หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 200 คนที่อยากเข้าใกล้
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและจับหัวของเจี่ยนซวง จากนั้นหันศีรษะมองกลับไปที่คฤหาสน์ กลับบ้านพร้อมเจี่ยนซวง หลังจากกลับถึงบ้าน ก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี เจี่ยนอี๋นั่วทำตามความคิดของเจี่ยนซวง เอาปลาให้เพื่อนบ้านและขอให้ป้าเพื่อนบ้านช่วยทำซุปปลา
ป้าเพื่อนบ้านได้ยินว่าจะแบ่งให้ครึ่งนึง เธอก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล เมื่อปลาเสร็จแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วก็เอากลับไปให้เจี่ยนซวง เธอเลียช้อนรอกิน เมื่อเจี่ยนอี๋นั่ววางซุปปลาลง หยิบชามและตะเกียบขึ้นมาแล้วยิ้มให้เจี่ยนซวง พูดว่า: “กินได้เลย”
เจี่ยนซวงหยิบตะเกียบขึ้นมาและกิน เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนซวง หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้: “ระวังก้างปลาด้วยนะ”
เจี่ยนซวงยิ้มและพยักหน้าและค่อยๆกินอย่างระมัดระวัง เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่เจี่ยนซวงจากนั้นก็หยิบชามและตะเกียบขึ้นมาแล้วกิน ปลารสชาติดีมาก หรืออาจจะหิวเกินไปหลังจากเล่นมาทั้งวัน พวกเธอสองคนถึงกับกินปลาตัวโตหมดภายในพริบตา เจี่ยนอี๋นั่วล้างจานเสร็จ ก็เห็นเจี่ยนซวงหลับไปแล้ว
เจี่ยนอี๋นั่วเดินไปถอดเสื้อคลุมเจี่ยนซวงและพูดด้วยรอยยิ้ม: “จะนอนก็ถอดเสื้อคลุมก่อนสิลูก”
เจี่ยนซวงขยี้ตา หลับตาและพูดขณะถอดเสื้อผ้า: “แม่ เราจะไปที่คฤหาสน์นั้นอีกเมื่อไหร่? คฤหาสน์นั้นสนุมาก มีตกปลา มีสไลเดอร์ และคุณจู๋คนนั้นก็มีสาระ……”
ในขณะที่เจี่ยนซวงพูด เธอเอนหลังลงบนเตียงครึ่งหลับครึ่งตื่นและพูดว่า:”หนูอยากไปเล่นที่นั่นอีก”
เจี่ยนอี๋นั่วยื่นมือออกไปถอดเสื้อให้เจี่ยนซวง และถอยหลังลง ยิ้มและพับเสื้อผ้าส่ายหัวแล้วพูดว่า: “เด็กน้อยจริงๆ”
เจี่ยนอี๋นั่ววางเสื้อผ้าของเจี่ยนซวงและนั่งลงข้างเตียงโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร วันนี้หัวใจของเธอเต้นรัวเล็กน้อยและการสั่นไหวที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นเวลานานทำให้จิตใจของเธอปั่นป่วน เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นปิดหน้าผากด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นบ้าไปแล้ว เพียงเพราะคุณจู๋ ให้ถือเจี่ยนซวงมเธอก็รู้สึกดีแล้วงั้นหรอ?
เจี่ยนอี๋นั่วรู้สึกว่าเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงอายุสิบเจ็ดสิบแปดแล้ว เธอจะชอบใครง่ายๆได้ยังไง ตั้งแต่เจี่ยนอี๋นั่วตกหลุมรักเหลิ่งเซ่าถิง เหลิ่งเซ่าถิงเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้เธอหลงใหลมานานหลายปี เจี่ยนอี๋นั่วคิดว่าเธอคงชอบใครไม่ได้อีก เจี่ยนอี๋นั่วไม่คอดว่าผู้ชายคนนี้จะทำให้เธอหวั่นไหว
“เลิกคิดไปเรื่อยได้แล้ว” เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวอย่างหงุดหงิด
ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแถมมีลูกแล้ว ความประมาทเพียงเล็กน้อยจะทำให้เธอและเจี่ยนซวงทั้งคู่กลายเป็นเรื่องตลกในสายตาของคนอื่น ชอบก็บอกชอบเหมือนเด็กๆได้ไง ถ้างั้นเธอก็คงกล้าไปถามเหลิ่งเซ่าถิงว่าทำไมไม่ชอบเธอสิ?
