หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 183 เขาคือคุณพ่อของหนู
เจี่ยนซวงร้องไห้ออกมาก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า : “หม่าม้าคะ หนูจะไปตามหาสร้อยกลับมาค่ะ!”
เจี่ยนอี๋นั่วดึงเจี่ยนซวงเอาไว้แน่นก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น : “ตอนนี้ฟ้ามันเริ่มมืดแล้วนะคะ จะไปหาที่ไหน? พรุ่งนี้ค่อยไปดีกว่านะคะ”
ถึงแม่ว่าเจี่ยนอี๋นั่วจะทะนุถนอมสร้อยเส้นนั้นมากๆ เพราะมันเป็นของขวัญเพียงชิ้นเดียวที่เหลิ่งเซ่าถิงมอบให้กับเจี่ยนซวง แต่สิ่งของมันไม่มีชีวิต ถ้าเกิดว่าตอนที่เจี่ยนซวงออกไปตามหาแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเจี่ยนซวงล่ะก็จะซวยขึ้นมาเอา
ถึงแม้ว่าเจี่ยนซวงจะดื้อซนและร้ายขนาดไหน แต่เจี่ยนซวงก็ยังเชื่อฟังเจี่ยนอี๋นั่ว แต่ครั้งนี้เจี่ยนซวงกับบิดตัวแล้วส่ายหัวก่อนจะร้องไห้แล้วพูดออกมาว่า : “ไม่ได้ค่ะ! ไม่ได้! หนูจะไปหาสร้อยเส้นนั้น ถ้าหม่าม้าไม่ช่วยหนูหา หนูก็จะไปหาเองค่ะ”
เจี่ยนซวงพูดก่อนจะวิ่งออกจากประตูบ้านไป เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินที่เจี่ยนซวงพูด เธอก็หายใจเข้าลึกๆครั้งหนึงก่อนจะไปหยิบไฟฉายแล้วก็ตามลูกสาวไป : “ซวง……เหยียนเหยียน รอหม่าม้าก่อนค่ะ หม่าม้าจะไปกับหนูด้วย!”
หลังจากที่เจี่ยนอี๋นั่วตามเจี่ยนซวงทันแล้ว เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะพูดว่า : “หนูยังจำทางที่หนูกลับได้มั้ย?”
เจี่ยนซวงพยักหน้าทันที : “จำได้ค่ะ หม่าม้าต้องช่วยหนูหานะคะ”
เมื่อเจี่ยนซวงพูดจบเธอก็ร้องไห้โฮอีกครั้งหนึ่ง : “หนูมีสร้อยเส้นนั้นเส้นเดียว ถ้าเกิดมันหาย ก็ไม่มีอีกแล้วค่ะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าทันที ก่อนจะยื่นมือมาจับมือลูกสาว : “หม่าม้าจะช่วยหนูหาอย่างสุดความสามารถค่ะ”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วพูดจบ เธอก็จับมือเจี่ยนซวงแล้วค่อยๆเดินหาตามทางที่เจี่ยนซวงกลับบ้านวันนี้จนฟ้ามืดสนิท เจี่ยนอี๋นั่วกับเจี่ยนซวงก็ยังไม่เจอสร้อยเส้นนั้น ขาของเจี่ยนอี๋นั่วเมื่อยไปหมดแล้ว แต่เจี่ยนซวงก็ยังยืนยันที่จะยังไม่กลับ
เจี่ยนซวงแหวกพงหญ้าไปด้วยร้องไห้ไปด้วยก่อนจะพูดว่า : “สร้อยอยู่ไหน? หนูจำได้ว่าหนูเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง? ทำไมถึงตกออกมาได้ล่ะคะ?”
