หนึ่งเซียนยากเสาะหา (Lady Cultivator) - ตอนที่ 474 ศพหลอมระดับแปลงเทพ
ตอนที่ 474 – ศพหลอมระดับแปลงเทพ
ทั้งสองคนก้มหน้าก้มตาค้นหาพักหนึ่ง หาเจอป้ายคำสั่งสีดำสนิทสามอันตามคาด วัสดุของป้ายคำสั่งมิใช่ทองมิใช่ไม้ บนนั้นมีกำแพงอาคมอันพิสดารอยู่เลือนราง
“เป็นสิ่งนี้ล่ะ” ฝูเหยาจื่อเอ่ย “พวกเจ้าโชคไม่เลว ทีเดียวก็หาเจอสามชิ้น”
โม่เทียนเกอก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะราบรื่นขนาดนี้ ถ้ำพำนักแห่งแรกก็หาเจอป้ายคำสั่ง อีกทั้งยังมีสามชิ้น เอ่ยอย่างมีความสุขว่า “นี่ยังต้องขอบพระคุณการชี้แนะของซือฟุมากเจ้าค่ะ”
ฝูเหยาจื่อไม่ได้ส่งเสียงอีก ไม่รู้ว่าอิจฉาริษยายิ่งกว่าเดิมหรือไม่ ตอนที่เขากับอีกสี่คนเข้าวังเซียน ลำบากลำบนนานัปการจึงได้ป้ายคำสั่งหนึ่งชิ้น พวกเขาสองคนโชคดี ไม่บาดเจ็บสักนิดก็ได้ขุมทรัพย์ของผู้ฝึกตนโบราณกาลหนึ่งคน!
เมื่อเก็บป้ายคำสั่งเรียบร้อย ทั้งสองคนส่องดูสิ่งของในแหวนเอกภพหนึ่งรอบคร่าว ๆ
ผู้ฝึกตนโบราณที่กลายเป็นโครงกระดูกผลึกคนนี้เป็นผู้ฝึกตนระดับแปลงเทพตามคาด ในแหวนเอกภพมีสมบัติระดับสูงกว่าจิตวิญญาณใหม่จำนวนมาก น่าเสียดายที่เวลานานเกินไป หญ้าวิญญาณและโอสถได้เสื่อมประสิทธิภาพไปแต่แรกแล้ว โชคดีที่มิติแหวนเอกภพเป็นเอกเทศ พลังวิญญาณหยุดนิ่ง ของจำพวกอุปกรณ์หลอมสร้าง วัตถุดิบ รวมทั้งอาวุธเวทส่วนใหญ่ล้วนสมบูรณ์ดี
“พวกนี้ล้วนเป็นศิลาวิญญาณขั้นสูง” ฉินซีหยิบถุงศิลาวิญญาณหนึ่งใบขึ้นมา “ผู้ฝึกตนโบราณร่ำรวยจริง ๆ ในนี้อย่างน้อยที่สุดมีศิลาวิญญาณขั้นสูงหลายหมื่นก้อน”
“วังเซียนทั้งหลังล้วนก่อสร้างจากศิลาวิญญาณขั้นสูง คิดว่ายุคโบราณกาล ศิลาวิญญาณขั้นสูงไม่ได้หายากเลย”
ฉินซีพยักหน้าแสดงออกว่าเห็นด้วย ถัดจากนั้นก็เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “เทียนเกอ เจ้าดู!”
