หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 54 จะไม่ลืมคำสัญญาของฉัน
ผ่านไปนาน เหลิ่งเซ่าถิงถึงจะขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว ถามเสียงเบา:“เจี่ยนอี๋นั่ว คุณยังจำเรื่องรับประกันที่เคยพูดได้ไหม?”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้ว่าที่เหลิ่งเซ่าถิงพูดคือครั้งแรกที่เธออธิบายกับเหลิ่งเซ่าถิง บอกไว้ว่าเธอรับประกันว่าจะไม่ชอบเหลิ่งเซ่าถิงเป็นอันขาด ตอนนั้นเธอเด็ดขาดมาก เธอคิดว่าตัวเองจะสามารถแยกแยะความสัมพันธ์กับเหลิ่งเซ่าถิงได้อย่างชัดเจน เธอไม่มีทางที่จะตกอยู่ในความรู้สึกที่ไม่มีตอนจบนี้ แต่ไม่คิดว่าแค่เหลิ่งเซ่าถิงโบกมือมาทางเธอเบาๆ เธอก็ล้มไม่เป็นท่า ลืมคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้ ถึงขนาดว่าเกือบจะทำให้เธอและพ่อของตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตราย
เจี่ยนอี๋นั่วหายใจเข้าลึกๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา:“ฉันนึกออกแล้ว ฉันรู้ว่าควรจะทำยังไง ฉันขอบคุณคุณที่วันนี้เตือนฉันเรื่องนี้ ต่อไปก็ขอให้คุณทำแบบนี้ ไม่งั้นฉันคงสับสน หลงรักคุณเข้าไปได้ง่ายๆ”
เหลิ่งเซ่าถิงเม้มริมฝีปาก พูดเสียงเบา:“คุณรู้แล้วก็ดี งั้นก็รีบนอนเถอะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพยายามห้ามน้ำตา แล้วถามเสียงเบา:“งั้นฉันสามารถคบหากับผู้ชายคนอื่นได้ไหม?”
“อะไรนะ?” เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วเช็ดน้ำตาที่หางตา:“ฉันรู้สึกว่าถ้าพวกเรายังอยู่กันแบบนี้ มันจะทำให้ฉันเข้าใจผิด เหมือนกับว่าพวกเรามีความสัมพันธ์อะไรกันจริงๆ ก่อนหน้านี้คุณก็ดีกับฉันไม่น้อย แต่พอหลิวจื่อซิงกลับมาคุณก็เปลี่ยนไป เพราะงั้นฉันก็เลยคิดว่า ในเมื่อคุณอยากจะคบกับหลิวจื่อซิง งั้นฉันก็ควรจะคบกับผู้ชายคนอื่นใช่หรือเปล่า สามารถจีบผู้ชายคนอื่นได้ เดทกับผู้ชายคนอื่นได้ พอตอนที่ฉันหลงรักผู้ชายคนอื่นแล้ว ฉันก็จะไม่……”
“ไม่ได้!” เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้รอให้เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็พูดแทรกเจี่ยนอี๋นั่วขึ้นมา
เจี่ยนอี๋นั่วถูกเสียงพูดของเหลิ่งเซ่าถิงทำให้ตกใจ ขมวดคิ้ว แล้วพูดเสียงเบา:“แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ ฉันก็จะคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของคุณนะ หลังจากนั้นก็จะเกิดการมโนขึ้น บางทีฉันอาจจะชอบคุณ”
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว มองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาแค่หวังว่าเจี่ยนอี๋นั่วสามารถควบคุมตัวเองได้ รักษาระยะห่างกับเขา แบบนี้จะได้หลีกเลี่ยงให้ตัวเขาเองเปลี่ยนใจได้อีกด้วย แต่เหลิ่งเซ่าถิงไม่เคยคิดว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะต้องการคบหากับผู้ชายคนอื่นแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็คงต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ถ้าเจี่ยนอี๋นั่วออกจากตระกูลเหลิ่ง ว่าตามนิสัยของเธอแล้วคงไม่มีทางจะแชร์เขากับผู้หญิงคนอื่น ไม่มีทางที่จะเกี่ยวพันกับเขาอีกครั้ง และแน่นอนว่าอาจจะคบหากับผู้ชายคนอื่นจริงๆ
ทั้งๆที่รู้ความน่าจะเป็นไปของเรื่อง ทั้งๆที่เขาเป็นคนเริ่มกั้นระยะห่างของเขากับเจี่ยนอี๋นั่วก่อน แต่พอตอนที่เหลิ่งเซ่าถิงได้ยินคำพูดของเจี๋ยนอี๋นั่ว กลับรู้สึกโกรธ
“ก็ยังไม่ได้” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงเย็นชา:“ผมกับคุณไม่เหมือนกัน ผมคือผู้ว่าจ้าง คุณคือผู้ที่ถูกจ้าง คุณถือเงินของตระกูลเหลิ่งอยู่ แล้วยังจะไปคบหากับผู้ชายข้างนอก? คุณจะให้คนอื่นเขามองผมยังไง มองตระกูลเหลิ่งยังไง?”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว พูดกดเสียงต่ำ:“แต่ถ้าฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังชอบคุณอีกจะทำยังไงล่ะ?”
