ตอนที่ 13: เดตแรกภายใต้ผู้ดูแล (4)
**ขอเปลี่ยนจากคำว่า ‘โอเน่จัง’ เป็น ‘พี่’ ‘พี่สาว’ ตามแต่สถานการณ์นะครับ ตอนแรกกะจะทับศัพท์ไว้น่ารักๆ แต่พอแปลไปแล้วดันมีหลายประโยคที่ดูแปลกๆ**
90 นาทีต่อมาทั้งสามคนก็ได้เดินออกมาจากโรงหนังพร้อมด้วยเหล่าผู้ปกครองและเด็กๆ
“ฮึกฮึกฮึกฮึก…! เนี้ยนจิโร่… เนี้ยนจิโร่… ฉันดีใจที่นายได้เจอกับแม่ของนายมากนะ… เนี้ยนจิโร่…!”
โคยูกิขยี้ตาไปมา
“ใช้ผ้าเช็ดหน้านี่สิ”
“ฮึก… ข-ขอบคุณ…”
โคยูกิเช็ดน้ำตาของตนด้วยผ้าเช็ดหน้าที่ได้รับจากนาโอยะ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ผ้าเช็ดหน้าก็ได้เปียกชื้นอย่างน่าตกใจ
“เดี๋ยวก่อน ถ้าร้องไห้ขนาดนี้จะขาดน้ำเอานะ เอานี่ไปสิ”
นาโอยะยื่นน้ำผลไม้ที่ยังดื่มตอนดูหนังไม่หมดไปให้โคยูกิ เธอค่อยๆ จิบกินทีละนิด
นาโอยะรอเธอจนสงบอย่างใจเย็นและเริ่มกล่าวถึงหนังที่เพิ่งดูมา
“หนังเรื่องนี้ดีอย่างที่ได้ยินมาเลย ไม่สิ ดียิ่งกว่านั้นอีก”
“ใช่เลยค่ะ ตรงฉากที่วาเอม่อนแสร้งทำเป็นทรยศเนี้ยนจิโร่เพื่อมอบยานลี้ภัยอวกาศลำสุดท้ายไปให้เขามันช่างปวดใจจริงๆ ฉากนี้มันยังตราตรึงอยู่ในใจของหนูอยู่เลย”
ซาคุยะยังคงแสดงออกอย่างแข็งทื่อตามเคย แต่อย่างน้อยบนใบหน้าก็ยังมีสีสันอยู่บ้าง
“แถมผู้กำกับยังทำอนิเมะของซีซันนี้ด้วยนะคะ เป็นเมะแฟนตาซี ต้องดูเลยค่ะ นางเอกงี้โมเอะสุดๆ”
“อา ฉันยังไม่ได้ดูเรื่องนั้น แต่ก็ได้ยินว่ามันสนุกนะ”
“พลาดแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูจะให้ยืมแหล่งข้อมูล เอาไปเขียนรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ชอบจากเรื่องนี้มาด้วยนะคะ”
“ฉันชอบคนจริงจังนะ ฮะฮะ…”
ซาคุยะนั้นเป็นคนที่สนุกสนานกว่าที่คิด
นาโอยะรู้สึกได้ว่าถูกดึงเข้าที่แขนเสื้อจึงหันไปและมองเห็นโคยูกิกำลังถือแก้วน้ำเปล่า ตอนแรกก็นึกว่าเธออาจจะอยากเติมน้ำ แต่แก้มที่พองเล็กๆ และไหล่ที่หย่อนมานั้นก็แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างเด่นชัด
“เรากำลังเดตกันอยู่ ไปคุยกับสาวอื่นแบบนี้นายจะ… ถูกหักคะแนนเอานะ”
“……”
“……”
นาโอยะไม่ตอบ เขากับซาคุยะต่างแลกเปลี่ยนสายตาแบบมีความนัยและพยักหน้าเข้าหากัน
“รู้ไหมซาคุยะจัง? จริงอยู่ที่ 2D มันยอดเยี่ยม แต่สำหรับฉันยังไงก็ต้อง 3D เท่านั้น”
นาโอยะป่าวประกาศด้วยท่าทางองอาจ
“เข้าใจแล้วค่ะ โลกความจริงดูเหมือนว่าจะมี ‘บางอย่างที่น่าสนใจ’ อยู่สินะคะ”
“มานี่ได้แล้วย่ะ! เลิกคุยกับซาคุยะตลอดเวลาได้แล้ว!”
