หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 201 ยิ่งนานวันยิ่งถลำลึก
“คุณจู๋เป็นคนดีที่หายากจริงๆ” เจี่ยนอี๋นั่วเหลือบมองไปที่หญิงชราแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ
หลังจากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วคุยเล่นกับหญิงชราแล้วเดินเข้าไปในครัว เจี่ยนอี๋นั่วเอาผักมาล้างก่อน จากนั้นก็กำลังจะจากไป หญิงชรายังคงยิ้มตลอดเวลาจนส่งเจี่ยนอี๋นั่วถึงห้องครัว ทันทีที่เขาเดินออกจากครัว เจี่ยนอี๋นั่วก็เห็นว่าคุณจู๋กำลังเลื่อนล้อรถเข็นของเขาเข้าไปใกล้ซิ้งล้างจาน และดูเหมือนว่ากำลังจะมองเธอจากระยะไกล
แม้ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะไม่กล้ายืนยันว่าคุณจู๋กำลังมองมาที่เธออยู่จริงๆหรือเปล่า แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วยังคงมองไปที่คุณจู๋ เธอพยักหน้าให้เขา จากนั้นก็เดินออกจากคฤหาสน์ไป
ในวันถัดไปเมื่อเจี่ยนอี๋นั่วมาที่คฤหาสน์อีกครั้ง หญิงชรายิ้มให้เจี่ยนอี๋นั่วด้วยความลำบากใจ: “คุณมู่คะ ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่มีความรู้ ฉันมีอีกสิ่งหนึ่งที่อยากรบกวนให้คุณช่วยค่ะ เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ ระยะนี้อาการของคุณจู๋ดีขึ้นมาก แต่ว่าตาก็มองไม่ค่อยเห็นแล้ว รบกวนคุณช่วยอ่านเอกสารให้คุณจู๋ฟังทุกวันได้ไหมคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วรีบขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชรา เจี่ยนอี๋นั่วลังเลอยู่พักหนึ่ง และเธอกำลังครุ่นคิดว่าเธอควรจะตอบควรเห็นด้วยกับมันหรือไม่ แต่เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเงยหน้ามองขึ้นที่หน้าต่างที่เปิดอยู่บนชั้นสอง เจี่ยนอี๋นั่วก็พยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงเบา :“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ฉันเต็มใจที่จะทำสิ่งนี้มากค่ะ”
หญิงชรารีบยิ้มและพูดว่า :“คุณโปรดวางใจ คุณจู๋จะให้ค่าตอบแทนคุณอย่างงามแน่นอน”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม: “นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยมากค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องให้ค่าตอบแทนฉันหรอกนะคะ เมื่อสองวันพวกคุณยอมให้ลูกสาวของฉันมาเที่ยวเล่นที่นี่ ลูกสาวของฉันมีความสุขมากๆค่ะ ถือซะว่านี่เป็นการขอบคุณแล้วกันนะคะ ถ้าหากยังพูดเรื่องเงินอีก ก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้าแล้วนะคะ”
หญิงชราหรี่ตาด้วยรอยยิ้มพยักหน้าซ้ำ ๆ และพูดว่า:“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นก็ดี……ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่พูดเรื่องเงิน จะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนแปลกหน้า ถ้าอย่างนั้นตอนนี้รบกวนคุณช่วยไปดูหน่อยนะคะ? ห้องคุณจู๋อยู่ทางนี้ค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินไปที่ห้องของคุณจู๋ เมื่อถึงหน้าห้องของคุณจู๋ ก็เคาะประตูห้องและได้ยินเสียงตอบกลับจากห้อง เจี่ยนอี๋นั่วจึงเปิดประตูจากด้านนอก คุณจู๋ยังคงหันหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง และนั่งหันหลังให้กับเธอ เมื่อเขาได้ยินเสียงเธอเดินเข้าประตูห้องมา คุณจู๋ถึงหันหน้ากลับมามองเจี่ยนอี๋นั่ว
เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในห้องยิ้มและถามว่า:“ คุณรู้ไหมคะว่าฉันจะทำอะไร?”
คุณจู๋พูดด้วยน้ำเสียงแหบ:“หนังสือพิมพ์วางอยู่บนโต๊ะ เอามาอ่านให้ผมฟังสิ”
เจี่ยนอี๋นั่วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา และมองหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมันเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ด้านการเงิน เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามว่า:“ต้องอ่านทั้งหมดเลยเหรอคะ?”
