หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 77 ฉันไม่มีวันยกโทษให้เธอแน่ ๆ
ทนายหลี่ว์ได้ยินคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว รีบหยิบกระดาษขึ้นมาพูดต่อหน้าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยและเฮ่อเยี่ยนหง พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม:“จากที่คิดรวมยอดสถิติทรัพย์สินในบริษัท ประธานเจี่ยน ณ เวลานี้มีหนี้ทั้งหมด 1245.3 ล้าน คุณหนูรองและคุณนายเจี่ยนจะได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินทั้งหมด…..”
“อะไรนะ? ใช้หนี้? เป็นไปได้อย่างไรกัน? บริษัทกำลังไปได้สวยไม่ใช่เหรอ?” เฮ่อเยี่ยนหงรีบคิ้วขมวดตะโกนเสียงดัง
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยก็รีบลุกขึ้นยืน คิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วรีบพูดขึ้นว่า:“เจี่ยนอี๋นั่ว เธอตั้งใจจะหุบมรดกของตระกูลตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ตระกูลเจี่ยนทำไมถึงติดหนี้เยอะขนาดนี้? ทรัพย์สมบัติถูกเคลื่อนย้ายไปไหนหมด? หมิงเซวียนคุณเคยบอกว่าคุณมีเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง หนึ่งพันล้าน ก็แค่เอาหนึ่งพันล้านนั้นมาแบ่งกัน พวกเราก็จะไม่มีหนี้?”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดกับนักบัญชีเฝิงหัวเราะแล้วพูดว่า:“รบกวนคุณช่วยชี้แจงข้อมูลทรัพย์สินภายในบริษัทด้วยค่ะ”
“ถึงแม้ว่าจะมีการระดมทุน แต่สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทก็ยังไม่ดีขึ้น ก่อนหน้านี้คุณเจี่ยนต้องการรักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทให้อยู่รอด ได้นำทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์บริษัททั้งหมดไปจำนองแล้ว ถ้าหากต้องการแบ่งทรัพย์สินตอนนี้ สิ่งที่คุณจะได้คือหุ้นติดลบเท่านั้น……”
“อะไรคือหุ้นติดลบคะ?เจี่ยนอี๋นั่ว ที่เธอยุ่งตลอดเวลาเธอยุ่งอะไรกันแน่?เธอเป็นคนไม่มีประโยชน์เอาซะเลย? แม้แต่เงินระดมทุนยังหาไม่ได้ และไม่สามารถทำให้ตระกูลเจี่ยนกลับมาร่ำรวยได้อีกครั้ง ”เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยลุกขึ้น ตะโกนใส่เจี่ยนอี๋นั่ว
“ฉันไม่สน ฉันจะไม่ยอมชดใช้หนี้ ในขณะที่ฉันแต่งงานกับเจี่ยนฉางรุ่นนั้น เขาเป็นระดับมหาเศรษฐี ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไร แต่ว่าตอนนี้อย่างน้อยควรให้ฉันและฮุ่ยฮุ่ยรวมทั้งหมดน่าจะเจ็ดสิบล้านบาทนะ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกคุณตั้งใจโกงพวกเรา!”เฮ่อเยี่ยนหงรีบตอบกลับทันที
เจี่ยนอี๋นั่วจ้องมองเฮ่อเยี่ยนหง:“ฉันไม่ว่านะถ้าจะต้องขึ้นศาลด้วยกัน ขอเพียงแค่พวกคุณยินยอมที่จะขึ้นศาล ฉันก็จะขึ้นศาลเป็นเพื่อนด้วย แต่ว่าทางที่ดีพวกคุณควรหาเงินค่าจ้างทนายเอาไว้ด้วยนะคะ จากนั้นหาทนายเก่งๆไว้ด้วยนะคะ และฉันคิดว่าคงไม่มีทนายคนไหนกล้ารับงานนี้แน่นอนค่ะ เพราะว่าเพียงแค่พวกเขาเห็นข้อมูลตารางงบการเงิน ก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรจะเสี่ยงรับงานนี้”
เฮ่อเยี่ยนหงรีบทรุดตัวลงบนโซฟา พูดอย่างอ่อนแรง:“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอให้สถานการณ์ตระกูลเจี่ยนดีขึ้นหน่อย ค่อยแบ่งทรัพย์สินกันก็ได้”
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะขึ้นมา:“ไม่ได้ ต้องแบ่งทรัพย์สินเดี๋ยวนี้”
“เธอมีสิทธิ์อะไร? เธอเป็นใหญ่ในตระกูลเจี่ยนของเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเบิ่งตาโตจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วรีบพูด
ทนายหลี่ว์หยิบสัญญาขึ้นมา:“ก่อนที่คุณเจี่ยนจะล้มป่วยนั้น ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ ถ้าหากว่าเขาล้มป่วยหรือเป็นเจ้าชายนิทรา ทรัพย์สินของตระกูลเจี่ยนทั้งหมดจะถูกจัดการโดยคุณหนูเจี่ยนอี๋นั่ว ตอนนี้คุณหนูเจี่ยนอี๋นั่วได้แบ่งทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเจี่ยนแล้ว ถูกต้องตามกฎหมายและสมเหตุสมผล”
