หนึ่งเซียนยากเสาะหา (Lady Cultivator) - ตอนที่ 371 ไข่มุกเทพต้องห้าม
ตอนที่ 371 – ไข่มุกเทพต้องห้าม
โม่เทียนเกอไม่ตระหนักว่า หลังจากนางจากไป หลิงอวิ๋นเฮ่อทอดมองร่องรอยที่ทั้งสองคนลงมือเหลือเอาไว้ ไม่พูดไม่จาไปครึ่งค่อนวัน
เนิ่นนานให้หลัง เขาส่ายหน้า พึมพำกับตัวเองว่า “ล้วนไม่เรียบง่าย……” พูดแล้วก็กุมมือทั้งคู่ กลับไปยังคฤหาสถ์สกุลหลิงอย่างเชื่องช้า คิ้วขมวด แต่ไม่รู้ว่ายินดีหรือกังวล
สามวันให้หลัง คนหกคนมารวมตัวกันที่คฤหาสถ์สกุลหลิงอีกครั้ง ครั้งนี้หลิงอวิ๋นเฮ่อไม่ได้วางท่า เชิญทุกคนเข้ามาตรง ๆ สุดท้ายหลังจากยืนยันว่าไม่มีความผิดพลาด กลุ่มคนหกคนแปลงเป็นแสงหลบหนี หายลับไปในขอบฟ้า
สถานที่ตั้งของหุบเขาไร้กังวลคือเขตรอยต่อของอาณาจักรตงถังกับอาณาจักรเป่ยหลิน เมืองเทียนเสวี่ยอยู่ทิศเหนือของอาณาจักรตงถัง ห่างจากอาณาจักรเป่ยหลินเพียงระยะทางประมาณหกเจ็ดวัน พวกเขาหกคนระดับการฝึกตนล้วนไม่แย่ ถึงเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตนขั้นต้นสองคนก็มีสมบัติวิญญาณมากมายบนตัว ความแข็งแกร่งไม่สามัญ คนหกคนเร่งความเร็ว ห้าวันให้หลังก็มาถึงเขาเจียหลิงที่ตั้งหุบเขาไร้กังวลแล้ว
เขาเจียหลิงเป็นเทือกเขารอยต่อของอาณาจักรตงถังกับอาณาจักรเป่ยหลิน ภูเขายืดขยายไปหลายร้อยลี้ สูงเทียมเมฆ ตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาคือตำบลเจียหลิงของอาณาจักรตงถัง ด้านเหนือคือเมืองซิงลั่วแดนมารอันมีชื่อเสียงของอาณาจักรเป่ยหลิน เขาเจียหลิงเป็นเพียงวิธีเรียกของอาณาจักรตงถัง คนของอาณาจักรเป่ยหลินกลับคุ้นชินที่จะเรียกขานมันว่าเขาซิงลั่ว หุบเขาไร้กังวลซ่อนลึกอยู่ในเขานี้
แสงหลบหนีหกสายตกลงบนยอดเขาไร้ผู้คนยอดหนึ่งของเขาเจียหลิง ก็คือกลุ่มโม่เทียนเกอหกคน
“ก็คือที่นี่หรือ” เถียนจือเชียนส่งเสียงออกมา น้ำเสียงประหลาดใจถึงสิบส่วน
โม่เทียนเกอมองวนรอบทิศ เห็นเพียงว่ายอดเขานี้โล่งเตี้ยน มีเพียงก้อนหินจำนวนหนึ่ง แม้แต่พลังวิญญาณสักเศษเสี้ยวยังหาไม่เจอ ไม่คล้ายกับสถานที่แดนสุขาวดีสมัยโบราณกาลจริง ๆ มิน่าเล่าเถียนจือเชียนประหลาดใจขนาดนี้
หลิงอวิ๋นเฮ่อล้วงแผนที่ออกมาดู ยืนยันว่า “มิผิด ก็คือที่นี่”
