หนึ่งเซียนยากเสาะหา (Lady Cultivator) - ตอนที่ 465 กำแพงอาคมฟื้นฟู
ตอนที่ 465 – กำแพงอาคมฟื้นฟู
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหมดต่างร่ายวิชา โม่เทียนเกอกับพวกห้าคนเพียงอยู่ระดับก่อเกิดตาน ไม่อาจสอดมือได้เลย ได้แต่หลบอยู่ข้างหลัง เลี่ยงมิให้ถ่วงคนอื่น
หากว่าฉินซีไม่อยู่ที่นี่ โม่เทียนเกอคงรู้สึกว่าอารมณ์นี้ทิวทัศน์นี้น่ารื่นรมย์ถึงสิบส่วน ผู้ฝึกตนใหญ่หนึ่งกลุ่มเข่นฆ่าอยู่เบื้องหน้าแล้วยังต้องดูแลชีวิตของนาง แต่ว่าขณะนี้ฉินซีก็อยู่ในนั้นด้วย นางจึงรู้สึกจืดชืดไร้รสชาติ น่าเสียดาย ความแข็งแกร่งของตนเองต่ำเกินไป ถ้าอยากช่วยเหลือ สิ่งที่ดีที่สุดก็คืออย่าก่อกวน
แน่นอนว่า นางก็ไม่ได้อยู่ว่าง ภาพที่ผู้ฝึกตนใหญ่จิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายหลายคนพากันลงมือหาชมได้ไม่มาก ณานศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาน่าทึ่ง หากสามารถตระหนักบางส่วนก็จะมีส่วนช่วยเหลือมากต่อการผูกจิตวิญญาณของตนเอง
ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงนางคนเดียว หลิงอวิ๋นเฮ่อกับพวกทั้งสี่ก็จับจ้องอย่างไม่คลาดสายตาเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าศพหลอมเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนมีระดับจิตวิญญาณใหม่ แต่ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งเจ็ดคนล้วนไม่อ่อนด้อย ไม่มีอันตรายอะไรในขณะนี้ เพียงแต่ โม่เทียนเกอเห็นความผันผวนของพลังวิญญาณที่กระตุ้นขึ้นมาจากากรลงมือของพวกเขาแล้ววิตกอยู่บ้าง
ที่นี่ถึงจะห้ามจิตหยั่งรู้ แต่หากความผันผวนของพลังวิญญาณชัดเจนเกินไปก็มีความเป็นไปได้ว่าจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น หากมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายคนอื่นติดตามมา นั่นจะจัดการยากแล้ว ถึงอย่างไรชะตาเซียนนี้ พวกเขาไม่กี่คนไม่คิดที่จะแบ่งปันกับคนอื่นเป็นอันขาด
ปัญหาที่นางสามารถคิดถึง ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายเหล่านี้ย่อมมิใช่คิดไม่ถึง บัณฑิตอวี๋โจมตีศพหลอมหนึ่งตัวถอยไป เอ่ยเสียงขรึมว่า “สหายเต๋าทุกท่าน พวกเราล่าช้าอยู่ที่นี่ไม่ได้ สู้ไปถอยไปเถอะ!”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่พยักหน้า “มิผิด เข่นฆ่าทั้งหมดใช้เวลามากเกินไป” เขาหันศีรษะไปมองโม่เทียนเกอและพวก เอ่ยว่า “สหายเต๋าอู๋หมิง ผู้เยาว์เหล่านี้ต้องรบกวนท่านแล้ว”
อู๋หมิงเจินเจ่อยิ้มนิด ๆ พยักหน้า
อาจารย์เต๋าหยวนมู่มองไปที่อาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยน, หลิงซื่ออวี่กับบัณฑิตอวี๋อีก “เถี่ยเมี่ยนซือเกอ, หลิงซือตี้, อวี๋เซียนเซิง รบกวนพวกท่านสามคนระวังหลัง”
