เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วลงไปแช่น้ำพุร้อน เธอก็แอบตรงมุมเล็กๆ เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงเดินลงมาในบ่อน้ำพุร้อน เจี่ยนอี๋นั่วก็ค่อยๆเข้าไปหาเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงหันไปมองเธอพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า "คุณขยับเข้ามาอีกก็ได้"
เจี่ยนอี๋นั่วเข้าไปยังข้างกายของเซ่าถิงทันที เธอกระพริบตาและมองเหลิ่งเซ่าถิงพร้อมกับกล่าวเบาๆ "ฉันขยับมาแล้ว"
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า เธอยกมือขึ้นไปกดที่แขนของเหลิ่งเซ่าถิง เธอบีบอยู่สองสามครั้ง เธอหน้าแดงและกล่าว "เป็นอย่างไรบ้าง? ให้นวดตรงไหน?"
เหลิ่งเซ่าถิงโน้มตัวไปและจูบริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว "คุณต้องใช้แรงให้มากกว่านี้"
เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นคล้องคอของเหลิ่งเซ่าถิงและพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่ได้ ฉันไม่มีแรงแล้ว ฉันปวดนิ้วมาก บีบต่อไม่ได้ จู่ๆฉันก็ไม่สามารถนวดให้คุณได้แล้ว.."
เหลิ่งเซ่าถิงหรี่สายตามองเจี่ยนอี๋นั่ว "คุณนี่ช่างกลับไปกลับมา พูดแล้วก็ไม่ยอมทำตามคำพูด ไม่กลัวผมโมโหหรือไง?"
"ไม่กลัว…" เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้น เธอกระซิบข้างหูเซ่าถิง "ฉันคิดดีแล้ว ฉันไม่นวดให้คุณแล้ว แต่ฉันสามารถใช้ร่างกายทดแทนได้"
เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขากอดอี๋นั่วและถามด้วยรอยยิ้ม "ร่างกายทดแทน? ทดแทนอย่างไร?"
เจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้าขึ้น เธอจูบที่มุมปากของเหลิ่งเซ่าถิงและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม "ก็ทดแทนแบบนี้…"
จากนั้นอี๋นั่วก็ยืดขาออกมาและเกี่ยวเอวเหลิ่งเซ่าถิง เธอกล่าวเสียงเบาและทำท่าทีออดอ้อนพร้อมกับกระพริบตาใส่เซ่าถิง "แล้วก็ยังมีการชดเชยแบบนี้…"
ดวงตาของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นมืดมน เขาโน้มตัวเข้าหาอี๋นั่วและกล่าวเสียงดุดัน "อย่าร้องไห้เพราะความเจ็บปวดในครั้งนี้แล้วกัน"
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากอย่างประหม่า เธอพยักหน้าช้าๆและตอบ "อืม…"
เมื่อสิ้นเสียง อี๋นั่วก็หดตัวลงในอ้อมแขนของเหลิ่งเซ่าถิง เธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร เหลิ่งเซ่าถิงเช็ดน้ำตาให้กับเธออย่างช่วยไม่ได้ เขาพูดและยิ้ม "ครั้งนี้คุณจงใจยั่วยุผม แล้วทำไมยังร้องไห้?"
เจี่ยนอี๋นั่วสูดลมหายใจเข้าและพิงไหล่ในอ้อมแขนของเซ่าถิง เธอกล่าวอย่างงอแง "ฉันแค่อยากร้องไห้"
"เป็นเพราะว่าเจ็บเหรอ?" เหลิ่งเซ่าถิงถามด้วยเสียงแหบพร่า
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปากและส่ายหน้า แม้ว่าในครั้งนี้เธอยังคงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่มันเป็นเพราะความเขินอายมากกว่า เธอคบหากับเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงนั้นแคร์เธอใส่ใจเธอมากกว่าเก่า ทำให้เธอมีความสุขมากขึ้น
เจี่ยนอี๋นั่วเอื้อมมือไปกอดเหลิ่งเซ่าถิงและกระซิบเบาๆ "เป็นเพราะว่าฉันรู้สึกดีมาก เรื่องระหว่างชายและหญิงนั้นฉันไม่เคยเข้าใจมาก่อน เมื่อฉันได้ยินเกี่ยวกับสตรีผู้สูงศักดิ์ ก็รู้สึกว่าใครบางคนมีความสุขเพียงเล็กน้อย เธอหนีตามคนป่า ละทิ้งครอบครัวและสถานะ มันช่างดูเป็นเรื่องที่เกินจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันพบเจอแล้วและฉันก็พอจะเข้าใจ"
"ผมเป็นคนป่าของคุณหรือ?" เหลิ่งเซ่าถิงถามและยิ้ม
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากยิ้มและพูดว่า "อื้อ ก็คนป่าของฉัน"
เหลิ่งเซ่าถิงคว้าอี๋นั่วไว้และถาม "คุณจะหนีตามผมไหม?"