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วเห็นว่าฟ้ามืดสนิท ในชนบทแบบนี้ไม่เหมือนกันในเมืองหลวง เมืองหลวงในเวลานี้จะมีแสดงไฟสว่างไสวไปทั่ว แต่ในบนชทแบบเมื่อ เมื่อฟ้ามืดลงก็น่ากลัวอยู่ไม่น้อย
เจี่ยนอี๋นั่วทำได้เพียงจูงมือลูกสาวแล้วพูดเบาๆว่า : “วันนี้พอแค่นี้ก่อน ดีมั้ยคะ? รอให้ฟ้าสว่างก่อนหม่าม้าค่อยพาหนูมาหาสร้อยใหม่”
เจี่ยนซวงร้องไห้พร้อมกับส่ายหน้าของเธอไปมา : “ไม่เอาค่ะ สร้อยที่เขาให้หนูมา หนูยังทำมันหาย! หนูต้องหามันให้เจอค่ะ ไม่อย่างนั้นหนูก็ไม่กลับ!”
เจี่ยนอี๋นั่วค้นพบว่านับวันเจี่ยนซวงยิ่งให้ความสนใจกับสร้อยที่เหลิ่งเซ่าถิงให้เธอ เธอจึงถามตรงๆต่อหน้าเจี่ยนซวง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วถามออกไปว่า : “ทำไมหนูถึงสนใจสี้อยเส้นนี้นักหนาล่ะคะ?”
“เพราะว่าเขาเป็นคนให้หนูไงคะ” เจี่ยนซวงร้องไห้พร้อมกับเช็ดน้ำตาของตัวเอง เมื่อเห็นว่ารอบๆไม่มีคนอยู่ เธอจึงพูดออกมาเบาๆว่า : “หม่าม้าคะ จริงๆแล้วคุณลุงคนนั้นคือคุณพ่อของหนูใช่มั้ยคะ?”
เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เจี่ยนซวงยังเด็ก จึงไม่เข้าใจในหลายๆเรื่อง แต่พอเธอค่อยๆเจติบโตขึ้นแล้ว เจี่ยนซวงก็ได้รู้จักกับคุณลุงที่เย็นชาคนนั้น เนื่องจากในโทรทัศน์มักจะมีข่าวที่เกี่ยวกับท่านประธานเหลิ่งของตระกูลเหลิ่งอยู่บ่อยๆ เจี่ยนซวงจึงเริ่มเดาความสัมพันธ์ของเธอกับเหลิ่งเซ่าถิง พวกเขาหน้าตาคล้ายกันมากๆ แล้วเมื่อก่อนเหลิ่งเซ่าถิงก็ดีกับเธอมากๆด้วย เจี่ยนซวงจึงอดคิดไม่ได้ว่าเหลิ่งเซ่าถิงนั้นเป็นพ่อที่แท้จริงของเธอ ดังนั้นเธอจึงให้ความสนใจกับสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้เธอมากๆ
เมื่อเจี่ยนอี๋นั่วได้ยินในสิ่งที่เจี่ยนซวงพูด เธอก็เหม่อไปสักครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามามองเจี่ยนซวงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า : “หนูอยากให้เขาเป็นพ่อของหนูมั้ยคะ?”
เจี่ยนซวงพยักหน้าขึ้นลงหลายๆครั้ง : “หนูอยากได้คุณพ่อค่ะ แต่ถ้าเขาไม่อยากได้หนูจริงๆ หนูก็ไม่เอาคุณพ่อก็ได้ค่ะ หม่าม้าคะ เขาเป็นคุณพ่อของซวงซวงใช่มั้ยคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วรู้อยู่แล้วว่าเธอปิดบังเจี่ยนซวงได้ไม่นานนัก เจี่ยนซวงนั้นมีโอกาสสูงมากที่จะเดาเรื่องราวชีวิตของตัวเองได้ แต่เจี่ยนอี๋นั่วเพียงไม่คิดมาก่อนว่ามันจะมาไวขนาดนี้ เจี่ยนอี๋นั่วหมดหนทางที่จะโกหกเจี่ยนซวง ถ้าหากเจี่ยนซวงเดาไม่ออก เธอก็ยังคงจะปิดบังต่อไปได้อยู่ แต่เจี่ยนซวงนั้นเดาออกหมดแล้ว เจี่ยนอี๋นั่วจึงไร้หนทางที่จะโกหกลูกต่อไปแล้ว
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงต่ำทุ้มว่า : “ใช่ค่ะ เขาเป็นพ่อของหนู มันเกิดจากเหตุผลบางอย่างที่เขาต้องเลิกกับหม่าม้า เขาก็เลยอยู่กับหนูไม่ได้ค่ะ แต่เขายังห่วงใยหนูอยู่นะคะ……หนูยังจำอาหารอร่อยๆที่เขาทำให้หนูกินมั้ย?”
