หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 173 ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ระบายอารมณ์ของนาย
บทที่ 173 ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ระบายอารมณ์ของนาย
ในขณะนี้หลิ่วหรูยู่ได้ถือขวดยาเหลวสีฟ้าออกมา
หลังจากความพยายามอยู่สักพัก ตอนนี้เธอได้ยาตัวใหม่แล้ว
แต่ก่อนที่เธอจะดีใจก็มีเสียงเท้าเดินอยู่นอกห้องและจากนั้นก็มีชายสูงอายุในเสื้อคลุมสีขาวเดินเข้ามาในออฟฟิศสี่คน
ทันทีที่เห็นสีคนนี้หลิ่วหรูยู่ก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “อาจารย์เมิ่ง พวกคุณมาแล้วเหรอ ตอนนี้หนูได้ยาตัวใหม่แล้วนะ มันไม่ต่างอะไรกับยาวิเศษเลย ถ้าปล่อยออกไปก็คงเป็นข่าวดังในวงการแพทย์และความงามอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดเธอสีหน้าของชายสูงอายุทั้งสี่คนก็เคร่งขรึมทันที ความจริงแล้วพวกเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับหลิ่วหรูยู่เลย
เพราะหลิ่วหรูยู่คนนี้เธอคิดว่าตัวเองมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพแล้วจะไม่สนใจใครและไม่ให้เกียรติพวกเขาเลย แม้กระทั่งในตอนที่เธอมีไอเดียดี ๆ เธอไม่เคยบอกพวกเขาโดยตรง แต่กลับข้ามหน้าข้ามตาเข้าถึงหัวหน้าของพวกเขา สิ่งนี้จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญสีคนนี้ต้องอับอายขายหน้าไปด้วย
และเมื่อวานนี้พวกเขาได้ข่าวว่าหลิ่วหรูยู่กำลังจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ เรื่องนี้จึงทำให้พวกเขารู้สึกกังวลเพราะไม่อยากแพ้ให้กับเด็กคนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงอดหลับอดนอนเพื่อทำการวิจัยอย่างเคร่งครัดจนในที่สุดก็ได้ผลิตภัณฑ์ออกมาใหม่ด้วย
พวกเขาเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขาจะเอาชนะผลิตภัณฑ์ของหลิ่วหรูยู่ได้
หลังจากการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยแล้วตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนก็กำลังจะกลับไปพักผ่อน แต่ในขณะที่เดินผ่านหน้าออฟฟิศของหลิ่วหรูยู่พวกเขากลับได้ยินเสียงบางอย่างจึงได้เปิดประตูเข้ามาดูและไม่คิดว่าจะเจอกับภาพนี้
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังได้ยินคำพูดที่โอ้อวดของหลิ่วหรูยู่ด้วยว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของเธอจะเป็นข่าวดังในวงการแพทย์และวงการด้านความงามด้วย
“เหอะ ๆ โม้ซะขนาดนี้ เธอเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอหลิ่วหรูยู่?” อาจารย์เมิ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหลักยิ้มพูดอย่างเยาะเย้ย
แม้หลิ่วหรูยู่จะมีไอคิวที่สูงมาก แต่เธอไม่มีความฉลาดทางอารมณ์เลย เธอไม่รู้ว่าชายสูงอายุสีคนนี้คิดร้ายกับเธอ ดังนั้นเธอจึงพูดกับพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา “ผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่คะ หนูไม่ได้โอ้อวดอะไรเลยนะ แต่หนูมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในตัวเพื่อนต่างหาก เขาคนนี้เองที่เป็นคนหาสูตรที่จะทำให้ทั้งโลกต้องตกใจ”
เมื่อพูดจบเธอก็ชี้ไปที่ลู่เสี้ยงหยาง
และชายสูงอายุทั้งสี่ก็หันมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางทันที หลังจากทั้งสี่คนมองเขาอย่างละเอียดแล้วก็หัวเราะเยาะขึ้นมา
ในสายตาพวกเขาดูจากการแต่งตัวของลู่เสี้ยงหยางแล้วเขาเป็นแค่คนธรรมดาและเป็นคนกระจอกคนหนึ่งเท่านั้น
“หน้าตาเหมือนเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพเหรอ?”
