หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 82 จำไม่ได้แล้ว
เหลิ่งเซ่าถิงเผชิญหน้ากับเจี่ยนอี๋นั่ว เคยเบื่อ และสติก็เคยเลอะเลือน เหลิ่งเซ่าถิงรับรู้ได้ถึงความปรารถนาที่เขามีต่อเจี่ยนอี๋นั่ว เพราะงั้นเขาพยายามที่จะยับยั้งตลอด แต่เขาแค่ไม่คิดว่าความพยายามที่จะยับยั้งความปรารถนาไม่ให้ระเบิดออกมา มันจะน่าตกใจได้ขนาดนี้ น้อยมากที่เหลิ่งเซ่าถิงจะขาดสติ ตอนที่ทำเป็นกอดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ สมองเขากลับขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก
ความปรารถนาของร่างกายได้นำพาสติทั้งหมดจากไปแล้ว
หลังจากที่เรื่องพวกนี้ผ่านไปแล้ว
เหลิ่งเซ่าถิงกับเจี่ยนอี๋นั่วนั่งอยู่ที่เบาะหลังรถ เจี่ยนอี๋นั่วหนุนขาของเหลิ่งเซ่าถิงอยู่ ยังคงหลับ มือข้างหนึ่งของเหลิ่งเซ่าถิงเชยคางขึ้นมา อีกข้างหนึ่งโอบที่ไหล่ของเจี่ยนอี๋นั่ว นิ้วขยับเล็กน้อย แล้วค่อยๆลูบที่ไหล่ของเธอ
เจี่ยนอี๋นั่วไม่เหมือนกับเหลิ่งเซ่าถิงในตอนนี้ที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เจี่ยนอี๋นั่วไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น มีแค่เสื้อคลุมของเหลิ่งเซ่าถิงที่คลุมไว้ แล้วหนุนขาของเหลิ่งเซ่าถิง ขดตัวนอนในอ้อมกอดเขา ปลายจมูกของเจี่ยนอี๋นั่วแดงไปหมด หางตาที่ปิดสนิทยังคงมีคราบน้ำตาอยู่ ทำให้นึกถึงท่าทางที่เธอน้อยใจและน่าสงสาร
ตอนที่เจี่ยนอี๋นั่วลืมตาขึ้นมา ก็เจอกับสายตาของเหลิ่งเซ่าถิง เมื่อคืนสมองเธอเหมือนจะเลอะเลือนเล็กน้อย ตอนที่เธอมองเห็นเหลิ่งเซ่าถิง นึกว่าอยู่ที่ตระกูลเหลิ่งเสียอีก
ผ่านไปสักพัก เจี่ยนอี๋นั่วกะพริบตา ถึงจะสังเกตถึงความผิดปกติของร่างกายและสถานการณ์รอบๆตัว หลังจากนั้นความทรงจำเมื่อคืนก็ทยอยกลับเข้ามาในความจำของเจี่ยนอี๋นั่ว เธอจำได้ว่าตัวเองไปเจอกับฉู่หมิงเซวียน จำได้ว่าตัวเองดื่มเหล้า ในเหล้านั้นถูกฉู่หมิงเซวียนวางยา หลังจากนั้น……
เจี่ยนอี๋นั่วรีบลุกขึ้นนั่ง ถอยไปยังอีกฝั่งของรถ กอดเสื้อคลุมของเหลิ่งเซ่าถิงเอาไว้เพื่อบดบังร่างกายของตัวเอง แล้วก้มหน้ามองร่างกายของตัวเองไปด้วย ทันใดนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็ตาแดงก่ำ:“ฉู่หมิงเซวียนสารเลวนั่น มันกล้าแตะต้องฉันงั้นเหรอ!ฉันไม่มีทางปล่อยไปแน่!”
เจี่ยนอี๋นั่วกัดฟัน น้ำตาก็ไหลลงมาด้วยความน้อยใจ พอคิดว่าเกิดเรื่องนั้นขึ้นระหว่างเธอกับฉู่หมิงเซวียน เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกสะอิดสะเอียด!
เหลิ่งเซ่าถิงมองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วขมวดคิ้ว:“คุณจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้แม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วที่คัดจมูกและตาแดงพยักหน้า:“ที่ฉันจำได้ ฉันจำได้ว่าฉู่หมิงเซวียนเขา……”
ถึงแม้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงจะไม่ได้คิดถึงว่าหลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วได้สติ เขาควรจะจัดการอย่างไร แต่สถานการณ์ตอนนี้ มันเกินที่เขาคาดคิดไว้จริงๆ เหลิ่งเซ่าถิงใช้มือกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ หลับตาแล้วพูด:“คุณไม่ลองคิดสักหน่อยเหรอว่าทำไมพวกเราถึงอยู่ที่นี่?”