เจี่ยนซวงรีบพยักหน้าทันทีก่อนจะร้องไห้ออกมาแล้วพูดว่า : “จำได้ค่ะ ดังนั้นหนูเลยต้องตามหาสร้อยเส้นนั้นให้เจอ นี่อาจจะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาให้หนูก็ได้”
เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวลูกสาว ก่อนจะยิ้มปลอบใจลูก : “ไม่ต้องร้องนะคะ พรุ่งนี้หม่าม้าจะพยายามหาช่วยอย่างเต็มที่ ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้วหนูก็เห็น ถ้าระหว่างที่เราหาสร้อยอยู่แล้วหนูบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไงคะ?”
“แต่ว่า……..” เจี่ยนซวงขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะทำหน้างอแงแล้วพูดว่า : “แต่ว่าถ้าเราหามันไม่เจอจริงๆล่ะคะ”
“สร้อยเส้นนี้เป็นแค่ของต่างหน้า ถึงหาสร้อยไม่เจอ ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อของหนูจะไม่ห่วงใยหนูนี่นะ” เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มแล้วพูดถึงตรงนี้เธอก็ยกนิ้วขึ้นมากดไปที่ริมฝีปากของตัวเอง แล้วทำท่าชู่ออกมา : “แล้วอีกอย่าง เรื่องที่คนคนนั้นเป็นพ่อของหนู หนูห้ามไปบอกใครนะคะ”
เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆพร้อมกับร้องไห้แล้วก็พยักหน้าขึ้นลง เธอยกมือขึ้นมาจับมือเจี่ยนอี๋นั่ว ก่อนจะถามว่า : “งั้นเรากลับกันก่อนมั้ยคะหม่าม้า แต่คุณพ่อเป็นคนยังไงหรอคะ? หม่าม้าไม่เคยเล่าให้หนูฟังเลย”
เจี่ยนอี๋นั่วจับมือเจี่ยนซวงก่อนจะหันหน้าไปทางทางกลับบ้านของพวกเธอ เธอเอียงหัวแล้วยกยิ้มขึ้นมาสักพัก แต่บางความทรงจำของเธอกับเหลิ่งเซ่าถิงนั้นถูกลบเลือนไปบ้างแล้วในวันวันนี้ เมื่อเธอคิดถึงเหลิ่งเซ่าถิงตอนนี้ เจี่ยนอี๋นั่วเหลือเพียงเงาจางๆเท่านั้น เจี่ยนอี๋นั่วจึงทำได้เพียงคิดไปด้วยยิ้มไปด้วยเท่านั้น ก่อนจะพูดขึ้นว่า : “เขาหรอคะ? หนูก็น่าจะประทับใจในตัวเขานะคะ เขาเป็นคนที่ดีดูใช้ได้เลย”
“ไม่ใช่แค่ดูดีใช้ได้นะคะ คุณพ่อหล่อมากๆ!” เจี่ยนซวงรีบพูดแทรกเจี่ยนอี๋นั่วทันที
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้าพร้อมกับยิ้มไปด้วย : “ใช่ค่ะ หล่อมากๆ ตอนนั้นก็เพราะเขาหล่อมากๆนี่แหละค่ะ หม่าม้าถึงได้ชอบเขา”
เจี่ยนซวงกระพริบตาปริบๆ เธอยังเด็ก เธอเลยไม่เขาใจเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบผู้ชายคนนึงได้ มันอาจจะดูผิวเผินและเรียบง่ายมากๆ บางทีก็อาจจะเป็นเพราะรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย บางทีก็อาจจะเป็นเพราะคำพูด หรือบางทีก็อาจจะเป็นเพราะการกระทำ
เขี่ยนซวงกระพริบตาด้วยความสงสัย ก่อนจะถามขึ้น : “หม่าม้าไม่ได้รักคุณพ่อเพราะว่าหม่าม้าซาบซึ้งที่คุณพ่อช่วยชีวิตไว้หรอคะ? ในละครมีแต่แบบนี้”
“ยังไงคะ?” เจี่ยนอี๋นั่วถามเจี่ยนซวงอย่างสงสัย
เจี่ยนซวงสูดจมูกก่อนจะพูดพร้อมกับแสดงท่าทีขึ้นมา : “ก็แบบว่าหม่าม้าน่าจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วก็ถูกวางยาพิษ ต้องให้ผู้ชายคนนึงมาจุมพิตก่อนถึงจะล้างพิษนั้นได้ แต่ผู้ชายคนนั้นจะโดนยาพิษแล้วก็บาดเจ็บไงคะ แล้วคุณพ่อก็เสี่ยงชีวิตมาจุมพิษหม่าม้า แล้วก็หม่าม้าก็หาย แล้วหม่าม้าก็คิดว่าผู้ชายคนนี้เก่งจังเลย แล้วหม่าม้าก็ตกหลุมรักไงคะ!”