“คุณพ่อคะคุณพ่อลำเอียงมากค่ะ ทำไมต้องต้องรักเธอมากกว่าคะ!”เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยจ้องมองเจี่ยนอั๋วพร้อมพูดตะโกนเสียงดัง
เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่าความรับผิดชอบที่คุณพ่อให้ไว้กับฉันมันหนักเกินไปแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมเอาซะเลย แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว ที่คุณพ่อลำเอียงมันมีเหตุผล ไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าหากต้องการแบ่งทรัพย์สินของตระกูล ก็จำเป็นต้องแบ่งทรัพย์สินภายในวันนี้ ทนายหลี่ว์คะสัญญาเตรียมเสร็จหรือยังคะ ยื่นให้พวกเขาเซ็นชื่อเถอะค่ะ”
“ไม่ได้ ฉันไม่เซ็น ฉันไม่ต้องการแบกรับภาระหนี้สินพวกนั้น! นั้นเป็นหนี้สินที่คุณพ่อสร้างไว้ แล้วทำไมฉันต้องมาแบกรับภาระหนี้สินนี้ด้วย?”เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยค่อยๆถอยหลบพูดตะโกนเสียงดัง
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มพร้อมพูดกับทนายหลี่ว์ว่า:“ถ้าอย่างนั้นช่วยหยิบหนังสือขอสละสิทธิ์ในการรับมรดกมาหนึ่งชุดให้กับคุณหนูเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยด้วยค่ะ”
“สละสิทธิ์ไม่ได้ มรดกมหาศาลของตระกูลขนาดนั้น ทำไมถึงบอกว่าสละสิทธิ์ก็ต้องสละสิทธิ์ล่ะ?” เฮ่อเยี่ยนหงรีบตอบกลับ:“เจี่ยนอี๋นั่ว ตอนนี้เธอต้องการหุบสมบัติทั้งหมดของตระกูลเจี่ยนไว้คนเดียวใช่ไหม?”
“สมบัติตระกูลเจี่ยน?เป็นหนี้สินซะมากกว่ามั้งคะ ตอนนี้ฉันต้องหุบหนี้สินไว้คนเดียว” เจี่ยนอี๋นั่วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา:“อีกทั้ง ฉันมีสิทธิ์ที่จะจัดการมรดกของตระกูลเจี่ยน ในความเป็นจริงแล้วไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากคุณเลย”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยหน้าคิ้วขมวดจ้องมองเจี่ยนอี๋นั่ว ตะโกนเสียงดัง:“เธอทำเกินไปแล้วนะ!ฉันและคุณแม่ไม่มีสิทธิได้รับมรดกสักนิดเลยเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“ถ้าหากไม่นึกถึงว่าเราเป็นญาติสายเลือดเดียวกันแล้วล่ะก็ ฉันยังมีอีกวิธีหนึ่ง ก็คือมรดกของตระกูลเจี่ยนทั้งหมดต้องตกเป็นของฉันเพียงผู้เดียว รวมไปถึงหนี้สินและผลกำไรทั้งหมด
แต่ว่าพวกคุณจะได้รับเงินปันผลตลอดชีวิต และในทุกเดือนฉันจะให้มูลนิธิโอนให้พวกคุณเดือนละ 1 แสน สิ้นปีก็จะมีการแบ่งกำไรของบริษัทร้อยละ 10% ให้กับทุกคน ข้อแม้คือพวกคุณห้ามมีส่วนร่วมใดๆในบริษัท และอีกหนึ่งข้อแม้ก็คือเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยต้องไปเรียนต่างประเทศให้เร็วที่สุด และเฮ่อเยี่ยนหงก็ห้ามไปเจอกับฉู่หมิงเซวียนอีก”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยรีบลุกขึ้นตะโกนใส่เจี่ยนอี๋นั่ว:“ฉันคิดไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ ว่าเธอไม่ได้หวังดี เธอตั้งใจแยกฉันออกจากหมิงเซวียน ทำไมเหรอ? ความสัมพันธ์ระหว่างฉันและหมิงเซวียนมันดีมาก มากจนเธอทนดูไม่ได้เหรอ? เธอก็เลยคิดหาทางแยกพวกเราออกจากกัน”
