หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 338 ใครกันแน่ที่เป็นหมออัจฉริยะตัวจริง
บทที่ 338 ใครกันแน่ที่เป็นหมออัจฉริยะตัวจริง
ในตอนนี้ หวังเสว่รู้สึกโกรธมาก
เธอเป็นถึงหัวหน้าทีมอาชญากรรมร้ายแรง โดยปกติแล้วเธอไม่สามารถทนดูสถานการณ์แบบนี้ได้
ตั้งแต่เธอมาเป็นตำรวจ เธอไม่เคยยอมความให้กับผู้ร้ายคนไหนเลย
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมีฉายาในสถานีตำรวจอีกชื่อว่าแถ่เหนียงจื่อ
และในตอนนี้ เธอเห็นอาชญากรทั้งสามคนออกอาละวาด เล็งปืนไปที่ศีรษะของคนอื่นต่อหน้าเธอแบบนี้ ซึ่งมันเป็นการกระทำที่เหยียดหยามเธออย่างที่สุด
นี่มันเกินขอบเขตที่เธอจะทนได้แล้ว เธอต้องนำตัวอาชญากรทั้งสามคนนี้ไปรับโทษให้ได้
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เธอก็เตรียมลุกขึ้นเพื่อหาโอกาสจัดการพวกเขา
และภายใต้ความวุ่นวายในขณะนี้ คนขับรถก็สตาร์ทรถและเร่งความเร็วอีกครั้ง
แต่ในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น อาการของยายคนแก่ก็ยิ่งแย่ลง สองมือของเธอกุมหน้าอกไว้และกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็เริ่มบิดเข้าหากัน ลมหายใจค่อยๆ อ่อนลง และสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
แม้ว่าสามพี่น้องจะทำตัวไม่ดี แต่พวกเขาก็เป็นคนกตัญญูมาก ตอนนี้ทั้งสามต่างก็ตะโกนขึ้นมา “แม่ แม่ต้องอดทนนะครับ พวกเรากำลังพาแม่ไปโรงพยาบาลแล้ว”
“แม่ แม่ต้องไม่เป็นไรนะครับ แม่ต้องไว้ใจในพวกเรา”
“คุณแม่ครับ พวกเราสามพี่น้องกลับมาเพื่อตั้งใจจะมารับคุณแม่ไปใช้ชีวิตที่สุขสบายกับพวกเรา แม่ต้องอดทนนะครับ”
ยายคนนั้นถึงกับน้ำตาคลอและพูดสั่งเสียด้วยเสียงอ่อนเปลี้ย “ลูกๆ เอ๋ย แม่กำลังจะตายแล้ว แม่เห็นพ่อของลูกๆ กำลังจะมารับแม่แล้ว หลังจากแม่จากไปพวกเองหยุดทำสิ่งเลวร้ายได้แล้วนะ พวกเองต้องเป็นคนดี ไม่อย่างนั้นแม่จะตายตาไม่หลับ แล้วก็อีกอย่าง หลังจากแม่ตายแล้วพวกเองต้องฝังศพแม่อยู่ใกล้พ่อของพวกเองด้วยนะ……แค่กๆ ……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ยายคนแก่ก็ไม่สามารถพูดต่อได้อีก สองมือของเธอกุมหน้าอกไว้แน่นๆ แล้วไออย่างไม่หยุด
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนในรถต่างก็ตื่นกลัวกันไปหมด
เพราะชายสามคนนี้เคยพูดขู่เอาไว้ว่า ถ้าแม่ของพวกเขาเกิดเป็นอะไรไป พวกเขาจะเอาทุกคนในรถคันนี้ฝังไปพร้อมกับแม่ของพวกเขาด้วย
ลู่เสี้ยงหยางถอนหายใจลึกๆ เขารู้สึกว่าคุณยายคนนี้เป็นคนดี และเขาคงปล่อยให้เธอตายไปแบบนี้ไม่ได้
ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและพูดว่า “คุณยายท่านนี้เป็นโรคหัวใจขาดเลือด และผมก็มีวิธีปฐมพยาบาลเธอได้”
ว่าไงนะ?