โม่เทียนเกอก็หยิบแผนที่ของตัวเองออกมา ปากทางเข้าหุบเขาไร้กังวลที่ทำเครื่องหมายเอาไว้อยู่บริเวณนี้ แต่รอบด้านกลับไม่มีพลังวิญญาณสักเศษเสี้ยว แล้วก็ไม่มีร่องรอยม่านพลังกำแพงอาคม สรุปว่าต้องเข้าไปอย่างไร
สายของของห้าคนล้วนหยุดอยู่บนร่างของหลิงอวิ๋นเฮ่อ
หลิงอวิ๋นเฮ่อหยิบวัตถุหนึ่งออกมาในจากกระเป๋าเอกภพอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ไข่มุกเทพต้องห้าม!” หลิงอวิ๋นเฟยตะลึง โพล่งออกมา
โม่เทียนเกอมองอย่างจดจ่อ เห็นเพียงในมือหลิงอวิ๋นเฮ่อถือก้อนกลมขนาดใหญ่โตหนึ่งลูก ส่องแสงสว่างอันกะปริบกะปรอยออกมา รอบบริเวณคล้ายกับจะกระเพื่อมไม่หยุดนิ่งเหมือนคลื่นน้ำ
นางสามารถยืนยันว่าไข่มุกนี้เป็นอาวุธเวทคุณภาพดี หลิงอวิ๋นเฟยเรียกว่าไข่มุกเทพต้องห้าม หรือว่าใช้ทำลายอาคม
หลิงอวิ๋นเฟยสีหน้ามืดสลับสว่างไม่หยุดนิ่ง มองหลิงอวิ๋นเฮ่อลังเลแล้วลังเลอีก ในที่สุดยังคงถามว่า “พี่รอง ไข่มุกเทพต้องห้ามนี้ได้มาจากที่ใด”
หลิงอวิ๋นเฮ่อยิ้มบาง ๆ มองเขาแวบหนึ่ง สีหน้าสงบนิ่ง “เจ้าอย่ากังวล นี่เป็นสิ่งที่ท่านทวดเจ็ดอนุญาตจากปาก”
“อ้อ……” หลิงอวิ๋นเฟยระบายลมหายใจ สีหน้าดูดีขึ้นมาหน่อย
“ที่แท้วัตถุนี้ก็คือไข่มุกเทพต้องห้ามของสกุลหลิงหรือ” เถียนจือเชียนมองดูไข่มุกในมือหลิงอวิ๋นเฮ่ออย่างค่อนข้างสนอกสนใจ
หลิงอวิ๋นเฮ่อพยักหน้า “มิผิด มีวัตถุนี้อยู่ พวกเราเข้าหุบเขาไร้กังวลก็จะง่ายดายขึ้นมากแล้ว”
เห็นโม่เทียนเกอมองไข่มุกเทพต้องห้ามในมือหลิงอวิ๋นเฮ่อ หลิงอวิ๋นเฟยเคลื่อนเข้าใกล้นาง ลดเสียงเอ่ยว่า “สหายเต๋าฉินไม่ทราบกระมัง ไข่มุกเทพต้องห้ามนี้เป็นสมบัติสืบทอดของสกุลหลิงข้า ให้รุ่นบรรพบุรุษจิตวิญญาณใหม่ของพวกเราเก็บรักษามาโดยตลอด ไข่มุกนี้มีผลในการจำกัดพลังวิญญาณและจิตสัมผัสแข็งแกร่งยิ่ง หากใช้งานถูกวิธี สามารถเดินท่องไปในระหว่างกำแพงอาคมอย่างไร้สิ่งกีดขวาง”
โม่เทียนเกอฟังแล้วแอบตะลึงในใจ ท่องไปในระหว่างกำแพงอาคมอย่างไร้สิ่งกีดขวาง นี่เทียบกับผังปากั้วไท่จี๋ในมือนางแล้วยังร้ายกาจกว่าหน่อย ผังปากั้วไท่จี๋บรรจุหลักเหตุผลอันเร้นลับของปากั้วอินหยางห้าธาตุ สามารถทำให้อินหยางนิ่งและจัดระเบียบพลังวิญญาณ หากเป็นที่ซึ่งพลังวิญญาณสับสนห้าธาตุพัวพัน ผังปากั้วไท่จี๋สามารถแสดงศักดานุภาพ แต่หากพูดถึงการทำลายอาคมอย่างเดียว วัตถุนี้ได้แต่สนับสนุน แต่ไม่สู้ไข่มุกเทพต้องห้ามอันนี้
