หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 172 สุดยอดปีศาจ
บทที่ 172 สุดยอดปีศาจ
จากนั้น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความอึดอัด ลู่เสี้ยงหยางรีบออกจากห้องนอนแล้วไปเตรียมอาหารเช้าที่ห้องครัว
หลังจากเตรียมอาหารเสร็จแล้วเขาค่อยไปเรียกหลิวจิ้งกับเย่สวนมากินอาหารเช้าด้วย
จนถึงตอนนี้เย่สวนยังคงหน้าแดงและเขินอยู่
ลู่เสี้ยงหยางได้แต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้า ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เย่สวนเห็นได้ก็แอบนินทาในใจ : ไอ้คนสารเลว ไอ้คนไม่รู้จักอาย!
หลังอาหารเช้า
ลู่เสี้ยงหยางส่งเย่สวนเข้าบริษัทก่อน แล้วเขาก็ไปที่หยูเม่ยหยินกรุ๊ป
ทันทีที่ไปถึงออฟฟิศ ซุนเซียงเซียงก็เข้ามาพูดกับเขา “ท่านประธานคะ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเราต้องการขอพบคุณค่ะ”
ซิลี่ได้ถามซุนเซียงเซียงเกี่ยวกับเรื่องของลู่เสี้ยงหยางตั้งแต่เช้า
ซึ่งซุนเซียงเซียงรู้ว่าลู่เสี้ยงหยางนั้นเป็นคนถ่อมตน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาไป เธอบอกเพียงว่าลู่เสี้ยงหยางจะไปที่แผนกแล้วให้คำปรึกษา
ลู่เสี้ยงหยางไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เขาจึงได้แต่ตอบว่า “ผมจะไปตอนนี้เลยครับ”
เขาลุกขึ้นแล้วไปที่แผนกวิจัยและพัฒนาทันที
เมื่อเข้าไปถึงห้องวิจัยลู่เสี้ยงหยางก็เห็นสาวร่างสูงหน้าตาดีในเสื้อคลุมสีขาวซึ่งกำลังเลือกยาที่จะปรุงแต่งอยู่พอดี
ทันทีที่ซิลี่เงยหน้าขึ้นมองเธอก็แสดงสีหน้าขยะแขยงเมื่อเห็นการแต่งตัวในชุดธรรมดาและหน้าตาจืดชืดของลู่เสี้ยงหยาง
ไอ้เด็กเปรตคนนี้มาจากไหน? เดินหลงทางอยู่หรือเปล่า?
เธอยังไม่รู้ว่าไอ้เด็กเปรตในสายตาเธอคนนี้ก็คือปีศาจที่เธออยากเจอมาตั้งนาน
“โทษนะ ที่นี่คือสถานที่หวงห้ามของบริษัท ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามา ถ้าไม่อยากถูกไล่ออกก็รีบออกไปจากห้องนี้เลยนะ!” ซิลี่พูดอย่างไม่เกรงใจ
ลู่เสี้ยงหยางได้แต่ยิ้มพูด “ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ แล้วก็ผมจะให้โอกาสคุณแค่ครั้งเดียว รีบพูดมาว่าคุณไม่เข้าใจอะไรตรงไหนของกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่”
ว่าไงนะ?
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ซิลี่ก็รู้สึกเอะใจ
หรือว่าไอ้เปรตคนนี้ก็คือคนที่ให้สูตรยาตัวนั้นกับหัวหน้าซุนของพวกเขา?
คำถามแบบนี้คงถามต่อหน้าไม่ได้ ซิลี่จึงแอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกตามเบอร์ที่ซุนเซียงเซียงให้มาเพื่อยืนยันว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่
ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ต้องตกตะลึง เพราะทันทีที่เธอกดโทรออกเสียงเรียกเข้าของลู่เสี้ยงหยางก็ดังขึ้น
พระเจ้า เขาก็คือสุดยอดปีศาจคนนั้นหรือเนี่ย!