ทันทีที่ลู่เสี้ยงหยางพูดคำนี้ ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่ตัวเขา
ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจ ลูกเขยกระจอกคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่? เมื่อวานก็พูดจาโอ้อวดว่าสามารถแก้พิษของกู้ชิวส่วยได้ แต่ที่ไหนได้ มันก็แค่ลมปาก สุดท้ายก็ต้องพึ่งโจวซวิ่นอยู่ดี
แมร่งเอ๊ย! ดูเหมือนว่าไอ้ลูกเขยกระจอกคนนี้คิดจะก่อปัญหาอีกแล้วสินะ
แค่คิดจะโชว์พาวก็ไปโชว์ที่อื่นสิ ตอนนี้ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือนักฆ่าเชียวนะ ถ้าลู่เสี้ยงหยางทำให้พวกเขาโกรธ คงต้องตายกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน
เย่สวนก็รู้สึกกลัวมาก โดยเฉพาะเธอเพิ่งเห็นโจวซวิ่นกับซุนยีเฉินถูกพวกเขาทำร้าย เธอไม่อยากให้ลู่เสี้ยงหยางต้องถูกทำร้ายไปด้วย ดังนั้นเธอจึงรีบดึงแขนของลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดกับเขา “อย่าเพิ่งไร้สาระตอนนี้ รีบนั่งลง คุณจะไปรักษาใครได้?”
หวังเสว่ก็หันกลับมามองหน้าลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดว่า “คุณอย่าหาเรื่องอีกเลย อยู่เฉยๆ จะดีกว่า คุณทำแบบนี้มันมีแต่จะเพิ่มปัญหาเท่านั้น”
“นั่นสิ แค่ลูกเขยกระจอกจอมเปลืองคนหนึ่งยังคิดจะยุ่งไปทุกเรื่อง ถามจริงนายมีปัญญาขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“บ้าเอ๊ย! ไอ้กระจอก นายหุบปากไปเลยนะ กล้าแหกปากอีกทีกูจะเอามึงให้ตายไปเลย”
“ฮ่าๆ สุดยอดจริงๆ นายคิดว่าพี่ชายทั้งสามจะเชื่อนายหรือ? นายมันก็แค่ลูกเขยไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ถ้านายมีปัญญารักษาคนได้จริงๆ นายคงไม่ต้องไปหลอกเขากินหรอก”
ในช่วงเวลานั้น เสียงพูดจาเสียดสีก็กระหน่ำเข้าหาลู่เสี้ยงหยาง
แต่ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้น เขามองไปที่ชายสามคนนั้นแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ผมรักษาได้จริงๆ ถ้ายังไม่รีบทำการปฐมพยาบาลคุณยายท่านนี้ แกอาจจะภาวะหัวใจล้มเหลวแล้วเสียชีวิตในทันทีนะ”
ด้วยคำพูดนี้ หลายคนต้องตกใจจนตัวสั่น ดูเหมือนว่าไอ้ลูกเขยกระจอกคนนี้จะทำให้ทุกคนต้องถูกฆ่าจริงๆ แล้ว
ฟ้านเจี้ยนจงกัดฟันแล้วหันมาถามลู่เสี้ยงหยาง “ไอ้หนู นายพูดจริงเหรอ? หรือว่านายแค่ล้อเล่นกับพวกเรา?”
ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างใจเย็น “ชีวิตของทุกคนอยู่ในกำมือของพวกคุณแล้ว ถ้าผมรักษาคุณแม่ของคุณไม่ได้ คุณสามารถยิ่งปืนใส่ใครก็ได้”
“.…..” สีหน้าของทุกคนบนรถกลายเป็นความเศร้าหมองทันที ให้ตายสิ ไอ้ลูกเขยกระจอกจะให้พวกเราทุกคนร่วมรับผิดชอบกับความผิดพลาดของมันหรือ?
ฟ้านเจี้ยนหมิงขมวดคิ้วพูด “พี่ใหญ่ครับ ไหนๆ อาการของแม่ตอนนี้ก็แย่มากแล้ว ทำไมเราไม่ให้มันลองดูล่ะ?”