โคยูกิขมวดคิ้ว ดูเหมือนในที่สุดเธอก็บ่นเรื่องหนังเสร็จและกลับมาเป็นเหมือนเดิม
โคยูกิส่งแก้วเปล่าของนาโอยะกลับไปที่มือของเขาแล้วกอดอกอย่างไม่พอใจ
“ฟังนะซาซาฮาระคุง นายควรจะทำให้ฉันสนุก ถ้าเกิดไปคุย…กับ…”
ทว่าคำพูดนั้นก็ออกมาไม่จบเพราะมีบางอย่างอยู่ข้างหลังนาโอยะและซาคุยะ เมื่อมองตามไปก็พบกับเสียงไซเรนลึกลับที่ดึงดูดความสนใจ —ตู้เครนเกมที่อยู่หน้าเกมเซนเตอร์ของห้างสรรพสินค้า และเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วนาโอยะก็พบกับตุ๊กตาที่คุ้นเคยกองอยู่บนตุ๊กตาผ้า
“มีเนี้ยนจิโร่ด้วย!”
โคยูกิตะโกนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น โดยไม่รีรออีกสองคนเธอรีบวิ่งเหยาะๆ ไปยังเกมเซนเตอร์ทันที นาโอยะไม่มีแม้แต่เวลาที่จะหยุด เขาได้แต่ยิ้มให้กับตัวเองและบ่นว่า
“ถ้าวิ่งไปวิ่งมาแบบนั้นฉันจะทำให้เธอสนุกยังไงกันล่ะ? มาด้วยเหรอซาคุยะจัง”
“หนูจะเว้นระยะห่างแล้วเฝ้ามองไกลๆ พี่สาวจะได้ไม่เคืองหนูค่ะ”
ซาคุยะตอบอย่างเฉยชา เธอจากไป แต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้เกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน ซาคุยะหันกลับมาหานาโอยะแล้วบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“พี่สาวของหนูน่ะพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอด แต่ก็อย่างที่เห็นแหละค่ะ บางครั้งพี่ก็ทำตัวเป็นเด็กๆ แล้วขี้แย ทั้งๆ แบบนั้นคุณก็ยังมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ กับพี่อีกเหรอคะ”
“ใช่ ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ นะ”
นาโอยะยอมรับ เขากอดอกและคิดใคร่ครวญกับคำพูดของซาคุยะ เป็นความจริงที่โคยูกิเอาใจยาก ไม่ต้องพูดถึงว่าเห็นแก่ตัวแค่ไหน แต่นาโอยะก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญเธอเลยแม้แต่ครั้ง และเพราะรู้ว่าซาคุยะยังคงจ้องมองมาดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างขวยเขินแล้วกล่าวต่อ
“แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอทำแบบนั้น มันก็แปลว่าเธอลดการระวังตัวและเป็นตัวเองลงใช่ไหม การได้มองสิ่งนั้นแหละที่ทำให้ฉันมีความสุข”
“คุณเองก็เป็นคนแปลกๆ ไม่แพ้พี่สินะ”
นั่นเป็นสิ่งที่ซาคุยะคิด ใบหน้าของเธอมีการเปลี่ยนแปลง—แบบน้อยมากจนใครก็ตามที่ไม่ใช่นาโอยะจะต้องพลาดไปแน่ๆ เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เธอมีรอยยิ้มปรากฏออกมาบนใบหน้า
“แล้วเจอกันค่ะ อย่าทำให้หนูผิดหวังนะคะ”
“รับทราบ ผมจะไปดูแลคุณพี่สาวให้เดี๋ยวนี้แหละ”
นาโอยะกล่าวล้อ
***
หลังจากมาถึงเกมเซนเตอร์นาโอยะก็เริ่มมองหาคู่เดตของตนก่อนที่จะค้นพบว่าโคยูกิเกาะติดอยู่กับกระจกของตู้คีบมและหายใจฟึดฟัดอย่างหนัก
เธอกำลังจ้องมองไปยังภูเขาตุ๊กตาแมวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความอยากได้อย่างเต็มเปี่ยม
“ตุ๊กตาเนี้ยนจิโร่ตัวนั้น… ตัวใหญ่จังเลย…”
“อยากได้เหรอ?”
“อืม ฉันอยา…อ๊ะ”
โคยูกิเกือบจะโพล่งออกมาแต่ก็รีบหยุดตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงและมองไปที่เท้า
“พูดอะไรของนาย ของแบบนั้นน่ะมีแต่เด็กๆ ที่อยากได้เท่านั้นแหละ ฉันไม่ได้ชอบตุ๊กตาอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“จริงเหรอ?”
“เอ๊ะ…?”
โคยูกิดูประหลาดใจกับคำถาม และเมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นรอยยิ้มของนาโอยะ
“เธอบอกไว้ว่าจะพยายามซื่อสัตย์ให้มากกว่านี้ใช่ไหม?”
