หนุ่มเศรษฐีลึกลับ - ตอนที่ 15 ความคิดร้ายๆของจางติ่งเทียน
บทที่ 15 ความคิดร้ายๆของจางติ่งเทียน
เมื่อได้ยินที่เย่หยุนเทา พูด ลู่เสี้ยงหยางก็เดือดพล่าน พูดกับเย่หยุนเทาอย่างเหลืออดว่า “ไม่ได้พูดจะตายหรือไง พูดจาอะไรไร้สาระ โตขึ้นมาจากการกินของเสียเหรอ? ปากถึงได้เหม็นแบบนี้ คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรนายจริงๆเหรอ?”
“แล้วก็นาย จูบแห่งเทพธิดาเส้นนี้ฉันเป็นคนให้เธออยู่เห็นๆ และบริษัทของนายก็ฉันนี่แหละที่ทำให้ล้มละลาย ทีนี้ยังจะกล้าอวดเบ่งอยู่ไหม?”
เมื่อถ้อยคำถูกปล่อยออกมา ทุกคนก็อึ้งตาแตก สมองประมวลผลไม่ทัน หมอนี่ก็แค่ลูกเขยไม่เอาไหนที่แต่งเข้าตระกูลเย่ไม่ใช่เหรอ ทำไมคำพูดคำจาถึงได้ดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้
จางติ่งเทียนยืนอึ้งอยู่กับที่ ฝืนพูดตอบโต้กลับมาว่า “มั่วซั่ว แกเอาอะไรมาพูดว่าแกเป็นคนให้?”
เย่หยุนเทานิ่งอึ้งอยู่ชั่วครู่ ก็ได้สติกลับมา ชี้หน้าลู่เสี้ยงหยางแล้วด่าทอว่า “ไอ้เย็*แม่ ไอ้หัวกระดอ ฉันทนแกมานานแล้วนะ เศษสวะไม่เอาไหนอย่างแกกล้ามาว่าฉันเหรอ ฉันจะจัดการแกคอยดู”
พูดได้ไม่ทันไร เขาก็เดินพุ่งมาที่ลู่เสี้ยงหยาง
อย่าคิดว่าหยุนเทาวันๆไม่ทำอะไร เขาชอบออกกำลังกายเป็นพิเศษ มีทักษะเตะต่อยพื้นฐาน ตั้งแต่เด็กจนโตเขาจ้างครูฝึกมาตลอด และก็ฝึกมาจนถึงทุกวันนี้
ผู้ชายอกสามศอกไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก
แต่ถึงจะอย่างนั้น ในสายตาของลู่เสี้ยงหยาง เย่หยุนเทาก็เป็นได้แค่ตัวตลก
เย่หยุนเทาเคยเรียนเตะต่อยแล้วยังไง? ลู่เสี้ยงหยางเป็นถึงคุณชายตระกูลลู่ และเคยเรียนการต่อสู้กับครูสอนต่อสู้จริงๆมาตั้งแต่เด็ก
ต่อมาหลังจากแต่งเข้าตระกูลเย่ เขาก็หมดกำลังใจ จึงไม่ได้แสดงความเก่งกาจออกมาสักเท่าไหร่ เลยถูกทุกคนเข้าใจผิด ว่าเขาเป็นคนอ่อนแอที่ใครคิดจะรังแกก็ได้
“ลู่เสี้ยงหยาง รีบไปเร็ว” เย่สวนรู้ว่าเรื่องมันมาถึงขั้นที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว จึงทำได้แค่ตะโกนบอกลู่เสี้ยงหยาง
“จะไปไหน ปล่อยเขาอยู่ที่นี่แหละ ให้หยุนเทาสั่งสอนเขาสักหมัด ดูซิว่ายังจะกล้าพูดอะไรไร้สาระออกมาอีกไหม” หลิวจิ้งพูดออกมาอย่างสะใจ “กล้าพูดมาได้ยังไงว่าแกเป็นคนให้จูบแห่งเทพธิดา และเป็นคนทำให้ประธานจางล้มละลาย แกคิดว่าแกเป็นใคร?”
จริงๆแล้วเธอเห็นด้วยกับคำพูดเมื่อครู่ของเย่หยุนเทามาก ที่ว่าให้จางติ่งเทียนมาแทนที่ขยะอย่างลู่เสี้ยงหยาง
ไม่นาน เย่หยุนเทาก็เดินมาถึงตรงหน้าลู่เสี้ยงหยาง จากนั้นก็ซัดหมัดหลุนๆเข้าใส่ลู่เสี้ยงหยาง
ฮุก!
