หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 210 การกระทำบ่งบอกถึงตัวตนของคุณ
บทที่ 210 การกระทำบ่งบอกถึงตัวตนของคุณ
เย่สวนเป็นมาตรฐานของความงามที่ดีที่สุด ซึ่งทำให้หลินเสี่ยวโปมองแล้วรู้สึกหมั่นเขี้ยวอย่างบอกไม่ถูก
“อ้อ ผมเป็นคนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่แล้ว ในเมื่อเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเราก็คุยกันได้” หลินเสี่ยวโปยิ้มพูด
“คุณหลินใจกว้างจริงๆ เลยค่ะ” เย่สวนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
แต่ประโยคต่อไปของหลินเสี่ยวโป ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอหายไปทันที
“เย่สวน งั้นคืนนี้คุณไปปรนนิบัติผมก็แล้วกันนะ ถ้าคุณทำให้ผมมีความสุขได้ เรื่องนี้ผมจะปล่อยให้เป็นอดีต”
หลินเสี่ยวโปพูดอย่างชั่วร้าย สายตากวาดมองไปที่เย่สวนจนแทบอดไม่ได้ที่จะฉีกเสื้อผ้าของเธอออกทันที
“คนไร้ยางอาย” สีหน้าเย่สวนเปลี่ยนไป เธอโกรธจนตัวสั่น หลินเสี่ยวโปอยากได้เธองั้นหรือ ฝันไปเถอะ
“ทำไม? ไม่รับปากเหรอ? เหอะๆ เย่สวน คุณช่วยคิดถึงผลที่จะตามมาก็แล้วกันนะ ขอแค่คำสั่งเดียวของผม ตระกูลเย่ของคุณก็จะไม่มีจุดยืนในเมืองปินเหอนี้อีก คุณก็รู้ดีว่าพี่สาวผมเป็นถึงผู้อาวุโสของสมาคมหอการค้า ไม่ยากหรอกที่จะใช้กฎของสมาคมหอการค้าเล่นงานตระกูลเย่ของคุณจนล้มละลาย ถ้าถึงเวลานั้นแล้ว คุณอยากให้ครอบครัวของคุณเป็นขอทานกันทั้งหมดเหรอ?” หลินเสี่ยวโปพูดอย่างโหดร้าย
เย่สวนเงียบไป เธอรู้ว่าหลินเสี่ยวโปไม่ได้ข่มขู่เธอ สิ่งเหล่านี้หลินเสี่ยวโปทำได้อย่างที่พูดแน่นอน
อำนาจของหอการค้ามันมากเกินไป ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะเล่นงานตระกูลเย่และให้ตระกูลเย่ไม่มีจุดยืนในวงการธุรกิจอีก
เมื่อเห็นเย่สวนไม่มีการโต้ตอบ หลินเสี่ยวโปก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เขารู้ว่าเย่สวนกำลังกลัว ถ้าเขากดดันเธอไปเรื่อยๆ เย่สวนต้องยอมจำนนอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็เข้าทางเขา
“เหอะๆ เย่สวน ถ้าคุณยอมเป็นคนรักของผม คุณจะได้กินดีอยู่ดี แต่ถ้าไม่ คุณจะได้สัมผัสกับคุกอันโหดร้ายของเมืองปินเหอนี้ คุณอาจจะคิดว่าตายไปเสียจะดีกว่าอยู่! พวกคุณควรรู้ว่าต้องเลือกทางไหนนะ” หลินเสี่ยวโปยิ้มพูดอย่างชั่วร้าย จากนั้นเอื้อมมือไปแตะแก้มของเย่สวน
“เหอะ ไอ้กระจอกเอ๊ย ไปเอาความกล้ามาจากไหน กล้าแตะต้องผู้หญิงเรา วันนี้นายจะได้รู้ว่าอะไรคือตายไปเสียดีกว่าอยู่!” ทันใดนั้น เสียงอันเย็นเยือกดังขึ้น
หลินเสี่ยวโปถึงกับสะดุ้งตกใจ ตอนนี้เขารู้สึกหนาวไปทั้งตัว และเหมือนมีสายตาแห่งยมทูตกำลังจ้องมองเขาอยู่!