เขากดดันต่อ
“เธอทำได้ดีมากตอนเราอยู่กับยุยและทัตสึมิ แล้วทีฉันล่ะ”
โคยูกิเบิกตาโพลง เธอตระหนักได้ว่านาโอยะจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้
ไหล่ของเธอหย่อนลงและสารภาพว่า
“ฉันชอบตุ๊กตา… ฉันมีมันอยู่เต็มห้อง… รวมไปถึงบนเตียงของฉันด้วย…”
“ก็กะไว้แล้วล่ะนะ”
“มันคงดูเป็นเด็กน้อยมาก สินะ…”
“ฮะ? ไม่! มันน่ารัก ต่อให้งานอดิเรกของชิโรกาเนะซังจะเป็นอะไรฉันไม่มีทางหัวเราะหรอก”
นาโอยะสร้างความมั่นใจ แม้จะตอบไปตรงๆ แต่มันกลับทำให้โคยูกิตะลึงในทันที เขาได้แต่งุนงงกับท่าทีตอบสนอง
(หรือจะเป็นเพราะเราพูดไปว่า ‘จะไม่หัวเราะเยาะ’ เธอกันนะ)
ได้แต่ไตร่ตรองและเอียงศีรษะไปข้างๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้เกิดความกังวล แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดคือปล่อยผ่านไปและพยายามทำให้อารมณ์กลับมาอยู่ในเส้นทางเดิม
เขาถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วหันไปทางตู้คีบตุ๊กตา
“อยากได้ตัวไหนดีล่ะ?”
“เอ่อคือ… ตัวที่ยิ้ม… อยู่ตรงทางด้านขวาน่ะ”
“เข้าใจแล้ว ขอเวลาแป๊บนะ”
ในสถานการณ์แบบนี้ มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผู้ชายจะต้องทำ เขาหยอดเหรียญลงด้วยความกระฉับกระเฉงและมุ่งมั่น เครื่องจักรเด้งขึ้นมามีชีวิตด้วยเสียงเพลงอันไพเราะและการกระตุกของกรงเล็บ น่าเศร้าที่ความพยายามครั้งแรกของเขาจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ—มันไม่ได้เข้าใกล้ตุ๊กตาเลยด้วยซ้ำ
“นายไม่เก่งเรื่องแบบนี้เหรอ?”
“ใช่แล้ว เธอเข้าใจถูกแล้วล่ะ”
นาโอยะยอมรับ เขาเก่งเกมโซเชียลอย่าง werewolf แต่เมื่อพูดถึงกับเครื่องเกมง่ายๆ…
“ฉันคิดว่าวันนี้จะโชคดีน่ะ แต่ดูท่าจะไม่”
เขาพูดพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความพ่ายแพ้ โดยที่ไม่ได้คิดว่ามันจะล้มเหลว มั่นใจได้เลยว่าโคยูกิจะต้องผิดหวัง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นกับพบว่าเธอกำลังยิ้มให้เขา
“เป็นอะไรน่ะ?”
“ม-ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่นายดูมั่นใจขนาดนั้น แต่ว่ากลับ… ฮุฮุ”
โคยูกิไหล่ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไหล่ของเธอสั่นระริกพร้อมกับยิ้มกว้าง ใช่เธอกำลังหัวเราะเขา
“แม้แต่นายก็มีจุดอ่อนเหรอ? คาดไม่ถึงเลยนะเนี่ย”
นาโอยะยังคงนิ่งเงียบทำให้โคยูกิถามต่อไป
“เป็นอะไรน่ะ”
“ฉันนแค่ดีใจที่ทำพลาดน่ะ”
เขาตอบ
“เลิกทำตัวประหลาดได้แล้วย่ะ ซาซาฮาระคุง”
โคยูกิตะคอก แต่ทว่าเธอก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
นาโอยะดีใจที่อารมณ์ของเธอกลับมาสดใสอีกครั้ง
(เห็นเธอมีความสุขแบบนี้ เราก็พลอยมีความสุขไปด้วยเลย)
นาโอยะได้แต่กล่าวในใจ เขารู้ดีว่าพูดออกไปก็มีแต่พลันจะทำให้เธอขุ่นเคืองเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงเก็บเรื่องนี้ไว้
“เลิกยิ้มแปลกๆ ได้แล้วย่ะ มันน่าขนลุกนะ แล้วนายจะลองอีกครั้งไหม?”