ซิลี่ตกใจอ้าปากค้างจนคางแทบหลุดลงมา เธอรีบกดวางสายและรู้สึกสั่นไปทั้งตัว
เธอไม่กล้าคิดเลยจริง ๆ ว่าคนธรรมดาอย่างลู่เสี้ยงหยางกลับเป็นสัตว์ประหลาดผู้ยิ่งใหญ่ของนักชีววิทยาที่เขาเลื่องลือกันคนนั้น
“คุณซิครับ หากคุณมีคำถามอะไรโปรดช่วยถามผมโดยเร็วที่สุดนะครับ เพราะผมยังมีงานต้องทำต่อ” ลู่เสี้ยงหยางเห็นซิลี่ยืนนิ่งเขาจึงพูดกระตุ้นเธอ
ซิลี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอเพิ่งตั้งสติได้ จากนั้นพยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบถามคำถามทั้งหมดที่เธอสงสัยเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่นี้
ลู่เสี้ยงหยางมีความอดทนสูงมาก เขาได้ให้คำตอบเธอทีละข้ออย่างละเอียด
จนกระทั่งข้อสงสัยในใจเริ่มกระจ่าง ซิลี่มองไปที่ลู่เสี้ยงหยางแล้วถามเขาว่า “คุณลู่คะ รุ่นพี่ของดิฉันก็ทำงานในสถาบันวิทยาศาสตร์ชีวภาพและเธอก็มีปัญหาที่อยากจะให้คุณช่วยไขข้อสงสัยเหมือนกัน ไม่ทราบว่าคุณจะว่างไปหาเธอด้วยกันไหมคะ?”
ลู่เสี้ยงหยางไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้แน่นอน”
ซิลี่รู้สึกดีใจมากที่ลู่เสี้ยงหยางตอบตกลง เธอจึงรีบโทรหาหลิ่วหรูยู่เพื่อเลื่อนเวลาตามนัดเข้ามา
หลังจากนั้นซิลี่ก็พาลู่เสี้ยงหยางออกจากหยูเม่ยหยินกรุ๊ปแล้วตรงไปที่สถาบันวิทยาศาสตร์ชีวภาพทันที
ครึ่งชั่วโมงต่อมาลู่เสี้ยงหยางและซิลี่ก็ได้มาถึงสถาบันวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
หลิ่วหรูยู่ที่รอคอยวันนี้มานานก็ได้ตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ
ทันทีที่เห็นลู่เสี้ยงหยางก็มีแสงเจิดจ้าประกายขึ้นในดวงตาอันงดงามของเธอ สีหน้าของเธอดูตื่นเต้นมาก
เธอกวาดมองลู่เสี้ยงหยางตั้งแต่หัวจรดเท้าไปหลายรอบ จากนั้นค่อยพยักหน้าแล้วพูด “ใช้ได้จริง ๆ ไม่คิดเลยว่าปีศาจที่ถูกเลื่องลือคนนี้จะหนุ่มแน่นแถมยังหล่อขนาดนี้ด้วย ถูกใจแม่จริง ๆ”
“.…..” ซิลี่ถึงกับอึ้ง ต่อหน้าสุดยอดตำนานปีศาจลู่เสี้ยงหยางเธอช่วยเก็บอารมณ์หน่อยได้ไหม?
ลู่เสี้ยงหยางก็ถึงกับไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน มันยากที่จะจินตนาการจริง ๆ คำพูดแบบนี้กลับออกจากปากของสาวสวยคนนี้ได้ไง
“เฮอ ๆ!” จากนั้นหลิ่วหรูยู่เริ่มหน้าแดงและรู้ตัวแล้วว่าคำพูดนั้นไม่ควรหลุดออกจากปากของตัวเอง เธอจึงรีบพาลู่เสี้ยงหยางและซิลี่ เข้าไปในออฟฟิศของเธอ
เมื่อเข้าไปถึงเธอก็ถามทันทีว่า “คุณผู้ชายคะ คุณช่วยฉันดูหน่อยว่าตัวหนังสือที่เลอะด้วยคราบเลือดบนสูตรยาใบนี้เขียนว่าอะไรคะ?”
จากนั้นเธอเอาสูตรยาที่ลู่เสี้ยงหยางให้กับเย่สวนยื่นให้กับเขา
ลู่เสี้ยงหยางขมวดคิ้วทันทีหลังจากที่ได้รับสูตรยาของเธอ เขารู้สึกได้กลิ่นแปลก ๆ จากคราบเลือดในสูตรยาใบนั้น
“มันคือเลือดอะไรครับ?” ลู่เสี้ยงหยางถาม
“เอ่อ……คือ……คือ……” หลิ่วหรูยู่เขินจนพูดไม่ออก ใบหน้าสวยงามของเธอแดงขึ้นอีกครั้ง
ทำไมต้องถามคำถามแบบนี้ด้วยนะ
แต่ซิลี่กลับตอบแทนเธออย่างไม่รอช้า “มันคือ……เลือด ปจด. ของรุ่นพี่หนูค่ะ……”
“.…..” ลู่เสี้ยงหยาง!