คุณจู๋พยักหน้าช้าๆ เจี่ยนอี๋นั่วทำได้เพียงหยิบหนังสือพิมพ์นั้นขึ้นมาแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ค่อยๆอ่านอย่างช้าๆ เจี่ยนอี๋นั่วอ่านๆไปๆเริ่มสะดุด แต่เมื่อเธอมีสมาธิมากขึ้น และคุ้นเคยกับการเขียนของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ เธอก็มีความเชี่ยวชาญในการอ่านมากขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะยังกระตุกและไม่คล่องเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีกว่าตอนเริ่มอ่านในตอนแรกมาก คุณจู๋ดูเหมือนจะตั้งใจฟังในสิ่งที่เธออ่านมาก เขาอ่านไปด้วยแล้วยังจดบันทึกในขณะที่ฟังอยู่อีกด้วย
แต่หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์ได้หนึ่งหน้า เจี่ยนอี๋นั่วอ่านจนคอแห้ง ทนไม่ไหวจนไอออกมา เสียงเริ่มแหบเล็กน้อย
“แค่ก แค่ก ……”เจี่ยนอี๋นั่วรีบเอามือปิดปาก หันหลังไปไอสองสามที
มีคนยื่นน้ำหนึ่งแก้วให้เจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วรีบรับแก้วน้ำนั้นไว้ เหลือบมองคนที่ยื่นแก้วน้ำให้นั่นคือคุณจู๋ เธอกล่าวคำขอบคุณ จากนั้นก้มลงทันทีและอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ แต่ยังไม่ที่เจี่ยนอี๋นั่วจะอ่านต่อ มีมือข้างหนึ่งมาบังหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นไว้ มือนั้นซีดเซียวและยาวมีข้อต่อที่คล้ายกับมือของเหลิ่งเซ่าถิงมากๆ
เจี่ยนอี๋นั่วตกตะลึงในทันที เธอเงยหน้าขึ้นเหลือบมองคนที่ใช้ไม้เท้าเดินมาอยู่ข้างๆเธอนั่นคือคุณจู๋ เธอยังมองเห็นเป็นภาพลวงตาว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นคือเหลิ่งเซ่าถิง
เจี่ยนอี๋นั่วลุกขึ้นยืนและทนไม่ไหวรีบยื่นมือออกไป ต้องการที่จะถอดหน้ากากของคุณจู๋ออก คุณจู๋เดินก้าวถอยหลังสองสามก้าว ทำให้มือของเจี่ยนอี๋นั่วเหลือแต่ความว่างเปล่า“คุณจะทำอะไร?”คุณจู๋ถามด้วยน้ำเสียงเข้ม
เจี่ยนอี๋นั่วรีบเก็บมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบา :“ขอโทษค่ะ คุณคล้ายกับคนที่ฉันรู้จักคนหนึ่งมากค่ะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยเห็นรูปร่างลักษณะของคุณ แต่ฉันก็ยังอดไม่ได้ที่จะคิดว่าคุณก็คือเขา ฉันขอโทษค่ะ”
“เขาเป็นคนรักของคุณเหรอครับ?”คุณจู๋พูดด้วยน้ำเสียงเข้ม
เจี่ยนอี๋นั๋วขมวดคิ้วยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว: “นับว่าเคยเป็นมั้งคะ แต่ตอนนี้ไม่สำคัญอะไรแล้วล่ะค่ะ”
ถ้าอย่างนั้นขอโทษด้วยนะครับ ผมเหมือนเขามากเลยเหรอครับ ทำให้คุณปวดใจแล้ว ”
เจี่ยนอี๋นั่วตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มทันที เงยหน้าขึ้นมองเวลา และพูดด้วยน้ำเสียงเบา: “ขอโทษนะคะ ใกล้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันจะไปรับลูกสาวที่โรงเรียนแล้วค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ ก็รีบเดินออกจากห้องทันที
“พรุ่งนี้คุณจะมาอีกไหมครับ?”คุณจู๋ถามด้วยน้ำเสียงเข้ม
เจี่ยนอี๋นั่วครุ่นคิดสักครู่ จานนั้นก็พยักหน้า:“ฉันมาแน่นอนค่ะ”
แม้ว่าคุณจู๋จะสวมหน้ากากและแว่นกันแดด แต่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วก็ยังเห็นคิ้วที่โค้งเล็กน้อยของคุณจู๋ ดูออกว่าตอนนี้คุณจู๋เหมือนกำลังหัวเราะอยู่
หัวใจของเจี่ยนอี๋นั่วเต้นไม่เป็นจังหวะ และในขณะนี้การหายใจของเธอหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย เธอหัวเราะเบา ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อปกปิดการหายใจที่รวดเร็วของเธอ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