“ช่างมันเถอะ” เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจเบาๆและหลับตาลงชั่วขณะ
แต่แล้วเจี่ยนอี๋นั่วก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นหยิบสมุดของเจี่ยนซวงออก พอหันไปหาคำว่า “จู๋” และเห็นว่านามสกุล “จู๋” กับ “จู๋” เหมือนกัน
เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ: “ปรากฎว่ามีคนนามสกุลจู๋จริงๆ”
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็ปิดหนังสือด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตบหัวตัวเองด้วยหนังสือและพึมพำ: “บ้าจริง ยังคิดเรื่องผู้ชายอยู่ในตอนนี้ ปัญหายังไม่พอหรือไงกัน อีกอย่างผู้ชายคนนี้ก็เป็นไปไม่ได้”
ถ้าเป็นผู้ชายธรรมดา เจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงยังคงถูกปกปิดจากกันและกันและสามารถอยู่อย่างสันโดษได้ต่อไป แต่เห็นได้ชัดว่าคุณจู๋เองก็เป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว ตราบใดที่ยังติดต่อกันมานานเขาจะรู้จักตัวตนของเธอและเจี่ยนซวงอย่างแน่นอน ใครจะรับประกันได้ว่าคุณจู๋จะชอบเธอเหมือนกัน?
เจี่ยนอี๋นั่วรู้มานานแล้วว่าตั้งแต่ช่วงเวลาที่เธอตกหลุมรักเหลิ่งเซ่าถิง หลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถช่วยเธอได้และมันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะทำสิ่งต่างๆตามความปรารถนาของเธอ
เจี่ยนอี๋นั่วนึกถึงเรื่องนี้ หลับตาและล้มลงบนเตียง หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเจี่ยนซวงจะนอนหลับอย่างเซื่องซึม แต่เธออาจรู้สึกถึงลมหายใจของเจี่ยนอี๋นั่ว เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นและกอดเจี่ยนซวง ทันทีและค่อยๆหัวเราะ โชคดีที่เธอยังมีเจี่ยนซวง ถือว่าเธอยังโชคดี
เจี่ยนอี๋นั่วหลับไปด้วยความงุนงง จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น เป็นวันอาทิตย์ เมื่อวานเจี่ยนซวงจึงออกไปเล่นนอกบ้านและไม่ได้ทำการบ้าน เจี่ยนอี๋นั่วจึงเฝ้าดูเจี่ยนซวงทำการบ้านในวันนี้
ในตอนเที่ยงโทรศัพท์ของเจี่ยนอี๋นั่วดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากชายแก่ในคฤหาสน์ เจี่ยนอี๋นั่วก็ขมวดคิ้วด้วยความสับสนและคิดสักพักก่อนที่จะรับโทรศัพท์
เสียงของชายแก่ดูกังวลเล็กน้อยทำไมถึงเป็นคนอื่น?”
เจี่ยนอี๋นั่ว ยิ้มและพูดว่า: “คือว่า วันนี้ฉันต้องเฝ้าลูกทำการบ้าน”
ชายแก่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม: “แล้วไป แล้วไป…… ”
เมื่อชายแก่พูดจบ เขาก็รีบพูดว่า: “พรุ่งนี้เธอจะมาส่งผักเองไหม?”
เจี่ยนอี๋นั่ว ส่ายหัว: “เกรงว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะไม่ได้”
เพราะคุณจู๋ไม่ใช่เหลิ่งเซ่าถิง แถมเธอยังเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับเขา
“ทำไมล่ะ?” ชายแก่ถามอย่างรีบร้อน: “เป็นเพราะเมื่อวานเราต้อนรับเธอไม่ดี ทำให้เธอโกรธหรอ? ถ้าเราทำให้ไม่พอใจ ฉันจะขอโทษเดี๋ยวนี้ ให้อภัยพวกเราด้วย”
เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินชายแก่พูดแบบนี้และรีบพูดขึ้นว่า: “ลุงอย่าพูดอย่างงี้ ลูกสาวของฉันและฉันมีช่วงเวลาที่ดีมากเมื่อวานนี้ ลุงพูดแบบนั้นฉันรู้สึกผิด”
“ ถ้าเธอไม่มาก็คงเป็นความผิดของเรา”
ชายแก่ถึงกับสูดจมูกและพูดด้วยเสียงร้องไห้:“ ฉันเป็นคนแก่ที่พูดไม่คิด ฉันรู้ว่าฉันน่ารำคาญ แต่โกรธฉันเลยนะ เห็นแก่คุณชายเถอะ เขามาที่นี่เพื่อรักษาตัว ตอนนี้เขาป่วยหนักมาก จนเมื่อวานเธอกับลูกสาวมาทำให้เขามีความสุขขึ้นบ้าง ถ้าเธอไม่มาอีกเลย อาจจะทำให้เขาเสียใจและอาการทรุดลง”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว เธอรู้สึกว่าชายแก่กำลังจะจากไปจริงๆและเหตุผลในการปฏิเสธของเธอถูกปิดกั้นทุกทาง เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ บางทีมันอาจจะไม่ใช่คำพูดของชายแก่ที่ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ อาจเป็นเพราะเธอไม่ต้องการปฏิเสธชายแก่เลย
เจี่ยนอี๋นั่วถามขึ้นว่า: “คุณจู๋ จะอยู่รักษาตัวที่นี่อีกนานแค่ไหน?”
ชายแก่ถอนหายใจ:“ อีกแค่สองสามอาทิตย์เท่านั้น เขามาที่นี่เพราะร่างกายไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่จริงเขามีเรื่องต้องจัดการอีกมากมาย อยู่นานไม่ได้”
อยู่นานไม่ได้?
