หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 26 คุกเข่าแล้ว
บทที่ 26 คุกเข่าแล้ว
จากที่ลู่เสี้ยงหยางนั่งในแถวที่นั่งของเจ้าภาพ ตัวแทนทั้งหมดที่มีเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการธุรกิจ ดวงตาทั้งหมดตกอยู่ที่เขา
ลู่เสี้ยงหยางในวันนี้ก็เหมือนเจ้าของร้านทั่วไป ปกติไม่มีราศีอะไร ในสายตาของคนเหล่านี้เป็นแค่ไอ้สวะ
ก็เป็นคนเช่นนี้ แต่ทำไมถึงได้นั่งตำแหน่งของเจ้าภาพ
กลับเห็นเขานั่งข้างซุนเซียงเซียงและผู้บริหารระดับสูงของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป คนไหนก็ดูสง่างามและมีจิตใจที่กระฉับกระเฉง
ลู่เสี้ยงหยางนั่งข้างพวกเขา นั่นก็คือไม่เข้ากับพวกเขาเลย
ดวงตาที่สวยงามของซุนเซียงเซียงกวาดไปทั่วฝูงชน เห็นสีหน้าของคนเหล่านั้น ก็รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่
ยิ้มแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ทุกท่าน ตอนนี้ดิฉันขอแนะนำแขกคนพิเศษท่านหนึ่งให้ทุกคน”
พูดถึงตรงนี้ เธอหันไปมองลู่เสี้ยงหยาง แล้วพูดอย่างสุภาพว่า “นายลู่ผู้นี้มีความสำเร็จอย่างสูงในด้านเศรษฐศาสตร์ พวกเราตั้งใจเชิญเขามา เพื่อรับฟังการประชุมเชิงปฏิบัติการธุรกิจของพวกเราในวันนี้ ทุกคนยินดีต้อนรับ”
หลังจากพูดเสร็จเธอก็เป็นผู้นำปรบมือ
เสียงปรบมือดังก้อง
ไม่มีตัวแทนด้านล่างคนใดกล้าลังเล เริ่มปรบมือให้ ในขณะเดียวกันการแสดงออกบนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความนับถือเช่นกัน สามารถเป็นแขกคนพิเศษของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป จะต้องมีอะไรดีแน่นอน เสียงปรบมือดังขึ้นชั่วขณะ
ลู่เสี้ยงหยางยิ้มเล็กน้อย ในฐานะที่เขาคือประธานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ยังไม่วางแผนเปิดเผยตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีนี้ในการขึ้นเวทีและพบกับตัวแทนเหล่านี้
ท่านย่าที่นั่งอยู่แถวหลังสุด กล่าวด้วยใบหน้าที่สงสัยขณะปรบมือ “ไอ้คนเสียข้าวสุกมีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เย่หยุนเทาหัวเราะเยาะ “คุณย่า คุณลืมไปแล้วเหรอ ไอ้คนเสียข้าวสุกนี้ไม่มีความสามารถอะไรนอกจากปากที่เก่ง ไม่เช่นนั้นจะกินๆนอนๆตั้งสามปีในตระกูลเย่ของพวกเราได้อย่างไร ตอนนี้เขาจะต้องใช้วิธีเดียวกัน หว่านล้อมผู้บริหารระดับสูงของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปแน่ๆ”