“ฉันเพียงแต่เสนอทางเลือกให้กับพวกคุณ พวกคุณไม่เลือกก็ได้นะ ” เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยและเฮ่อเยี่ยนหง:“ฉันก็ไม่ได้อยากให้ผลกำไรพวกเธอฟรีๆหรอกนะ เป็นเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคุณพ่อเท่านั้น ฉันเลยตัดสินใจทำแบบนี้ พวกเธออย่าทำให้ฉันเบื่อหน่ายจนทอดทิ้งพวกเธอนะ ถ้าฉันไล่ให้พวกคุณออกจากตระกูลเจี่ยน ไม่ต้องเสียแรงเลยสักนิดเดียว จากนั้นพวกเธอจะทำอย่างไรต่อ?ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ ไม่มีฐานะ พวกเธอจะดำรงชีวิตต่อไปยังไงกัน?ไปทำงาน? นอนดึกเพื่อไปรายงานคนอื่น?ไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ? ถูกเรียกใช้วิ่งไปวิ่งมาหลายๆรอบ? หรือจะไปเป็นพนักงานขาย? ถ้าเกิดไปพบเจอกับเพื่อนๆไฮโซ พวกเธอกล้าเผชิญหน้ากับพวกเขาไหม?คุณอื่นสามารถทนความลำบากได้ พวกเธอทนความลำบากได้เหรอ? คนอื่นทนกับความทุกข์ทรมานได้ พวกเธอสามารถทนได้เหรอ?พวกเธอใช้ชีวิตสบายจนชิน จะไปทนกับความลำบากแบบนั้นได้เหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงนี่ ค่อยๆถอนหายใจ พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“อืม ยังมีฉู่หมิงเซวียน พวกเธอพูดอยู่ตลอดเวลาว่าเขาดีกับพวกเธอมาก ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาเลี้ยงพวกเธอทั้งชีวิตเลย แต่ว่าฮุ่ยฮุ่ยยังเด็ก เธอยังไม่รู้จักผู้ชายดีพอ แต่คุณเฮ่อเยี่ยนหงคะ คุณก็จะทำตัวไร้เดียงสาเหมือนกับฮุ่ยฮุ่ยอย่างนั้นเหรอคะ? อันที่จริงฉันสามารถใจกว้างพอให้พวกคุณเลือกทางเดินชีวิตของพวกคุณเอง พวกคุณอยากเลือกอยู่กับฉู่หมิงเซวียนเพื่อฟังคำสั่งของเขาทุกอย่างและต้องดูสีหน้าของเขาตลอดเวลา?”
“ถ้าอย่างนั้นจะเป็นไรไป?ฉันกับฉู่หมิงเซวียนเรารักกันจริงๆ เขาเคยพูดว่าจะรักและดูแลฉันตลอดชีวิต เขาต้องดูแลฉันแน่นอน……”เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตะโกนเสียงดัง
เจี่ยนอี๋นั่วหัวเราะขึ้นมา:“คุณเฮ่อเยี่ยนหงคะ คุณคิดแบบนี้เช่นกันไหมคะ?คุณรู้สึกว่าฉู่หมิงเซวียนจะดูแลเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตลอดชีวิตไหมคะ?”
เฮ่อเยี่ยนหงสูดหายใจเข้าลึกๆ ใช้แรงดึงที่แขนเสื้อของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยและรีบพูดขึ้นว่า:“ฮุ่ยฮุ่ยจ๊ะ ทำตามที่พี่สาวเธอพูดก่อนดีกว่านะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงยังไงก็ไม่ทำร้ายเธอหรอก”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยรีบเบิ่งตาโตจ้องมองไปที่เฮ่อเยี่ยนหง:“คุณแม่ ทำไมคุณแม่ถึงไปเข้าข้างผู้หญิงคนนี้คะ? คุณแม่เกลียดมันมากไม่ใช่เหรอคะ?ทำไมตอนนี้?”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดถึงนี่ จ้องมองไปทางเจี่ยนอี๋นั่วตะโกนเสียงดัง:“เจี่ยนอี๋นั่ว เธอทำเกินไปแล้วนะ เธอไม่เพียงจะแย่งหมิงเซวียน เธอยังจะแย่งคุณแม่ไปจากฉันอีก ฉันไม่มีวันยกโทษให้เธอแน่ ๆ ฉันเกลียดเธอ!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไม่เป็นไรเธอสามารถเกลียดฉันต่อไปได้เมื่อเธอออกจากประเทศ ทางที่ดีเธอควรพยามยาม ตั้งใจเรียน สามารถเรียนรู้ทักษะความสามารถจริงๆ จากนั้นค่อยมาเอาชนะฉัน!” เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เธอพูดจบก็หันหน้ามองไปทางเฮ่อเยี่ยนหง พูดด้วยน้ำเสียงเบา:“ฉันจะหาพี่เลี้ยงไปดูแลพวกเธอ เมื่อเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยอยู่ต่างประเทศ ฉันจะหาที่อยู่และครูสอนพิเศษ คุณต้องดูแลเขาอย่าให้คลาดสายตา ในระหว่างที่เธอเติบโต ถ้ายังคิดไม่ได้ก็ไม่ต้องให้เธอกลับประเทศ”
ตอนนี้ถึงยังไงก็ไม่สามารถจะเจรจากับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยได้ เจี่ยนอี๋นั่วเลยจำเป็นต้องส่งเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยออกประเทศ ให้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยอยู่ห่างจากฉู่หมิงเซวียนชั่วคราว และในระหว่างนี้เธอต้องลืมฉู่หมิงเซวียนให้ได้ และไม่ให้ฉู่หมิงเซวียนและเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเจอหน้ากันทุกวิถีทาง