น้ำเสียงของเจี่ยนอี๋นั่วทั้งน้อยใจทั้งสับสน สีหน้าของเหลิ่งเซ่าถิงผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบา:“ก็อดทน จนกว่า……จนกว่าคุณจะไปจากที่นี่ แต่ในช่วงเวลาที่คุณยังเป็นคุณหญิงตระกูลเหลิ่งอยู่ คุณไม่สามารถไปคบหากับผู้ชายคนอื่นได้ รวมถึงเหลิ่งหมิงอันและผู้ชายข้างนอก”
“สรุปก็คือ คุณสามารถคบหากับหลิวจื่อซิงได้ ส่วนฉันต้องเป็นเหมือนสุนัขที่มองกระดูกที่ถูกแย่งไปตาปริบๆ? ฉันมองคุณตาปริบๆ แถมยังชอบคุณไม่ได้? ไม่ยุติธรรมจริงๆอะ ฉันก็เป็นคนนะ จะควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ยังไง? แม้แต่โอกาสที่จะเปลี่ยนความรู้สึกก็ถูกห้าม ฉันมักจะมองอยู่ที่คุณ จะไม่ให้ชอบคุณได้ยังไง?” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว พูดออกมาพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
เหลิ่งเซ่าถิงฟังคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว มองเธอที่ก้มหน้าทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความน้อยใจ จู่ๆเขาก็อยากยิ้มขึ้นมา อยากจะไปลูบศีรษะของเจี่ยนอี๋นั่ว
แต่เหลิ่งเซ่าถิงก็อดกลั้นเอาไว้ ใบหน้าพูดอย่างเย็นชา:“ถ้าคุณรับไม่ไหว คุณสามารถออกไปตอนนี้ได้เลย แต่เงินของตระกูลเหลิ่งจะถูกเก็บกลับมา ผมก็จะไม่ปกป้องคุณอีก ตั้งแต่วันนั้นที่คุณเข้ามาในตระกูลเหลิ่ง แต่งงานกับผม ก็กลายเป็นศัตรูกับอารองและครอบครัวของเขาไปแล้ว คุณว่าพวกเขาจะปล่อยคุณไปไหม? เหลิ่งหมิงอันที่ดูแล้วมักจะแหย่เล่นกับคุณ แต่คุณกับผมก็รู้ดี สีหน้าอารมณ์ของเขาไม่ได้มองง่ายขนาดนั้น ถึงขนาดพูดได้ว่า เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บางทีอาจจะเป็นเหลิ่งหมิงอันที่ตัดสินใจทำร้ายชีวิตคุณ”
“นี่ไม่ใช่ทางที่ต้องเลือกสักหน่อย ฉันมีแค่ทางเดียว” เสียงอี๋นั่วกดเสียงต่ำพูด:“พรุ่งนี้ฉันจะจัดตารางงานให้ไปทำงานนอกสถานที่สักครั้ง ฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันกับคุณ ในเมื่อคุณตัดสินใจว่าจะคบกับหลิวจื่อซิงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ฉันประเมินคุณหลิวไป ต้องขอโทษคุณด้วย ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง คิดไปเองเกินไป ถ้าคุณอยากออกไปพักกับเธอข้างนอก ก็ออกไปเถอะค่ะ พวกเราลดการติดต่อกันลงก็น่าจะดีที่สุด”
เหลิ่งเซ่าถิงหน้านิ่งขรึม วันนี้เขาทำเรื่องไปตั้งมากมาย ก็เพื่อให้เจี่ยนอี๋นั่วรู้ถึงความลำบากแล้วถอยซะ ให้เธอรักษาระยะห่างกับเขา เพื่อหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของพวกเขา แต่เจี่ยนอี๋นั่วถอยหดแบบนี้มันง่ายเกินไป เมื่อครู่ยังร้องไห้น้อยใจอยู่เลย ตอนนี้กลับเป็นคนพูดเรื่องรักษาระยะห่างกับเหลิ่งเซ่าถิงซะเอง จู่ๆเหลิ่งเซ่าถิงก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา เหมือนกับว่าในตอนแรกทั้งๆที่เขาปฏิเสธคำสารภาพของเจี่ยนอี๋นั่ว แต่พอหลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีทางชอบเขาอีก เหมือนกับความรู้สึกที่อึดอัดใจของเขาเลย
เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงเย็นชาออกมา:“นิสัยที่เจอกับความลำบากแล้วถอยหดของคุณนี่ไปเอามาจากไหน?”
เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองเหลิ่งเซ่าถิง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย:“หรือว่าคุณอยากให้ฉันตามคุณไม่ปล่อย ดึงดันจนกว่าจะชนกำแพงใต้งั้นเหรอ? ตอนนี้ฉันก็หน้าด้านมากแล้วนะ ต่อให้ไม่ชนกำแพงใต้ ก็คงชนกำแพงเหนือ ตะวันตก ตะวันออกสักกำแพงอะ คุณลองคิดดูปฏิเสธฉันไปแล้วกี่ครั้ง? แล้วยังว่าฉันเจอความลำบากก็ถอยหดอีก คุณไม่ใช่ความลำบากเหรอ? คุณน่ะเป็นหน้าผาที่สูงชันยิ่งกว่าความลำบากซะอีก!อีกอย่างไม่ใช่ว่าคุณมีผู้หญิงคนอื่นเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะคบกับหลิวจื่อซิงเหรอ? ทำไมเหมือนกลายเป็นความผิดฉันล่ะ?”
คำพูดของเจี่ยนอี๋นั่วได้เตือนสติเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงยื่นมือออกมากุมขมับ พูดเสียงเบา:“คุณพูดมากจัง”
เหลิ่งเซ่าถิงพูด แล้วปัดป่ายมือ:“ช่างเถอะ คุณอยากได้แบบไหนก็เอาตามนั้นเลย ขอแค่ไม่เข้าใกล้ผม ไม่เอาความรู้สึกมาพัวพันกับผมก็พอแล้ว”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดจบก็นอนลงบนผ้าห่มที่อยู่บนพื้น แล้วหลับตาลง เจี่ยนอี๋นั่วปวดหัวเล็กน้อย มองไปทางเหลิ่งเซ่าถิงแล้วพูดเสียงเบา:“งั้นฉันสามารถไปคบหากับผู้ชายคนอื่นได้แล้วใช่ไหม?”
“เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเย็นชา
เจี่ยนอี๋นั่วสูดน้ำมูกเข้าไป ค่อยๆขดตัวไปในผ้าห่ม สะอึกสะอื้นเสียงเบาๆ:“งั้นฉันจะพยายามชอบผู้ชายคนอื่นดู น่าจะได้”
“นั่นก็ไม่ได้เหมือนกัน” เหลิ่งเซ่าถิงพูดแทรกคำพูดของเจี่ยนอี๋นั่ว:“ช่วงนี้คุณห้ามชอบใคร ไม่ว่าจะเป็นผมหรือผู้ชายคนไหนก็ตาม!”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าคำพูดของเหลิ่งเซ่าถิงแปลกประหลาด ก็เลยหมุนร่างกลับไปมองเหลิ่งเซ่าถิง แล้วถามเสียงเบา:“เหลิ่งเซ่าถิง ทำไมคุณ……”
เจี่ยนอี๋นั่วยังไม่ทันได้พูดจบ เหลิ่งเซ่าถิงก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมา:“เก็บเรื่องที่คุณมโนซะ นอนได้แล้ว”
เจี่ยนอี๋นั่วเม้มริมฝีปาก นอนลงบนเตียง ถึงแม้ว่าในใจยังรู้สึกเสียใจอยู่นิดหน่อย แต่เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่ได้น้อยใจขนาดนั้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ดูแล้วความชอบใช่ว่าจะแทนกันได้ ขอแค่มีเรื่องอะไรให้ทำ เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะลืมความชอบที่เธอมีต่อเหลิ่งเซ่าถิงไปได้
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่วที่นอนอยู่บนเตียง เขายื่นมือมานวดขมับของตัวเองอย่างไม่สบายใจ จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าความรู้สึกของตัวเองไม่ชัดเจน ปฏิบัติต่อเจี่ยนอี๋นั่วยังไง ตอนนี้เขารู้สึกสับสนหมดแล้ว เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่มีเหตุผลกับความต้องการของเจี่ยนอี๋นั่ว แต่เขากลับไม่มีวีธีที่จะระงับมัน
เจี่ยนอี๋นั่วร้องไห้จนหลับไป ตอนที่ตื่นมาฟ้าก็สว่างแล้ว เหลิ่งเซ่าถิงไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ ผ้าห่มที่เขาห่มเมื่อวานอยู่ที่ปลายเตียง เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองสักพักถึงจะลุกขึ้น หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็รีบลงมาชั้นล่าง เดินออกจากบ้านตระกูลเหลิ่ง เธอต้องทำงานให้ลืมเหลิ่งเซ่าถิง เพื่อที่จะควบคุมตัวเอง
