หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 84 ผมชอบคุณ
เหลิ่งเซ่าถิงจับมือของเจี่ยนอี๋นั่วไว้แน่น ดึงเจี่ยนอี๋นั่วอย่างแน่นหนาไว้ข้างกายเขา เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วจับมือตอบเหลิ่งเซ่าถิง นิ้วมือสะกิดตรงฝ่ามือของเหลิ่งเซ่าถิงเบาๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงใช้หน้ากากอนามัยปิดบังหน้าครึ่งหนึ่ง ตาทั้งสองข้างมองตรงไปยังด้านหน้า ดูแล้วไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์แต่อย่างใด ทันใดนั้นมือของเธอที่ซุกซนยิ่งนับวันก็ยิ่งซนมากขึ้น จู่ๆมือของเธอก็ถูกเหลิ่งเซ่าถิงจับไว้แน่น ทำให้ข้อมือของเธอไม่สามารถดิ้นได้
“ตอนนี้ห้ามกวน” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงต่ำ
“ก็ได้” เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วขดกลับไป
“กลับไปถึงบ้านค่อยกวน” เหลิ่งเซ่าถิงหันหน้ามามองเจี่ยนอี๋นั่ว หรี่ตาแล้วพูด ตาของเขาโค้งเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนกำลังยิ้ม
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิง ก็พยักหน้าเบาๆ อดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเหลิ่งเซ่าถิง เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มไปด้วย คิดในใจไปด้วย:บ้าน? น้อยมากที่เหลิ่งเซ่าถิงจะพูดถึงคำว่าบ้าน ดูแล้วห้องลับที่เป็นบ้านพักอยู่ในหมู่บ้านนี้มีความหมายต่างกับที่เขาพูดจริงๆ
หลังจากที่มาถึงชั้นบน เหลิ่งเซ่าถิงเบียดกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าออกมา พาเจี่ยนอี๋นั่วเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วมาถึงหน้าประตูห้อง เหลิ่งเซ่าถิงหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูอย่างชำนาญ หันหน้าไปพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“เข้ามาสิ”
เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในห้อง เธออดไม่ได้ที่จะตกใจ ครั้งแรกตอนที่เธอเข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่ง เคยตกใจกับความหรูหราของคฤหาสน์ตระกูลเหลิ่ง แต่ที่เธอตกใจในตอนนี้ กลับเป็นห้องนี้ที่ธรรมดา ทุกอย่างเรียบง่ายไปหมด ชุดเฟอร์นิเจอร์สีครีม ต้นไม้เอื่อยๆที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไรปลูกไว้อยู่ตรงมุมห้อง บนชั้นหนังสือที่มีหนังสือวางมั่วไปหมด บางเฟอร์นิเจอร์ก็ค่อนข้างจะเก่าแก่ ดูแล้วไม่เหมือนห้องที่พึ่งจะตกแต่งเสร็จใหม่ๆ
ดูแล้วไม่น่าจะเป็นสถานที่ที่เหลิ่งเซ่าถิงจะพักอาศัยได้ เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยความคาดไม่ถึง:“นี่คือ‘บ้าน’ของคุณ?”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า:“คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่งสำหรับผมแล้ว เป็นสนามรบอีกที่หนึ่ง และผมก็ไม่ใช่ท่อนไม้ จะไม่มีความรู้สึกเลยได้ยังไง? ตอนที่อายุสิบเจ็ดสิบแปด ผมยังควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตัวเองได้ดีอยู่ ทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี ก็จะมาพักอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน รอให้ตัวเองอารมณ์ดีขึ้นแล้วค่อยกลับไปเผชิญหน้ากับทุกอย่าง หลังจากนั้นถึงแม้ว่าผมจะควบคุมตัวเองได้ดีกว่าเดิมแล้ว แต่การมาพักผ่อนที่นี่มันกลายเป็นความเคยชินของผมไปแล้ว ต่อมาผมก็ถูกรถชน พอตื่นขึ้นมาก็มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เลยไม่ได้มาที่นี่อีก มีแค่วันที่อารมณ์ไม่ดี ถึงจะมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นบ้านของผมคนเดียว แต่ตอนนี้ถือว่าเป็นบ้านของพวกเราสองคน”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากยิ้ม แล้วพูดเสียงเบา:“บ้านของพวกเราสองคนด้วย นี่สารภาพรักหรือเปล่าเนี่ย?”