ก็ใช่ โม่เหยาชิงจริงอยู่ว่าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน แต่อวิ๋นจงใหญ่ขนาดนี้ ย่อมมีผู้ฝึกตนอัจฉริยะคนอื่นหลอมสร้างสมบัติอื่น ๆ ออกมา หากเอ่ยถึงความเร้นลับ ผังปากั้วไท่จี๋ไม่ได้ด้อยกว่าไข่มุกเทพต้องห้ามเลย เพียงสู้ในด้านการทำลายอาคมไม่ได้เท่านั้น
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” ไข่มุกนี้น่าอัศจรรย์จริง ๆ โม่เทียนเกอชมเชยไปหนึ่งประโยค
หลิงอวิ๋นเฟยใบหน้าเผยแววภาคภูมิใจ กล่าวอีกว่า “ไข่มุกเทพต้องห้ามนี้ในยามปกติพวกเราคนรุ่นหลังก่อเกิดตานของตระกูลไม่ได้เห็นเลย รุ่นบรรพบุรุษจิตวิญญาณใหม่ของพวกเรา……”
“เตรียมตัวกันพร้อมแล้วไหม ควรจะเข้าไปแล้ว” หลิงอวิ๋นเฟยพูดไปครึ่งหนึ่งก็ถูกหลิงอวิ๋นเฮ่อตัดบท หลิงอวิ๋นเฮ่อพูดจบ สายตาจ้องหลิงอวิ๋นเฟยอย่างมีความหมายแวบหนึ่งแล้วจึงหมุนตัวเดินไป
หลิงอวิ๋นเฟยถูกเขาจ้อง ใบหน้าอิหลักอิเหลื่อ ไม่กล้าพูดอีก ถูจมูกแล้วตามไป
โม่เทียนเกอแอบขำกับตัวเอง หลิงอวิ๋นเฟยคนนี้ดูอายุพอ ๆ กับหลิงอวิ๋นเฮ่อ ระดับการฝึกตนและการกระทำกลับเด็กน้อยกว่ามาก คิดว่าเพิ่งจะก่อเกิดตาน ยังไม่ได้เรียนการเก็บงำกระมัง สมบัติลับในมือรุ่นบรรพบุรุษในสกุลเดิมควรจะเก็บเป็นความลับ เขากลับพูดออกมาเรื่อยเจื้อย
ทั้งห้าคนตามหลังหลิงอวิ๋นเฮ่อ ลงไปจากยอดเขา บนเขาเจียหลิงนี้ ทุกแห่งหนล้วนเป็นหินขรุขระ ดูท่าน้ำฝนไม่มาก พืชพรรณรอดน้อย จึงจะมีภูมิประเทศอย่างนี้ หินขรุขระเหล่านี้รูปทรงประหลาด ยอดแหลมคมไม่ไหวติงประดุจอสูรดุร้าย ทั่วทั้งยอดเขาล้วนเป็นหินขรุขระเยี่ยงนี้ แม้แต่ถนนที่สมบูรณ์อย่างหาไม่เจอ
หลิงอวิ๋นเฮ่อกลับเดินตามสบายอย่างคุ้นเคย ทะลุไประหว่างหินขรุขระ
เข้าสู่ส่วนลึกของหินขรุขระ แรกเริ่มมีเพียงหินขรุขระดินเหลือง พื้นดินค่อย ๆ มีร่องรอยสีเขียวปริมาณน้อย สุดท้าย หลิงอวิ๋นเฮ่อหยุดอยู่ตรงหน้าต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง
ต้นไม้โบราณต้นนี้สูงถึงหลายสิบจ้าง ถึงใบเขียวจะมีไม่มาก แต่กิ่งก้านประสานกัน ครอบฟ้าคลุมตะวัน ตั้งตระหง่านอย่างเดียวดายอยู่ระหว่างหินขรุขระ ถูกบีบจนมีพื้นที่อาศัยเพียงเล็กน้อย แต่ทว่ากิ่งใบกลับครอบคลุมพื้นดินในรัศมีร้อยจ้าง