พอโม่เทียนเกอหันหน้าไปเห็นก็ประหลาดใจเช่นกัน “นี่คือ……”
ในมือฉินซีวางไว้ด้วยหินหยกอันเปล่งประกายและบริสุทธิ์หลากสีสันหลายก้อน ทุก ๆ ก้อนล้วนบรรจุพลังวิญญาณซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สะท้อนสีคล้ายกับรุ้ง
“อย่าบอกนะว่านี่ก็คือหยกผลึก?!” นางมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วร้องเสียงหลง
ลักษณะของหินหยกนี้กับหยกผลึกวิญญาณที่นางแลกมาได้ที่เมืองคุนจงในปีนั้นคล้ายคลึงกันถึงสิบส่วน แต่คุณภาพดียิ่งกว่า ทุก ๆ ลูกล้วนเปล่งประกายอันสะอาดสดใส ไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่เศษเสี้ยว
หยกผลึกเป็นหินหยกชนิดหนึ่งที่สามารถกักเก็บพลังวิญญาณในยุคปฐมกาล ของมีคุณภาพเรียกหยกผลึก ของคุณภาพต่ำเรียกหินผลึก ของชำรุดเรียกหยกผลึกวิญญาณ เทียบกับศิลาวิญญาณ หยกผลึกไม่เพียงบรรจุพลังวิญญาณปริมาณมาก หลังจากพลังวิญญาณของมันใช้หมดแล้ว ยังสามารถฟื้นฟูกลับมาอย่างช้า ๆ ด้วย! หลังจากฟ้าดินแปรผัน หยกผลึกแทบจะสาปสูญ แม้แต่หยกผลึกวิญญาณก็บังเอิญพบได้เสาะหาไม่ได้
ผู้ฝึกตนปัจจุบันนี้ หากได้รับหยกผลึกวิญญาณ กว่าครึ่งจะฝังลงบนอาวุธเวท เช่นนี้อาวุธเวทจะสามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณได้เอง ถึงแม้จะช้า แต่ตอนที่ต่อสู้ มีพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นมานิดหนึ่งอย่างนี้ก็อาจจะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้
หยกผลึกที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ คุณภาพดีเยี่ยมปานนี้ ประสิทธิภาพจะต้องดีกว่าหยกผลึกวิญญาณเป็นร้อยเท่าแน่นอน อยู่ในโลกฝึกเซียนสมัยนี้ ทุก ๆ ลูกล้วนมีราคาเทียมฟ้า!
“กว่าครึ่งคงจะใช่” ฉินซีเทหยกผลึกทั้งหมดออกมา ถึงกับมีเป็นหลายร้อยลูก! แม้ว่าจะเคยเห็นสมบัติมามากแล้ว เขายังคงหายใจติดขัดอยู่บ้าง สงบสติครู่หนึ่งแล้วจึงยิ้มเอ่ยว่า “สิ่งของของโบราณกาลถึงจะด้อยกว่าปฐมกาลนิดหน่อย แต่ก็ไม่อาจดูเบา ศิลาวิญญาณขั้นสูงของพวกเขาสามารถเอามาสร้างวังเซียน คิดว่าผู้ฝึกตนระดับสูงจะต้องใช้หยกผลึกมาทำการซื้อขาย”
โม่เทียนเกอกดหน้าอก สงบลมปราณ ยิ้มแย้มอย่างลิงโลด “ถูกฝูเหยาจื่อซือฟุพูดถูกเข้าแล้วจริง ๆ พวกเราร่ำรวยชั่วข้ามคืนจริง ๆ!”
เห็นหยกผลึกมากขนาดนี้ แล้วยังมองเห็นสมบัติอื่น ๆ ทั้งสองคนล้วนเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ถูกทำให้ตระหนกอีก จากนั้น ทั้งสองคนเสาะพบแผ่นหยกหนึ่งแผ่นในหมู่ของจิปาถะ บนนั้นบันทึกวิชาเวทที่เรียกว่า “ศาสตร์จิตน้ำแข็งกระดูกหยก” เอาไว้
ฝูเหยาจื่อเดาถูกแล้ว โครงกระดูกของผู้ฝึกตนโบราณนี้เสมือนกับผลึกเนื่องจากประสิทธิผลของศาสตร์จิตน้ำแข็งกระดูกหยก วิชาเวทนี้มีเพียงผู้ฝึกตนที่มีรากวิญญาณน้ำแข็งที่สามารถฝึกฝน มันเป็นวิชาเวทประจำสำนักของสำนักใหญ่โบราณกาล “วังน้ำแข็งยะเยือก” แห่งนี้ มีเพียงผู้มีพรสวรรค์เลิศล้ำจำนวนน้อยจึงสามารถฝึกฝน ฝึกฝนวิชาเวทนี้แล้ว โครงกระดูกทั่วทั้งร่างกายจะเกิดการกลายสภาพอย่างช้า ๆ ถึงระดับจิตวิญญาณใหม่ก็จะสามารถฝึกจนใสกระจ่างบริสุทธิ์ราวกับผลึก เวลานี้ ศาสตร์จิตน้ำแข็งกระดูกหยกจึงถือว่าสำเร็จขั้นเล็ก สามารถเพิ่มโอกาสการเลื่อนขึ้นแปลงเทพได้