“ใช่ คุณย่า หยุนเทาพูดมีเหตุผล ลู่เสี้ยงหยางไอ้คนเสียข้าวสุกไม่รู้จะหลอกกินที่ตระกูลเย่ของพวกเราอย่างไรแล้ว ดังนั้นจึงมาหลอกกินที่หยูเม่ยหยินกรุ๊ป พวกเรารอดูฉากเด็ดๆก็พอ อีกไม่นาน ผู้บริหารระดับสูงของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป จะต้องเห็นความชั่วร้ายของเขา เมื่อถึงเวลานั้นหยูเม่ยหยินกรุ๊ปจะต้องทำให้เขาตายทั้งเป็น” เย่ซวงยิ้มอย่างมีเลศนัย
เย่สวนตกใจกับคำพูดของเย่หยุนเทากับเย่ซวงสองคนนี้ เธอแต่งงานกับลู่เสี้ยงหยางมาสามปี รู้จักลู่เสี้ยงหยางเป็นอย่างดี
ไอ้หนุ่มคนนี้ไม่ได้มีความสามารถอะไร แต่มีปากที่โม้เก่ง พูดเกินจริง คิดว่าวันนี้เขาสามารถกลายเป็นแขกพิเศษของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป น่าจะเพราะพึ่งปากของเขาได้มา
“โธ่ ลู่เสี้ยงหยางนะ ลู่เสี้ยงหยาง ทำไมคุณมักจะทำให้ฉันไม่สบายใจเสมอ” เย่สวนถอนหายใจในใจ แอบส่ายหัว
ไม่นานเสียงปรบมือก็หายไป การประชุมเชิงปฏิบัติการธุรกิจจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการภายใต้การจัดการของซุนเซียงเซียง
แต่ในขณะนี้ ลู่เสี้ยงหยางยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าซุน ก่อนที่จะเปิดการประชุม ฉันอยากจะจัดการเรื่องส่วนตัวของฉันก่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่หยุนเทารู้สึกไม่สบายใจทันที ลู่เสี้ยงหยางจะต้องตั้งเป้ามาที่เขาแน่ๆ เพราะเขาพึ่งใช้คำพูดที่รุนแรงกับลู่เสี้ยงหยาง ถ้าคนอย่างเขาสามารถเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการธุรกิจ เขาจะคุกเข่าและเรียกเขาว่าพ่อทันที
“ตกลงนายลู่ คุณจัดการเรื่องส่วนตัวของคุณได้เลย รอคุณจัดการเรียบร้อยแล้ว จึงการประชุม พวกเรารอได้” ซุนเซียงเซียงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด ซึ่งทำให้ตัวแทนหลายคนตะลึง เมื่อไหร่ ซุนเซียงเซียงทำไมพูดง่ายเช่นนี้
น่าจะมีแค่เหตุผลเดียวคือ แขกพิเศษลู่เสี้ยงหยางคนนี้ จะต้องมีที่มาไม่ธรรมดา แม้แต่ซุนเซียงเซียงก็ต้องยอม
ลู่เสี้ยงหยางยิ้มอย่างเฉยเมย สายตาจ้องไปที่เย่หยุนเทา “เมื่อครู่ ชายหนุ่มผู้นี้ถากถางฉันว่าถ้าฉันมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการธุรกิจในครั้งนี้ ถ้าเช่นนั้นเขาจะคุกเข่าแล้วเรียกฉันว่าพ่อ เรื่องนี้ ฉันอยากจะขอให้ทุกคนเป็นพยานด้วย”
เมื่อพูดออกไป เย่หยุนเทาสีหน้าเคร่งเครียดมาก
อยากให้เขาคุกเข่า เรียกลู่เสี้ยงหยางคนขี้ขลาดตาขาวและไม่มีความสามารถ ว่าพ่อ เขาไม่สามารถทำได้แน่นอน
ท่านย่าโกรธจนตัวสั่นไปหมด เย่หยุนเทาเป็นหลานชายที่เธอรักมาก ให้เย่หยุนเทาคุกเข่ามันไม่ต่างอะไรกับให้เธอคุกเข่าเลย