“พี่หลิง นี่คือ?” เถียนจือเชียนเห็นหลิงอวิ๋นเฮ่อหยุดตรงนี้ก็ถามคำหนึ่งอย่างฉงน
หลิงอวิ๋นเฮ่อไม่ได้ตอบ ทว่ายกไข่มุกเทพต้องห้ามในมือขึ้น ทำศาสตร์มุทรา ถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไปในไข่มุกเทพต้องห้าม
พร้อมกับการถ่ายทอดพลังวิญญาณ ประกายคลื่นที่กระเพื่อมรอบไข่มุกเทพต้องห้ามยิ่งมายิ่งกระเพื่อมรุนแรง แสงอันกระปริบกระปรอยก็ยิ่งมายิ่งสว่าง
ทันใดนั้น หลิงอวิ๋นเฮ่อตะโกนหนึ่งคำ ไข่มุกเทพต้องห้ามระเบิดแสงแสบนัยน์ตาอย่างกะทันหัน ยิงไปทางต้นไม้โบราณ
“หึ่ง!” เสียงทุ้มลึกดังสะท้อนข้างหูทั้งหกคน เสียงนี้ไม่แหลมเสียดหูเลย แต่กดต่ำเกินไป คล้ายกับตรงเข้าโจมตีแก้วหู เคาะส่วนลึกของสมอง ใบหน้าของทุกคนล้วนปรากฏแววยากจะทนทาน
ถึงแม้พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานผู้มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ การต่อสู้กับผู้คนถึงร่างกายจะบาดเจ็บสาหัสก็สามารถอดกลั้นอย่างง่ายดาย แต่ว่า เสียงที่เผชิญหน้าชนิดนี้กลับไร้ทางออก นี่เป็นจุดอ่อนของร่างกายคน ขอเพียงพวกเขายังเป็นคน ยังไม่ได้บรรลุเต๋าเหินฟ้า ก็ไม่มีทางหลุดพ้น
โม่เทียนเกอขณะนี้ในใจสั่นไหว ถึงแม้นางก็รู้สึกว่าเสียงนี้ฟังแล้วทำให้คนกระสับกระส่ายไม่รู้แล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกว่ารับได้ยากสักขนาดไหนเลย อาจจะเป็นเพราะว่านางเคยฝึกศาสตร์หลอมวิญญาณกระมัง? หากเป็นเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าจะอาศัยจิตหยั่งรู้ที่กล้าแข็งหลอมสร้างของประเภทอาวุธเวท ทำให้คู่ต่อสู้ตกเป็นฝ่ายตั้งรับ?
ความคิดนี้วูบมาแล้วผ่านเลยไป อย่างรวดเร็ว หลิงอวิ๋นเฮ่อเก็บไข่มุกเทพต้องห้าม เอ่ยว่า “ทุกท่าน พวกเราเข้าไปเถอะ”
โม่เทียนเกอเก็บสติกลับมาแล้วมองดู กลับเห็นความเคลื่อนไหวของพลังวิญญาณอันเลือนรางที่ทะลุออกมาจากในต้นไม้โบราณ
“พี่หลิง นี่……เข้าไปอย่างไร” เถียนจือเชียนมองต้นไม้โบราณ สีหน้าว่างเปล่า ถึงจะได้ใช้ไข่มุกเทพต้องห้าม ต้นไม้นี่มีอะไรที่เร้นลับอย่างเห็นได้ชัด แต่ดูอย่างไรก็ไม่มีทางเข้านะ!