ทั้งสองคนค่อนข้างเสียดาย พวกเขาล้วนไม่มีรากวิญญาณน้ำแข็ง วิชาเวทนี้อัศจรรย์ขนาดนี้แต่ใช้ไม่ได้
นอกจากนี้ ในนี้ก็มีแผ่นหยกหนึ่งแผ่นที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์กลไก ชื่อว่า “กลไกเบื้องต้น” โม่เทียนเกออ่านแล้วผิดหวังเล็กน้อย ศาสตร์กลไกที่จดบันทึกในแผ่นหยกนี้ตื้นเขินยิ่ง ดูท่าผู้อาวุโสผู้ฝึกตนโบราณท่านนี้ก็เพิ่งจะเริ่มศึกษาศาสตร์กลไก ไม่ได้เชี่ยวชาญเลย มิน่าเล่ากลไกที่จัดไว้ที่ถ้ำพำนักไม่ได้ชาญฉลาดจนเกินไป เพียงแค่วัตถุดิบหายาก พลังการสังหารค่อนข้างแกร่ง
ดูเสร็จ ทั้งสองคนเก็บสิ่งของทั้งหมดกลับเข้าแหวนเอกภพ รวมทั้งชุดขาวที่คลุมศพ ส่วนโครงกระดูกผลึกนั่น ฝูเหยาจื่อก็ให้พวกเขาเก็บขึ้นมาด้วย
โม่เทียนเกอได้ยินแล้วลังเลอยู่ในใจ โครงกระดูกพวกนี้พิเศษขนาดนี้จะต้องมีประโยชน์ สามารถหยิบฉวยสิ่งตกทอดของผู้ฝึกตนโบราณคนนี้แล้ว แม้แต่ซากร่างของเขาก็ไม่ละเว้น มันไม่ค่อยจะ……
ราวกับรู้ว่านางคิดอะไร ฝูเหยาจื่อกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “แค่ถุงหนังใบหนึ่ง มีอะไรให้ใส่ใจเล่า ผู้อาวุโสผู้ฝึกตนโบราณท่านนี้ลาลับไปแล้ว กระดูกขาวกองนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาแต่แรกแล้ว”
โม่เทียนเกอรู้ว่าตนเองยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอก สูดลมหายใจลึก ๆ เอ่ยขออภัย เก็บกระดูกผลึกเหล่านี้เข้าถุง แล้วก็เก็บใส่แหวนเอกภพด้วย
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จสิ้น ยืนยันว่าไม่หลงเหลือสิ่งของอันใด แล้วถึงถอยออกจากถ้ำพำนักพร้อมกับฉินซี
ออกจากถ้ำพำนักนี้แล้ว ทั้งสองคนก็ไปที่ถ้ำพำนักที่สองโดยไม่หยุดพัก
ครั้งนี้เรียบง่ายขึ้นมาก ถ้ำพำนักแห่งนี้ไม่มีศาสตร์กลไก มีเพียงกำแพงอาคมที่หลงเหลือจำนวนหนึ่ง ทั้งสองคนเพียงเสียเวลาครึ่งชั่วยามก็ทำลายกำแพงอาคมที่ประตูเข้าไปแล้ว
เข้าถ้ำพำนักแล้ว การตกแต่งภายในเหมือนกับก่อนหน้า นอกจากโต๊ะหินเก้าอี้หินก็ไร้วัตถุอื่นใด หลังจากฉินซีบุกเข้าห้องฝึกตนก็ไม่ค้นพบร่องรอยของกำแพงอาคม ข้างในว่างเปล่า ไม่มีคนกักตนอยู่ที่นี่
ถึงแม้ทั้งสองคนล้วนเตรียมใจไว้แล้วก็ยังรู้สึกผิดหวัง
ต่อมาที่หลังที่สาม แล้วก็เป็นหลังสุดท้าย
“ไม่ถูกต้อง” ยังไม่ทันทำลายกำแพงอาคม ฉินซีก็ขมวดคิ้วกล่าวขึ้นมา
“ทำไมหรือ” โม่เทียนเกอกำลังตั้งธงม่านพลัง เตรียมจะทำลายอาคม
“ข้างในนี้มีลมปราณอันพิสดารอยู่” ฉินซีเอ่ย “ระวังหน่อย”
โม่เทียนเกอพยักหน้า ระดับชั้นห่างกัน จิตหยั่งรู้ของฉินซีแกร่งกว่านาง แล้วก็มีความเฉียบคมต่ออันตรายมากกว่านาง นางคิดแล้วก็จัดตั้งกำแพงอาคมอีกหนึ่งชั้นไว้ข้างนอกธงม่านพลังทำลายอาคม
ม่านพลังทำลายอาคมเปิดใช้งาน ม่านแสงหน้าถ้ำพำนักวูบแล้วดับไป ฉินซีขึ้นหน้า รวบรวมปราณกระบี่ ฟันใส่ประตูศิลา