รอจนสามคนนี้รับคำ เขามองไปที่คนอื่น “สหายเต๋ากุ่ยฟาง, สหายเต๋าฉิน พวกเราสามคนเป็นทัพหน้า”
ประมุขมารกุ่ยฟางไม่คัดค้าน ฉินซีก็พยักหน้ารับคำ
พฤติการณ์เยี่ยงนี้ มีระเบียบไม่ยุ่งเหยิง โม่เทียนเกอแอบชื่นชม อาจารย์เต๋าหยวนมู่คนนี้สมแล้วที่เป็นหัวหน้าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักอันดับหนึ่งอวิ๋นจง ตัวเขาเองเป็นทัพหน้า วางซือเกอและซือตี้ร่วมสำนักให้ระวังหลังอยู่ด้านหลัง ผู้ที่คุ้มครองพวกเขาห้าคนอยู่ตรงกลางเป็นอู๋หมิงเจินเจ่อซึ่งน่าไว้วางใจที่สุด อีกประการ ในเจ็ดคน อาจารย์เต๋าหยวนมู่, ประมุขมารกุ่ยฟาง, ฉินซีสามคนเชี่ยวชาญด้านโจมตี แสงทองวิชาพุทธของอู๋หมิงเจินเจ่อได้ชื่อว่ามั่นคงอ่อนโยน สำหรับอาจารย์เต๋าเถี่ยเมี่ยน, หลิงซื่ออวี่และบัณฑิตอวี๋ ณานศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังไม่พอนิดหน่อย การป้องกันกลับไม่เลว จัดแจงเช่นนี้เหมาะพอดี
ตัวกระบี่แผ่แสงกระบี่สีแดงเพลิง ไฟแท้สุดหยางขับไล่ศพหลอม ฉินซียังคงใช้กระบี่อัคนีสามพลังหยางต้านศัตรู อาจารย์เต๋าหยวนมู่ตะโกนเบา ๆ คำหนึ่ง ปล่อยเจดีย์หลิงหลงในมือออกจากมือ ครอบใส่ศพหลอม ประมุขมารกุ่ยฟางสองมือว่างเปล่า แต่ล้วนสะสมปราณมารเอาไว้ ด้วยสายตาของโม่เทียนเกอ ดูออกแค่ว่าปราณมารก้อนนี้อันที่จริงเป็นกรงเล็บผีหนึ่งชุด กรงเล็บผีชุดนี้มีสภาพทว่าไร้ร่าง กลับไม่ทราบว่าเป็นวัสดุพิเศษหรือว่าเป็นเวทลับเฉพาะตัวของประมุขมารกุ่ยฟาง
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เจ็ดคนฆ่าไปถอยไป ในที่สุดครึ่งชั่วยามให้หลังก็ออกจากสวนดอกไม้แห่งนี้
ระยะเวลาที่ต่อสู้พัวพันครั้งนี้ไม่ถือว่านานเกินไป แต่การเผาผลาญกลับสูงยิ่ง ศพหลอมเหล่านี้สูดได้กลิ่นอายของคนเป็นก็จะโจมตี และไม่กลัวตาย เข้ามาล้อมโจมตีอย่างถี่ยิบ เกินจะรับไหวจริง ๆ
อาจารย์เต๋าหยวนมู่กวาดมอง กล่าวว่า “สหายเต๋าทุกท่านพักผ่อนครู่สั้น ๆ เถอะ ในวังเซียนต้องระวังทุกย่างก้าว มีพลังวิญญาณให้พร้อมไว้เป็นดี”
ทุกคนพยักหน้าเห็นชอบโดยพร้อมเพรียง ต่างคนต่างเสาะหาสถานที่พักผ่อน
ฉินซีผ่อนลมหายใจ เก็บกระบี่อัคนีสามพลังหยางกลับคืน หามุมห่างไกลพักผ่อนชั่วคราวกับโม่เทียนเกอ
“ให้ท่าน” ฉินเพิ่งจะกลืนโอสถไปหลายเม็ดก็เห็นโม่เทียนเกอส่งวัตถุหนึ่งมาให้เงียบ ๆ
“นี่คือ……” เขาฉงนเมื่อเห็นมุกซึ่งไม่สะดุดตาสักนิดในมือ
“มุกดึงวิญญาณ” โม่เทียนเกอกวาดมองรอบด้าน
ฉินซีเข้าใจ ดีดนิ้ว ร่ายอาณาเขตกั้นเสียง
“นี่เป็นสมบัติที่ข้าพบจากสถานที่ที่บรรพบุรุษสกุลโม่นั่งละสังขาร มุกนี้ยามปกติสามารถใช้กักเก็บพลังวิญญาณ ดึงออกจากมุกตอนที่จำเป็น”
เมื่อได้ยินวาจานี้ ฉินซีคลึงเล่นเล็กน้อย หยั่งจิตหยั่งรู้เข้าไป ตกตะลึง “มุกนี้ถึงกับสามารถเก็บพลังวิญญาณได้มากมายขนาดนี้!”