“นั่นสิครับพี่ใหญ่ ถ้าไอ้หมอนี่มันสามารถรักษาได้ก็เป็นเรื่องดีไป แต่ถ้ามันรักษาไม่ได้ตามที่พูด เราก็ฝังพวกมันทุกคนไปเลย”
ฟ้านเจี้ยนจงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาจึงพยักหน้าตอบ “โอเค”
จากนั้นเขายกปืนขึ้นแล้วชี้ไปที่ศีรษะของลู่เสี้ยงหยาง “นายมาที่นี่ ไอ้หนู ถ้าสมองยังไม่อยากบานนายอย่าคิดตุกติกก็แล้วกัน”
ลู่เสี้ยงหยางสายตาแน่วแน่ เขาเดินเข้าไปและเริ่มทำการรักษาให้ยายคนนั้นทันที
เมื่อทุกคนเห็นแววตาของลู่เสี้ยงหยางแล้วต่างก็คิดในใจว่า น่าเสียดายจริงๆ ที่ลูกเขยกระจอกคนนี้ไม่ได้ไปรับบทเป็นนักแสดง
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความสามารถใดๆ แต่ยังกล้าเสแสร้งทำตัวเหมือนหมออัจฉริยะ
เย่สวนได้แต่กระทืบเท้าด้วยความกังวล ทำไมลู่เสี้ยงหยางถึงไม่ฟังคำพูดของเธอเลย ดิ้นหาที่ตายชัดๆ
“เหอะ มีแต่ความกล้าเท่านั้น ไม่น่ารอด ฉันจะไม่ช่วยนายหรอก” หวังเสว่กัดฟันพูดกับลู่เสี้ยงหยาง เธอมีแผนช่วยเหลืออยู่ในใจแล้ว แต่ลู่เสี้ยงหยางกลับทำลายมัน
กงหยู่หนิงชื่นชมในตัวของลู่เสี้ยงหยางมาก เขามักจะก้าวออกมาในยามวิกฤตเสมอ
ดวงตาของกู้ชิวส่วยก็เปล่งประกาย ลู่เสี้ยงหยางจะเป็นคนแก้พิษให้เธอหรือไม่ เดี๋ยวความจริงก็จะปรากฏแล้ว
ส่วนทางด้านลู่เสี้ยงหยาง หลังจากที่ได้สัมผัสชีพจร เขาก็รู้ถึงอาการของคุณยายคนนี้แล้ว จากนั้นเขาดึงแถบผ้าออกมา และเมื่อกางผ้าออกเขาก็หยิบเข็มเงินออกมาทีละเข็ม
เขาใช้เข็มเงินเจาะเข้าไปในเส้นประสาทบริเวณตำแหน่งของหัวใจของยายคนนั้น ตอนนี้หัวใจของเธอขาดเลือด ดังนั้นเขาจึงต้องกระตุ้นเส้นเลือดเพื่อให้ระบบไหลเวียนของเส้นเลือดทำงานดีขึ้น
จากนั้นลู่เสี้ยงหยางก็ใช้มือนวดไปที่บริเวณหัวใจของเธอ
เทคนิคนี้คือการระบายการอุดตันของเส้นเลือดและบรรเทาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
โชคดีที่ยายคนนี้อายุค่อนข้างมากแล้ว ไม่เช่นนั้นคนกลุ่มนี้คงจะหาว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นคิดไม่ซื่อกับใครอีก
ซึ่งอาจเป็นเหตุที่กระตุ้นให้ลูกชายทั้งสามของยายคนนั้นฆ่าลู่เสี้ยงหยางได้
พี่น้องทั้งสามมองไปที่แม่ของพวกเขาอย่างกังวล ถ้าไม่ใช่เหตุสุดวิสัยพวกเขาคงฆ่าลู่เสี้ยงหยางไปนานแล้ว
“บ้าเอ๊ย! แพทย์แผนจีนมันล้าสมัยไปนานแล้ว นายยังกล้าใช้มันมารักษาโรครุนแรงอย่างโรคหัวใจขาดเลือดด้วย”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ พี่น้องทั้งสามก็กำปืนพกไว้แน่นๆ ทันทีที่เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของพวกเขา ลู่เสี้ยงหยางก็คือคนแรกที่จะถูกปลิดชีพ