เสียง “ตูม” ดังสนั่น ประตูศิลาถูกโจมตีจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ปราณมืดหนึ่งขุมโถมออกมา
“ระวัง!” ฉินซีดึงโม่เทียนเกอถอยหลังไปอย่างเร่งร้อน
“ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่ม!” โม่เทียนเกอสูดลมหายใจหนาวเหน็บ ยังไม่ทันจะได้คิดก็ล้วงแขนเสื้อหยิบร่มปทุมาออกมา
โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางตั้งกำแพงอาคมเพิ่มอีกชั้น ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มพวกนี้ถูกขวางเอาไว้ ที่รั่วไหลออกมาไม่ได้มากเลย ขณะนี้ยกร่มปทุมาขึ้น แสงเรืองแสงหลั่งไหลลงมา สกัดปราณมารส่วนเกินไว้ข้างนอก
“ม่านพลังกระบี่!” นางร้องออกมาคำหนึ่งเมื่อคิดถึงเรื่องที่ฝูเหยาจื่อเคยย้ำเตือน
ฉินซีปฏิกิริยาเร็วยิ่ง เพียงพริบตาก็เก็บกระบี่อัคนีสามพลังหยางกลับเข้าร่างกาย แล้วก็สลายพลังวิญญาณคุ้มครองกาย โคจรศาสตร์กำบังมาร
นอกจากร่มปทุมา โม่เทียนเกอก็เก็บอาวุธเวททั้งหมดพร้อม ๆ กัน
ทั้งสองคนล่าถอยไปไกล แล้วจึงถอนหายใจโล่งอก
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” ทั้งสองสบตากัน โม่เทียนเกอถามอย่างไม่เข้าใจ
“บางที……ถ้ำพำนักแห่งนี้มีจุดหนึ่งที่ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มรั่วไหลพอดี” ฉินซีเดา นอกจากนี้ก็ไม่มีคำอธิบายอื่นแล้ว
โม่เทียนเกอได้ยินแล้วลังเล “เช่นนั้นพวกเรายังจะเข้าไปไหม” ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มในมิตินี้เทียบกับที่พวกเขาเคยสัมผัสมาแล้วล้วนบริสุทธิ์และแกร่งกล้ายิ่งกว่า อีกทั้งยังจะสะท้อนกลับ ต่อกรได้ไม่ง่ายจริง ๆ
ฉินซีมองนางแวบหนึ่ง ถามว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไร”
โม่เทียนเกอกำลังจะพูดอะไร ทั้งสองคนจู่ ๆ สัมผัสได้ถึงลมปราณอันตราย มองไปที่ประตูถ้ำพำนักอย่างตื่นตัว
เห็นเพียงว่าที่ประตูศิลาอันเปิดอ้า ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มยิ่งมายิ่งเข้มข้น พลังสภาวะอันกล้าแข็งขุมหนึ่งกดดันใส่พวกเขา แทบจะทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
“ระดับแปลงเทพ……” ฉินซีพึมพำกับตัวเอง เขาอยู่ระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางแล้ว สามารถพูดอย่างมั่นใจว่าระดับจิตวิญญาณใหม่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะมีพลังสภาวะอย่างนี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนใหญ่จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายที่อยู่ห่างจากระดับแปลงเทพเพียงสายใยเดียวก็เช่นกัน
“ไป!” เขาตัดสินใจเด็ดขาด คว้ามือของโม่เทียนเกออย่างกะทันหัน โบกแขนเสื้อ โยนเมฆบินออกมา กระโดดลงไปจากผาบำเพ็ญทุกรกิริยาตรง ๆ โดยไม่แยแสสิ่งอื่นใด
ตอนที่ทั้งสองคนกระโดดลงจากผาบำเพ็ญทุกรกิริยา โม่เทียนเกอเหลือบมองทางหางตา ที่ปากประตูของถ้ำพำนักนั้นปรากฏศพหลอมที่ไหม้เกรียมไปทั้งร่างยืนโอนเอน
