หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 50 เป็นคุณที่ทำร้ายเขา
เจี่ยนอี๋นั่วเบะปาก เดิมทีอยากจะบ่นสักสองสามประโยค แต่พอเห็นว่ามีคนรับใช้เดินมา เจี่ยนอี๋นั่วก็รีบอดกลั้นสิ่งที่อยู่ในใจเธอ เม้มปากแล้วกลับไปที่ห้องก่อน
เหลิ่งเซ่าถิงมองแผนหลังของเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ตลอด หลังจากที่มองแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่วจนหลับตาไป เขาถึงจะก้มหน้ามองมือของตัวเอง กลางฝ่ามือของเขาเหมือนกับว่ายังเหลืออุณหภูมิของเจี่ยนอี๋นั่วอยู่ เหลิ่งเซ่าถิงอดไม่ได้ที่จะกำมือไว้ แต่ไม่ว่าจะกำยังไง อุณหภูมินั้นก็ยังคงหายไปอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าอุณหภูมินั้นมันไม่ควรเป็นของเขา เลยกำลังหนีไปอย่างบ้าคลั่ง
เหมือนกับเจี่ยนอี๋นั่ว ที่ไม่เหมาะที่จะอยู่ในตระกูลเหลิ่ง และอยู่ข้างกายเขาเลยสักนิด
เหลิ่งเซ่าถิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้รีบเดินกลับห้องของตัวเอง แต่เขาเดินไปทางห้องของคุณนายเหลิ่ง เหลิ่งเซ่าถิงเดินเข้าไปในห้องของคุณนายเหลิ่ง พูดกับคุณนายเหลิ่งว่า:“คุณย่า เตรียมห้องให้เจี่ยนอี๋นั่วอีกห้องได้ไหมครับ? ถ้าเขายังอยู่ห้องเดียวกันกับผม คงไม่เหมาะเท่าไหร่”
คุณนายเหลิ่งที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้ หันหน้ามามองเหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มแล้วพูด:“ทำไมล่ะ? ดูแล้วพวกแกอยู่ร่วมกันได้ดีนี่? วันนี้ตอนเช้าก็ไปวิ่งด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนไปซะดื้อๆล่ะ อีกอย่างแกให้อยู่ต่อในห้องแก ไม่ใช่เพราะจะปกป้องเขาเหรอ? ทำไม? ไม่อยากปกป้องเขาแล้วเหรอ?”
เหลิ่งเซ่าถิงกำมือของตัวเองแน่น พูดเสียงขรึม:“เรื่องมันเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยครับ ตอนนี้ผมคิดว่าถ้าเขายังอยู่ในห้องผม มันไม่ดีกับทั้งผมและเขา”
“แกมีใจให้เขาแล้ว? เพราะงั้นเลยไม่อยากอยู่ด้วยกันกับเขาต่อ?” คุณนายเหลิ่งมองไปยังเหลิ่งเซ่าถิง ยิ้มแล้วถาม
เหลิ่งเซ่าถิงส่ายหน้า:“ผมเปล่าครับ คุณย่าเคยสอนผม ผมเป็นผู้สืบทอดตระกูลเหลิ่ง ควรจะรักษาท่าทีที่เงียบขรึม พวกความรัก ต่างก็ไม่เหมาะกับผม อีกอย่างถูกผมรัก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนต่างก็เป็นเรื่องที่อันตราย ผมก็แค่ป้องกันไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น……”
คุณนายเหลิ่งถอนหายใจ:“ตอนนี้แกให้เจี่ยนอี๋นั่วออกจากห้องแกไป ก็เหมือนกับการบอกทุกคนว่า แกกับเจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกไม่เหมือนกัน แกไม่สามารถรักษาระยะห่างของเขากับแกได้ ก็ไม่ดีทั้งกับแกและกับเขา กฎของเกมในตระกูลเหลิ่งก็อย่างนี้แหละ แกแกล้งเป็นคู่สามีภรรยา ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วมั่นใจว่าแกจะปกป้องเขา ให้ความปลอดภัยกับเขา ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเอาเขามาข่มขู่แกไม่ได้ แตะต้องเขาก็อาจจะทำให้แกโกรธ เพราะงั้นนี่เลยเป็นการรับประกันความปลอดภัยของเขา ถ้าแกอยากจะปกป้องเขาจริงๆ ถ้าไม่เลือกจะผ่านช่วงเวลาไปอย่างมั่นคง แล้วค่อยให้เขาออกจากตระกูลเหลิ่ง ก็เลือกให้เขาเป็นคุณหญิงตระกูลเหลิ่งจริงๆไปเลย ปกป้องเขาจริงๆ แกยอมที่จะแต่งงานกับเขาไหมล่ะ? แกลองคิดดูละกัน”
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว:“คุณย่าคิดว่าผมควรจะแต่งงานกับเขาไหมครับ?”