หมัดถูกปล่อยออกไปด้วยความเร็วพอให้เห็นรางๆ เห็นได้เลยว่าเป็นหมัดที่ค่อนข้างจะหนักเอาการ
ทว่า ลู่เสี้ยงหยางกลับเบี่ยงตัวหลบเบาๆ จากนั้นก็สวนคืนด้วยการล็อกคอแล้วแทงเข่าเข้าที่ท้องของเย่หยุนเทาอย่างแรง
“โอ๊ย!” เย่หยุนเทาร้องเสียงดังออกมา ทรุดนั่งกับพื้นพร้อมกับกุมท้องเอาไว้
ทุกคนในตระกูลเย่เบิกตาโพลง เย่หยุนเทาเคยเรียนการต่อสู้มาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงสู้ไอ้ไก่อ่อนนี่ไม่ได้ พ่อแม่ของเย่หยุนเทาแอบตำหนิลูกชายว่าไร้ความสามารถอยู่ในใจ
“โถเอ๊ย ตะคริวกินเฉยๆหรอกนะนายถึงโจมตีฉันได้ เล่นตุกติกใช่ไหม ได้ฉันจะเรียกคนมาจัดการนาย” เย่หยุนเทาตะโกน ยืนขึ้นอย่างล้มลุกคลุกคลาน จากนั้นก็พยายามหาข้อแก้ต่างมาแก้อาการหน้าแตกของตัวเอง
ทว่าข้างในเขากลับค่อนข้างตกใจ ไม่คิดเลยว่าฝีมือของลู่เสี้ยงหยางจะน่ากลัวขนาดนี้
ไม่นาน เย่หยุนเทาล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสาย
หลังจากวางสาย เขาก็ยิ้มเยือกเย็นให้ลู่เสี้ยงหยาง “ถ้าวันนี้ฉันหักขานายไม่ได้ ก็อย่ามาเรียกฉันว่าเย่หยุนเทา!”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ถ้ายังกล้าพูดอะไรอีก ฉันนี่แหละที่จะหักขานายเอง” ลู่เสี้ยงหยางปรายตามองเย่หยุนเทาที่อยู่ต่ำกว่า แล้วพูดออกมาอย่างเฉยชา
เย่หยุนเทาหนาวสั่นขึ้นมาทันที เขาเริ่มกลัว จนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
ท่านย่าแอบเห็นด้วยกับเรื่องที่เย่หยุนเทาพูดมา มองไปทางลู่เสี้ยงหยางด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ขู่เก่งจังนะ คิดว่าตัวเก่งมากเลยสิ ก็ลองดูถ้าแกกล้าลงมือต่อหน้าคนแก่อย่างฉัน”
ลู่เสี้ยงหยางยักไหล่ พร้อมทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา
หลิวจิ้งหวาดระแวง คิดไม่ถึงเลยว่าลู่เสี้ยงหยางจะกล้าถึงขนาดต่อยเย่หยุนเทาล้มต่อหน้าทุกคน หลังจากนี้บ้านใหญ่คงได้เล่นงานครอบครัวพวกเธอตายแน่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้าวไวๆเข้าไปหาลู่เสี้ยงหยาง แล้วฟาดฝ่ามือออกไป
เพี๊ยะ!
เสียงตบดังชัดแจ๋วสะท้อนไปทั่วห้องโถง รอยฝ่ามือแดงๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของลู่เสี้ยงหยางอย่างชัดเจน
“ลู่เสี้ยงหยาง แกคิดว่าแกเป็นใคร หัดดูสภาพต่ำๆของตัวเองซะด้วย กล้าดียังไงไปลงไม้ลงมือกับหยุนเทา ถ้าวันนี้ไม่ได้จัดการแก แกก็จะไม่เหลิงไปกันใหญ่เหรอ? แกรีบคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ แล้วขอโทษหยุนเทาซะ!” หลิวจิ้งถลึงตาใส่ลู่เสี้ยงหยาง พูดออกมาชัดๆทีละคำ
แววตาของลู่เสี้ยงหยางพลันทอแววเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเย่สวน เขาคงสวนกลับไปตั้งนานแล้ว
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้ลงไม้ลงมือกับผม ถ้ามีอีกครั้งล่ะก็ คุณจะต้องเสียใจแน่” เสียงเยือกเย็นของลู่เสี้ยงหยางดังสะท้านออกมา
หลิวจิ้งตกใจกลัวจนต้องก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ เมื่อครู่รู้สึกราวกับกำลังหายใจไม่ออก รู้สึกเหน็บหนาวทั่วทั้งร่างรวดร้าวถึงกระดูก
เย่สวนมีสีหน้าทุกข์ใจ อีกฝั่งก็แม่ อีกฝั่งก็ลู่เสี้ยงหยาง เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี
หลิวจิ้งตกใจกลัวได้ไม่กี่วินาที ไม่นานก็รีบดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ชี้หน้าลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดว่า “ไอ้ชาติหมา ปีกกล้าขาแข็งขึ้นเยอะเลยนะ ปากดีนัก ถ้าเก่งจริงก็ไสหัวออกจากบ้านของพวกฉันไป!”