“คุณหาฉันเจอ? คุณหาฉันเจอได้ยังไง? ที่อยู่กับฉู่หมิงเซวียน ฉันไม่ได้ยินยอมนะ ตอนนี้พาฉันไปแจ้งความเถอะ ร่างกายฉันตอนนี้ต้องหลงเหลือยาอยู่แน่ ฉันต้องให้ฉู่หมิงเซวียนได้รับโทษที่ทำแบบนี้กับฉัน” ตอนที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดมีเสียงสะอึกสะอื้นอยู่ด้วย แต่น้ำเสียงของเธอกลับเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มาก
“คนที่ทำผิดไม่ใช่เขา……” เหลิ่งเซ่าถิงมองไปทางเจี่ยนอี๋นั่ว พูดเสียงขรึม:“ผมเอง ผู้ชายที่ทำเรื่องแบบนั้นกับคุณคือผมเอง!ไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น!”
เจี่ยนอี๋นั่วนิ่งอึ้งไป เธอเบิกตากว้าง หลังจากที่จ้องเหลิ่งเซ่าถิงแล้วอึ้งไปชั่วขณะ ก็พูดออกมาว่า:“แต่ว่าคุณชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว ก็ขมวดคิ้วถาม:“ใครบอกว่าผมชอบผู้ชาย?”
เจี่ยนอี๋นั่วทำท่าคัดจมูก เธอตกใจมากจริงๆ คิดไม่ทันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเหลิ่งเซ่าถิง ในสมองที่วิ่งวนมีแต่คำถามว่าเหลิ่งเซ่าถิงชอบผู้ชายไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงแตะต้องเธอล่ะ
“ฉันวิเคราะห์เอง” เจี่ยนอี๋นั่วพูดเสียงเบา:“วันนั้นคุณอยากรู้เรื่องจูบระหว่างชายหญิง อย่างกับว่าไม่เคยจูบใครมาก่อน ผู้ชายแบบคุณจะไม่เคยจูบกับผู้หญิงได้ยังไง? อายุปูนนี้แล้ว ยิ่งผู้ชายที่มีจูบแรกยิ่งน้อยเลย นอกจากควบคุมตัวเอง……”
“งั้นผมจะให้คุณได้ลองตอนมีสติ คุณวิเคราะห์ดูสรุปว่าถูกไหม” เหลิ่งเซ่าถิงพูด จู่ๆก็เข้าไปใกล้เจี่ยนอี๋นั่ว มือข้างหนึ่งกดศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่วไว้ แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วเบิกตากว้าง นิ่งอึ้งไป ไม่มีปฏิกิริยาอะไรโต้ตอบกลับมา แค่ใจลอยไปตามจูบของเหลิ่งเซ่าถิง ถ้าเทียบกับการขโมยจูบครั้งที่แล้ว จูบของเหลิ่งเซ่าถิงครั้งนี้พัฒนาขึ้นมาก จังหวะการหายใจของเธอถี่ขึ้น ถึงขนาดอดใจไม่ไหวยื่นมือออกมาลูบไหล่ของเหลิ่งเซ่าถิง
ทุกอย่างมันคุ้นเคยมาก ราวกับว่าเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงเคยจูบกันมานับครั้งไม่ถ้วน
“ตอนนี้รู้หรือยังว่าผมชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย?” จูบของเหลิ่งเซ่าถิงหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วถาม
“ไม่สิ……” เหลิ่งเซ่าถิงค่อยๆจูบที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่วอีกครั้ง:“ผมชอบแค่คุณ”
เจี่ยนอี๋นั่วนิ่งอึ้งไป แล้วคล้อยตามเหลิ่งเซ่าถิงที่จูบที่ริมฝีปากของเธออย่างต่อเนื่อง ผ่านไปสักพัก เจี่ยนอี๋นั่วถึงจะได้สติ ถึงแม้ว่าเธอจะได้สติ แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็ยังคงจูบเธอต่อไป
เจี่ยนอี๋นั่วรีบผลักเหลิ่งเซ่าถิงออก ขมวดคิ้วมองเหลิ่งเซ่าถิง เธอไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง ถึงแม้ว่าถ้าเทียบกับฉู่หมิงเซวียนแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเหลิ่งเซ่าถิง ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าไม่ได้ยากที่จะอดทนขนาดนั้น เธอก็ต้องยอมรับว่าเธอยังชอบเหลิ่งเซ่าถิงอยู่ เพราะแค่จูบครั้งแรกของเหลิ่งเซ่าถิงก็ทำให้เธอใจเต้นแล้ว ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แค่เธอจินตนาการถึง เธอก็ทั้งหน้าแดงทั้งใจเต้นรัวแล้ว
แต่ความสัมพันธ์แบบนี้มันเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วสับสนเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเหลิ่งเซ่าถิงที่เย็นชากลับชอบเธอ?
