หลังจากที่ฉู่หมิงเซวียนวางสาย ขมวดคิ้วมองไปทางแผนกจำหน่ายสินค้าอย่างเงียบๆ กัดฟันแล้วหมุนร่างออกไปจากบริษัท ฉู่หมิงเซวียนพึ่งจะขับรถออกจากบริษัทได้ไม่นาน ก็มองไปเห็นผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังรอรถอยู่ข้างถนน เพราะว่าผู้หญิงวัยรุ่นคนนั้นมีความคล้ายคลึงกับเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ไม่น้อย แต่ดูไปแล้วน่าจะอายุน้อยกว่า ไม่ระมัดระวังตัวมากกว่า ฉู่หมิงเซวียนก็เลยอดไม่ได้ที่จะมอง
พอตั้งใจมองผู้หญิงคนนั้นอีกที ฉู่หมิงเซวียนก็นึกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร เธอคือเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย น้องสาวของเจี่ยนอี๋นั่ว
ฉู่หมิงเซวียนคิดไปสักพัก ก็จอดรถที่ข้างถนน ยื่นหน้าออกไปยิ้มให้เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยแล้วถาม:“ฮุ่ยฮุ่ยใช่ไหม? จำผมได้ไหม? พวกเราเคยเจอกันไม่กี่ครั้ง”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยขมวดคิ้วมองฉู่หมิงเซวียนสักพัก แล้วพยักหน้าทันที:“อ๋อ? ฉันนึกออกแล้ว พ่อฉันเคยพาคุณมาที่บ้าน คุณคือฉู่หมิงเซวียนที่เกือบทำให้บ้านฉันล้มละลายไม่ใช่หรือไง? คุณนี่มันชั่วร้ายจริงๆ ทำร้ายจนฉันเกือบจะเป็นคนจนอยู่แล้ว!แถมยังทำให้พ่อฉันล้มป่วยตอนนี้อีก ถ้าพ่อฉันอยู่นะ ไม่มีทางให้เจี่ยนอี๋นั่วผู้หญิงคนนั้นกำเริบเสิบสานขนาดนั้นหรอก ตอนนี้เขากลับไม่ให้เงินฉันใช้สักบาท!”
ฉู่หมิงเซวียนขมวดคิ้ว เผยสีหน้าที่ไม่คาดคิดออกมา:“อะไรนะ? เจี่ยนอี๋นั่วทำขนาดนั้นเลย? ไม่คิดว่าจิตใจเขาจะอำมหิตขนาดนั้น สาวสวยอย่างคุณ ก็ควรจะใส่ชุดสวยๆ ออกมากจากร้านอาหารหรูๆสิ? ทำไมชีวิตถึงน่ารันทดขนาดนั้น? หรือว่าเขาจะอิจฉาคุณที่คุณสวยกว่าเขากันนะ”
“เหอะ……” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยหัวเราะเหอะ:“ก็ใช่น่ะสิ ฉันก็คิดว่าเขาอิจฉาที่ฉันสวย ไม่งั้นเขาจะโหดกับฉันเหรอ?”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดถึงตรงนี้ ก็เดินมาที่ข้างรถของฉู่หมิงเซวียนแล้วยิ้มให้:“คนเขาพูดกันว่าคุณแย่มาก ทำร้ายพวกเราตระกูลเจี่ยน แต่ที่ฉันเห็นคุณก็ดีอยู่นะ อืม รถก็ไม่เลว ฉันก็ชอบรถหรูๆแบบนี้แหละ แต่ก่อนหน้านี้พ่อฉันไม่อนุญาตให้ฉันขับ บอกว่าฉันอายุน้อย ตอนนี้พ่อฉันกลายเป็นคนโง่แล้ว ในที่สุดก็ยุ่งเรื่องของฉันไม่ได้สักที แต่สุดท้ายก็ไม่มีเงินอยู่ดี แถมยังมีพี่สาวที่ทารุณกับฉันอีก ฉันโคตรซวยจริงๆเลย!”
ฉู่หมิงเซวียนหรี่ตามองไปทางเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย:“งั้นรถของผมคันนี้คงมีโชคจริงๆ ถึงสามารถทำให้คุณหนูรองตระกูลเจี่ยนชมได้ ไปกันเถอะ คุณอยากจะไปไหน? ผมไปส่ง”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยเอียงศีรษะมองไปยังฉู่หมิงเซวียน ยิ้มเอาใจแล้วพูด:“ทำไม? คุณอยากจะคบหากับฉัน? สนุกกับพี่สาวเสร็จ อยากจะสนุกกับน้องสาว คุณนี่เจ้าชู้อยู่นะ? อยากได้ทั้งพี่ทั้งน้องเลยว่างั้น?”