“ถ้าแกไม่ชอบเขา งั้นให้เขาเปลี่ยนตัวเองสักหน่อย เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมของแกในการเลือกภรรยา แต่ถ้าแกชอบเขาแล้ว งั้นแกก็ไม่ควรเลือกเขา ความรู้สึกหรือความรักสำหรับพวกเราแล้ว มันคือภาระ จะทำให้แกตัดสินใจเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดไม่ได้ ภรรยาที่เหมาะกับแกที่สุด คือคนที่ให้ความร่วมมือกับแก ไม่ใช่ภรรยาของแก” คุณนายเหลิ่งพูดถึงตรงนี้ ก็เอาก้านดอกไม้ที่ตัดไปวางอีกฝั่ง
คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วมองช่อดอกไม้ที่ตัดลงมา พูดเสียงเบา:“ก็เหมือนกับการตัดแต่งก้านดอกไม้ ถ้าแกชอบดอกไม้จริงๆ กลัวว่าเขาจะเจ็บกังวลว่าเขาจะปวด ดอกไม้กระถางนี้ก็ไม่มีทางที่จะเป็นรูปร่างในแบบที่แกต้องการ จะกลายเป็นจุดด้อยของห้องนี้ ตอนที่แกไม่มีความรู้สึกอะไรกับดอกไม้กระถางนี้แล้ว ก็แค่ใช้เขาเป็นเครื่องมือในการแสดงความสามารถของแกออกมา ถึงจะสามารถกลั้นใจตัดก้านดอกไม้ที่ไร้ประโยชน์ออกไปได้ ทำให้เขากลายเป็นของประดับที่สวยงาม กลายเป็นของประดับตกแต่งที่ดีที่สุดในห้อง ฉันคิดว่าแกจะจัดการเรื่องนี้ได้ดี แกเป็นถึงหลานชายคนเดียวของฉันเลยนะ ไม่มีทางที่จะถูกความรู้สึกที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นครอบงำหรอก”
เหลิ่งเซ่าถิงมองดอกไม้กระถางนั้น พูดเสียงเย็นชา:“ผมรู้แล้วครับ รู้แล้วว่าควรทำยังไง”
เหลิ่งเซ่าถิงพูดแล้วก็ยืนขึ้น เดินออกมาจากห้อง คุณนายเหลิ่งขมวดคิ้วมองดอกไม้กระถางนั้นในมือที่กำลังตัด จู่ๆก็ใช้กรรไกรตัดรากดอกไม้ให้ขาด มองก้านดอกไม้ที่ล้มลงมา คุณนายเหลิ่งวางกรรไกรลง เช็ดมือ แล้วพูดกับตัวเอง:“ถ้ามีคนตัดใจไม่ลงที่จะตัดก้านดอกไม้ทิ้ง แล้วยังให้ดอกไม้ที่ไม่เรียบร้อยอยู่ในห้องต่อละก็ งั้นก็อย่ามาโทษคนอื่นที่อดไม่ได้ที่จะลงมือ ตัดดอกไม้ที่ขวางสายตาล่ะ”
ตอนที่เหลิ่งเซ่าถิงกลับมาที่ห้อง เจี่ยนอี๋นั่วได้กินข้าวเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเดินออกไปข้างนอก เจี่ยนอี๋นั่วมองเหลิ่งเซ่าถิงผ่านๆ ทักทายเขา แล้วก็วิ่งออกไปด้านนอก เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว มองแผ่นหลังของเจี่ยนอี๋นั่วแล้วพูด:“มองยังไง เธอก็ไม่ใช่ดอกไม้ที่สามารถเพาะเลี้ยงไว้ในห้อง ไม่ว่าใครก็ตัดแต่งกิ่งได้ตามใจชอบสักหน่อย”
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วมาถึงบริษัท กำลังอยู่ในลิฟต์ ก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง มองฝ่าของตัวเองที่แบออก นึกถึงท่าทางที่เหลิ่งเซ่าถิงที่จับมือเธอไว้ เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นแล้วค่อยๆยิ้มออกมา
ขณะที่ยิ้มของเธอไม่ทันได้หุบลง เจี่ยนอี๋นั่วก็มองเห็นฉู่หมิงเซวียนที่ยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์ เจี่ยนอี๋นั่วรีบหุบยิ้มแล้วทำหน้าเย็นชา แล้วเดินผ่านร่างของฉู่หมิงเซวียนไป
จู่ๆฉู่หมิงเซวียนก็พูดออกมา:“เมื่อวานมีลูกน้องผมลาออกแล้ว เรื่องที่คุณทำเริ่มเห็นผลแล้วนะ แผนกของผมเริ่มเหลือน้อยลงแล้ว คนบางกลุ่มที่มีความทะเยอทะยาน หลังจากที่ได้ฟังแผนการของคุณในการประชุมครั้งที่แล้ว ก็รู้ว่าถ้าอยู่กับผมคงไม่มีอนาคตอีกต่อไป ต่างก็ไปตามทางของตัวเอง เตรียมที่จะลาออกจากแผนกผม สมใจอยากคุณแล้ว เจี่ยนอี๋นั่ว!”