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและตอบ "ไม่ใช่ว่าฉันวิ่งตามคุณตั้งนานแล้วหรอกเหรอ?"
เหลิ่งเซ่าถิงได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มและก้มศีรษะลงมอบจุมพิตให้แก่อี๋นั่ว "นี่นับว่าเป็นคำชมหรือเปล่า?"
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าและคล้องคอเหลิ่งเซ่าถิง "นี่คือคำชมเชยที่หาที่สุดไม่ได้ของเจี่ยนอี๋นั่ว"
เหลิ่งเซ่าถิงกอดเจี่ยนอี๋นั่ว เขาหมุนตัวกลับและใช้ร่างกายกดทับอี๋นั่วไว้ "ผมดีใจมาก ดังนั้นผมควรให้รางวัลแก่คุณด้วยหรือเปล่า?"
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตามองเหลิ่งเซ่าถิง "รางวัลอะไร?"
เหลิ่งเซ่าถิงโน้มตัวไปจูบริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วและกล่าว "ก็อีกครั้งไง"
เจี่ยนอี๋นั่วสะดุ้งและส่ายหน้าอย่างตื่นตระหนก "นี่..นี่เหมือนกับว่าไม่ใช่รางวัลเลย"
"ใช่สิ…." เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวเบาๆและจุมพิตเธออีกครั้ง
เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆเดินลงจากเตียง เธอเห็นเหลิ่งเซ่าถิงกำลังยืนอยู่ตรงระเบียง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปหาเขาและยื่นมือออกไปเพื่อกอดเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงหันศีรษะมามองอี๋นั่ว เขากล่าว "คุณไม่เหนื่อยเหรอ? ทำไมรีบตื่น?"
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปาก พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "เหนื่อยนิดหน่อย แต่อยากพบหน้าคุณ"
เหลิ่งเซ่าถิงหมุนตัวกลับมากอดอี๋นั่วไว้ เขาก้มศีรษะและจูบเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอี๋นั่วตอบรับจูบของเหลิ่งเซ่าถิง แต่เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆมอบจุมพิตอย่างช้าๆ เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นและผลักเขาออกไป "คุณเป็นอะไรไป?"
เหลิ่งเซ่าถิงกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า "ให้ผมได้กอดคุณอีกครั้ง"
เมื่อเหลิ่งเซ่าถิงกล่าว เขาก็ก้มหน้าลงและจูบเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกถึงจูบของเหลิ่งเซ่าถิงที่มีอาการสั่นเทาเล็กน้อย อี๋นั่วอดไม่ได้เธอยกมือขึ้นและผลักเขาอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เธอก็ยังกอดเหลิ่งเซ่าถิงไว้พร้อมกับหลับตาลง
หรือว่าที่ตระกูลเหลิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้น? จึงทำให้เหลิ่งเซ่าถิงกระวนกระวาย? หรือว่าไม่อยากให้พวกเขามีลูกกันงั้นหรือ?
เจี่ยนอี๋นั่วพยายามถามอยู่หลายครา แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ปิดปากเงียบ จากนั้นอี๋นั่วจึงยอมแพ้และหยุดถาม
หลังจากวันหยุดพักผ่อนผ่านไปไม่กี่วัน เจี่ยนอี๋นั่วนั้นไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เธอได้ละทิ้งและปล่อยความเศร้าโศกไปแล้ว เธอจึงผ่อนคลายขึ้นมาก ในขณะที่ขึ้นเครื่องบินเจี่ยนอี๋นั่วก็หันไปมองเกาะอย่างเสียดาย เหลิ่งเซ่าถิงจับมือเธอไว้ เธอจึงหันหน้ากลับมาและเดินขึ้นเครื่องบินจากนั้นก็ออกจากเกาะ
"ฉันควรหยิบทรายมาเป็นของที่ระลึก" ในขณะที่เครื่องบินลงจอด เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังคงบ่นพึมพำ
เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขายิ้มและกล่าว "ถ้าคุณต้องการจริงๆ ผมจะให้คนส่งไปรษณีย์มาให้"
"มันไม่เหมือนกัน" เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหน้า "ฉันไม่ได้เก็บของ ความหมายมันไม่เหมือนกัน เราควรเก็บด้วยตัวเองจากนั้นก็เอามาใส่ขวดแล้วก็เอากลับมา นี่สิถึงจะมีความหมาย แต่ช่างเถอะ เรายังมีครั้งหน้า"
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้ม เขามองไปยังเจี่ยนอี๋นั่วและพยักหน้า "ใช่ เรายังมีครั้งหน้า"
เจี่ยนอี๋นั่วมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิงที่มีน้ำเสียงจริงจัง เธออดไม่ได้ที่จะถามเขา "ทำไมคุณ…"