เจี่ยนอี๋นั่วถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงมามองเจี่ยนซวง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ : “ต่อไปอย่าดูละครเยอะนะคะ โดยเฉพาะพวกละครบู๊ทั้งหลายเนี่ย”
เจี่ยนซวงเบะปากพึมพำทันที : “หนูยังไม่ได้พูดเลยนะคะว่าหม่าม้าเอาตัวมารับมีดแทนคุณพ่อ คุณพ่อเลยตกหลุมรักหม่าม้า”
“ไร้สาระ!” เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า : “ที่พ่อเขาชอบหม่าม้าก็เพราะว่าหม่าม้าสวยนั่นแหละค่ะ แล้วก็หุ่นดี หม่าม้าจะไปเอาตัวบังมีดแทนใครเพื่อให้เขามาชอบหม่าม้านะคะ โอเคมั้ย?”
เจี่ยนซวงเอามือขึ้นมาปิดปากของตัวเองทันทีก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากออกมา : “ฮ่าๆๆ……..หม่าม้าสวย……”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า : “เด็กน้อย หนูไม่คิดว่าอย่างนั้นหรอคะ?”
เจี่ยนซวงรีบหุบปากทันทีก่อนจะพยักหน้า : “แต่ว่า….ถึงหม่าม้าจะสวย แต่ถ้าเทียบกับคุณพ่อ ก็ยังขาดอีกนิดหน่อยนะคะ อีกอย่างคุณพ่อก็ทำอาหารเป็นด้วย ดูแล้วคุณพ่อน่าจะเป็นคนรวยมากๆ หม่าม้าทำอาหารอย่างเดียวยังไม่ได้เลย”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วก่อนจะทำหน้าเสียใจออกมา: “แล้วหนูจะชอบหม่าม้าหรอคะ?”
เจี่ยนซวงยิ้มก่อนจะกอดเจี่ยนอี๋นั่ว แล้วก็ส่ายหัวเต็มแรง : “ไม่ค่ะ หนูชอบหม่าม้ามากๆ ถึงแม้ว่าหม่าม้าจะทำอาหารไม่เป็น แล้วก็ชอบบ่นบ้างบางที แต่หม่าม้าสวยนะคะ……”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้ว : “แล้วยังไงต่อคะ?”
เจี่ยนซวงอึ้งไปสักพัก ก่อนจะกระพริบตา : “มีอะไรต่ออีกหรอคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วุอนหายใจ : “ลูกสาวคนนี้นี่ไม่มีความปราณีเลยนะคะ หม่าม้าจะบอกให้นะคะ หุ่นหม่าม้านะ…….”