“เหอะ สารรูปแบบนี้ยังสามารถเขียนสูตรยาได้ น่าขำจริง ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ น่าขำจริง ๆ ไอ้เด็กคนนี้มันจบโรงเรียนแพทย์แล้วหรือยังเนี่ย”
“แมร่งเอ้ย ขนยังไม่มีเลยยังจะเขียนสูตรเหมือนผู้เชี่ยวชาญ ตลกจริง ๆ”
……
เสียงหัวเราะโถมเข้าใส่ลู่เสี้ยงหยางอย่างรวดเร็ว
แต่ลู่เสี้ยงหยางลับยืนนิ่งและไม่มีสีหน้าใด ๆ ก็แค่คำพูดไร้สาระของชายแก่สี่คนที่กำลังจะเข้าหลุมไม่สามารถส่งผลต่ออารมณ์ของเขาได้
หลิ่วหรูยู่แหงนหน้าบูดเบี้ยวขึ้นมาช้า ๆ พวกเขาที่กำลังประชดลู่เสี้ยงหยางมันไม่ได้หมายถึงกำลังหัวเราะเยาะเธอไปด้วยหรือ?
“ท่านผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่คะ รบกวนระวังคำพูดด้วย” หลิ่วหรูยู่เริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ
อาจารย์เมิ่งส่งเสียงไม่พอใจแล้วพูดกับหลิ่วหรูยู่ “เธอกล้าดียังไงถึงได้ละเมิดกฎระเบียบของเรา ตามกฎแล้วการที่จะนำสูตรยาเข้ามาทำการวิจัยนั้นต้องผ่านการอนุมัติจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของเราก่อน ต้องมีเสียงที่เห็นด้วยเกินครึ่งเท่านั้นถึงจะทำการวิจัยในนี้ได้ แต่เธอกลับใช้สูตรยาขยะนั้นมาทำการวิจัยเอง ขอถามตรง ๆ ในความคิดเธอยังมีกฎข้อบังคับของสถาบันอยู่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลิ่วหรูยู่ก็เหมือนตื่นจากฝันทันที เธอตื่นเต้นที่ได้สูตรยาจากลู่เสี้ยงหยางมากเกินไปจนลืมว่ามีกฎข้อบังคับนี้อยู่
“อีกอย่างสถาบันของเราเป็นที่หวงห้าม แต่เธอกลับพาคนนอกสองคนนี้เข้ามาด้วย เรามีเหตุผลที่จะสงสัยว่าเธอได้สมรู้ร่วมคิดกับการขโมยข้อมูลความลับของบริษัท ลองคิดดูดี ๆ นะ ถ้าเรื่องนี้ไปถึงศาลแล้วเธอจะเจอกับอะไร” อาจารย์เมิ่งยิ้มพูดอย่างเย้ยหยันด้วยสีหน้าข่มขู่
ก่อนหน้านี้แม้จะไม่ชอบหลิ่วหรูยู่ แต่ก็ยังทำอะไรเธอไม่ได้ และในที่สุดวันนี้พวกเขาก็จับผิดเธอจนได้
ใบหน้างดงามของหลิ่วหรูยู่ขาวซีดและรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที เธอไม่คิดเลยว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงขนาดนี้
“เหอะ ๆ” อาจารย์เมิ่งมองไปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วยิ้มพูดต่อ “ไอ้หนู นายมีใบรับรองคุณสมบัติด้านการวิจัยและพัฒนาไหม? แล้วใบรับรองคุณสมบัติทางการแพทย์ ใบรับรองเภสัชกร นายมีไหม?”