ฉู่หมิงเซวียนยิ้มแล้วมองไปทางเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย:“ผมชอบผู้หญิงสวย โดยเฉพาะผู้หญิงสวยที่ยังวัยรุ่นอยู่แบบคุณ ผู้ชายจีบผู้หญิง ไม่ได้ผิดอะไรหนิ? ถ้าคุณไม่มีเรื่องสำคัญอะไรล่ะก็ ผมรู้จักร้านอาหารฝรั่งเศสอยู่ที่หนึ่งไม่เลวเลย ผมจะพาคุณไปชิม”
“ยังนับว่าคุณตาดีนะ ฉันจะให้โอกาสคุณสักครั้งแล้วกัน แต่แค่กินข้าวหนึ่งมื้อยังไงก็จีบฉันไม่ติดหรอก กระเป๋าฉันก็ได้เวลาต้องเปลี่ยนแล้ว คุณคงต้องซื้อกระเป๋าที่ถูกใจฉันให้สักใบ ไม่งั้นฉันไม่ไปกับคุณหรอกนะ” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยยิ้มแล้วพูด
ฉู่หมิงเซวียนหรี่ตามองเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ย:“ถ้าเป็นสาวสวยแบบคุณ ต่อให้วันนี้คุณรูดบัตรธนาคารจนหมดตัว จะเป็นอะไรไป? ไม่เพียงแต่กระเป๋าหนัง คุณจะซื้อเสื้อผ้าด้วยก็ย่อมได้ ฮุ่ยฮุ่ยคุณเกิดมาสวยขนาดนี้ ตอนอายุยังน้อยไม่ใส่เสื้อผ้าสวยๆ มันน่าเสียดายจริงๆนะ”
“เหอะ งั้นฉันคนนี้จะไว้หน้าคุณหน่อยละกัน” เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดแล้วยกศีรษะขึ้น พูดเหอะออกมา:“เจี่ยนอี๋นั่ว เธอก็แค่โหดกับฉัน ตอนที่เธอเห็นว่าผู้ชายที่เคยทิ้ง วิ่งตามจีบฉันคนนี้ คงจะทำให้เธอโมโหไม่น้อย ให้เธอวางมาดพี่สาวต่อหน้าฉันต่อไปเถอะ ผู้หญิงทำงานเก่งมากแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? ได้แต่งงานกับสามีดีๆต่างหากที่เป็นความสามารถที่แท้จริง”
เจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยพูดจบ ก็ขึ้นมานั่งบนรถยนต์ของฉู่หมิงเซวียน พอเห็นว่าเจี่ยนฮุ่ยฮุ่ยขึ้นมานั่งตรงเบาะข้างคนขับแล้ว ฉู่หมิงเซวียนถึงค่อยๆยิ้มออกมา เขามองตึกสำนักงานบริษัทอี๋เหม่ยทางกระจกมองหลัง เขาคิดในใจว่า:เจี่ยนอี๋นั่ว เกมของพวกเราพึ่งจะเริ่มขึ้น ถ้าไม่เล่นจนจบ แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผู้ชนะคือคุณแน่ๆ?
วันนี้ทั้งวันที่จิตใจเจี่ยนอี๋นั่วกระสับกระส่าย เพราะงั้นหลังจากทำงาน เวลาที่ไปเยี่ยมพ่อก็เลยนานหน่อย เจี่ยนอี๋นั่วติดต่อสถานพักฟื้นผู้ป่วยแห่งหนึ่งไว้ให้พ่อของตัวเองแล้ว อีกไม่นานก็จะให้พ่อย้ายออกไป สภาพแวดล้อมของสถานพักฟื้นผู้ป่วยนั้นดีกว่าโรงพยาบาล คุณหมอก็สนับสนุนให้รีบย้ายเจี่ยนฉางรุ่นไปสถานพักฟื้นผู้ป่วยเหมือนกัน
เพราะว่าคุณหมอให้เจี่ยนอี๋นั่วมาคุยเล่นกับเจี่ยนฉางรุ่น บางทีอาจจะสามารถกระตุ้นให้เจี่ยนฉางรุ่นฟื้นตัวได้ ถึงแม้ว่าโอกาสในการฟื้นขึ้นมาจะน้อยมากก็ตาม เจี่ยนอี๋นั่วก็อยากจะลองให้สุดความสามารถ เธอคุยกับเจี่ยนฉางรุ่นอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เรื่องงาน พอพูดเรื่องงานเสร็จแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเหลิ่งเซ่าถิง
“ตั้งแต่หนูเกิดมาหนูไม่เคยเจอผู้ชายแบบนั้นมาก่อน มองภายนอกเย็นชา แต่พอดูดีๆแล้ว ก็สามารถสังเกตได้ว่าความจริงแล้วเขาตั้งใจทำเพื่อหนูและเอาใจใส่มาก”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงเหลิ่งเซ่าถิง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา:“พ่อคะ หนูอยากจะควบคุมความรู้สึก หนูรู้ว่าไม่ควรชอบเขา แต่หนูอดใจไว้ไม่ได้ ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในฐานะนั้นก็คงจะดี ถ้าตระกูลของเขาไม่เต็มไปด้วยบรรยากาศเหมือนสังหารในสงครามก็คงจะดี