หลังจากเดินออกจากห้อง เจี่ยนอี๋นั่วก็ยังรู้สึกมึนงงเล็กน้อย ในความเป็นจริงแม้ว่าวันนี้เธอและคุณจู๋จะอยู่ห้องเดียวกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมเธอถึงรู้สึกกับคุณจู๋มากเป็นพิเศษแบบนี้ด้วย? การเต้นของหัวใจของเธอรุนแรงมาก จนทำให้เธอรู้สึกวูบวาบเล็กน้อย
เธอไม่ได้รู้สึกหัวใจเต้นรัวแบบนี้มาหลายปีแล้ว
เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจออก หลังจากเดินออกจากคฤหาสน์ มือของเธอยังคงสัมผัสตรงกลางอกของเธอ พยายามที่จะทำให้การเต้นของหัวใจของเธอกลับมาเป็นปกติ และไปรับรับเจี่ยนซวงที่โรงเรียนแล้วกลับบ้าน หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วดูแลเจี่ยนซวงรับประทานอาหารและทำการบ้านเสร็จ เมื่อเจี่ยนซวงหลับแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็นึกถึงในขณะที่เธอพาเจี่ยนซวงกลับบ้านอยู่นั่น เธอได้อ่านหนังสือพิมพ์การเงินจากข้างถนน แล้วเธอค่อยๆอ่านออกมาทีละตัวอักษรอย่างแผ่วเบา
ตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วมีความคิดบางอย่างในใจของเธอ เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณจู๋เธอไม่ต้องการที่จะแสดงท่าทางเงอะงะเกินไปต่อหน้าเขา และหวังว่าจะสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับต่อหน้าเขาได้อย่างเชี่ยวชาญ
เจี่ยนอี๋นั่วก็ไม่รู้ว่าเธอฝึกฝนมานานแค่ไหนแล้ว รู้เพียงว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สว่างแล้ว เจี่ยนซวงทำหน้ามุ่ยและเขย่าตัวเธอเพื่อปลุกเธอ: “คุณแม่คะ คุณแม่ตื่นได้แล้วค่ะ ทำไมคุณแม่ถึงไม่นอนบนเตียงคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วตบหน้าผากของตัวเองทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเบา :“โอ้ แม่นี่ไม่ได้เรื่องจริงๆเลย”
จากนั้นเจี่ยนอี๋นั่วก็รีบลุกขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจี่ยนซวง แล้วรีบส่งเจี่ยนซวงไปโรงเรียนทันที เมื่อเห็นเจี่ยนซวงเดินเข้าประตูโรงเรียนแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็ถอนหายใจออกมา เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เธอคิดว่าเธอยังเป็นสาวน้อยอยู่อีกหรือ? ทำไมถึงทำเรื่องไร้เดียงสาแบบนี้ได้ยังไงกัน?
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเดินไปที่คฤหาสน์ ในขณะที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ให้คุณจู๋นั้น ใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถึงแม้ว่าเมื่อคืนเธอได้ฝึกฝนมาตลอดทั้งคืนแล้ว สาเหตุเพราะว่าใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและการนอนไม่หลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เจี่ยนอี๋นั่วมักจะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้
“แกนกลางของปัญหาทั้งหมดในตลาดทุนยังคงเป็น……เป็น……” เจี่ยนอี๋นั่วกระพริบตา แล้วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอฟุบบนโต๊ะแล้วหลับตาลง
คุณจู๋เห็นเจี่ยนอี๋นั่วนอนหลับอยู่บนโต๊ะ เขาค่อยๆเดินเข้าไปอย่างช้าๆ เขายกมือขึ้นพยายามที่จะลูบหัวเจี่ยนอี๋นั่ว แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้วเอาถอยมือออกมา แล้วหยิบผ้าห่มบาง ๆ มาคลุมบนร่างของเธอเท่านั้น