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า หันร่างไปโอบเอวของเจี่ยนอี๋นั่วไว้:“ผมเคยบอก ผมชอบคุณ……”
เหลิ่งเซ่าถิงที่เดิมทีเย็นชากับเจี่ยนอี๋นั่ว จู่ๆก็เอาแต่สารภาพต่อหน้าเธอ มันทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย และภูมิใจอีกด้วย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แล้วพูดเสียงเบา:“คุณพูดแต่ชอบฉันแบบนี้ มันทำให้ฉันลำบากใจนะ คุณไม่ต้องสารภาพตลอดหรอก ให้ฉันเก็บไปคิดก่อน รอฉันปฏิเสธคุณแล้วคุณค่อยสารภาพต่อ……”
เจี่ยนอี๋นั่วเอื้อมไปหาความชั่วร้ายในใจเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าก่อนหน้านี้เธอสารภาพกับเหลิ่งเซ่าถิงตั้งหลายครั้ง ตอนนี้ถูกเหลิ่งเซ่าถิงล่วงเกิน แล้วพอเขาสารภาพรักก็แจ้นไปหาเหลิ่งเซ่าถิงเลย เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบมาก เธอเลยอยากฟังคำสารภาพของเหลิ่งเซ่าถิงเยอะกว่านี้อีกหน่อย ถึงจะกู้หน้าของเธอกลับมาได้
“ลำบากใจ? ยังต้องเก็บไปคิดอีก?” เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว เขาจ้องเจี่ยนอี๋นั่วแล้วถามด้วยความสงสัย:“ตอนแรกคุณร้องไห้นานมากเพราะผมไม่ชอบคุณ ตอนนี้กลับลำบากใจ? ถ้าคุณไม่ชอบผม แล้วปฏิเสธผม……”
“ฉันชอบคุณ!ไม่มีทางปฏิเสธหรอก!” เจี่ยนอี๋นั่วที่เมื่อกี้แสร้งถือตัวรีบพูดออกมาทันที กลัวว่าถ้าช้าสักวินาที ทุกอย่างที่เหลิ่งเซ่าถิงเขาสารภาพกับเธอจะเป็นโมฆะ!
เหลิ่งเซ่าถิงเห็นปฏิกิริยาของเจี่ยนอี๋นั่ว ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา:“คุณเปลี่ยนได้เร็วจริงๆ”
เจี่ยนอี๋นั่วกระแอมอย่างเคอะเขิน แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา:“ช่วงนี้คุณมาที่นี่ครั้งหนึ่ง งั้นมาเมื่อไหร่เหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้เหลิ่งเซ่าถิงมีช่วงที่อารมณ์ไม่ดีด้วย? เขาดูแล้วเข้มแข็งขนาดนั้น ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรกระทบความรู้สึกของเขาได้ จะมีเรื่องให้ไม่สบายใจได้ยังไง? หรือว่าเป็นเพราะเธอ?
“ตอนนั้น……” เหลิ่งเซ่าถิงพูดถึงตรงนี้ ก็หยุดลง แล้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“ตอนนั้นเครียดเรื่องงานน่ะ”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดแล้วหันหน้าเอียงเล็กน้อย ไม่ได้มองเจี่ยนอี๋นั่วอีก ช่วงนี้ที่เขามาที่นี่ครั้งนั้น ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะเรื่องงาน แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน คืนนั้นที่เจี่ยนอี๋นั่วอยู่ด้วยกันกับเหลิ่งหมิงอันตามป่า แล้วจู่ๆก็กดตัดสายโทรศัพท์ของเขา เหลิ่งเซ่าถิงมาที่นี่ หลังจากที่นั่งที่นี่ทั้งคืน ถึงจะกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเหลิ่ง แค่เหลิ่งเซ่าถิงไม่อยากพูดกับเจี่ยนอี๋นั่วเรื่องนี้ เขามองเห็นความภูมิใจบนใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว ถ้าพูดเรื่องนี้กับเจี่ยนอี๋นั่ว ไม่รู้ว่าเธอจะภูมิใจเพิ่มอีกมากแค่ไหน