“อืม ก็คงอย่างนั้น”
นาโอยะตรวจสอบเงินในกระเป๋าของตัวเอง แต่ก็พบว่ามันไม่มีเหรียญเลย เขามองไปรอบๆ เพื่อมองหาตู้ ATM แต่กลับถูกขัดจังหวะไว้อย่างรวดเร็วด้วยเสียงคุ้นหูท่ามกลางความเจื้อยแจ้วของคนเล่นเกมตู้และเสียงอิเล็กทรอนิกส์ เขาหันไปหาโคยูกิแล้วกล่าวว่า
“เดี๋ยวฉันจะไปที่ตู้ ATM ก่อน ช่วยรอสักแป๊บนึงนะ”
“ไม่ต้องหรอกซาซาฮาระคุง พอแล้วก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอก เด๊๋ยวฉันจะรีบกลับมา ห้ามไปไหนนะ”
โคยูกิทำท่าเหมือนอยากประท้วง แต่นาโอยะก็ไม่ปล่อยเวลาให้เธอทำเช่นนั้น—เขาหายไปก่อนที่เสียงของเธอจะออกจากปาก ที่หมายของเขาไม่ใช่ตู้ ATM อันที่จริงเข้ามุ่งหน้าลึกเข้าไปยังเกมเซนเตอร์ มันเป็นพื้นที่ผู้คนน้อยและไม่มีพนักงาน ที่นั่นเขาพบคนที่กำลังมองหา—ซาคุยะ—เธออยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง—ที่ดูเป็นหนุ่ม—ซึ่งกำลังพูดอยู่กับเธอ หรือจะกล่าวให้ถูกกว่านี้คือเขากำลังจีบเธออยู่นั่นเอง
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ แต่คุณมีธุระอะไรกับเธอหรือเปล่า?”
นาโอยะส่่งเสียงทัก
ขณะที่คำพูดออกมาจากริมฝีปากซาคุยะก็วิ่งปรี่เข้ามาหาเขาพร้อมกับจับแขนเสื้อ มันเป็นการกระทำที่แทบไม่ต่างจากพี่สาว แต่นาโอยะก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะมาเปรียบเปรยเช่นนั้น เขาตรวจสอบชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเคยพบกับเขาที่ไหนสักแห่ง
“คุณอีกแล้วเหรอ? ดูเหมือนว่าบทเรียนเมื่อครั้งก่อนจะไม่ทำให้คุณเรียนรู้อะไรเลยสินะ”
“ฮะ…? เดี๋ยวนะ นี่แกอีกแล้วเหรอวะไอ้เด็กเปรต!”
ชายหนุ่มตะโกนออกมา เขาคือหนุ่มผมทองซึ่งเจาะหูแบบจิ๊กโก๋ที่เคยสร้างความยุ่งยากให้กับโคยูกิก่อนหน้านี้
ในทางกลับกันเขาก็ถือว่าเป็นกามเทพที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ให้กับนาโอยะและโคยูกิด้วย นาโอยะไม่คิดว่าจะได้พบกับเขาอีกครั้ง และชายคนนั้นก็ดูเหมือนจะประหลาดใจพ่อๆ กัน—ถ้าไม่เช่นนั้น—มันก็เป็นอะไรที่บังเอิญมาก
ซาคุยะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“คนรู้จักเหรอคะ”
“ถ้าจะพูดแบบนั้นก็คงได้ ที่สำคัญกว่าเธอเป็นอะไรไหม ซาคุยะจัง”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ แต่อย่าบอกนะว่าคุณทิ้งพี่สาวไว้คนเดียว แบบนี้คงต้องหักคะแนนซะแล้วค่ะ”
“เอางั้นก็ได้ แต่ฉันคงจะปล่อยเธอทิ้งไว้คนเดียวทั้งๆ ที่เห็นๆ อยู่ว่ามีปัญหาไม่ได้หรอก”
“น่าแปลกนะคะที่คุณร้อนใจขนาดนี้ แต่มันก็ไม่แย่หรอกนะ”
ซาคุยะตอบกลับ ใบหน้าของเธอดูอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อถูกนาโอยะจ้อง
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอะไรขณะที่มองทั้งสองพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตัดสินใจกล่าวแทรก
“ฮะ? อะไรน่ะ จะเล่นเป็นฮีโร่เหรอวะ “
เขายิ้มเยาะเย้ยและกล่าวชวนทะเลาะ
“ฮะ”
นาโอยะถึงกับเผลออุทาน ความคิดเห็นดังกล่าวทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจแบบจริงจัง
ชายหนุ่มขี้เป้าไปที่ซาคุยะแล้วกล่าวต่อ
“ยัยสาวนี่คือหญิงที่ฉันเคยจีบมาก่อนหน้านี้ใช่หรือเปล่า? หลังจากที่ ‘ช่วย’ ยัยนี่ออกมาจากกรงเล็บของฉันแล้วแกก็คงคว้าตัวหล่อนเอากับตัวเองสินะ ยินดีด้วยว่ะ”
“”หา?””