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเล็กน้อย: “งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเป็นคนส่งผักไปให้เอง”
ชายแก่ยิ้มทันทีและพูดว่า: “เยี่ยมเลย ทางเรากำลังรอเธออยู่นะ”
เมื่อได้ยินเสียงของชายแก่วางสายโทรศัพท์ เจี่ยนอี๋นั่วยังคงถือโทรศัพท์ด้วยความงุนงง เจี่ยนซวงเข้าหาเจี่ยนอี๋นั่วและถามว่า: “แม่……เป็นอะไรหรอ? จะไปคฤหาสน์อีกแล้วหรอ? พาหนูไปด้วยได้ไหม? หนูอยากไปตกปลาอีก”
“ไม่ได้ไปวันนี้ ลูกกลับไปทำการบ้านให้เสร็จ แม่จะไปส่งผักพรุ่งนี้”
ในขณะที่เจี่ยนอี๋นั่วพูด เธอหยิบสมุดงานของเจี่ยนซวงขึ้นมาและขมวดคิ้ว: “ทำไมเขียนลวกๆแบบนี้ ลูกขี้เกียจอีกแล้วใช่ไหม ไปเขียนดีๆ”
เจี่ยนซวงลดจมูกลงและพึมพำ: “หนูตั้งใจสุดๆแล้ว จะให้ตั้งใจขนาดไหน?”
ขณะที่เจี่ยนซวงพูด เธอก็ค่อยๆเขียนและลายมือของเธอก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ เจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่สมุดของเจี่ยนซวงที่เต็มไปด้วยการบ้านและรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เช้าวันรุ่งขึ้น เจี่ยนอี๋นั่วก็ไปส่งผักที่คฤหาสน์
เจี่ยนอี๋นั่วยกมือขึ้นและกำลังจะกดกริ่ง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็วางมือลง เจี่ยนอี๋นั่วลังเลอยู่นานและในที่สุดขณะที่เธอกำลังจะยกมือ ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก
ชายแก่ชะโงกหน้าออกจากประตูและพูดด้วยรอยยิ้ม: “เธอมาแล้วหรอ?”
เจี่ยนอี๋นั่วตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพยักหน้า: “อืม ฉันมาส่งผัก คุณลุงรู้ว่าฉันมาถึงแล้วหรอ?”
ชายแก่ยิ้มและชี้ไปที่กล้องที่ประตู: “ฉันเห็นในกล้อง”
ใบหน้าของเจี่ยนอี๋นั่วแดงขึ้นทันทีด้วยความอายเล็กน้อย ชายแก่เห็นเธอยืนลังเลอยู่ที่ประตูเมื่อกี้ น่าอายจริงๆ…….
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว คิดว่าจะอธิบายพฤติกรรมของเธอยังไง ชายแก่ดูเหมือนจะเดาได้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร พูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันหันมาดูกล้องแล้วเห็นเธอพอดี เข้ามาก่อนสิ วันนี้แดดแรงมาก อย่าตากแดดอยู่ข้างนอก”
เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไปในบ้าน ในมือถือตะกร้าผัก เจี่ยนอี๋นั่วเดินเข้าไป เธอเห็นหน้าต่างที่ชั้นสองเปิดอยู่ นี่ไม่ใช่ภาพที่พร่ามัว เจี่ยนอี๋นั่วเห็นคุณจู๋นั่งอยู่ที่หน้าต่างมองมาที่เธออย่างชัดเจน แม้ว่าวันนี้อากาศจะร้อนมาก แต่คุณจู๋ก็ยังคงสวมหน้ากากและแว่นกันแดด
ถ้าเจี่ยนอี๋นั่วไม่รู้จักคุณจู๋มาก่อน เจี่ยนอี๋นั่วก็คงรู้สึกน่ากลัวอยู่ไม่น้อย หากเขาจ้องมาที่เธออย่างกะทันหันแบบนี้ เจี่ยนอี๋นั่วอดไม่ได้ที่จะถามว่า: “ทำไมคุณจู๋ถึงสวมแว่นกันแดดและหน้ากากตลอด ฉันได้ยินลุงพูดบ่อยๆว่าสุขภาพเขาไม่ดี เขาป่วยเป็นอะไรหรอ?”
“อ่อ มีหลายอาการเลย โรคซับซ้อนและเขาแพ้แสงแดดก็เลยต้องสวมแว่นตาตลอดเวลา”
ชายแก่ยิ้มและพูดว่า: “ทำไมหรอ? รู้สึกคุณชายแปลกมากใช่ไหม?”
เจี่ยนอี๋นั่วส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถึงจะดูแปลกไปหน่อย แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนดี”
ชายแก่พยักหน้าทันที: “ใช่ ไม่มีใครในโลกนี้ดีกว่าคุณชายแล้ว ฉันหนะ คิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่คุณชายช่วยฉันไว้ และยังหาภรรยาที่ดีให้ลูกชายฉันด้วย เขาดูแลครอบครัวฉันดีมาก ไม่มีใครดีไปกว่าเขาอีกแล้ว!”