เจี่ยนซวงรีบมองตั้งแต่หัวรจดเท้าแล้วพูดทันทีว่า : “หม่าม้าหุ่นดีมากๆค่ะ!”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มก่อนจะลูบหัวของเจี่ยนซวงเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ค่ะ ถือว่าหนูน่ะยังปากหวานอยู่”
เจี่ยนซวงจับมือเจี่ยนอี๋นั่ว ผ่านไปสักพัก เธอก็ทำหน้ามุ่นทันที ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า : “หม่าม้าคะ พรุ่งนี้ตอนเช้าๆหม่าม้าต้องพาหนูมาตามหาสร้อยเส้นนั้นจริงๆนะคะ”
เจี่ยนอี๋นั่วพยักหน้า : “ค่ะ วางใจได้เลย”
ทั้งสองพูดคุยกันตลอดทาง และในที่สุดเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงก็เดินมาถึงบ้านของตัวเอง พวกเธอล็อกประตูบ้านเจี่ยนอี๋นั่วมองไปที่กล้องวงจรในสวนก่อนจะยิ้มให้แล้วถึงได้พาเจี่ยนซวงเดินเข้าบ้านไป เมื่อถึงห้อง เจี่ยนอี๋นั่วก็ถอดเสื้อผ้าให้เจี่ยนซวงก่อนจะเอาเครื่องระบุตำแหน่งติดไว้ที่มุมเสื้อของเธอ
ถึงแม้ว่าดูอหมือนว่าเธอจะมาใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาๆในชนบทแบบนี้แล้ว แต่บางทีเจี่ยนอี๋นั่วก็ดูไม่ออกว่าใครคือคนที่คอยปกป้องดูแลเธอกับเจี่ยนซวงอยู่ที่อยู่ใกล้เคียงระแวดบ้านเดียวกันกับพวกชาวบ้าน แต่ว่าบนร่างของเจี่ยนอี๋นั่วและเจี่ยนซวงนั้นจะติดเครื่องระบุตำแหน่งไว้ตลอด และกล้องที่ติดอยู่ในสวนก็เป็นเครื่องเตือนเจี่ยนอี๋นั่วว่าการที่เธอกับเจี่ยนซวงอยู่ตรงนี้นั้นปลอดภัยแน่นอน
เจี่ยนอี๋นั่วพาเจี่ยนซวงอาบน้ำ ก่อนจะพาลูกน้อยไปนอนบนเตียงเธอยิ้มแล้วพูดกับลูกสาวว่า : “โอเคค่ะ นอนได้แล้ว”
เจี่ยนซวงนีบขยับตัวเข้าไปสู้อ้อมอกคนเป็นแม่ทันที ก่อนจะถามว่า : “หม่าม้าคะ เรียกหนูว่าซวงซวงอีกครั้งได้มั้ยคะ?”
เจี่ยนอี๋นั่วกอดลูกก่อนจะยิ้มแล้วถามว่า : “ทำไมคะ?”
เจี่ยนซวงมุ่ยปากแล้วพูดว่า : “หนูไม่ชอบให้คนอื่นเรียกหนูว่าเหยียนเหยียนค่ะ หนูชอบชื่อซวงซวงมากกว่า โดนเรียกว่าซวงซวงแล้วมันจะทำให้หนูนึกถึงวันนี้ที่หนูกับหม่าม้าแล้วก็คุณพ่อกินข้าวด้วยกัน อาหารที่คุณพ่อทำอร่อยมากเลยค่ะ หม่าม้าคะ เรียกหนูว่า’ซวงซวง’อีกครั้งได้มั้ย หนูจะไม่บอกใครว่าหนูชื่อซวงซวงแน่นอนค่ะ หม่าม้าวางใจได้เลย”
เจี่ยนอี๋นั่วกอดเจี่ยนซวงเอาไว้แน่น ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ได้สิคะ ซวงซวง”
เจี่ยนซวงยกยิ้มขึ้สมาทันทีก่อนจะกอดเจี่ยนอี๋นั่วแน่น แล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า : “หม่าม้าคะ เรียกอีกครั้งได้มั้ยคะ ไม่งั้นหนูต้องลืมแน่ๆว่าหนูชื่อ’ซวงซวง’”
เจี่ยนอี๋นั่วขมวดคิ้วมองลูกสาวก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “ซวงซวง……ซวงซวง…..”