ถ้าเป็นแบบนั้น หนูอาจจะกล้าลองมากกว่านี้ แต่ว่า……”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดถึงตรงนี้ก็เว้นวรรคไว้ ยิ้มขึ้นมาแล้วพูด:“พ่อคะ พ่อยังจำได้ไหม? ตอนเด็กๆหนูชอบกินลูกอม แต่พอกินลูกอมหนูก็ปวดฟัน ความจริงแล้วในใจหนูรู้ดีว่าไม่ควรกินลูกอมถ้ากินต่อไปคงต้องเจ็บจนถูกถอนฟันอย่างแน่นอน หนูชอบกินลูกอม แต่หนูก็กลัวเจ็บเหมือนกัน หนูไม่อยากถอนฟัน หมอฟันสำหรับหนูในตอนนั้น เป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในโลกแล้วจริงๆ แต่หนูก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ตัวหนูเองอดไม่ได้ที่จะแอบกิน สุดท้ายก็เจ็บจนต้องร้องขอชีวิต แถมยังถูกแม่พาไปโรงพยาบาลอีก ถอนฟันซี่ที่ผุของหนูไป หนูเจ็บไปหลายอาทิตย์เลย ตอนนั้น แม่โมโหด่าหนูยกใหญ่ แต่พ่ออะ พอกลับบ้านมาก็มาบีบปากหนู ตรวจว่าหนูได้แอบกินลูกอมหรือเปล่า หลังจากนั้นก็ไปปลอบแม่ที่กำลังโมโห แล้วปลอบหนูที่โดนแม่ด่าจนร้องไห้ไปด้วย ทั้งครอบครัวถูกหนูที่เห็นแก่กินก่อความวุ่นวายจะยุ่งเหยิงไปหมด……ต่อมาหนูคิดว่าตัวเองโตขึ้นแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้ว แต่ตอนนี้หนูพึ่งจะพบว่า……”
เจี่ยนอี๋นั่วหรี่ตาลง ก้มหน้าลง ถอนหายใจออกมา:“พึ่งจะพบว่าหนูยังคงเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ทั้งๆที่รู้ว่ากินลูกอมแล้วจะปวดฟัน ก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบกิน แต่แค่ไม่มีคนมาร้อนใจแทนหนู มายุ่งกับหนูบอกว่าอย่าทำเรื่องที่ไม่ควรทำอีกแล้ว”
พอเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็ได้ยินพยาบาลเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย มาที่ข้างๆเจี่ยนอี๋นั่วแล้วเตือนเสียงเบาๆ:“คุณเจี่ยน ตอนนี้ก็มืดแล้วนะคะ คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ คุณผู้ชายก็ต้องพักผ่อนเหมือนกัน”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า หลังจากที่พยุงให้พ่อตัวเองนอนลงแล้ว ก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยของเจี่ยนฉางรุ่น เจี่ยนฉางรุ่นที่นอนอยู่บนเตียงพึมพำ พูดเสียงเบา:“อี๋นั่ว……อี๋นั่ว……”
ในตอนแรกยังคงเหมือนกับก่อนหน้านี้ที่พูดชื่อเจี่ยนอี๋นั่วซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่พยาบาลปิดไฟแล้วออกจากห้องผู้ป่วยของเจี่ยนฉางรุ่นไป เจี่ยนฉางรุ่นอยู่ในความมืดมิด พูดประโยคใหม่ออกมา:“อี๋นั่ว……อย่ากินลูกอมเลย……ฟันจะปวดเอานะ……”
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วกลับมาถึงตระกูลเหลิ่ง ทักทายกับคุณแม่เหลิ่งเสร็จ ก็กลับไปที่ห้องของเหลิ่งเซ่าถิง พอเปิดประตู เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นเหลิ่งเซ่าถิงที่กำลังทำงานอยู่บ้านโต๊ะหนังสือ พอเจี่ยนอี๋นั่วเจอเหลิ่งเซ่าถิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ช่วงนี้เธอกับเหลิ่งเซ่าถิงไปมาหาสู่กันได้ดีทีเดียว ถึงแม้ว่าบางครั้งเหลิ่งเซ่าถิงจะดูแล้วเย็นชาไปบ้าง แต่เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเหลิ่งเซ่าถิงดีกับเธอมากกว่าแต่ก่อนแล้ว อีกอย่างเหลิ่งเซ่าถิงยังพูดคุยกับเธอเรื่องในอดีตเยอะมาก เจี่ยนอี๋นั่วกดความคิดของตัวเองไว้ แต่ก็ยังคงเฝ้ารอ เหลิ่งเซ่าถิงปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนเดิมหรือเปล่า?