อาวุธเวทที่เก็บพลังวิญญาณเป็นวัตถุล้ำค่ามาแต่ไหนแต่ไร ที่โลกฝึกเซียน วิธีทั่วไปที่ใช้ฟื้นฟูพลังวิญญาณตอนที่ต่อสู้ไม่นอกเหนือจากสองประการ หนึ่งคือโอสถ หนึ่งคือศิลาวิญญาณ แต่พลังวิญญาณที่โอสถวิญญาณและศิลาวิญญาณสามารถฟื้นฟูสำหรับตานเถียนของผู้ฝึกตนระดับสูงแล้วน้อยจนน่าสมเพช ดังนั้นมีผู้ฝึกตนคิดค้นอาวุธเวทชนิดนี้ออกมา ยามปกติกักเก็บพลังวิญญาณ ตอนต่อสู้ดึงออกมาจากในอาวุธเวท แต่อาวุธเวทชนิดนี้ วัสดุที่ต้องการล้ำค่าถึงสิบส่วน พลังวิญญาณที่สามารถกักเก็บก็ไม่ได้มากนัก
ทว่ามุกนี้ ฉินซีหยั่งทดสอบแล้ว ถึงกับสามารถเติมพลังวิญญาณได้เกินครึ่ง! ต้องทราบว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่แล้ว พลังวิญญาณที่ตานเถียนสามารถเก็บมากมายขนาดไหน หากใช้พลังวิญญาณจนหมดสิ้น อาศัยนั่งสมาธิอย่างเดียว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องหลายวันจึงสามารถฟื้นฟูหมดสิ้น
อาวุธเวทเช่นนี้ หากเอาไปวางที่งานชุมนุมค้าขายเกรงว่าจะถูกแย่งชิงหัวร้างข้างแตกเลยกระมัง? โดยเฉพาะผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ พลังวิญญาณฟื้นฟูยากมาก หากมีวัตถุนี้ ตอนที่ต่อสู้ก็จะเพิ่มโอกาสชนะขึ้นมากมาย แต่ว่า สิ่งของประเภทนี้เป็นสิ่งที่มีเงินก็ซื้อหาไม่ได้เสมอมา
โม่เทียนเกอยิ้ม ๆ สายตากวาดมองคนอื่น ๆ อย่างสงบนิ่ง “คนเหล่านี้ล้วนต้องป้องกันสักหน่อย มีวัตถุนี้ ท่านก็นับว่าเพิ่มมาอีกหนึ่งชีวิต”
ฉินซีพยักหน้า เก็บมุกดึงวิญญาณ คู่ต่อสู้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ตลอดทางนี้ยังต้องพึ่งพาเขา มุกดึงวิญญาณสำหรับเขาแล้วมีประโยชน์มากกว่า หากเอาไว้บนตัวโม่เทียนเกอกลับจะไม่มีประโยชน์มากมายอะไร
“สหายเต๋าทุกท่านล้วนพักผ่อนพอแล้วไหม” ผ่านไปไม่นานมาก อาจารย์เต๋าหยวนมู่ผู้นั้นลุกขึ้นถาม
มีการช่วยเหลือของโอสถเสริมวิญญาณระดับสูงอย่างไม่สิ้นสุด ฉินซีฟื้นฟูพลังวิญญาณแต่แรกแล้ว ขณะนี้สลายอาณาเขตกั้นเสียง ลุกขึ้นไปร่วมกลุ่มด้วยกันกับโม่เทียนเกอ
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนอื่นไม่ต้องพูด แต่ละคนล้วนเป็นผู้ฝึกตนใหญ่ของสำนักใหญ่ ทรัพย์สินไหนเลยจะน้อย เพื่อการเดินทางนี้แต่ละคนเตรียมโอสถวิญญาณศิลาวิญญาณมาเป็นกอง ฟื้นฟูพลังวิญญาณแต่แรกแล้วเช่นกัน
“สหายน้อยโม่……” ไม่ต้องให้อาจารย์เต๋าหยวนมู่พูดอีก โม่เทียนเกอขยับตัวเดินไปที่หัวขบวนด้วยตัวเองพร้อมกับฉินซี
ออกจากสวนดอกไม้ เบื้องหน้าเป็นสะพานเชือกที่ทอดยาวร้อยจ้างเชื่อมต่อยอดเขาสูงสองยอด วังเซียนนี้ครอบครองพื้นที่กว้างขวางยิ่ง รวมเขาวิญญาณหลายยอดไว้ข้างในทั้งหมด มองจากข้างนอกเป็นเพียงราชวังแห่งหนึ่ง กลับไม่ทราบว่าภายในเป็นอีกจักรวาล
สะพานเชือกนี้ใช้ศิลาวิญญาณระดับสูงปูเช่นกัน ไม่รู้ว่าถูกร่ายด้วยทักษะเวทอะไร คนสิบกว่าคนเหยียบขึ้นไปยังนิ่งสนิทไม่ขยับสักนิด