ถ้าหากเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยสามารถที่จะเจรจาต่อลองกับเธอได้แล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ป่าเถื่อนขนาดนี้ แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไม่สนใจคำตักเตือนของเธอเลยสักนิด เฮ่อเยี่ยนหงก็เป็นคนที่เห็นแก่เงิน ถ้าไม่ดูแลเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยด้วยวิธีนี้ เจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้ว่าฉู่หมิงเซวียนจะหลอกใช้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยไกลขนาดไหน
เจี่ยนอี๋นั่วไม่สนใจว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยจะเกลียดเธอขนาดไหน แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากเห็นจุดจบอันน่าเวทนาของเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยรีบตะโกนใส่เจี่ยนอี๋นั่ว:“ฉันไม่ต้องการไปต่างประเทศ เจี่ยนอี๋นั่วเธอนี่เลวมากจริง ๆ ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้ได้ลงคอ? สักวันหนึ่งฉันจะกลับมาแก้แค้น!”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาจ้องมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย หัวเราะพูดขึ้นว่า:“ฉันจะรอวันที่เธอกลับมาแก้แค้น ฉันจะรอคอย”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยคิ้วขมวด จ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วด้วยความโมโห เธอตะโกนใส่เสียงดัง:“เจี่ยนอี๋นั่ว!ฉันไม่มีวันยกโทษให้เธอแน่ ๆ ”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาเหลือบมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย หันหน้าไปมองเฮ่อเยี่ยนหงแล้วพูดว่า:“หลังจากที่ออกประเทศ คุณต้องดูแลเธอดีๆ ระยะนี้ พวกคุณก็อาศัยอยู่ในคฤหาสน์นี้ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ถ้าไม่อย่างนั้น อย่าคิดว่าจะได้เงินจากฉันแม้แต่สตางค์เดียว”
รีบหยิบเงินออกมา สำหรับคนอื่นแล้วอาจเหมือนเป็นการดูถูก แต่ว่าสำหรับเฮ่อเยี่ยนหงแล้ว มันเป็นจุดอ่อนของเธอ เฮ่อเยี่ยนหงรีบพยักหน้าพูดขึ้นว่า:“ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ฉันต้องควบคุมและดูแลฮุ่ยฮุ่ยเป็นอย่างดี เธอวางใจเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฮ่อเยี่ยนหง เจี่ยนอี๋นั่วก็ถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความโล่งใจ หลับตาสักครู่ จากนั้นเหลือบมองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ยังจำเมื่อกี้ที่เธอตบฉันได้ไหม?ฉันไม่โกรธเธอหรอก เป็นเพระว่าเมื่อก่อนฉันไม่เคยใส่ใจดูแลเธอเลย มันเลยทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย เธออย่าคิดว่าฉันจะตามใจเธอเหมือนที่คุณพ่อตามใจเธอนะ ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันก็จะปล่อยเธอไป คนที่โอ๋เธอและคนที่รักเธอมากที่สุด และสามารถทำทุกอย่างเพื่อเธอได้นั้นก็คือคุณพ่อ และในตอนนี้คุณพ่อไม่สามารถทำเพื่อเธอได้อีกแล้ว เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเธอควรเรียนรู้ที่จะเติบโต!”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยตะลึงทันที จ้องมองเจี่ยนอี๋นั่วแล้วเม้มริมฝีปาก แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย จากนั้น เธอออกเสียง ฮึม แล้วหันหลังเดินขึ้นห้องไป บอดี้การ์ดก็เดินตามหลังเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยขึ้นไป
เจี่ยนอี๋นั่วมองตามหลังเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย รู้สึกเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ศัตรู เธอสามารถหาทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะมันได้ แต่สำหรับญาติพี่น้อง เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะดูแลมัน แต่ว่าสำหรับเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยที่ไม่สามารถจะพูดคุยกันได้เลย แล้วเหมือนเจอทางตัน เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?