“ไม่ต้องห่วง ผมพอกับบ้านของคุณแล้ว ต่อแต่นี้ไปคนอย่างลู่เสี้ยงหยางจะไม่กลับไปที่นั่นอีก” ลู่เสี้ยงหยางทิ้งคำแสนเยือกเย็นเอาไว้ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องโถงไป
ทว่าเขาในตอนที่เขาเพิ่งเดินถึงประตู ข้างนอกก็มีเสียงดังอึกทึกขึ้นมา
พบว่าเป็นพี่เสือกำลังนำผู้ชายรูปร่างบึกบึนประมาณสิบกว่าคนเดินเข้ามาอย่างเอาเรื่อง
เมื่อครู่ในตอนที่ พี่เสือกำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ในร้านชาแถวๆนี้ ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากเย่หยุนเทา เขาจึงรีบมาที่นี่
เย่สวนกลัวจนใบหน้าเล็กๆซีดขาว เตรียมขอร้องคุณย่าให้ช่วย
จางติ่งเทียนหัวเราะฮ่าๆออกมาเสียงดัง ถ้าวันนี้เอาลู่เสี้ยงหยางให้ตายได้ เขาก็จะไร้คู่แข่งไปโดยปริยาย
เมื่อเย่หยุนเทาเห็นพี่เสือมาถึงแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก ยื่นมือชี้ออกไปทางลู่เสี้ยงหยางแล้วพูดว่า “พี่เสือ มาสักทีนะ รีบจัดการไอ้โง่ให้พิการแล้วโยนมันออกไปซะ”
พี่เสือมองไปตามการชี้นิ้วของเย่หยุนเทา ในตอนที่เห็นว่าเป็นลู่เสี้ยงหยาง แข็งขาก็พลันอ่อน แทบจะ ทรุดลงนั่งกับพื้น
“เอ่อ….. คุณชายลู่ คุณเองเหรอครับ” สีหน้าของพี่เสือดูแย่ยิ่งกว่าตอนร้องไห้ จากนั้นก็โค้งคำนับเก้าสิบองศา
“ให้ตาย นี่มันอะไรกัน?” เย่หยุนเทางุนงง เขาเรียกพี่เสือมาเพื่อรุมกระทืบลู่เสี้ยงหยางให้พิการ ไม่ใช่ให้มาโค้งคำนับแสดงความเคารพแบบนี้นะ
คนของตระกูลเย่มองหน้ากันไปมา พี่เสือคนนี้สมองกลับหรือยังไง?
“พี่เสือ เข้าใจผิดแล้ว ผมเรียกพี่มาหักขามัน แล้วทำไมพี่ถึง…..” เย่หยุนเทาพูดออกมาเสียงอ่อน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ พี่เสือก็ดีดตัวขึ้นมาแล้วพูดตัดบทว่า
“เย่หยุนเทา แกมันปัญญาอ่อน คิดจะหาเรื่องตายให้ฉันหรือไง วันนี้ฉันต้องได้สั่งสอนแกสักตั้งแล้ว” พูดจบ เขาก็เดินเร็วๆมาถึงตัวเย่หยุนเทา จากนั้นฝ่ามือใหญ่ๆของเขาก็ประทับลงบนใบหน้าของเย่หยุนเทา
เย่หยุนเทากุมหน้าเอาไว้อย่างร้อนรน “พี่เสือ พี่บ้าไปแล้วหรือไง? พี่ต่อยผมทำเพื่อ? พี่ต้องไปต่อยไอ้โง่ลู่เสี้ยงหยางนั่นต่างหาก”
“หุบปาก ไอ้เด็กเปรต แกนั่นแหละโง่ แกรู้หรือเปล่าว่าแม้แต่ขนเส้นเดียวของคุณชายลู่ก็ทำให้แกถึงตายได้เลยนะ?” พี่เสือพูดพร้อมกับฟาดหมัดใส่เย่หยุนเทาอีกครั้ง
ทุกคนเบิกตาโพลง ลู่เสี้ยงหยางมีอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่ขนเส้นเดียวก็ถึงกับทำให้เย่หยุนเทาตายเลยเหรอ?