“ฉันกลับมาแล้ว” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูดกับเหลิ่งเซ่าถิง
แม้แต่มองเหลิ่งเซ่าถิงยังไม่มองเจี่ยนอี๋นั่วเลย ยังคงจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก ถอยหลังมาไม่กี่ก้าว แล้วพูดเสียงเบา:“คือ วันนี้ฉันกลับมาดึกนิดหน่อย เพราะว่าไปเยี่ยมพ่อฉันมา คุยเรื่องของฉันตอนเด็กๆ”
“อ๋อ……” เวลานี้เหลิ่งเซ่าถิงพึ่งจะมาปฏิกิริยาตอบรับ หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน เดินมาข้างๆเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วเดินตรงไปยังห้องเปลี่ยนชุด เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
เจี่ยนอี๋นั่วมองการกระทำของเหลิ่งเซ่าถิงที่ไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด อีกอย่างเปลี่ยนเป็นเสื้อนอกสบายๆ ทั้งไม่เหมือนออกไปทำงานและก็ไม่เหมือนออกไปออกกำลังกาย หลังจากนั้นเหลิ่งเซ่าถิงยังเลือกแขนเสื้อที่งานละเอียดอีกด้วย เขาตั้งใจแต่งตัวลักษณะที่สบายๆเป็นพิเศษ ผู้ชายแต่งตัวแบบนี้ ก็คงออกไปเดทแล้วล่ะ
แต่“เดท”คำนี้ใช้กับคนอื่นยังถือว่าใช้ได้อยู่ แต่ถ้าใช้กับเหลิ่งเซ่าถิงล่ะก็ เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่ามันแปลกนิดหน่อย
ถึงแม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์จะถามเหลิ่งเซ่าถิงว่าจะไปที่ไหน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม:“วันนี้คุณจะออกไปข้างนอก?”
“อืม หลังจากที่จื่อซิงกลับมา ก็ยังไม่ได้ไปหาเขาเลย วันนี้อยากจะไปกินข้าวกับเขาสักมื้อ ส่วนคุณย่าเธอช่วยปิดให้หน่อยนะ คุณย่าเขารู้สึกว่าเป็นเพราะจื่อซิงผมถึงเปลี่ยนไปเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยรู้สึกไม่ดีกับเขามาตลอด เมื่อวานผมก็เลยไม่ได้สนใจเขาต่อหน้าทุกคน คุณบอกแค่ว่าผมไปกับลูกค้า หรือไม่คุณจะไม่พูดอะไรเลยก็ได้ ยังไงซะคุณก็ไม่ใช่ภรรยาจริงๆของผม เดิมทีก็ไม่มีสิทธิ์จะถามเรื่องพวกนี้” เหลิ่งเซ่าถิงพูดไปด้วย หยิบเช็คธนาคารออกมาส่งให้เจี่ยนอี๋นั่วไปด้วย
เจี่ยนอี๋นั่วกดความเจ็บในใจไว้ รับเช็คธนาคารมา มองตัวเลขบนเช็คธนาคาร พูดเสียงเบา:“หนึ่งแสน?”
“อืม คิดซะว่าเป็นค่าปิดปากจากผม คืนนี้คุณนอนได้เลยนะ ผมอาจจะไม่กลับมา” เหลิ่งเซ่าถิงพูดเสียงเบาเสร็จ ก็ดึงประตูห้องเปิดออกแล้วเดินออกไป
เจี่ยนอี๋นั่วยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เธอรู้สึกว่าโง่ไปเลย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆระหว่างเหลิ่งเซ่าถิงกับเธอถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อวานทั้งสองคนยังพูดคุยด้วยกัน แถมเขายังกอดเธอ ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ล่ะ?
หรือว่าประโยชน์จากการใช้เธอสำหรับเหลิ่งเซ่าถิงแล้ว เป็นกอดที่เหมือนกอดหมอนข้างสบายๆเท่านั้นจริงๆเหรอ? เพราะงั้นเขาก็เลยไม่สนใจความแตกต่างระหว่างชายหญิงที่เขาจับมือเธอ กอดเธอสินะ
หลังจากที่คนรักจริงๆของเขาปรากฏตัวขึ้นมา เขาต้องไปอยู่กับคนรักของตัวเองอย่างแน่นอน เขาจะมาสนใจความรู้สึกของหมอนข้างทำไม?
MANGA DISCUSSION