หลิงอวิ๋นเฮ่อยิ้ม “ทุกท่านโปรดตามข้ามา” พูดแล้ว เขาสะบัดแขนเสื้อ บินขึ้นไปบนต้นไม้
ทุกคนเห็นแล้วก็พากันปฏิบัติตาม
โม่เทียนเกอหยุดอยู่บนกิ่งของต้นไม้โบราณ ก้มหน้าลงมอง บรรลุขึ้นมาทันควัน ที่แท้บนกิ่งหลักของต้นโม้โบราณนี้มีปากถ้ำแห่งหนึ่ง เพียงแต่ปากถ้ำนี้ไม่ใหญ่เลย การเคลื่อนไหวของพลังวิญญาณข้างในยิ่งคลุมเครือมาก คนตั้งหลายคนถึงกับล้วนสัมผัสไม่ได้
หลิงอวิ๋นเฮ่อไม่ได้พูดจา บนร่างมีแสงวิญญาณคุ้มครองร่างปกคลุมขึ้นมา กระโดดลงไป
ห้าคนที่เหลือพอเห็น หลิงอวิ๋นเฟยตามลงไปทันที ต่อด้วยเถียนจือเชียนและหยางเฉิงจี โม่เทียนเกอมองเทียนฉานแวบหนึ่ง ร่ายศาสตร์หนึ่งปราณต้นกำเนิดก่อตัวเป็นม่านพลังวิญญาณคุ้มครองร่างอยู่รอบกายแล้วก็กระโดดลงไปด้วย
ในความมืดมิด ข้างหูมีเสียงลมหวีดหวิว คนตกลงไปเรื่อย ๆ โม่เทียนเกอขยายจิตหยั่งรู้ ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ตามคาด กำแพงอาคมที่นี้ก็มีผลสะกดต่อจิตหยั่งรู้ด้วย ขอเพียงเป็นสถานที่แห่งโบราณกาล กำแพงอาคมที่ผู้ฝึกตนเหล่านี้ทิ้งเอาไว้ กว่าครึ่งจะมีการสะกดจิตหยั่งรู้ นางไม่ได้ประหลาดใจจนเกินไป
นอกจากนี้ พลังวิญญาณในที่นี่อลหม่านจริง ๆ คล้ายกับว่ามีกำแพงอาคมมากมายหลายชนิดสานเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีปราณน่าสะอิดสะเอียนอันพิสดาร ค่อนข้างซับซ้อน สถานที่แห่งนี้ เกรงว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่อ่อนแอหน่อยยังยากจะฝืนทนอยู่ เป็นลมปราณนานาชนิดที่อลหม่านจนเกินไป ง่ายมากที่จะทำลายสมดุลในตัวเองของผู้ฝึกตน กัดกร่อนชีพจรปราณ
คิดว่าที่หลิงอวิ๋นเฮ่อหอบไข่มุกเทพต้องห้ามก็คือการคำนึงถึงด้านนี้ มีไข่มุกซึ่งจำกัดกำแพงอาคมพลังวิญญาณจึงจะสามารถรับประกันว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นต้นในหมู่พวกเขาจะสามารถเข้าไปอย่างราบรื่นด้วย
คิดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอล้วงผังปากั้วไท่จี๋ออกจากในกระเป๋าเอกภพเงียบ ๆ แล้วเก็บไว้ในแขนเสื้อ นี่ทำให้พลังวิญญาณบริเวณนางกลายเป็นนุ่มนวลขึ้นมามาก
ผ่านไปพักหนึ่ง แสงสลัวของไข่มุกเทพต้องห้ามหยุดลง จากนั้น โม่เทียนเกอก็เหยียบลงบนพื้นจริง ๆ
รอจนเทียนฉานก็ตกลงมา ทั้งหกคนกระโดดลงมาครบแล้ว