“เหอะๆลู่เสี้ยงหยาง ฉันว่าช่วงนี้เธอได้ใจมากเกินไปแล้ว ลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร คุณก็แค่ลูกเขยคนขี้ขลาดตาขาวและไม่มีความสามารถของตระกูลเย่ของเรา ใครให้หน้าคุณถึงได้มาดิ้นรนที่นี่” ท่านย่ามองลู่เสี้ยงหยางกล่าวอย่างเย็นชา
อะไรนะ
เมื่อท่านย่าพูดออกไป ตัวแทนที่อยู่รอบ ๆ ได้รับความประหลาดใจ
ลู่เสี้ยงหยางเป็นลูกเขยของตระกูลเย่
ในความเข้าใจของพวกเขา การแต่งงานที่มีฝ่ายหญิงเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเป็นลูกเขยที่เกาะผู้หญิงกิน ไม่ได้มีความสามารถอะไร
แต่ลูกเขยเช่นนี้ กลับกลายเป็นแขกพิเศษของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังเชื่อสายตาของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ดังนั้นทุกคนคิดว่า ไม่มีใครในตระกูลเย่เป็นของดี
ทั้งๆที่เป็นคนมีความสามารถ แต่อยู่ในตระกูลเย่ของพวกคุณเป็นได้แค่คนขี้ขลาดตาขาวและไม่มีความสามารถ
ลู่เสี้ยงหยางยิ้ม ไม่ชายตามองท่านย่า แต่พูดกับเย่หยุนเทาว่า “ลูกผู้ชาย พูดออกมาแล้วไม่กล้าทำหรือ คุณทำให้ฉันดูถูกคุณจริงๆ”
เย่หยุนเทาหายใจแรงมาก จ้องๆปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดทีละคำว่า “เลว แม่งแกมันไอ้โง่ ตอนนี้คุณทำให้ฉันโมโหมาก เชื่อไหมว่าฉันอาจจะฆ่าคุณได้ในตอนนี้”
“ฆ่าฉัน เหอะๆ มั่นใจมาก” ลู่เสี้ยงหยางส่ายหน้า
ซุนเซียงเซียงซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างมีใบหน้าที่สวยงามเย็นชาลง ในเมื่อมีคนกล้าใช้คำพูดเช่นนี้ต่อว่าประธานของพวกเขา รนหาที่ตายจริงๆ
“ตระกูลเย่ใช่ไหม ดูคำพูดของพวกคุณแต่ละคนที่พูดออกมาทุเรศมาก ดูเหมือนว่าหางของพวกคุณเกือบจะชี้ขึ้นบนฟ้าแล้ว กล้าพูดขนาดนี้ แล้วทำไมพวกคุณยังจะมาเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการธุรกิจของพวกเราด้วย ทำไมไม่ไสหัวออกไป ไปจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการธุรกิจเองสิ แล้วเชิญหมาแมวสักสองสามตัวเข้าร่วม มันจะน่าพอใจกว่าสำหรับความไร้สาระของคุณ” ซุนเซียงเซียงพูดอย่างเย็นชา
ท่านย่าและพวกเธอมีความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นทั่วใบหน้า ฟังจากน้ำเสียงของซุนเซียงเซียง พวกเขารู้ว่าซุนเซียงเซียงเริ่มไม่พอใจแล้ว
เพียงแค่พวกเขาไม่เข้าใจว่า ซุนเซียงเซียงทำไมต้องปกป้องคนเสียข้าวสุกคนนี้ด้วย
เย่สวนรู้สึกอึดอัดใจ คงไม่ใช่เพราะลู่เสี้ยงหยางกับซุนเซียงเซียงมีความสัมพันธ์อะไรกันนะ
ต่อมา ซุนเซียงเซียงพูดต่อว่า “แน่นอน พวกเราหยูเม่ยหยินกรุ๊ปใจกว้างพอ ไม่ถือสาตระกูลเย่ของพวกคุณก็ได้ แต่ว่า พวกเราหยูเม่ยหยินกรุ๊ปยึดถือความซื่อสัตย์เป็นหลัก ในเมื่อคนในครอบครัวคุณมีคนพูดจาฮึกเหิม ดังนั้นก็ต้องทำตามสัญญาด้วย”