เจี่ยนอี๋นั่วเอียงมองฉู่หมิงเซวียน พูดเสียงเย็นชา:“ฉู่หมิงเซวียน ทุกอย่างพึ่งจะเริ่มขึ้น ต่อไปคุณจะเสียไปมากกว่านี้”
“คุณมีความรัก?” ฉู่หมิงเซวียนขมวดคิ้วมองเจี่ยนอี๋นั่ว:“รอยยิ้มของคุณเมื่อกี้ เป็นรอยยิ้มของคนมีความรัก คุณไม่มีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็ยังต้องการคุณ? พวกคุณไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์เท่านั้นเหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว:“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“ผมคิดอย่างละเอียดแล้ว พวกเรามาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ!”
จู่ๆฉู่หมิงเซวียนก็พูด:“พวกเราไม่จำเป็นต้องกลายมาเป็นแบบนี้ ต้องได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่ายทำไมล่ะ? ผมสามารถให้อภัยคุณที่ไปคบกับผู้ชายคนอื่นได้ ผมสามารถวางความแค้นที่มีต่อพ่อคุณลงได้ ยังไงซะพ่อคุณก็เป็นแบบนั้นแล้ว ก็นับว่าผมแก้แค้นแล้วละกัน ผมจะตัดขาดกับเฉิงซานซาน ต่อไปพวกเราสองคนใสสะอาดแล้ว พวกเรามาเริ่มต้นใหม่กันเถอะ”
เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้ามา ขมวดคิ้วมองฉู่หมิงเซวียน:“ฉู่หมิงเซวียน คุณกำลังพูดเรื่องตลกเหรอ? คุณคิดว่าพวกเรายังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้? คุณอยากเริ่มต้นใหม่ก็เพราะคุณเสียเปรียบอยู่ คุณทำให้พ่อฉันโกรธจะล้มป่วย ทำให้เขาจำฉันไม่ได้ว่าเป็นใคร คุณคิดว่าคุณแก้แค้นแล้ว ก็ชั่งมันงั้นเหรอ? คุณชั่งได้ แต่ความแค้นของฉันล่ะจะทำยังไง? ความแค้นของลูกฉัน ความแค้นของพ่อฉันล่ะจะทำยังไง? อีกอย่าง ต่อให้ฉันไม่มีความแค้นกับคุณ ฉันเห็นคุณฉันก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว ฉันไม่มีทางคบกับคุณอีกเด็ดขาด!”
“ความแค้นของลูกคุณ?” ฉู่หมิงเซวียนยิ้มเยาะ:“ลูกของคุณคนที่ทำร้ายคือเฉิงซานซานนะ คุณควรจะไปแก้แค้นที่เฉิงซานซานสิ? ทำไมคุณถึงโทษผมล่ะ? อีกอย่างเด็กนั่นไม่มีก็คือไม่มีแล้ว ยังไงซะก็เป็นลูกของคนอื่น ผมไม่รังเกียจที่คุณไม่บริสุทธิ์หรอก พวกเราสามารถมีลูกกันใหม่ได้ คุณยังสามารถเป็นแม่ได้อีกนะ”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองฉู่หมิงเซวียน ถ้าบอกว่าฉู่หมิงเซวียนก่อนหน้านี้ทำให้เธอเคียดแค้น งั้นฉู่หมิงเซวียนในตอนนี้ก็คงทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน เจี่ยนอี๋นั่วไม่อยากจะอยู่ด้วยกันกับเขาแม้แต่สักนาทีเดียว เธอออกแรงผลักฉู่หมิงเซวียนออก แล้วเดินตรงออกไป
ฉู่หมิงเซวียนกัดฟันมองเจี่ยนอี๋นั่ว เขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าว เกาะกำแพงตรงหน้าเพื่อยืนให้มั่นคง แล้วพูดเสียงสั่น:“เจี่ยนอี๋นั่ว คุณจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของคุณในวันนี้!”