“ทุกท่าน” หลิงอวิ๋นแฮ่อหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับทุกคน “การเดินทางนี้จะเดินทางอย่างไร พวกเราได้ปรึกษากันมาแล้ว ออกไปจากที่นี่ก็คือหุบเขาไร้กังวล ผู้แซ่หลิงขอเน้นย้ำเรื่องหนึ่งอีกครั้ง พวกท่านให้ดีที่สุดอย่าไปไกลจากข้าเกินร้อยจ้าง ไม่มีไข่มุกเทพต้องห้าม ถึงพวกเราจะก่อเกิดตานกันแล้ว อยู่ในหุบเขาไร้กังวลก็จะถูกลมปราณอันอลหม่านเหล่านี้สะกดระดับการฝึกตน ถึงเวลาหากเจอกับอสูรร้ายตัวสองตัวก็จะอันตรายแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะลงมาก็สัมผัสได้แล้วว่าที่นี่ไม่เรียบง่าย พลังวิญญาณอลหม่านขนาดนี้ ยังมีปราณมารและปราณอันน่าสะอิดสะเอียน ในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ พลังศักดิ์สิทธิ์จะยิ่งใหญ่อีกแค่ไหนสามารถแสดงออกมาได้ครึ่งหนึ่งก็ไม่เลวแล้ว
“ดี พวกเราไปต่อ” หลิงอวิ๋นเฮ่อพูดจบก็หมุนตัวเดินสำรวจทาง
ขณะนี้ โม่เทียนเกอเพียงรู้สึกว่าแสงสลัวเหนือศีรษะมืดลง พลังวิญญาณเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทางเข้าของต้นไม้โบราณด้านบนจู่ ๆ หายไป
หลิงอวิ๋นเฟยเงยหน้ามอง ไม่สบายใจอยู่บ้าง “พี่รอง ทางเข้านี้จะต้องใช้ไข่มุกเทพต้องห้ามจึงจะสามารถเปิดออกหรือ”
หลิงอวิ๋นเฮ่อเอาไข่มุกเทพต้องห้ามเก็บเข้าอกเสื้อ นำทางพลางกล่าวพลางว่า “ไม่ใช่ อันที่จริงหุบเขาไร้กังวลไม่ได้มีเพียงทางเข้าแห่งนี้เลย เพียงแต่ทางเข้าอื่นล้วนอันตรายมาก มิใช่มีอสูรร้ายก็มีลมปราณประหลาด มีเพียงที่นี่ที่กำแพงอาคมค่อนข้างอ่อนแอ ขอเพียงทำลายมันก็พอ”
“ทำไมกำแพงอาคมนี้ถึงปิดด้วยตัวเองล่ะ”
คำถามข้อนี้ทำให้หลิงอวิ๋นเฮ่อถอนหายใจ “ทักษะแห่งกำแพงอาคมของโบราณกาล เทียบกับทุกวันนี้ไม่รู้ว่าสูงส่งกว่าเท่าไร แล้วหุบเขาไร้กังวลยังเป็นแดนสุขาวดีของยุคโบราณกาล จะต้องมียอดคนผู้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ฝึกตนที่นี่ ดังนั้นกำแพงอาคมเหล่านี้จะต้องเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนในระดับที่สูงกว่าพวกเรามากทิ้งเอาไว้ พวกเขาพลังศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ ย่อมมิใช่กำแพงอาคมของโลกเซียนทุกวันนี้จะสามารถเทียบได้”
หลิงอวิ๋นเฮ่อพูดจบ เบื้องหน้าสายตาปรากฏแสงสว่างขึ้นแล้ว เดินไปทางแสงสว่าง ทะลุผ่านหินขรุขระและดินโคลน เบื้องหน้าสายตากระจ่างแจ้งขึ้นมาทันใด
………………………………….
ตอนที่ 372 – ม่านพลังไร้สภาพ