ศพหลอมนี้หยุดอยู่ที่ปากประตูถ้ำพำนัก โบกมือ กงเล็บแหลมคมทำลายม่านพลังที่นางตั้งไว้ตรงประตู จากนั้นราวกับสัมผัสได้ถึงลมปราณของพวกเขา มองมาทางพวกเขา
นางตื่นตระหนกในใจ เดาได้คร่าว ๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ในถ้ำพำนักแห่งที่สามนี้ก็มีผู้ฝึกตนระดับแปลงเทพคนหนึ่งกำลังกักตนฝึกหนัก ตอนที่มิติฉีกขาด ผู้ฝึกตนทั้งหมดถูกพรากชีวิตไป ผู้ฝึกตนคนนี้ก็สิ้นชีพในขณะนั้น ภายหลัง ศาลเจ้าใต้วังเซียนเกิดปัญหา ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มรั่วไหลออกมา ถ้ำพำนักแห่งนี้บังเอิญเป็นหนึ่งในจุดรั่วไหล ถ้ำพำนักนี้มีกำแพงอาคมทั้งภายในภายนอก ปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มถูกขังอยู่ในถ้ำพำนัก ยิ่งสะสมยิ่งเข้มข้น ภายใต้วังเวลาอันแสนยาวนาน ศพของผู้ฝึกตนคนนี้สึกกร่อนจนกลายเป็นศพหลอม
ศพหลอมไม่มีจิตสำนึก ถ้ำพำนักก็ตั้งอยู่ในสภาวะปิดตาย ในเดือนปีอันยาวนาน ศพหลอมระดับแปลงเทพนี้ก็ค้างอยู่ในถ้ำพำนักอย่างงมงายเช่นนี้ ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายนอกแม้แต่น้อย
หากพวกเขาไม่ได้เปิดถ้ำพำนักมันก็อาจจะนิ่งเงียบอยู่อย่างนี้ ไม่ต่างกับซากศพ
ทว่าวันนี้พวกเขาเปิดถ้ำพำนักแล้ว มันสัมผัสได้ถึงลมปราณของคนมีชีวิต มันจึงก้าวออกจากถ้ำพำนักแห่งนี้ในที่สุด ก้าวสู่โลกที่เคยคุ้นเคย
ตกลงจากผาบำเพ็ญทุกรกิริยาด้วยความเร็วสูงสุด เห็นอยู่กับตาว่ากำลังจะถึงพื้น เมฆบินหยุดกะทันหัน เปลี่ยนทิศทาง หลบหนีไปไกลด้วยความเร็วสูงสุด
ส่วนศพหลอมระดับแปลงเทพศพนั้นก็กระโดดลงจากผาบำเพ็ญทุกรกิริยา แต่ว่าล้มลงตีนผาหนัก ๆ เสียงดังโครม ปราณมารทั่วร่างของมันพลุ่งพล่านไม่หยุดเนื่องจากการกระโดดนี้ ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ควบแน่นใหม่อีกครั้ง มั่นยืนขึ้นอย่างโซซัดโซเซ ไล่ไปตามทิศทางที่พวกเขาหลบหนี
“มันอยู่ข้างหลัง!” โม่เทียนเกอหันหน้าไปมอง ในวังเซียนแห่งนี้ จิตหยั่งรู้ไม่อาจเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิศระ ทำได้เพียงสัมผัสลมปราณอันกล้าแข็งนั้นที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังอย่างยากลำบาก
ฉินซีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ความเร็วของศพหลอมเป็นจุดอ่อน ถ้าเร็วพอ พวกเราสามารถหนีพ้น!” พูดจบก็ร้องเสียงแหลมคำหนึ่ง กางม่านพลังกระบี่ขึ้นมาใหม่ วนเวียนอยู่ด้านข้าง ในเวลาเดียวกันก็แปะเครื่องรางอันล้ำค่าทีละแผ่น ๆ ลงบนร่างของทั้งสองคนโดยไม่ตระหนี่ถี่เหนียวสักนิด
ถึงแม้ว่าในวังเซียนนี้อาจจะมีกำแพงอาคมอันแปลกประหลาดอยู่เนื่องจากการฉีกขาดของมิติ ไม่ควรบินเร็ว แต่ว่าพวกเขาไม่อาจใส่ใจแล้ว ระดับแปลงเทพ ศพหลอมระดับแปลงเทพ ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนทั้งหมดที่เข้ามาในวังเซียนจะบวกเข้าด้วยกันก็ดับสูญได้ด้วยการโบกมือทีเดียว มิใช่คู่มือเลย!
นอกจากหนีก็ไร้หนทางอื่น
……………….
ตอนที่ 475 – ชักจูงภัยพิบัติ