ฉู่หมิงเซวียนพูดถึงตรงนี้ ก็ปิดตาลง เวลานี้โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ฉู่หมิงเซวียนรับโทรศัพท์ ฝั่งปลายสายของโทรศัพท์เป็นเสียงผู้หญิงที่เย็นชาและเหมือนเครื่องจักรกล:“ขอโทษนะคะไม่ทราบว่าใช่ครอบครัวของเฉิงซานซานหรือเปล่าคะ? ตอนนี้มีเรื่องจำเป็นต้องแจ้งให้ทราบค่ะ เฉิงซานซานแท้งแล้ว ต้องการให้คุณมาที่โรงพยาบาล”
“เฉิงซานซานไม่ได้เป็นอะไรกับผม ทำไมผมต้องไปโรงพยาบาลล่ะ?” ฉู่หมิงเซวียนยิ้มเยาะแล้วพูด
ปลายสายนิ่งอึ้งไปสักพัก หลังจากนั้นก็รีบพูด:“แต่เฉิงซานซานบอกว่าคุณคือพ่อของเด็ก”
“ผมไม่ใช่ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ให้เขาแก้ปัญหาเองเถอะ” ฉู่หมิงเซวียนพูดจบ จู่ๆก็ยิ้มออกมา:“แล้วก็ ถ้าเขาถามว่าทำไม ก็บอกเขาไปว่า ผมถูกผู้หญิงที่ชื่อเจี่ยนอี๋นั่วบังคับให้ทำแบบนี้”
“คุณจะไม่มาจริงๆเหรอคะ? นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ จะเสียใจก็คงไม่ทันแล้ว ต่อให้คุณไม่ใช่พ่อของเด็ก ในเมื่อเฉิงซานซานระบุชื่อให้คุณมา คุณก็ต้องเป็นคนที่เธอค่อนข้างสนิทด้วยอย่างแน่นอน ตอนนี้สถานการณ์ของเธออันตรายมาก พวกเราหวังว่าคุณจะมาดูสักหน่อยนะคะ” ผู้หญิงปลายสายพูดต่อ
ฉู่หมิงเซวียนขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด:“อันตราย? ถึงตายไหม? งั้นก่อนตายช่วยบอกเขาหน่อย เจี่ยนอี๋นั่วเป็นคนทำร้ายจนเขากลายเป็นแบบนั้น ให้เขากลายเป็นผี แล้วตามไปหลอกหลอนเจี่ยนอี๋นั่วซะ!”
ฉู่หมิงเซวียนพูดจบประโยค ก็วางสายโทรศัพท์ แล้วพ่นคำด่าออกมา:“เป็นผู้หญิงโง่ที่ชอบก่อเรื่องวุ่นวายจริงๆ”
เฉิงซานซานนอนบนเตียงผ่าตัด มองผู้ควบคุมที่กลับมาจากโทรศัพท์ไปหาฉู่หมิงเซวียน ก็รีบเงยหน้าขึ้น ใช้แรงที่เหลือน้อยนิดพูดออกมา:“เป็นไงบ้าง? เขาจะมาเมื่อไหร่? ได้บอกเขาหรือเปล่าว่าไม่ต้องรีบ ขับรถช้าๆ? คุณพูดกับเขาว่า ที่ฉันปกป้องลูกของพวกเราไว้ไม่ได้คือฉันไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมดเป็นเพราะเจี่ยนอี๋นั่ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาทำร้ายฉัน ให้ฉันมาที่นี่ ลูกของพวกเราก็คงไม่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
ผู้ควบคุมขมวดคิ้ว พูดเสียงขรึม:“เขาบอกเขาจะไม่มา……”
“อะไรนะ?” เฉิงซานซานเงยหน้าขึ้น มองไปทางผู้ควบคุม:“อะไรคือเขาจะไม่มา? ลูกของพวกเราไม่มีแล้วนะ ทำไมเขาถึงไม่สนใจล่ะ?”
ผู้ควบคุมนึกถึงคำพูดของฉู่หมิงเซวียน แล้วพูดกับเฉิงซานซาน:“เมื่อกี้เขาพูดถึงคนที่ชื่อเจี่ยนอี๋นั่ว บอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอ เขาถึงมาไม่ได้ ที่จริงแล้วผู้ชายคนนี้ฟังดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่……”
คำพูดของผู้ควบคุมยังไม่ทันได้พูดจบ เฉิงซานซานก็ร้องไห้ออกมา ร้องไปด้วยตะโกนไปด้วย:“เจี่ยนอี๋นั่ว!แกทำร้ายฉันจนฉันกลายเป็นแบบนี้ ฉันไม่มีทางปล่อยแกไปแน่”