ทันทีที่หลินเสี่ยวโปหันกลับมาก็ได้เห็นดวงตาอันไร้ซึ่งอารมณ์ของลู่เสี้ยงหยาง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
เขาสาบานได้ว่าเขาไม่เคยเห็นแววตาที่น่ากลัวเช่นนี้ของลู่เสี้ยงหยางมาก่อน
แต่เมื่อนึกถึงตระกูลหลินที่เป็นภูมิหลังอันสูงส่งของเขาแล้วจะต้องกลัวอะไรอีก? จากนั้นเขาพูดกับลู่เสี้ยงหยางด้วยความมั่นใจ “ไอ้หนู มึงกล้าทำร้ายแฟนกู กูขอสัญญาว่ามึงจะได้ยินเสียงข้อต่อกระดูกของร่างกายของมึงแตกทีละข้าง”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันไปเรียกลูกสมุนสิบกว่าคนของเขา “ไปอัดมันซะ!”
“ครับ นาย” ลูกสมุนสิบกว่าคนนั้นก็กระโจนเข้าหาลู่เสี้ยงหยางทันที
ลู่เสี้ยงหยางส่ายหัวแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “พวกเหลือขออย่างพวกคุณ ผมควรจะช่วยยังไงดีนะ?”
เสียงพูดยังไม่ทันจบ ร่างของเขาก็อยู่ท่ามกลางชายสิบกว่าคนนั้นแล้ว
เย่สวนยังไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น แต่เธอได้ยินเพียงเสียงโหยหวนของผู้คน ตามด้วยชายสิบกว่าคนนั้นค่อยๆ ล้มลงแล้วขดตัวนอนอยู่กับพื้นทีละคน
ทันใดนั้นรูม่านตาของหลินเสี่ยวโปหดตัวลง เขาได้แต่สูดปากแรงๆ นี่……นี่มัน เป็นไปได้ไง?
เย่สวนถึงกับสับสน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนเธอตอบสนองแทบไม่ทัน
“ผมบอกไปแล้วว่าวันนี้จะให้คุณตายไปดีกว่าอยู่” ในขณะนี้ลู่เสี้ยงหยางปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลินเสี่ยวโปแล้วคว้ามือของเขามาจับไว้
เป็นมือข้างที่หลินเสี่ยวโปตั้งใจจะสัมผัสใบหน้าของเย่สวนก่อนหน้านี้
แครก!
แครก!
เสียงกระดูกหัดดังขึ้น ข้อมือของหลินเสี่ยวโปถูกบดขยี้จนแตกหัก
“โอ๊ย!” หลินเสี่ยวโปกรีดร้องเหมือนหมูที่เพิ่งถูกเชือด
แม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่เขายังคงมีความมั่นใจและพูดกับลู่เสี้ยวหยางว่า “ไอ้หนู มึงจะมากเกินไปแล้ว คิดว่าเป็นแค่วิชาต่อสู้หน่อยก็สามารถทำอะไรก็ได้ในเมืองปินเหอนี้เหรอ นับจากนี้กูขอประกาศว่านายถูกประหารชีวิตแน่”
ลู่เสี้ยงหยางสีหน้าประชดประชัน “คุณเป็นใครมาจากไหน ถึงพิพากษาประหารชีวิตได้?”
