หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 243 คำสั่งจากท่านย่า
บทที่ 243 คำสั่งจากท่านย่า
จากนั้นมีรถ BMW M8 คันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าประตูโรงงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
ประตูรถถูกเปิดออก เย่สวนก้าวลงมาจากรถ แม้ว่าเธอจะถอนหุ้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่กรุ๊ป อีกทั้งตระกูลเย่กรุ๊ปก็ได้ยกเลิกสัญญากับหยูเม่ยหยินกรุ๊ปไปแล้ว แต่เธอยังคงรู้สึกขอบคุณหยูเม่ยหยินกรุ๊ป เธอเคยสัญญากับลู่เสี้ยงหยาง ดังนั้นเธอจึงต้องมาในวันนี้
เธออยากรู้ว่าตัวเองจะช่วยหยูเม่ยหยินกรุ๊ปได้หรือไม่
เย่สวนกวาดมองไปรอบๆ เมื่อเห็นศัตรูที่น่าเกรงขามอย่างหานปิงหานเธอก็รู้สึกเสียวหนังศีรษะและขาดความมั่นใจมาก แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังคงกัดฟันแล้วเดินหน้าต่อไป
หลังจากเดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็มีชายสองคนยื่นมือมาห้ามเธอไว้ “คุณชื่ออะไร? มาจากตระกูลไหน?”
“เย่สวน ตระกูลเย่” เย่สวนตอบพวกเขา
ชายสองคนนั้นพยักหน้าแล้ววางมือลงและส่งสัญญาณให้เย่สวนเข้าไปได้
พวกเขาพอรู้จักตระกูลเย่ในเมืองปินเหอนี้เหมือนกัน ตระกูลเย่ที่พอมีชื่อเสียงจึงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมอุดมการณ์ของหานปิงหานได้
ในขณะนี้พวกเขาคิดว่าเย่สวนที่มาหาหานปิงหานนั้นเพื่อจะเข้าร่วมกับเธอด้วย
ชายหน้าโหดเป็นร้อยคนยืนเป็นแถวสองด้านและเว้นช่องทางเดินไว้ตรงกลาง
เย่สวนเดินผ่านชายเหล่านั้นแล้วค่อยๆ เข้าไปใกล้หานปิงหานและคนรับใช้ของตระกูลหาน
ทันใดนั้นก็มีคุณชายคนหนึ่งของตระกูลอู๋จำเย่สวนได้ เขาจึงยิ้มพูดกับเธอ “นี่คุณไม่ใช่เย่สวนจากตระกูลเย่เหรอ ได้ข่าวว่าปกติคุณเป็นคนค่อนข้างเย่อหยิ่งไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แล้ววันนี้มาโผล่ที่นี่ได้ไง?”
เขาคิดเพียงว่าเย่สวนที่มาที่นี่ก็เพื่อจะขอเข้าร่วมอุดมการณ์กับหานปิงหานเท่านั้น
ชายผมยาวข้างเขายิ้มพูดอย่างได้ใจ “ผู้หญิงตีสองหน้าแบบนี้ผมเจอมาบ่อยแล้ว ภายนอกอาจดูดีแต่ลับหลังไม่รู้ว่าผ่านผู้ชายมีกี่คน ผมว่าเมื่อก่อนเธอไม่ได้หยิบกับใครหรอกนะ เธอแค่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมอุดมการณ์ของคุณหานเท่านั้น”
“ฮ่าๆ ทำไมตระกูลเย่ให้คุณมาคนเดียวเหรอครับ? ถ้าอยากเข้าร่วมอุดมการณ์กับคุณหานจริงๆ ผมว่าคุณย่าต้องมาเองแล้วล่ะ แต่แน่นอนว่าถ้าน้องยอมเล่นกับพี่ พี่อาจจะช่วยน้องพูดก็ได้นะ” คุณชายตระกูลอู๋พูดด้วยสีหน้าอันชั่วร้าย
รูปร่างหน้าตาอย่างเย่สวนนั้นเป็นคนงามที่หายากมากเหมือนกัน
สีหน้าของเย่สวนเฉยเมย เธอไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา เธอได้แต่เดินผ่านพวกเขาแล้วเดินตรงไปที่โรงงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” คุณชายตระกูลอู๋และชายผมยาวต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสน
“เหอะๆ สนุกแล้วสิ เธอคงไม่คิดว่าจะเข้าไปในโรงงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปหรอกนะ?” ชายในชุดสูทคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูถูกคนอื่น
คนที่ยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้เป็นเศรษฐีที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองปินเหอ ถ้าเย่สวนยืนยันที่จะเดินเข้าไปในโรงงานของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป นั่นก็หมายความว่าเธอพร้อมที่จะกลายเป็นศัตรูของเศรษฐีที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองปินเหอ
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างก็จับจ้องไปที่ตัวของเย่สวน
ในทันใดนั้น เย่สวนรู้สึกเหมือนถูกภูเขาล้มทับเธอ แต่เธอก็ยังกัดฟันและเดินหน้าต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ก้าวเข้าไปสู่โรงงานผลิตของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
ด้วยภาพดังกล่าวได้ทำให้ผู้มีอำนาจทุกคนหันมองไปที่หานปิงหานเพื่อดูว่าตระกูลหานจะมีการตอบสนองอย่างไร
สีหน้าของหานปิงหานดูไม่ดีมากนัก เพราะเย่สวนได้แสดงจุดยืนของเธอต่อตระกูลหานแล้ว
หานปิงหานได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วส่ายหัว