“เป็นอะไรไป?” เหลิ่งเซ่าถิงที่ถูกเจี่ยนอี๋นั่วดันออกจู่ๆก็หยุดลง แล้วขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้าลง พูดเสียงเบา:“ฉันจำเรื่องเมื่อวานไม่ได้เลยสักนิด ตอนนี้มันเปลี่ยนไปมาก ฉันมึนนิดหน่อย ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉันถึงอยู่กับคุณ? ทั้งๆที่ตอนแรกอยู่กับฉู่หมิงเซวียน ทำไมจู่ๆคุณก็ปรากฏขึ้นมา? แล้วก็ คุณไม่ดีกับฉันมาตลอด ฉันมองไม่ออกเลยสักนิดว่าคุณชอบฉัน ทำไมนอนด้วยกันแค่คืนเดียว คุณก็ชอบฉันเลย? คุณจริงจัง หรือว่าเข้าใจผิดว่านอนด้วยกันแบบนี้มันค่อนข้างสบายกว่า? ก่อนหน้านี้คุณอาจจะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์นี้ คุณเลยไม่ค่อยเข้าใจ ถูกกระตุ้นชั่วขณะไม่ได้หมายความว่ามีความรู้สึกนั้นจริงๆหรอกนะ”
“ดูแล้วคุณค่อนข้างมีประสบการณ์นะ?” เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วหนัก สีหน้าอึมครึม
เจี่ยนอี๋นั่วรีบส่ายหน้า:“ฉันก็ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน แต่ก่อนหน้านี้ฉันเคยอ่านนิยายไม่ก็ดูหนัง ความรู้ทางทฤษฎีนับว่าไม่เลวนะ อีกอย่างเมื่อวานฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พอตื่นมา คุณก็บอกว่าคุณชอบฉัน……ฉันเลยงงนิดหน่อย……”
“นี่คุณต้องการจะปัดความรับผิดชอบ?” เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว พูดเสียงขรึม:“ผมอยากเตือนคุณหน่อย เมื่อวานคุณบังคับผมก่อน ไม่ว่าผมจะผลักคุณยังไงก็ผลักไม่ออก ตอนนี้แม้แต่สักประโยคคุณก็จำไม่ได้ แล้วจู่ๆก็กลายเป็นผู้เสียหายซะงั้น?”
เจี่ยนอี๋นั่วก้มหน้าลง พูดเสียงเบา:“ก็ไม่ใช่ว่าปัดความรับผิดชอบ……ก็แค่งงนิดหน่อย……อีกอย่างฉันจำไม่ได้จริงๆ……”
เหลิ่งเซ่าถิงมองลำคอและหลังที่ขาวเนียนของเจี่ยนอี๋นั่วที่โผล่ให้เห็น ยื่นมือไปลูบใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่ว:“ในเมื่อจำไม่ได้แล้ว ผมจะช่วยคุณรื้อฟื้นความจำเอง”
เหลิ่งเซ่าถิงพูด แล้วก้มหน้าลงจูบไปที่ริมฝีปากของเจี่ยนอี๋นั่ว หลังจากนั้นก็กดเจี่ยนอี๋นั่วไว้ใต้ร่าง เจี่ยนอี๋นั่วเบิกตากว้าง ลองออกแรงผลักเหลิ่งเซ่าถิง แต่มือข้างหนึ่งของเหลิ่งเซ่าถิงจับกุมมือของเจี่ยนอี๋นั่วไว้ มืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่ร่างกายของเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วรีบเม้มปาก ราวกับว่าต้องปกปิดอารมณ์ของเธอไว้ ในปากกลับอดไม่ได้ที่จะพูดคำปฏิเสธออกไป แต่คำพูดปฏิเสธพวกนี้ กลับไม่มีน้ำหนักเลยสักนิด ยิ่งทำให้เห็นว่าคนพูดนั้นปากไม่ตรงกับใจ
“นี่เป็นการเข้าใจผิดงั้นเหรอ?” เหลิ่งเซ่าถิงเข้าใกล้ข้างหูของเจี่ยนอี๋นั่ว ค่อยๆเลียแล้วกัดติ่งหูของเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วถามเสียงเบา
“คุณลืมไปแล้วจริงๆเหรอ?”