หลินเสี่ยวโปหัวเราะเยาะ “กูโทรสายเดียวผู้กองเกาก็จะมาลากมึงไปรับโทษประหารแน่”
“เอาสิ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะตัดสินประหารชีวิตผมหรือจะตัดสินประหารชีวิตคุณ รีบไปโทรเรียกผู้กองเกาที่ว่าเลย” ลู่เสี้ยงหยางปล่อยแขนของหลินเสี่ยวโปที่เขาจับไว้
หลินเสี่ยวโปปวดจนแทบเป็นลม แต่เขาก็อดทนต่อความเจ็บปวดแล้วรีบโทรหาผู้กองเกา
ครืน
ทันใดนั้น เหมือนมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นในใจของเย่สวนจนทำให้เธอตั้งสติได้
เธอรู้ว่าตระกูลหลินเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองปินเหอ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะให้ลู่เสี้ยงหยางได้รับโทษประหารชีวิต
แต่ในเวลาเดียวกัน ลู่เสี้ยงหยางก็ส่งข้อความไปหาซุนเซียงเซียงเพื่อให้เธอส่งข้อความไปให้ตำรวจในนามของตระกูลลู่
สิบนาทีต่อมา
เกาหยางและเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกห้านายได้มาถึงที่เกิดเหตุ
ดูเหมือนหลินเสี่ยวโปจะเห็นผู้ช่วยชีวิต เขาชี้ไปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วกล่าวหาความผิดของเขาอย่างไม่หยุด
เกาหยางสีหน้าเคร่งเครียด ที่นี่เป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของเขา แต่ลู่เสี้ยงหยางกลับกล้าลงมือทำร้ายคนอื่นอย่างไม่เกรงกลัวและไม่เห็นแก่เขาแบบนี้
“ไอ้คนป่าเถื่อน เองมันไม่เกรงกลัวกฎหมายจริงๆ ทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา ยังไม่รีบมอบตัวแล้วกลับไปรับโทษที่สถานีตำรวจอีก” เกาหยางตะโกนพูดอย่างไร้เยื่อใย
ลู่เสี้ยงหยางคิดแค่ว่าเขาเป็นตัวตลกตัวหนึ่งและไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกาหยางยิ่งรู้สึกหงุดหงิด วันนี้เขาต้องจัดการกับคนเกเรคนนี้ให้ได้ มิฉะนั้นวันหลังใครจะให้เกียรติเขาอีก?
“ไปจับตัวมัน” เกาหยางสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ครับ หัวหน้า!” เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายหยิบกุญแจมือแล้วเดินเข้าไปหาลู่เสี้ยงหยาง
เย่สวนรู้สึกกังวลมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายเข้ามาถึงตัวของลู่เสี้ยหยางแล้วเตรียมใส่กุญแจมือ
แต่ลู่เสี้ยงหยางกลับยิ้มพูด “คุณคิดถึงอนาคตของคุณให้ดีก่อนนะครับ ผมจะให้เวลาคุณเพียงแค่หนึ่งนาที รีบติดต่อผู้กำกับของคุณแล้วถามว่าใครกันแน่ที่พวกคุณควรต้องระวัง”
เกาหยางที่เพิ่งออกคำสั่งก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง ลู่เสี้ยงหยางมันกล้าพูดแบบนี้ หรือว่ามันก็มีภูมิหลังเหมือนกัน?
ณ เวลานี้ เขาไม่คิดว่าลู่เสี้ยงหยางจะพูดเรื่องไร้สาระ เพราะถ้าเป็นเรื่องไร้สาระมันก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ อยู่แล้ว
เกาหยางไม่อยากเอาอนาคตของตัวเองมาเสี่ยง ดังนั้นจึงตัดสินใจโทรหาผู้กำกับก่อน
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเสี่ยวโปก็รู้สึกหงุดหงิดแล้วพูดว่า “ผู้กองเกา คุณจะกลัวอะไรกัน ไอ้กระจอกคนนี้มันก็แค่สร้างเรื่อง คุณรีบจับมันเข้าคุกเลย”
เกาหยางไม่ได้สนใจเขา ในขณะนี้ผู้กำกับได้รับสายและได้ถามเกาหยางก่อนที่เขาจะพูดด้วยซ้ำ “นายได้พบกับคุณผู้ชายท่านหนึ่งที่มีนามสกุลลู่ในภารกิจที่นายทำอยู่ใช่ไหม?”
“ใช่ครับ ผู้การทราบได้ยังไงครับ?” เกาหยางรู้สึกสงสัย
ผู้กำกับไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่กลับด่าเขาด้วยความโมโห “แมร่ง เกาหยาง นายหาเหาใส่หัวแล้วยังพาคนอื่นซวยไปด้วย ถ้าหัวนายยังไม่อยากหลุดออกจากบ่าก็รีบขอโทษคุณผู้ชายคนนั้นเดี๋ยวนี้ แล้วก็นายจำไว้ให้ดีนะ พฤติกรรมของนายในวันนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับสถานีตำรวจของเรา นายคิดเองทำเอง……”