เย่หยุนเทายังคงไม่ยอมแพ้ หันไปด่าทอลู่เสี้ยงหยางเป็นวรรคเป็นเวร
ผลที่ตามมาก็คือพี่เสือใช้ทั้งฝ่ามือซ้ายฝ่ามือขวาฟาดเข้าใส่เย่หยุนเทาอย่างไม่ยั้ง
สุดท้ายเย่หยุนเทาก็ถูกตีจนอวดเก่งไม่ออก เลยต้องขอร้องพี่เสือให้หยุด
“ไอ้หัวกระดอ วันนี้แค่สั่งสอน ต่อไปนี้ถ้ายังกล้าเสียมารยาทกับคุณชายลู่อีก ฉันเอาแกตายแน่” เมื่อพี่เสือขู่เย่หยุนเทาเสร็จ ก็ค่อยๆหันมาขอโทษลู่เสี้ยงหยางอย่างระมัดระวัง
ลู่เสี้ยงหยางไม่มีอารมณ์อยู่ที่นี่ต่อ จึงเดินออกจากตระกูลเย่ไป
ทุกคนในตระกูลเย่ต่างพากันไม่เข้าใจ
เพราะลู่เสี้ยงหยางเอ่ยกับหลิวจิ้งไว้ ว่าต่อไปนี้จะไม่กลับไปที่บ้านนั้นอีก ดังนั้นเขาจึงวางแผนว่าจะกลับไปอาศัยอยู่ที่บริษัท พรุ่งนี้ค่อยหาซื้อที่อยู่ใหม่
ระหว่างทางเขาก็ได้รับโทรศัพท์
เป็นหวงโหย่วเหวยที่โทรมา หวงโหย่วเหวยโทรมาบอกว่า เขาพาไป๋สู้สู้ไปทำความสะอาดมาเอี่ยมอ่องแล้ว พร้อมที่จะขึ้นเตียงกับลู่เสี้ยงหยางตลอดเวลา
ลู่เสี้ยงหยางอารมณ์ไม่ดี คนในครอบครัวของเย่สวนดูถูกเขากันทุกคน แล้วเขาจะยังเป็นผู้ชายที่ดีไปทำไม สู้ปล่อยตัวปล่อยใจซะดีกว่า อุทิศให้แก่ชีวิตที่อิสระ
“งั้นก็รีบมาเดี๋ยวนี้! ให้เธอไปรอฉันอยู่ในห้องทำงานที่บริษัท” หลังจากลู่เสี้ยงหยางพูดเสียงเย็นจบ เขาก็กดวางสาย
แม้ว่าผู้หญิงอย่างไป๋สู้สู้จะไม่ค่อยมีสมอง แต่หน้าตากลับสะสวย หุ่นก็ดีสุดๆ แค่เล่นๆก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
……
ทางด้านตระกูลเย่
เพราะเย่หยุนเทาถูกทำร้ายร่างกาย ท่านย่าจึงไม่มีอารมณ์ฉลองวันเกิดต่อ นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าอึมครึม
คนรอบข้างต่างพากันสงบปากสงบคำ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา
จางเทียนเฉิง และท่านย่าเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เลยไม่ได้เกร็งกับท่าทีของเธอสักเท่าไหร่ เขาเริ่มประเมินราคาของขวัญที่ทุกคนส่งมาให้
เย่สวนรู้สึกไม่สบายใจ ในหัวเอาแต่คิดถึงลู่เสี้ยงหยาง
ที่จริง เธอเองก็แคร์ลู่เสี้ยงหยางมากอยู่เหมือนกัน
หลิวจิ้งกลัวว่าท่านย่าจะเอาความโกรธมาลงที่พวกเธอ จึงรีบดึงเย่สวนให้รีบเดินออกมาอย่างรู้งาน
ดวงตาของจางติ่งเทียนฉายแววร้ายๆ วันนี้ที่เขามาเข้าร่วมงานวันเกิดของท่านย่า เพราะอยากยกระดับความสนิทกับท่านย่าให้มากขึ้น เพื่อให้ท่านย่ายกเลิกการหมั้นของเย่สวนกับลู่เสี้ยงหยาง จากนั้นก็ให้เย่สวนมาแต่งงานกับเขาแทน แต่พอเมื่อกี้ลู่เสี้ยงหยาง ก่อความวุ่นวาย ท่านย่าจึงอารมณ์ไม่ดี เขาเลยไม่กล้าเปิดปากพูดอะไร ทันใดนั้นในใจก็ฉุกคิดแผนการชั่วร้ายขึ้นมาได้ จึงรีบเดินตามเย่สวนกับหลิวจิ้งออกไป
ทั้งสามคนเดินออกไปได้ไม่ทันไร จู่ๆจางเทียนเฉิงอุทานออกมา “หยุนเทา ภาพวาดไผ่ยักษ์พันปีของแก เป็นของปลอมนี่!”