เปรียบเทียบดูเมื่อกี้แล้วถ้าด้านหลังเจี่ยนอี๋นั่วมีหางละก็ คงส่ายไปส่ายมาอย่างภูมิใจไม่หยุดแน่ๆ เหลิ่งเซ่าถิงชอบเห็นเจี่ยนอี๋นั่วมองเขาด้วยท่าทางงอนมากกว่า หน้าของเธอเหมือนไม่เต็มใจที่จะมองเขา แล้วถามเขาไม่หยุดว่าทำไมถึงไม่ชอบเธอด้วยท่าทางน่าสงสารนั่น
เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยคบกันผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่ประสบการณ์ที่อยู่ที่ศูนย์การค้าพบปะกับผู้คนเป็นเวลานานบอกเขาว่า ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามภูมิใจ แล้วมองไพ่ตายของตัวเองให้ชัดเจน ไม่มีทางเป็นเรื่องดีแน่นอน โดยเฉพาะต่อหน้าเจี่ยนอี๋นั่วที่ภูมิใจแบบนี้จะกลายเป็นผู้หญิงที่พอได้คืบจะเอาศอก
“อ๋อ……” เจี่ยนอี๋นั่วที่หวังว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะพูดคำสารภาพออกมาอีก ก้มหน้าลงด้วยความผิดหวังเล็กน้อย พูดเสียงเบา:“ที่แท้ก็เป็นเรื่องงานงั้นสินะ? งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนละกัน แต่ฉันไม่มีเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน”
เหลิ่งเซ่าถิงพยักหน้า ยิ้มแล้วพูด:“คุณไปเถอะ ผมจะไปซื้อชุดให้คุณเอง”
“คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันใส่ไซส์อะไร?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วถาม
“รู้สิ……” เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วพูด:“ผมเคยสัมผัสมาหมดแล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วคิดไม่ถึงว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะตอบแบบนี้กับเธอ พอคิดว่าเหลิ่งเซ่าถิงสัมผัสเธอยังไง เธอก็หน้าแดงขึ้นทันที แม้แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่ชายตามอง เธอรีบหมุนร่างเดินเข้าห้องน้ำไป เข้าไปในห้องน้ำก็เข้าไปอาบน้ำเลย หลังจากที่ชำระล้างสิ่งสกปรกและความเหนียวตัวออกไปแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ยืนอยู่หน้ากระจก มองรอยที่เหลิ่งเซ่าหลงเหลือไว้บนร่างกายเธอ เธอหน้าแดงขึ้นมา แล้วพึมพำเสียงเบา:“จริงๆเลย……”
คำด่าวนไปวนมาอยู่ข้างปากเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่อยากจะเอาคำว่า“สารเลว”มาใช้กับเหลิ่งเซ่าถิง สุดท้ายทำได้แค่ด่าเสียงเบาๆและไม่แรงเกินไป:“ชั่วร้ายจริงๆเลย!”
พอประโยคนี้ออกจากปาก ถึงแม้ว่าในห้องน้ำจะมีแค่เจี่ยนอี๋นั่วคนเดียว แต่เธอก็ยังรู้สึกแปลกๆ นี่กำลังด่าคนเหรอ? นี่ด่าแบบหยอกเล่นต่างหาก
“ไม่มีอนาคตเลยจริงๆ!” เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะโบกมือกับเหลิ่งเซ่าถิง แล้วตัวเองที่รีบเดินไปด้านหลังของเหลิ่งเซ่าถิง ก็ดูถูกตัวเองด้วยการด่าออกมาเหมือนพูดอยู่คนเดียว
เวลานี้ประตูห้องน้ำก็ถูกเคาะขึ้นมา เจี่ยนอี๋นั่วรีบเปิดประตู พอเปิดประตู เธอก็ยื่นหน้าออกมาดู เห็นว่าเป็นเหลิ่งเซ่าถิงที่ถือเสื้อผ้าอยู่หน้าประตู เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่วที่บนร่างกายยังมีหยดน้ำอยู่ สายตาอึมครึมเล็กน้อย พูดเสียงขรึม:“อาบสะอาดแล้วเหรอ? ให้ผมช่วยคุณไหม? เมื่อกี้ตอนเดินคุณยังเดินไม่ค่อยไหวเลย ตอนนี้จะอาบน้ำเองไหวเหรอ?”
ถึงแม้ว่าตอนพูดเหลิ่งเซ่าถิงจะพูดด้วยท่าทางจริงจัง เพื่อให้คนอื่นมองความหมายแฝงที่เขาจะสื่อไม่ออก แต่ถ้าเหลิ่งเซ่าถิงช่วยเจี่ยนอี๋นั่วอาบน้ำ มันมีจะเรื่องดีอะไรเกิดขึ้นได้อีก?