หลังจากที่มาถึงบริษัท เจี่ยนอี๋นั่วก็ตรวจสอบแผนการทำงาน พอหางานที่ต้องออกไปทำนอกสถานที่เจอ ก็สั่งงานกับเลขา:“เอางานก่อนกำหนดนี่ให้ฉัน ฉันจะไปทำงานนอกสถานที่ตอนนี้”
ไม่นานเลขาก็จัดการงานให้เจี่ยนอี๋นั่วออกไปทำ หลังจากที่ตรวจสอบการเดินทาง ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดกับเจี่ยนอี๋นั่ว:“ประธานเจี่ยน ถ้าปรับตามนี้ ผู้จัดการฉู่จะออกเดินทางไปกับคุณด้วย คุณ……”
เจี่ยนอี๋นั่วก้มตามองพื้น คิดสักพัก แล้วพูดออกมา:“ฉันไม่ถือ รีบไปจัดการเถอะ ฉันจะออกไปคืนนี้”
คบกับฉู่หมิงเซวียน ในใจลึกๆของเจี่ยนอี๋นั่วนั้นเลี่ยนเต็มที แต่ถ้าคบหากับเหลิ่งเซ่าถิงต่อไป เจี่ยนอี๋นั่วคงทั้งร้อนใจทั้งยุ่งวุ่นวายไปหมด สถานการณ์ตอนนี้ ถ้าต้องเลือกระหว่างฉู่หมิงเซวียนกับเหลิ่งเซ่าถิงสองคนนี้ ต้องเลือกมาหนึ่งคนล่ะก็ เจี่ยนอี๋นั่วยอมเลือกฉู่หมิงเซวียนดีกว่า เพราะตอนที่อยู่ต่อหน้าฉู่หมิงเซวียน เธอก็แค่มีแต่ความเกลียด คงไม่มีความรู้สึกอื่นใด ในทางกลับกันในใจก็คงไม่ต้องมีภาระเพิ่มมา
แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเหลิ่งเซ่าถิง พอเจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงเหลิ่งเซ่าถิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เธอทั้งสับสนทั้งไม่มีวิธีรับมือ เดินหน้าก็เป็นหน้าผาสูงชัน ถอยหลังก็ปวดใจจนยากจะทน ห่างกับเหลิ่งเซ่าถิงไม่กี่วัน สำหรับเธอแล้ว สิ่งที่ไม่เคยลองไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีสักเท่าไหร่
เจี่ยนอี๋นั่วจัดการการเดินทางเสร็จเรียบร้อย ก็ไปโรงพยาบาลจัดการเรื่องย้ายโรงพยาบาลของพ่อเธอก่อน ย้ายพ่อไปที่สถานพักฟื้นที่ก่อนหน้านี้ได้ติดต่อไว้ แล้วอยู่เป็นเพื่อนพ่อครึ่งวัน เจี่ยนอี๋นั่วเช็ดมือให้พ่อของเธอไปด้วย พูดไปด้วย:“พ่อคะ พ่อพักอยู่ที่นี่ก่อนนะ หนูจะออกไปทำงานนอกสถานที่สักสองวัน แต่ว่าหนูจะโทรมาหาพ่อทุกวันแล้วก็วิดีโอคอลด้วย ความจริงแล้วหนูไม่อยากห่างจากพ่อเลย แต่เมื่อวานหนูเกือบจะตัดสินใจผิดพลาดไปแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความผิดพลาดครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้น หนูทำได้แค่ต้องห่างจากที่นี่สองวัน แต่หนูจะรีบกลับมานะ กลับมาอยู่ข้างๆพ่อ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เจี่ยนฉางรุ่นกลับพยักหน้า พูดอย่างช้าๆ:“อี๋นั่ว……ดู ท้องฟ้า……สวย”
เจี่ยนฉางรุ่นพูด แล้วยกมือขึ้น ชี้ไปยังท้องฟ้า เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินว่าเจี่ยนฉางรุ่นพูดประโยคใหม่ออกมา ก็รีบยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้น มองไปทางที่เจี่ยนฉางรุ่นชี้ แล้วเธอก็เห็นท้องฟ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจริงๆ เจี่ยนอี๋นั่วค่อยๆยิ้มออกมา:“ใช่ค่ะ ท้องฟ้าสวยจริงๆ มีท้องฟ้าที่สวยขนาดนี้ กลับไปแสวงหาดอกไม้ที่ไม่ช้าก็เร็วสุดท้ายก็หายไปอยู่ดี โง่งมงายจริงๆเลย”