นาโอยะและซาคุยะโพล่งออกมาพร้อมกัน
(หรือเจ้าบ้านี่จะคิดว่าชิโรกาเนะซังกับซาคุยะจังเป็นคนเดียวกัน)
บอกตามตรงพวกเธอดูคล้ายกันจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงผมสีเงินที่โดดเด่น และชายคนนั้นก็ไม่ได้โกหก แท้จริงแล้วนาโอยะและโคยูกิก็ได้ใกล้ชิดกันขึ้นเพราะด้วยเหตุการณ์นั้น
“แกช่วยยัยนี่ไปเพราะหวังอะไรตอบแทนใช่ไหม? แกเองก็ไม่ได้ดีเลิศไปกว่าฉันนักหรอกเว้ย”
“ถ้าจะว่าแบบนั้นก็คงจริง”
นาโอยะยอมรับ ความรู้สึกผิดของเขาเริ่มก่อตัว ชายผู้นี้พูดถูก นาโอยะเคยช่วยโคยูกิไว้ หรือจริงๆ แล้วเขาแค่ ‘ฉก’ เธอมาเป็นของตัวเอง? ตัวเขาก็คงไม่ได้ดีไปกว่าหนุ่มขี้แพ้คนนี้
“มันแตกต่างแบบ 100 เปอร์เซนต์เลยต่างหากย่ะ”
ทุกคนต่างหันกลับมาและมองเห็นโคยูกิ บรรยากาศรอบตัวเธอ บรรยากาศอันเคร่งขรึม และแขนของเธอก็กอดอกอย่างเคร่งขรึม ประกอบกับหน้าตาที่ดูดีของเธออย่างน่าตกใจ
“ฮะ…? ทำไมถึงมีสองคนวะ หรือความจริงแล้วคนที่ฉันจีบจะไม่ใช่…”
“ใช่แล้ว มันไม่ใช่เธอ แต่เป็นฉันนี่แหละ แค่ผู้หญิงที่เคยจีบก็ยังจำไม่ได้ แสดงว่านายมันเป็นพวกงี่เง่าสมองตายไงล่ะ บอกตรงๆ มันน่าประทับใจอยู่นะ”
โคยูกิเยาะเย้ย
“นี่แกว่ายังไงนะ—”
ชายผู้นั้นโกรธ ใบหน้าของเขาเริ่มบิดเบี้ยว แต่แม้จะมีการคุกคามโคยูกิก็ไม่ได้ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
“เขามองที่ตัวตนจริงๆ ของฉัน”
โคยูกิพูดต่อด้วยความโกรธ
“เขานิสัยดี เขาไม่เคยบังคับผู้หญิงเหมือนอย่างนาย ช่วยอย่าเอาเขาเข้าไปอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับนายด้วย”
“โอ้ว้าว ก่อนหน้านี้ยังกลัวหัวหดอยู่เลยแท้ๆ พอมาตอนนี้มีปากพูดแล้วเหรอวะ แจ๋วดิ”
ชายหนุ่มบ่นก่อนที่มือของเขาจะพุ่งไปที่โคยูกิ
การโจมตีนั้นไปไม่ถึงเป้าเพราะถูกนาโอยะสกัดกั้นไว้อย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อที่ฉูดฉาดของผู้ร้ายและผลักเขาไปยังกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ
“ขอบอกเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณ เอง อย่ามาแตะต้องชิโรกาเนะซัง”
“ว-ว้าว จะสู้เรอะ?”
ชายหนุ่มเยาะเย้ยนาโอยะอย่างสั่นคลอน ท่าทางของเขาดูประหลาดใจ—เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอ่อนแอชั่วขณะ—แต่มันก็ถูกปิดด้วยรอยยิ้มที่อวดดีแข็งกล้า
นาโอยะรู้ดีว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นก็มีแต่จะถูกตำรวจเรียก และเขาก็จะต้องพบกับปัญหามากยิ่งขึ้น ตอนนี้ยังจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองได้ เขายิ้มและตอบกลับกับตัวเอง
“ใช่ ผมจะสู้ แต่ไม่ใช่ด้วยกำปั้นหรอกนะ”
“นี่แกพล่ามเ***อะไรวะ”
ชายคนนั้นถามด้วยสีหน้าอันสับสน
โดยที่ไม่รู้เลย ว่าไม่นานสิ่งเดียวที่เหลืออยู่บนใบหน้าของเขาก็คือน้ำตาแห่งความสิ้นหวัง
***
ไม่นานหลังจากนั้นชายผู้นี้ก็ถูกตำรวจพาตัวไป ตรงกันข้ามกับท่าทีขี้โวยวายก่อนหน้านี้ เขาไม่แสดงอาการต่อต้านเลย อันที่จริงเขายังก้มหัวด้วยความพ่ายแพ้และพึมพัมออกมาด้วยว่า
“ฮึกๆๆ แม่จ๋า หนูขอโทษ… หนูทำตัวบ้าๆ มาตลอด…”
เจ้าหน้าที่ที่อุ้มตัวเขาดูสับสน
“ผู้ชายคนนี้มันอะไรน่ะ? เมาเหรอ? เฮ้ย ไปพูดกับแม่เอ็งนู่น ไม่ใช่ฉัน”
นาโอยะและคนอื่นๆ ต่างมองดูชายคนนั้นถูกพาตัวไป