จางเทามองไปที่เย่สวนแล้วยิ้มพูดอย่างเย้ยหยัน “นับจากนี้เป็นต้นไป คุณก็คือศัตรูของพวกเราทุกคน และผมหวังว่าต่อไปครอบครัวของคุณจะอยู่รอดในเมืองปินเหอนี้นะ”
เมื่อได้ยินคำนี้ ใบหน้าของเศรษฐีทั้งหมดก็แสดงรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา
เย่สวนถึงกับสะดุดเล็กน้อย เธอไม่คิดเลยว่าผลที่ตามมามันจะร้ายแรงขนาดนี้ ทั้งหมดทั้งปวงนี้เป็นเพียงการกระทำส่วนตัวของเธอเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเย่เลย
เย่สวนจึงกัดริมฝีปากแล้วตอบเขา “ฉันไม่ได้สำคัญอะไรกับตระกูลเย่หรอก อีกอย่างฉันก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเย่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงพฤติกรรมส่วนตัวของฉันคนเดียวเท่านั้น”
ไม่มีใครตอบเธอ
เย่สวนได้แต่กัดฟันแล้วเดินตรงเข้าไปในโรงงานผลิตของหยูเม่ยหยินกรุ๊ป
……
ตระกูลเย่ในขณะนี้
คนมากมายมารวมตัวกันในบ้านตระกูลเย่เพื่อรับชมการถ่ายทอดสด พวกเขาทุกคนต่างก็ได้เห็นการกระทำของเย่สวน นอกจากนี้ยังได้ยินคำพูดข่มขู่ของจางเทาว่าในอนาคตตระกูลเย่ของพวกเขาต้องลำบากแน่
ท่านย่าของตระกูลเย่เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจจนนั่งไม่ติดเก้าอี้เหมือนกัน เธอรู้สึกโกรธจนตัวสั่นและสีหน้าก็ดูแย่กว่ากินอุจจาระของสุนัขเข้าไปด้วย
คนอื่นๆ ของตระกูลเย่ต่างก็หวาดกลัวราวกับว่าพวกเขาได้เห็นวิญญาณชั่วร้ายในตอนกลางวัน
หลังจากที่ทุกคนในบ้านตระกูลเย่รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็มีคนเริ่มตั้งสติได้
ท่านย่ากระโดดขึ้นมาจากที่นั่งแล้วตะโกนพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “ไปลากคอเย่สวนกลับมาจากโรงงานผลิตของหยูเม่ยหยินกรุ๊ปเดี๋ยวนี้ แล้วก็ต้องบอกกับตระกูลหาน ตระกูลเหอ ตระกูลจางและตระกูลหลินว่าทุกอย่างนี้เป็นแค่ความคิดส่วนตัวของเย่สวนเท่านั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเย่ของเรา”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างมองหน้ากัน และไม่มีใครขยับตัวไปไหนเลย
ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ตอนนี้เย่สวนได้สร้างศัตรูกับหัวหน้าครอบครัวของตระกูลหานและเศรษฐีคนอื่นๆ ไปแล้ว ถ้าพวกเขาไปตอนนี้มันจะไม่เป็นการฆ่าตัวตายหรือ? หากตระกูลหานเกิดความไม่พอใจขึ้นมาและคิดจะเล่นงานพวกเขา แล้วตระกูลเย่ของพวกเขาจะทำอะไรได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นทางเลือกที่โง่เขลาที่สุด
“ทำไม? คำพูดของฉันไม่มีประโยชน์อีกแล้วเหรอ?” เมื่อเห็นทุกคนในตระกูลเย่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ท่านย่าจึงพูดด้วยความโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณแม่ครับ นี่มัน……”
“คุณย่าคะ นี่……”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนในตระกูลเย่ไม่มีใครอยากไปยุ่งกับเรื่องนี้เลย
ท่านย่าจึงรู้สึกโกรธมากกว่าเดิม เธอตบโต๊ะด้วยความแรงแล้วหันไปพูดกับเย่หยุนเทาต่อ “หยุนเทา นายเป็นทายาทสืบตระกูลในอนาคต ตอนนี้นายต้องแสดงความรับผิดชอบและแสดงความกล้าหาญของนายออกมา”
สีหน้าของเย่หยุนเทาซีดเซียวไปชั่วขณะ แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็นึกคิดหาข้ออ้างได้ “ท่านย่าครับ ผมไปได้ แต่ตอนนี้เย่สวนได้แสดงจุดยืนกับตระกูลหาน ตระกูลเหอ ตระกูลจางและตระกูลหลินไปแล้ว อีกอย่างพวกเขาก็ได้พูดอย่างเด็ดขาดไปแล้วด้วย ถ้าผมไปตอนนี้แล้วถูกพวกเขาฆ่า แล้วตระกูลเย่ของเราจะเหลือใครอีกล่ะครับ”
ท่านย่ารู้ดีว่านี่เป็นข้ออ้างของเย่หยุนเทาที่ละโมบต่อชีวิตและกลัวความตายเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริงเหมือนกัน
“เอาล่ะๆ ดูเหมือนว่าบ้านนี้จะทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีฉันคนนี้ ไปกันเถอะ ท่านย่าจะพาพวกเธอออกไปเอง เราจะไปคุยกับตระกูลหาน ตระกูลเหอ ตระกูลจางและตระกูลหลินให้ชัดเจน” ท่านย่าโบกมือเรียก
ทุกคนในบ้านตระกูลเย่ดูแย่กว่าเดิม สีหน้าของพวกเขาเหมือนกินแมลงวันเข้าไปในปาก ในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้ไม่มีใครอยากเป็นไก่ที่ถูกเชือดเลย แต่ในเมื่อท่านย่ายืนหยัดที่จะไปแล้ว พวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