“ไม่มี แล้วยังไง?” จู่ ๆ ลู่เสี้ยงหยางก็หัวเราะขึ้นมา เขาไม่อยากถือสากับมดตัวน้อย ๆ พวกนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้มดตัวน้อย ๆ พวกนี้คลานขึ้นมาฉี่บนร่างกายของเขา
“เหอะ ไม่มีเหรอ? แต่เห็นแก่หลิ่วหรูยู่ผมจะไม่อะไรกับคุณนะ ออกไปให้พ้น! ไม่อย่างนั้นผมโทรกรี๊งเดียวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็จะมาตรวจสอบแล้วจะลากคุณไปเข้าคุก” อาจารย์เมิ่งพูดทีละคำอย่างชัดเจน
หลังพูดจบเขาหันไปพูดกับหลิ่วหรูยู่ต่อ “วันหลังอย่าพาคนแปลกหน้าเข้ามาในสถาบันอีกนะ ถ้าความลับของสถาบันถูกขโมยออกไปเธอลำบากแน่”
หลิ่วหรูยู่รู้สึกใจหาย เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมลู่เสี้ยงหยางถึงไม่มีแม้แต่ใบอนุญาตการวิจัย ใบอนุญาตทางการแพทย์และใบอนุญาตเภสัชกร
เขาไม่มีใบอนุญาตเหล่านี้เลย แล้วสูตรยาที่ทำให้โลกต้องตะลึงนี้เขาเขียนออกมาได้อย่างไร?
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนี้ ให้เขาออกไปก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นเขาต้องลำบากแน่” หลิ่วหรูยู่คิดในใจ จากนั้นพูดกับลู่เสี้ยงหยางด้วยความรู้สึกผิด “คุณรีบออกไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวเจอกันหลังเลิกงาน”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิ่วหรูยู่ลู่เสี้ยงหยางได้แต่ยักไหล่ตอบ และตัวเขาเองก็ไม่มีเวลามาไร้สาระกับคนแก่พวกนี้ ดังนั้นเขาจึงหันเดินออกจากออฟฟิศของหลิ่วหรูยู่
ซิลี่ก็เดินตามลู่เสี้ยงหยางไปอย่างทำตัวไม่ถูก
แต่ก่อนที่ขาของลู่เสี้ยงหยางจะก้าวออกจากประตูห้อง อาจารย์เมิ่งก็พูดจากเสียดสีขึ้นอีกครั้ง “เจ้าหนู วันหลังช่วยเจียมตัวบ้างนะ สารรูปอย่างนายมันไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ แล้วก็สูตรยาขยะที่นายเขียนรีบเอาไปทิ้งลงในชักโครกซะนะ เดี๋ยวจะทำให้ชีววิทยาคำนี้ต้องเสื่อมไปด้วย”
“ฮ่า ๆ ๆ” ตามด้วยเสียงหัวเราะดังก้องในห้อง
เมื่อได้ยินเช่นนี้
ท้าวของลู่เสี้ยงหยางที่กำลังจะก้าวออกจากห้องก็หยุดลง เขาหันเดินกลับไปหาอาจารย์เมิ่ง
แต่เมื่อหันไปก็เห็นเพียงสีหน้าหยิ่งผยองของอาจารย์เมิ่งที่ดูถูกเขามากขึ้น สายตาคู่นั้นดูเหมือนคนชั้นสูงที่กำลังมองผู้ต่ำต้อยคนหนึ่ง
“สารรูปอย่างนายมันไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ คุณลองพูดคำนี้ใหม่ดูสิ๊” ลู่เสี้ยงหยางพูดอย่างเย็นชา
เมื่อพูดจบเขาก็เดินตรงเข้าไปหาอาจารย์เมิ่ง
สายตาของอาจารย์เมิ่งมองไปที่ใบหน้าอันไร้ซึ่งอารมณ์ของลู่เสี้ยงหยาง แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่ดุร้ายเหมือนหมาป่าคู่นั้นเขากลับต้องเดินถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว
ลู่เสี้ยงหยางเดินเข้าไปถึงตัวของอาจารย์เมิ่งอย่างรวดเร็ว สายตาพิฆาตคู่นั้นเพ่งมองไปที่อาจารย์เมิ่งอย่างไม่คลาดสายตา
อาจารย์เมิ่งไม่เคยเห็นสายตาที่เย็นเยือกเหมือนสายตาของลู่เสี้ยงหยางขนาดนี้ เขายิ่งอยู่ยิ่งกลัวจนตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว
แต่เขายังคงมีความมั่นใจและพูดกับลู่เสี้ยงหยางว่า “นายคิดจะทำอะไรไอ้หนู? ที่นี่คือสถาบันวิจัย ไม่ใช่สถานที่ระบายอารมณ์ของนายนะ”