ชายสูงอายุในชุดสูทซึ่งน่าจะเป็นผู้จัดการของร้านอาร์เคดเข้ามาใกล้กลุ่มของเขาและโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
“ขอบคุณนะครับที่แจ้งให้เราทราบถึงชายผู้นี้”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ดูเหมือนเขาจะก่อปัญหาไว้เยอะเลยล่ะครับ เป็นเรื่องดีมากเลยที่เธอจัดการเขาได้”
“ไม่หรอกครับ อยู่ดีๆ เขาก็แค่ทำตัวแปลกๆ ไปเอง”
นาโอยะอธิบายด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตร
ข้างหลังเขา ซาคุยะและโคยูกิกำลังแลกเปลี่ยนเสียงกระซิบกันอย่างแผ่วเบา นาโอยะแทบจะไม่ได้ยินว่าพวกเธอพูดอะไรเพราะเสียงของตู้เกม
“จัดการราบคาบเลย อย่างกับถูกฆาตกรรมด้วยคำพูดเลยค่ะ”
“เขารู้ได้ยังไงน่ะว่าหมอนั่นมาจากไหน? แถมยังรู้เกี่ยวกับบ้านและการเลี้ยงดูของเขาด้วย”
อย่างที่ได้บอกไป นาโอยะจะ ‘สู้’ โดยไม่ต้องยกกำปั้น เขาสามารถระบุจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำและเล่นงานได้ตรงจุดจนชายคนนั้นถึงกับใจสลาย
‘คุณคงทำตัวเหลวแหลกเหมือนกับถุงขยะแบบนี้มาสักพักแล้วใช่ไหม? ถ้าพ่อแม่ของคุณเห็นจะรู้สึกยังไงกันนะ’
‘อย่าเอาแม่ของฉันมายุ่งนะโว้ย!’
‘ท่านต้องร้องไห้แน่ถ้าเกิดเห็นคุณในตอนนี้ คุณว่างั้นไหม?’
ด้วยคำพูดอะไรแบบนี้ จนกระทั่งนาโอยะล้มคู่ต่อสู้ลง มันง่ายอย่างเหลือเชื่อจนถึงจุดที่เขาสงสัยว่าทำเกินไปหรือไม่ด้วยซ้ำ
(เอาเถอะ อย่างน้อยเขาก็คงไม่ไปรบกวนสาวๆ ต่อจากนี้สักพักล่ะนะ)
แน่นอนว่านาโอยะไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ชายในชุดสูทที่กำลังขอบคุณเขาฟัง แต่แล้วจู่ๆ ใบหน้าของชายผู้นั้นก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดและกล่าวอธิบาย
“บอกตามตรงนะครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายผู้นี้สร้างปัญหาให้กับที่นี่ เธอแน่ใจจริงๆ ใช่ไหมว่าไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นเลย”
“ครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละครับ”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ แต่ยังไงผมก็สงสัยอยู่ดีว่าทำไมเขาถึง…”
ชายสูงอายุครุ่นคิด มีบางอย่างแวบเข้ามาในดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปมองดวงตาของนาโอยะแทน
“อาจจะนอกเรื่องไปหน่อย แต่นามสกุลของเธอคืออะไรงั้นเหรอ?”
“เอ่อ… ซาซาฮาระครับ”
“อ๋อ เข้าใจแล้วล่ะ”
ชายสูงอายุพยักหน้าก่อนจะมองขึ้นไปบนเพดานและนวดขมับ
“ความจริงแล้วผมรู้จักกับพ่อของเธอน่ะ เขาช่วยผมไว้หลายเรื่องเลย”
“โอ้ อย่างนี้นี่เอง”
นาโอยะพูดหลังจากนิ่งค้างไปชั่วขณะ
“ดังนั้นผมรู้แล้วล่ะว่าเธอทำอะไรไปกับชายคนนั้น ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะรายงานไปว่าไม่มีปัญหาเอง เธอไปได้แล้วล่ะ
“ขอบคุณครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไรหรอก ฝากทักทายพ่อของเธอแทนผมด้วยล่ะ”
ชายสูงอายุตอบ หลังจากนั้นเขาก็โบกมือลาและจากไป
โคยูกิเอียงศีรษะไปด้านข้างและถามว่า
“นายกับผู้ชายคนนั้นพูดเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ”
“ไม่มีอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แต่ที่สำคัญกว่านั้น ชิโรกาเนะซัง…”
“อ-อะไรเหรอ?”