เดินไปถึงตรงกลาง โม่เทียนเกอก้มหน้ามอง เห็นเพียงระหว่างสองยอดเขาลึกไม่เห็นก้น มีเพียงหมอกลอยอ้อยอิ่ง ปิดกั้นสายตา
นางขมวดคิ้ว เพียงรู้สึกว่าหมอกนี้ปนเปื้อนปราณแห่งปีศาจแรกเริ่มจำนวนหนึ่ง อลหม่านนัก ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ระดับการฝึกตนของนางต่ำอยู่บ้าง รู้สึกไม่สบายใจเกินไป นางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ขยับแขนเสื้อ โยนผังปากั้วไท่จี๋ออกมา
ผังปากั้วไท่จี๋ค่อย ๆ คลี่กางในอากาศ รอบด้านเกิดคลื่นแสงกระเพื่อมไหวราวกับน้ำ คลื่นแสงไปถึงไหน ลมปราณก็ค่อย ๆ สงบลง
เมื่อเห็นฉากนี้ อาจารย์เต๋าหยวนมู่ชมเชยคำหนึ่ง “อาวุธเวทชิ้นนี้ของสหายน้อยโม่ช่างหายากจริง ๆ การควบคุมพลังวิญญาณไปถึงระดับละเอียดอ่อนยิ่ง คิดว่าผู้ที่สร้างอาวุธเวทชิ้นนี้ต้องเป็นยอดคน”
โม่เทียนเกอสงบพลังวิญญาณโดยรอบแล้วเก็บผังปากั้วไท่จี๋กลับไปในแขนเสื้อ เดินพลางตอบพลางว่า “สมบัติชิ้นนี้เป็นของที่บรรพบุรุษประทานให้ ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ ดูท่าสำนักอาจารย์ของสหายน้อยโม่มีความแข็งแกร่งไม่สามัญเลย……” เขาเหลือบมองฉินซีอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
น่าเสียดาย ฉินซีก็เพียงยิ้มทีหนึ่ง ไม่ได้ตอบตำ
ผู้ฝึกตนของอวิ๋นจงเชี่ยวชาญการควบคุมพลังวิญญาณ นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนเทียนจี๋เอื้อมไม่ถึง ผังปากั้วไท่จี๋ชิ้นนี้จริง ๆ ที่เทียนจี๋ยังไม่มีผู้ฝึกตนที่สามารถทำออกมา แต่โม่เหยาชิงถือกำเนิดจากอวิ๋นจง สำหรับการควบคุมพลังวิญญาณ เข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงสร้างอาวุธเวทอย่างนี้ออกมา แต่ว่า พวกเขาสองคนล้วนไม่อธิบาย เข้าใจผิดเสียดีที่สุด อย่างนี้จะมีจิตใจพะวักพะวงต่อพวกเขา จะไม่ลงมืออย่างง่ายดาย
ผ่านสะพานเชือกไปอย่างราบรื่น คนทั้งกลุ่มหยุดเท้าที่นี่
“ผู้อาวุโสทุกท่าน นี่ก็คือทางสู่ศาลาเก็บคัมภีร์” โม่เทียนเกอกล่าวเช่นนี้
มองดูทางภูเขาแคบ ๆ เส้นนี้ที่อยู่เบื้องหน้า หลิงซื่ออวี่ถามว่า “สหายน้อยโม่ ทำไมไม่ไปแล้ว”
โม่เทียนเกอไม่ตอบ บัณฑิตอวี๋ถอนหายใจแล้ว “เป็นกำแพงอาคมอีกแล้ว”
หลิงซื่ออวี่ตกใจ ขณะนี้มองดูอย่างละเอียดจึงค้นพบว่าข้างหน้ามีความผันผวนของพลังวิญญาณเล็กน้อยอย่างเลือนราง ด้วยระดับการฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางของเขา ถึงกับไม่ได้ค้นพบกำแพงอาคมนี้ นี่มันสูงส่งเกินไปแล้ว
ประมุขมารกุ่ยฟางมองรอบหนึ่ง ถามโม่เทียนเกอว่า “ปีนั้นห้าปราชญ์มิใช่เคยมาที่นี่หรือ ทำไมกำแพงอาคมนี้ยังสมบูรณ์”
โม่เทียนเกอส่ายหน้าเบา ๆ “ผู้อาวุโสกุ่ยฟางเคยได้ยินหรือไม่ว่ากำแพงอาคมที่สูงส่งสามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวเอง”
ประมุขมารกุ่ยฟางตะลึง คิ้วขมวดขึ้นมา
พวกอาจารย์เต๋าหยวนมู่ก็ตะลึง “ที่แท้นี่เป็นกำแพงอาคมที่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยตัวเอง!”