“ห๊า?!” ทุกคนตกใจ มองมาทางเย่หยุนเทาอย่างอึ้งๆ!
……
สิบนาทีต่อมา
เย่สวนและหลิวจิ้งเพิ่งกลับมาถึงบ้าน จางติ่งเทียนก็ตามมาติดๆ
เย่สวนสะดุ้งตกใจ จ้องจางติ่งเทียนแล้วพูดว่า “คุณสะกดรอยตามพวกเราเหรอ”
หลิวจิ้งถลึงตาใส่เย่สวน แล้วพูดว่า “สะกดรอยตามอะไรกัน พอดีเลยฉันเองก็อยากเชิญประธานจางมาทานข้าวที่บ้านตั้งนานแล้ว”
ตอนนี้เธอตัดสินใจเอาเองแล้ว ว่าจะให้จางติ่งเทียนมาเป็นลูกเขย
จางติ่งเทียนพูดยิ้มๆว่า “ผมมาโดยไม่ได้รับคำเชิญ หวังว่าคุณแม่จะไม่ถือสานะครับ”
ถึงกับเรียกคุณแม่เลยทีเดียว
หลิวจิ้งยิ้มปลาบปลื้มออกมา ไม่ได้ทักท้วงอะไร
การที่จางติ่งเทียนเต็มใจซื้อของแพงๆอย่างจูบแห่งเทพธิดาให้เย่สวนนั่นแปลว่าเขาต้องชอบเย่สวนจากใจจริงแน่ๆ
ถ้าเย่สวนแต่งงานกับจางติ่งเทียน คงมีความสุขกว่าแต่งกับลู่เสี้ยงหยางเป็นไหนๆ
เย่สวนรู้สึกรังเกียจขึ้นมาชั่วขณะ เธอไม่สามารถทนอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไปแล้ว จึงหันไปพูดกับหลิวจิ้งว่า “แม่ ฉันออกไปข้างนอกนะ”
พูดจบก็ถือกระเป๋าเตรียมจะออกไป แต่จู่ๆจางติ่งเทียนก็ลุกขึ้นยืน ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเพิ่งเสียคฤหาสน์สวนโบตั๋นที่เป็นตัวช่วยชีวิตสุดท้ายไป แต่ก็ยังไม่ได้เย่สวนมาเป็นของตัวเองอีก ดังนั้นเขาจึงรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้คงทำได้แค่ใช้กำลัง
เขาล้วงหยิบสเปรย์ออกมาฉีดใส่หน้าเย่สวน จนเย่สวนล้มลงไปด้วยดวงตานิ่งค้าง
“ว้าย! จางติ่งเทียน คุณทำอะไรเนี่ย?” หลิวจิ้งดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาอย่างตกใจ
“ฮึๆ ผมทำอะไรงั้นเหรอ? แม่หม้ายยังสวยแบบคุณก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ?”
“ไหนๆตอนนี้ผมก็ไม่เหลืออะไรแล้ว งั้นก็ขอเอาพวกคุณก่อนก็แล้วกัน!”
จางติ่งเทียนยิ้มแปลกๆออกมา จากนั้นก็ฉีดสเปรย์ใส่หน้าหลิวจิ้งจนล้มลงไปเช่นเดียวกัน
สาวสวยทั้งสองคนที่นอนสลบอยู่บนพื้นดูงดงามอย่างจับต้องได้ จางติ่งเทียนถูมืออย่างชั่วร้าย “คืนนี้ พวกคุณสองแม่ลูกต้องตกเป็นของผม!”