ในความฝันเจี่ยนอี๋นั่วฝันอะไรไม่รู้สับสนวุ่นวายไปหมด ในความฝันนั้นเธอจับมือของเหลิ่งเซ่าถิงไว้ และเดินไปในสวนด้วยรอยยิ้ม มือของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นคล้ายกับมือของคุณจู๋มาก แต่ว่ามือของเหลิ่งเซ่าถิงนั้นจะกว้างกว่าของ คุณจู๋ และข้อมือของเขาจะหนากว่า และดูแข็งแรงมากกว่า และสิ่งนี้ทำให้เจี่ยนอี๋นั่วเสียใจเล็กน้อย คุณจู๋ต้องผ่านความเจ็บปวดแบบไหนมาก่อน ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนผอมแบบนี้ เขาน่าจะเป็นเหมือนคนอย่างเหลิ่งเซ่าถิงแบบนั้นสิ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกตื่นตะหนกมากขึ้น และลืมตาขึ้นมาทันที ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นนาฬิกาบนผนัง เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว เธอหลับไปเพียงชั่วโมงกว่าเท่านั้นเอง เจี่ยนอี๋นั่วลูบหน้าผากของเธอ และทันทีที่เห็นผ้าห่มที่คลุมอยู่บนตัวเธอ ไม่จำเป็นต้องถาม เจี่ยนอี๋นั่วก็รู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนห่มผ้าให้กับเธอ
เจี่ยนอี๋นั่วหันหน้ามองไปทางด้านข้างๆ มองไปที่คุณจู๋ที่กำลังเก็บสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือ เธอยิ้มและพูดว่า :“ขอบคุณค่ะ”
ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดอยู่นั้น เธอก็ลุกขึ้นและหยิบผ้าห่มส่งคืนให้คุณจู๋ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า :“ฉันจะไปแล้วค่ะ ลาก่อนค่ะ”
คุณจู๋ถือสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือไว้ในมือ แล้วพยักหน้าตอบรับเบา ๆ : “ลาก่อนครับ”
ในอีกไม่กี่วันถัดมาเจี่ยนอี๋นั่วมาอ่านหนังสือพิมพ์ให้คุณจู๋ตรงเวลา เมื่อถึงวันเสาร์ คุณจู๋ได้เชิญชวนเจี่ยนอี๋นั่วให้พาเจี่ยนซวงมาเล่นที่คฤหาสน์แห่งนี้
เจี่ยนซวงดูเหมือนจะหลงใหลในการตกปลา ทุกครั้งที่มาเธอจะตรงไปที่สระน้ำเพื่อไปตกปลา คุณจู๋ก็จะเข็นรถเข็นไปที่ข้างๆเจี่ยนซวง และแนะนำวิธีการตกปลาให้กับเธอ หลายวันมานี้เจี่ยนอี๋นั่วยังสังเกตเห็นว่า ขาของคุณจู๋ดูเหมือนจะเดินเหินไม่ค่อยสะดวก เขานั่งบนรถเข็นตลอด บางครั้งก็พิงไม้ค้ำ และขาของเขาก็เดินเหินไม่สะดวกอีกด้วย เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่ขาของเขา คุณจู๋ก็จะเอาผ้าห่มคลุมขาของเขาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
เป็นเพราะได้รับเจ็บที่ขา? ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก ขาของเขาได้รับบาดเจ็บอีก อีกทั้งเขายังถูกแยกออกจากภรรยาและลูกของเขา คุณจู่คนนี้ทำไมถึงน่าเวทนาอย่างนี้?
เจี่ยนอี๋นั่วคิดอย่างนี้ และมองไปที่ด้านหลังคุณจู๋และเจี่ยนซวง พวกเขากำลังตกปลาด้วยกันอยู่ เธอก็อดไม่ไหวที่ถอนหายใจออกมา ในขณะที่มองดูหลังของเจี่ยนซวงและคุณจู๋อยู่นั้น ก็ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว จนกระทั่งเธอถอยกลับไปที่เก้าอี้นั่งเล่นบนพื้นหญ้า เจี่ยนอี๋นั่วไม่ทันระวังแตะโดนเก้าอี้นั่งเล่นโดยบังเอิญ และทำให้สมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือที่วางอยู่บนเก้าอี้นั่งเล่นตกลงที่พื้น เจี่ยนอี๋นั่วรีบก้มหน้าลงและหยิบสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือขึ้นมา
แต่เมื่อหยิบสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือขึ้นมา และเห็นสมุดเปิดออกมาให้เห็น เจี่ยนอี๋นั่วก็ตะลึงทันที ในสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือนั้นมันมีแต่รูปวาดของเธอ รูปวาดตอนที่เธอนอนหลับ และตอนที่เธอกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ และแม้แต่ตอนที่เธอกำลังยิ้มและพูดคุยกันกับเจี่ยนซวง
เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวด นี่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคุณจู๋ไม่ได้เขียนจดบันทึกหรอกเหรอ แต่กลับวาดรูปเธอ?
เจี่ยนอี๋นั่วหยิบสมุดบันทึกที่เขียนด้วยลายมือ ลุกขึ้นยืนทันที และเห็นคุณจู๋ที่หันหน้ามามอง เนื่องจากเขาสวมหน้ากากและแว่นกันแดด เจี่ยนอี๋นั่วจึงมองไม่เห็นการแสดงออกของเขาอย่างชัดเจน แต่เธอสามารถเห็นได้ว่านิ้วของเขาสั่นเล็กน้อย และมือของเขาสั่นด้วยความตื่นตระหนก