โคยูกิสะดุ้ง ดวงตาของเธอหันออกไปด้านข้างเหมือนพยายามจะเลี่ยงการสบตาโดยตรง
นาโอยะถือโอกาสรีบคว้ามือ
“ขอบคุณที่เข้ามาช่วยพวกเรา แต่… ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย ฉันเป็นห่วงมากจนหัวใจแทบหยุดเต้นเลยนะ”
“เอ๊ะ เอ่อ… ข-เข้าใจแล้ว ขอโทษนะ”
โคยูกิขอโทษโดยพยักหน้ารับอย่างเขินอาย อย่างไรก็ตามไฟก็กลับมาที่ดวงตาของเธออย่างรวดเร็ว
“แต่เขาล้อเลียนนาย แล้วฉันก็เลยเอ่อ…คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ฉันไม่สนใจหรอกว่าเขาจะไปรบกวนคนอื่นหรือเปล่า ยกเว้นแค่นายเท่านั้น”
“ได้ยินแบบนี้ฉันก็ดีใจ แต่เอาจริงๆ มันอันตรายมากเลยนะ”
“ฉันรู้ แต่ฉันแน่ใจว่านายจะปกป้องฉัน ฉันเลยไม่กลัวเลย นั่นแหละเหตุผลที่ฉันทำ”
“เอ๊ะ? เอ่อ แต่ว่า…”
เสียงของนาโอยะค่อยๆ เบาลง ถึงคราวของเขาบ้างที่ต้องเขินอายกับความซื่อสัตย์ของโคยูกิ
“ฟุฟุ ฉันดีใจนะที่เห็นซาซาฮาระคุงตะกุกตะกักแบบนี้ แต่ตรงนั้นมันก็ดูเอ่อ… ทะ—”
“เท่มากเลยค่ะ”
“อ้าใช่! ฉันจะพูดอย่างนั้นนั่นแหละ! ”
“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ…”
นาโอยะหัวเราะขณะมองดูการสนทนาของพี่น้อง ด้วยการหัวเราะแต่ละครั้งเขารู้สึกได้ว่าความเครียดได้ถูกระบายออกมาจากร่างกาย ดีใจเหลือเกินที่ทุกอย่างออกมาได้ด้วยดี
โคยูกิถอนหายใจและมองลงไปที่พื้น
“เดี๋ยวนะ งั้นตอนนี้ฉันกับซาคุยะก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกันแล้วสิ…”
“พี่คะ?”
ซาคุยะโพล่งออกมา ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ
โคยูกิไหล่ตก เธอถามออกมาว่า
“เธอจะไม่ตกหลุมรักเขาใช่ไหม ซาคุยะ? ไม่ได้นะฉันไม่อนุญาต เขาน่ะเป็นขอ—ทาสของฉัน ฉันไม่ยอมยกให้หรอก เธออย่าพยายามเลย เข้าใจนะ?”
“อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เขาคงจะมากเกินไปสำหรับหนู”
“พูดถึงฉันอยู่เรอะ!”
นาโอยะอดไม่ได้ที่จะเข้ามากล่าวแทรก
ซาคุยะหันมาตอบและมองนาโอยะอย่างพินิจพิเคราะห์
“ในฐานะคนรักอาจไม่ แต่…ในฐานะพี่ชายก็คงได้ค่ะ”
“นั่นหมายความว่า…?”
“ใช่แล้ว หนูยอมรับแล้วค่ะ”
ซาคุยะยอมรับพร้อมกับโค้งศีรษะ
“ได้โปรดดูแลพี่สาวของหนูด้วยนะคะ คุณพี่(เขย)”
“ฮะๆ มีแต่คนว่าฉันรีบร้อนเกินไปแท้ๆ”
“ซาคุยะ หรือว่าเธออยากจะได้พี่ชาย?”
[*note eng บอกซาคุยะเรียกนาโอยะว่า ‘โอนี่ซัง’ แต่เขียนว่าคุณพี่เขย ให้เดาน่าจะเป็นคันจิครับ ผมเลยแปลไปว่า ‘คุณพี่’ แล้ววงเล็บว่า ‘เขย’ แทน จะได้สอดคล้องกับที่โคยูกิเข้าใจผิดด้วย*]
นาโอยะหุบยิ้มไม่ได้ เขาเป็นลูกคนเดียว ดังนั้นเมื่อรู้ว่าจะได้มีน้องสาวเขาก็พึงพอใจอย่างถึงที่สุด
ซาคุยะเมินคำถาม เธอโค้งคำนับและป่าวประกาศว่า
“เดตภายใต้ผู้ดูแลได้สิ้นสุดลงแล้วค่ะ ต่อจากนี้ขอให้ทั้งสองคนสนุกกับวันที่เหลือนะคะ”
“เด๊๋ยวซาคุยะ! นั่นจะไปไหนน่ะ!?”