เมื่อได้ยินสามคำนั้นลู่เสี้ยงหยางถึงกับอึ้งจนเกือบทำใบสั่งยาหลุดออกจากมือ
นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว มันยากที่จะจินตนาการจริง ๆ สรุปว่าหลิ่วหรูยู่ทำอะไรกับสูตรยาใบนี้กันแน่!
“หึ……” ทันใดนั้นใบหน้าบอบบางของหลิ่วหรูยู่แดงขึ้นเป็นสองเท่าอย่างไม่รู้สาเหตุ เธออยากสร้างความประทับใจให้กับลู่เสี้ยงหยาง แต่ตอนนี้กลับถูกซิลี่พังทลายลงอย่างไม่เหลือซาก
หลิ่วหรูยู่กัดฟันไว้แน่น ๆ ด้วยความหมั่นไส้ ถ้าลู่เสี้ยงหยางไม่อยู่ด้วยเธอคงเข้าไปจัดการซิลี่อย่างไม่รอช้าแน่นอน
“อยู่เงียบ ๆ ก็ไม่มีใครหาว่าเธอเป็นใบ้หรอก” หลิ่วหรูยู่มองหน้าซิลี่อย่างเหี้ยมโหด
ซิลี่ได้แต่แลบลิ้นและไม่พูดอะไรต่อ
เธอยังแอบนินทาในใจว่า “เห็นผู้ชายแล้วไม่เห็นหัวรุ่นน้องคนนี้เลยนะ!”
ลู่เสี้ยงหยางแกล้งไอเบา ๆ แล้วมองไปที่หลิ่วหรูยู่และถามเธอว่า “ที่คุณให้คุณซิช่วยพาผมมาที่นี่คงไม่ได้ตั้งใจจะให้ผมมาดูคุณสองคนเถียงกันใช่ไหม?”
หลิ่วหรูยู่จึงรู้ตัวและรีบพูดเข้าประเด็น “แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว ฉันก็แค่ตั้งใจอยากถามคุณว่าตัวหนังสือที่เลอะคราบเลือดนี้มันเขียนว่าอะไรเท่านั้นเองค่ะ?”
ลู่เสี้ยงหยางจึงมองกลับไปที่สูตรยาอีกครั้งแล้วบอกเธอ
แต่หลิ่วหรูยู่กลับไม่ได้พูดอะไรต่อและเดินเข้าไปห้องวิจัยทันที
และในเวลานั้นออฟฟิศของหลิ่วหรูยู่ก็เหลือเพียงลู่เสี้ยงหยางกับซิลี่สองคน
อยู่กันสองต่อสองแบบนี้ซิลี่ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอจึงพยายามหาคำถามเพื่อชวนลู่เสี้ยงหยางคุย
ส่วนลู่เสี้ยงหยางก็ตอบทุกคำถามของเธอ
ลู่เสี้ยงหยางในอดีตได้ติดตามปรมาจารย์หลายต่อหลายคน นอกจากการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แล้วเขายังได้เรียนรู้วิชาทางการแพทย์อีกมากมาย
จนทำให้เขาในวันนี้มีทักษะความสามารถทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม
จากนั้นความน่าทึ่งของซิลี่ที่มีต่อลู่เสี้ยงหยางก็ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้อีก เพราะมีคำถามหลายข้อที่ไม่มีใครสามารถตอบเธอได้แม้แต่รุ่นพี่และอาจารย์ของเธอ แต่ลู่เสี้ยงหยางคนนี้กลับตอบเธอได้ทุกข้อ
สิ่งนี้จึงแสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถของลู่เสี้ยงหยางนั้นมีมากเพียงใด
ไม่แปลกใจเลยที่รุ่นพี่ของเธอบอกว่าอยากกินลู่เสี้ยงหยางเข้าไปทั้งตัว
และครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ทันใดนั้นหลิ่วหรูยู่ที่เดินออกไปจากออฟฟิศได้วิ่งเข้ามาจากห้องวิจัยอย่างรีบร้อน