โม่เทียนเกอพยักหน้า เอ่ยว่า “เรียนผู้อาวุโส ปีนั้นที่สามารถทำลายอาคมเป็นผลลัพธ์จากการที่ผู้อาวุโสทั้งห้าร่วมแรงร่วมใจ ผู้เยาว์ขณะนี้ถึงจะมีผู้อาวุโสฝูเหยาจื่อช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถอาศัยกำลังคนเดียวไปทำลายกำแพงอาคมนี้”
วาจารอบนี้ของนางมีเหตุมีผล คนอื่น ๆ ล้วนไม่กังขา ระดับความสูงส่งของกำแพงอาคมนี้แทบจะเป็นสิ่งที่พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายชั่วชีวิตไม่เคยห็น ถ้าผู้เยาว์ก่อเกิดตานคนหนึ่งอาศัยการชี้แนะของจิตหยั่งรู้ฝูเหยาจื่ออย่างเดียวก็สามารถทำลายได้อย่างราบรื่นมันก็เรียบง่ายเกินไป ต้องทราบว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งอันเด็ดขาด ทักษะจะสูงส่งอีกเท่าใดก็ไม่มีประโยชน์
บัณฑิตอวี๋เอ่ยนำว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายน้อยโม่ไปรออยู่ด้านข้างเถอะ” ว่าแล้วก็มองไปทางอาจารย์เต๋าหยวนมู่ “สหายเต๋าหยวนมู่ ท่านมีความเห็นอะไร”
อาจารย์เต๋าหยวนมู่หัวคิ้วขมวดแน่น คิดอยู่ครู่หนึ่ง หันศีรษะไปเอ่ยกับหลิงอวิ๋นเฮ่อว่า “ไข่มุกเทพต้องห้าม”
หลิงอวิ๋นเฮ่อเข้าใจ ขึ้นหน้าไปหลายก้าว เสนอไข่มุกเทพต้องห้าม
โม่เทียนเกอจำได้ว่าตอนที่บุกหุบเขาไร้กังวลกับหลิงอวิ๋นเฮ่อ เขาเคยพูดว่าไข่มุกเทพต้องห้ามมีผลสะกดพลังวิญญาณและจิตสัมผัส สามารถทะลุผ่านกำแพงอาคมโดยไร้อุปสรรค ชิ้นที่อยู่ในมือเขาปีนั้นเป็นเพียงของจำลองของไข่มุกเทพต้องห้าม คิดว่าของแท้นี้น่าจะร้ายกาจยิ่งกว่ากระมัง?
อาจารย์เต๋าหยวนมู่ยืนอยู่หน้ากำแพงอาคม มือหนึ่งกำมุก มือหนึ่งทำศาสตร์เวทมุทรา ศาสตร์มุทราอันซับซ้อนชุดหนึ่งถูกปล่อยออกมา ระหว่างนิ้วทั้งห้ามีแสงสีขาวเรืองรองวูบวาบ ศาสตร์มุทราร่ายจบ ตะโกนเบา ๆ คำหนึ่ง แสงสีขาวกระทบถูกไข่มุกเทพต้องห้าม
มีเสียง “หึ่ง” ดังเบา ๆ ไข่มุกเทพต้องห้ามเปล่งแสง สาดส่องกำแพงอาคมบนทางภูเขา
ภายใต้แสงของไข่มุกเทพต้องห้าม กำแพงอาคมอันทรงพลังทว่าสัมผัสได้ยากนั้นสลายไปไม่เหลือร่องรอย
ทุกผู้คนเห็นแล้วดีใจ แต่พริบตาถัดมา แสงบนไข่มุกเทพต้องห้ามกะพริบ สุดท้ายสลัวลง
“มุกนี้เป็นสมบัติอันหายาก คิดว่าจะต้องเป็นฝีมือของตาเฒ่ากุยเจินกระมัง?” ในสมองของโม่เทียนเกอ เสียงของฝูเหยาจื่อดังขึ้นอย่างเฉยเมย “น่าเสียดาย กำแพงอาคมนี้หากทำลายได้ง่ายดายขนาดนี้ ในสำนักใหญ่โบราณกาลนี้จะรับผิดชอบการเฝ้าศาลาเก็บคัมภีร์นี้ได้อย่างไรเล่า?”
……………….
ตอนที่ 466 – ทำลายอาคม