เธอพูดได้อย่างชัดเจน เย่หยุนเทาได้ลั่นวาจาว่าจะคุกเข่าเรียกพ่อ ดังนั้นก็ควรจะทำให้ได้
“อืม…..คุณย่า” การแสดงออกบนใบหน้าของ เย่หยุนเทาน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ มองไปทางท่านย่า หวังให้ท่านย่าจะช่วยเขา
ท่านย่าเงียบไม่พูดอะไร ดูเหมือนจะยังลังเลอยู่
เย่หยุนเทาเป็นหลานรักของเธอ จะมาคุกเข่าให้คนเสียข้าวสุกได้อย่างไร แล้วยังจะต้องเรียกพออีก นี่มันอึดอัดยิ่งกว่าฆ่าเธอเสียอีก
“เหอะๆ ดูท่าคนตระกูลเย่ แต่ละคนนิสัยไม่ดีและไม่มีศีลธรรม ตอนนี้ฉันขอประกาศ คุณชายของตระกูลเย่ท่านนี้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาเป็นศัตรูกับพวกเราหยูเม่ยหยินกรุ๊ป" ซุนเซียงเซียงหัวเราะเยาะและกล่าวเบาๆ
ครืนๆ(เสียงฟ้าร้อง)
เธอพูดเช่นนั้น เหมือนจุดประกายเสียงฟ้าร้องในใจของท่านย่ากับหยุนเทา
เป็นศัตรูของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป เกรงว่าจะต้องตายอย่างน่าเกลียด
แน่นอนว่าตัวแทนหลายท่าน ได้เริ่มแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์
"หัวหน้าซุนไม่ร้องกังวล ศัตรูของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป ก็ถือว่าเป็นศัตรูของพวกเราด้วย อย่าพูดว่าเป็นแค่คุณชายของตระกูลเย่เลย แม้แต่ตระกูลเย่ทั้งครอบครัว พวกเราก็สามารถจัดการได้”
“ฮาๆ ไม่เลว หัวหน้าซุนเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราดีกว่า คุณรอชมการแสดงดีๆดีกว่า ภายในหนึ่งสัปดาห์ ตระกูลเย่จะหายสาบสูญไปจากเมืองปินเหอแน่นอน”
“ฮึ จะจัดการตระกูลเย่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันจะทำให้เด็กน้อยของตระกูลเย่คนนี้อยู่แบบตายทั้งเป็น”
ทันใดนั้น คนเหล่านี้พูดกันคนละคำสองคำ ก็เหมือนมีดที่กรีดในใจของท่านย่าและพวกเย่หยุนเทา
ดูเหมือนว่าพวกเขาตระกูลเย่กำลังจะเป็นศัตรูกับบริษัทใหญ่ในเมืองเมืองปินเหอทั้งเหมือง
ท่านย่าตัวสั่น เกือบตกลงจากเก้าอี้นั่ง
เมื่อเทียบกับตระกูลเย่ทั้งตระกูล เย่หยุนเทาแค่คุกเข่าเรียกพ่อ ก็ไม่เสียหายอะไร
“สัตว์ร้าย ได้ยินที่หัวหน้าซุนพูดไหม ยังไม่รีบคุกเข่าอีก ทำตามสัญญาที่คุณพูดสิ” ท่านย่าจ้องมองเย่หยุนเทาแล้วกัดฟันพูด
เย่หยุนเทาสีหน้าตกใจและกลัวมาก ตัวแทนที่นั่งอยู่แค่กระดิกนิ้วก็สามารถสั่งเก็บเขาได้ทันที นอกจากนี้ตัวแทนทั้งหมดนี้ยังเกลียดชังด้วย
คุกเข่าลงทันทีโดยไม่ลังเล ตะโกนไปที่ลู่เสี้ยงหยาง “พ่อ คุณพ่อ ฉันผิดไปแล้ว อย่าถือสาลูกชายอย่างผมเลย”