ก่อนที่คำถามจะถูกถาม ทันใดนั้นเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น "ประธานเหลิ่ง คุณนายเหลิ่งให้ผมมารับคุณกลับคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่ง"
เมื่อได้ยินคำว่า คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่ง การแสดงออกบนใบหน้าของเหลิ่งเซ่าถิงก็มืดมนลงในทันที เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น ความทรงจำที่โชคร้ายและเหตุการณ์ในอดีตที่ยากจะทนไหวก็หวนคืนกลับมาที่เจี่ยนอี๋นั่วเมื่อเธอได้ยินคำว่า คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่ง วันหยุดพักผ่อนบนเกาะที่เป็นเหมือนความฝันก็สลายไปในพริบตา
เจี่ยนอี๋นั่วกัดริมฝีปากล่างของเธอและบีบมือของเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อได้ยิน เหลิ่งเซ่าถิงก็พยักหน้าและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา "อืม พวกเราจะกลับไป"
หลังจากเจี่ยนอี๋นั่วและเหลิ่งเซ่าถิงขึ้นรถแล้วพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไร มีเพียงมือทั้งสองที่จับกันแน่น เมื่อถึงคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลเหลิ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เจี่ยนอี๋นั่วกลับรู้สึกหดหู่และหายใจไม่ค่อยออก เธอต้องสูดลมหายใจลึกๆจากนั้นจึงค่อยลงจากรถ
เมื่อเข้าประตูคฤหาสน์ใหญ่ คุณนายเหลิ่งและสุยเฉิงจิ้งก็ได้ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว ทันทีที่เธอเห็นเจี่ยนอี๋นั่ว คุณนายเหลิ่งก็รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าพร้อมกับแสดงท่าทีเป็นกังวล เธอดูโศกเศร้าและกล่าวกับอี๋นั่ว "ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าสงสาร พบเจอกับเรื่องที่น่าเศร้าเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อฉันได้ข่าว ฉันนั้นตกใจแทบแย่ ไม่อยากจะเชื่อเลย ผู้ชายคนนั้นช่างเลวร้าย"
สุยเฉิงจิ้งก็น้ำตาไหลและกล่าว "ใช่ ทำไมถึงร้ายกาจได้ขนาดนั้น? ไม่ใช่ว่าพ่อของเธอนั้นไม่มีสติไปแล้วหรือ? ไม่สามารถทำอะไรได้…และสติไม่ค่อยเต็ม ทำไมถึงได้ลงมือลงไม้กับคนพิการแบบนั้น ดังนั้น เด็กสาวเวลาคบกับผู้ชายต้องระวังให้ดี ฉู่หมิงเซวียนนั้นโหดเหี้ยมมาก ถ้าหากว่าไม่ใช่ว่าเธอและเขากำลังคบกันอยู่ ตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"
คุณนายเหลิ่งหันหน้ามาทันทีและตำหนิ "คุณนายรอง พูดแบบนั้นได้อย่างไร?"
สุยเฉิงจิ้งถอนหายใจในทันที ทำท่าทีราวกับว่าเธอเพิ่งค้นพบว่าตนเองนั้นกล่าวไม่ถูกต้อง "จริงด้วย ฉันพูดผิดไป ฉันนั้นรู้สึกเศร้าเสียใจและตกใจมาก คาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเจี่ยนมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น อี๋นั่ว เธออย่าไปสนใจเลย"
เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองไปยังคุณนายเหลิ่งและสุยเฉิงจิ้ง ถ้าพวกเขาเป็นภรรยาของคนธรรมดา เจี่ยนอี๋นั่วอาจยังคงเชื่อว่าน้ำตาของพวกเธอเป็นเรื่องจริง แต่พวกเธอเป็นคนของตระกูลเหลิ่ง เรื่องราวแบบนี้พวกเธอเจอมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำมาแล้วกี่หนต่อกี่หน จะมาร้องไห้ด้วยความจริงใจในเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?
แต่เจี่ยนอี๋นั่วยังคงยิ้มให้กับพวกเธอและกล่าว "ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย ฉันรู้ว่าอาสะใภ้รองนั้นดีกับฉัน"
คุณนายเหลิ่งสัมผัสเบาๆบนหลังมือของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "ช่างเป็นเด็กดีที่เข้าใจสถานการณ์ เธอเองก็เหนื่อยแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนชั้นบนเถอะ"
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า "ขอบคุณ คุณย่า"
ทันทีที่เจี่ยนอี๋นั่วหมุนตัวกลับมา คุณนายเหลิ่งก็ลดเสียงลงทันทีและพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง "เซ่าถิง มากับฉัน! ฉันมีธุระจะคุยด้วย!"
MANGA DISCUSSION