดีขึ้นถ้าเผ็ดกว่านี้ นอกจากกุ้งแก่ไปหน่อยหวังว่าร้านจะทำให้เนื้อนุ่มกว่านี้ได้ รสซีอิ๊วแรงเกินไป ฉันสงสัยว่าเชฟที่นี่อาจจะชอบกินซีอิ๊ว ลิ้นเป็ดทอดซอสผัดจนแก่เกินไป พอทานแล้ว ไม่หยุ่นและรสจืด “
ความคิดเห็นที่ไม่มีที่สิ้นสุดออกมาจากปากของลู่เสี้ยงหยาง และทำให้ทุกคนแทบจะอ้าปากค้างก็คือ เขาพูดภาษาเกาหลีได้อย่างคล่องแคล่ว ความคล่องแคล่วระดับนี้คล่องแคล่วยิ่งกว่าฉินหยวนตง
“บ้าไปแล้ว เกิดอะไรขึ้น ? “ หลิวจิ้งมองลู่เสี้ยงหยางและนิ่งไป ไอ่คนไร้ค่านี้เข้าใจภาษาเกาหลีได้อย่างไร
ภาษาเกาหลีเป็นภาษาเล็ก และไม่ได้รับความนิยมเท่ากับภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับหลิวจิ้งในขณะนี้
“เออ ….. นี่มัน …..” เย่สวนก็ตกใจเล็กน้อย ความสามารถทางภาษาเกาหลีของลู่เสี้ยงหยางนั้นเหนือกว่าตัวเธอมาก เขาสามารถที่จะเป็นครูของเธอได้แล้ว
สีหน้าฉินหยวนตงเปลี่ยนไปทันที เขาต้องการปราบปรามเขาด้วยการสั่งอาหาร แต่ลู่เสี้ยงหยางกลับโจมตีกลับราวกับตบหน้าเขาหลายที