“หนูจะไปซื้อมังงะที่เพิ่งออกใหม่แล้วก็กลับบ้านค่ะ อย่าลืมมารายงานหนูมาทีหลังด้วยนะคะ พี่สาว โอ๊ะ แล้วก็ถ้าจะจูบหนูขอแนะนำว่าให้มืดก่อนนะ”
“ฉันไม่ทำหรอก!”
โคยูกิส่งเสียงร้องในขณะที่ซาคุยะถอยเข้าไปในฝูงชน
พวกเขาเฝ้ามองเธอจากไปก่อนที่นาโอยะจะแสดงความเห็น
“เป็นน้องสาวที่ดีเลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริงอยู่ที่เป็นเด็กดี แต่บางทีก็พูดมากไปนิ—”
โครกกกกกก
โคยูกิเดินกลับมาด้วยความลังเลเล็กน้อย และก่อนจะทันได้พูดอะไรท้องของเธอถูกก็ขัดจังหวะด้วยเสียงอันก้อง ส่งผลให้เธอก้มศีรษะลงด้วยความขวยเขิน
นาโอยะตัดสินใจแสร้งทำเป็นไม่รู้
“อ่า ฉันชักหิวแล้วสิ ไปหาข้าวเที่ยงกินกันไหม?”
“ด-ได้สิ ฟังดูไม่เลวอยู่”
โคยูกิพยายามตอบด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนเท่าที่ทำได้ เธอเล่นกับผมที่อยู่หลังใบหูโดยพยายามทำตัวให้สงบและเยือกเย็นที่สุด
***
ทั้งสองเดินยังถนนที่เต็มไปด้วยร้า่นอาหารและเริ่มพูดคุยถึงอาหารที่จะสั่ง
เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้วทั่งสองคนก็รีบนั่งลงเพื่อทานอาหารทันที แต่เสียดายที่อาหารของนาโอยะมาช้ากว่าของโคยูกิมาก เมื่อเขาพยายามจะขอโคยูกิกินสักคำเธอก็ดูเขินอายแปลกๆ นาโอยะบอกไปว่าพวกเราจูบทางอ้อมกันตั้งแต่ยิ่นน้ำผลไม้ให้ที่โรงหนังแล้ว ซึ่งมันไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการเขินอายเลยแม้แต่น้อย
มีหลายเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน และเดตครั้งแรกของพวกเขาก็จบลงด้วยความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
———————————–
ขออภัยที่ตอนเก่าเด้งขึ้นมาครับ พอดีผมอยากจะเปลี่ยนชื่อบทเก่าๆ สักหน่อยแต่ตอนดันเด้งตามเวลา active ซะงั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เด้งตามเวลาสร้างจนผมต้องมากดสร้างตอนใหม่ให้อยู่ล่าสุดตลอด คิดว่าแอดมินน่าจะแก้หลังบ้านใหม่ครับ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 15: เยี่ยมที่ทำพาร์ทไทม์ (2) เมษายน 3, 2022
- ตอนที่ 14: เยี่ยมที่ทำพาร์ทไทม์ (1) เมษายน 2, 2022
- ตอนที่ 13: เดตแรกภายใต้ผู้ดูแล (4) เมษายน 2, 2022
- ตอนที่ 12: เดตแรกภายใต้ผู้ดูแล (3) กุมภาพันธ์ 18, 2022
- ตอนที่ 11 กุมภาพันธ์ 15, 2022
- ตอนที่ 10: ตอนที่ 10 กุมภาพันธ์ 12, 2022
- ตอนที่ 9: ตัวตนของคำว่าชอบ (3) กุมภาพันธ์ 10, 2022
- ตอนที่ 8: ตัวตนของคำว่าชอบ (2) กุมภาพันธ์ 9, 2022
- ตอนที่ 7: ตัวตนของคำว่าชอบ (1) กุมภาพันธ์ 7, 2022
- ตอนที่ 6: สโนว์ไวท์พิษ (2) กุมภาพันธ์ 7, 2022
- ตอนที่ 5: สโนว์ไวท์พิษ (1) มกราคม 29, 2022
- ตอนที่ 4: ความงามที่มีลิ้นเป็นพิษและทักษะเดาใจ (4) มกราคม 25, 2022
- ตอนที่ 3: ความงามที่มีลิ้นเป็นพิษและทักษะเดาใจ (3) มกราคม 24, 2022
- ตอนที่ 2: ความงามที่มีลิ้นเป็นพิษและทักษะเดาใจ (2) มกราคม 23, 2022
- ตอนที่ 1: ความงามที่มีลิ้นเป็นพิษและทักษะเดาใจ (1) มกราคม 23, 2022
- ตอนที่ 0: อารัมภบท มกราคม 23, 2022
MANGA DISCUSSION