ถึงแม้ว่าในใจเจี่ยนอี๋นั่วจะคาดการณ์ถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในห้องน้ำของคนสองคนได้ นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ แต่ร่างกายของเจี่ยนอี๋นั่วในตอนนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยพูดเสียงเบา:“เรื่องแบบนั้นค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน ฉันไม่อยากจะอาบน้ำใหม่อีกรอบ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็รีบแย่งเสื้อผ้าในมือของเหลิ่งเซ่าถิงมา แล้วปิดประตูห้องน้ำ เหลิ่งเซ่าถิงยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ หัวเราะแล้วถาม:“เรื่องแบบนั้น? แล้วจะได้ทำเมื่อไหร่? พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้?”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปากแล้วหน้าแดง คิดอย่างจริงจังสักพัก แล้วพูดออกไปอย่างติดๆขัดๆ:“มะ มะรืนนี้แล้วกัน!”
เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาพยักหน้าแล้วพูด:“ก็ได้ ผมจะรอคุณนะ”
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา ดึงชุดออกกำลังกายบนร่างเธอไปมา:“คิดไม่ถึงว่าเสื้อผ้าที่คุณซื้อมามันพอดีตัวกับฉันเลย”
เหลิ่งเซ่าถิงยกมือขึ้นมาขยี้หัวของเจี่ยนอี๋นั่ว:“ไปกินข้าวเถอะ”
ห้องไม่ใหญ่มาก เจี่ยนอี๋นั่วเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงโต๊ะกินข้าวแล้ว มองโจ๊กและกับข้าวเล็กๆน้อยๆบนโต๊ะกินข้าว เจี่ยนอี๋นั่วก็ยิ้มแล้วถาม:“คุณซื้อมาเหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า:“ผมทำเอง”
“อะไรนะ?” เจี่ยนอี๋นั่วคีบกับข้าว แล้วจู่ๆก็นิ่งอึ้งไป:“คุณทำกับข้าวเป็น?”
เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วถาม:“แปลกมากเลยเหรอ? ทำกับข้าวน่าสนุกดีออก คุณทำไม่เป็น?”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มปาก แล้วพูดเสียงเบา:“ถ้าไข่ต้มนับว่าเป็นกับข้าว งั้นฉันก็ทำกับข้าวเป็น”
“ต้มไข่ได้ดี นี่ก็ไม่ง่ายเลยนะ” เหลิ่งเซ่าถิงยิ้มแล้วพูด:“ต่อไปคุณก็รักษาท่าทีแบบนี้ไว้ให้ดีนะ อย่าเผยให้เห็นเอาได้ง่ายๆ ต่อไปถ้าพวกเรามาที่นี่ด้วยกัน ผมจะทำกับข้าวให้เยอะหน่อย”
“หา……” เจี่ยนอี๋นั่วเกาศีรษะ ยิ้มแล้วพูด:“เหมือนว่าฉันจะเก็บของล้ำค่าได้ซะแล้วล่ะ”
เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า:“ไม่ใช่เหมือนว่า แต่คุณเก็บของล้ำค่าได้จริงๆ”
“ชมตัวเองขนาดนี้ ฉันรู้สึกทำตัวไม่ถูกแล้วนะเนี่ย” เจี่ยนอี๋นั่วบ่นแล้วชี้มาที่ตัวเอง กะพริบตามองเหลิ่งเซ่าถิง:“คุณชมตัวเองแบบนี้ แล้วฉันล่ะ?”
เหลิ่งเซ่าถิงเท้าคาง มองเจี่ยนอี๋นั่วอย่างจริงจัง:“คุณเป็น……”
เจี่ยนอี๋นั่วกะพริบตา มองเหลิ่งเซ่าถิงตาปริบๆ หวังจะได้ยินคำชมดีๆออกมาจากปากเหลิ่งเซ่าถิง
จู่ๆเหลิ่งเซ่าถิงก็ยิ้มขึ้นมา:“แมว คุณเป็นแมว……เป็นแมวที่เวลาผิดหวังก็จะหงอยเหงาเศร้าซึม พอเวลาภูมิใจก็โหดอย่างกับกางกรงเล็บไว้รอแล้ว”