หนี้รัก วิวาห์จำเป็น - ตอนที่ 149 เธอเป็นเพียงเมียน้อย
จางหมินมองไปที่แก้วไวน์ที่บีบจนแตกละเอียดของเหลิ่งเซ่าถิงแล้วพูดทันที :“คุณประธานเหลิ่งครับ นี่คุณ ……คุณต้องการจะห้ามกู้เค่อหยิงหรือไม่ครับ?"
เหลิ่งเซ่าถิงขมวดคิ้ว หายใจเข้าลึก ๆ และในที่สุดก็ส่ายหัวช้าๆและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม :“ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องไปห้าม ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา บางทีการที่เธอไปหาอี๋นั่ว อาจจะทำให้อี๋นั่วปลอดภัยกว่า ”
จางหมิมพยักหน้า:“ครับ”
เหลิ่งเซ่าถิงก้มมองลงไปที่มือของเขาที่ถูกแก้วบาดมือ เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างช้าๆ ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่า เจี่ยนอี๋นั่วจะต้องเจ็บปวดและเสียใจมากกว่าเขา
กู้เค่อหยิงนั่งอยู่ในรถ หันหน้าไปมองเจี่ยนอี๋นั่วที่กำลังยุ่งอยู่กับการทักทายลูกค้าในร้านขนม กู้เค่อหยิงขมวดคิ้วทันที เดิมกู้เค่อหยิงคิดว่าเจี่ยนอี๋นั่วติดคุกแล้วหลายปี คงจะแก่ไปมากแล้ว แต่สุดท้ายกลับดูมีชีวิตชีวาและยังคงสวยมาก
ในตอนนี้เจี่ยนอี๋นั่วไว้ผมสั้น ใส่เสื้อยืดสีขาว และเสื้อคลุมสีดำไหมพรม และใส่กางเกงสแล็คสีดำ ดูเหมือนการแต่งกายที่เรียบง่าย แต่ก็ยังดูโดดเด่น ทำให้กู้เค่อหยิงอึดอัดจนทนไม่ไหวหน้าคิ้วขมวดขึ้นมาทันทีและเมื่อเธอหันไปมองเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งไปรอบ ๆข้างกายเจี่ยนอี๋นั่วแล้ว คิ้วของกู้เค่อหยิงก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้น
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ดูแล้วอายุน่าจะเกินสามขวบกว่า และเธอดูธรรมดา แต่เธอดูมีชีวิตชีวามาก และดวงตาของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั้นคล้ายกับของเหลิ่งเซ่าถิงมาก แม้ว่าใบหน้าของทั้งสองจะแตกต่างกัน แต่แค่มองปุ๊บก็ดูออกแล้วว่าเด็กหญิงคนนี้เป็นลูกสาวของเหลิ่งเซ่าถิง
กู้เค่อหยิงกำมือของเธอแน่น แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า :“สาวน้อยคนนั้น มีชื่อเรียกว่าอะไร?”
"เจี่ยนซวง ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลในโรงเรียนอนุบาลใกล้ ๆแถวนี้ " นักสืบเอกชนที่นั่งอยู่ข้างๆตอบด้วยน้ำเสียงเข้ม
กู้เค่อหยิงกระพริบตาของเธอหันหน้าและยิ้มให้นักสืบเอกชนแล้วพูดว่า:“เหรอ ในโรงเรียนอนุบาลแห่งนั้นคงยังไม่รู้สินะว่าคุณแม่ของเจี่ยนซวงนั้นเป็นอาชญากร? หรือคนที่ไปซื้อเค้กร้านนี้คงไม่รู้ว่าเจ้าของร้านเคยติดคุกมาก่อน ? เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป และพูดถึงผู้หญิงอย่างเจี่ยนอี๋นั่วยิ่งต่ำยิ่งดี เรื่องเกี่ยวกับการที่เธอเคยติดคุก ก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากนัก ให้พูดว่าเธอเป็นเมียน้อยของคนอื่น ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานจดทะเบียนสมรสซ้อน สำหรับเด็กผู้หญิงคนนั้น เป็นลูกนอกสมรสของเธอที่เกิดกับคนอื่น”
นักสืบเอกชนขมวดคิ้ว: "แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้ถูกตัดสินในเรื่องนี้ เป็น ……”
กู้เค่อหยิงจ้องมองไปที่นักสืบส่วนตัวอย่างเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเย็นชาว่า: "ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าบอกว่าเธอฆ่าคนตายอย่างงั้นหรือ?ใครจะไปเชื่อว่าเธอเคยฆ่าคนตาย แล้วยังถูกปล่อยตัวออกมาเร็วขนาดนี้?เธอเป็นเมีย เป็นเมียน้อยที่หน้าด้านที่สุด เพราะว่าการมีตัวตนของเธอ ก็คือทำลายชีวิตแต่งงานที่มีความสุขของคนอื่น!”
นักสืบเอกชนพยักหน้าทันที ยิ้มและพูดว่า:“โอเค ได้ครับ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้"
"แต่แค่นั้นยังไม่พอ!" กู้เค่อหยิงเอนตัวไปที่เบาะหลังของรถ และกดเบอร์โทรออก หลังจากโทรศัพท์เสร็จแล้ว เธอยิ้มและรีบพูดว่า:“ฮาโหล หลิวจื่อซิงใช่ไหมคะ?”
เมื่อหลิวจื่อซิงได้ยินเสียงเรียกของกู้เค่อหยิงเขาก็ทำตาขวางทันที แต่เธอก็ต้องอดทนและยิ้มพูดกู้เค่อหยิงว่า:“ อ้าว เป็นคุณหญิงเหรอคะเนี่ย?ระยะนี้ยุ่งมากใช่ไหมคะ ? ไม่เห็นมาเที่ยวมานั่งดื่มกาแฟสักแก้วที่ร้านฉันบ้างเลยนะคะ ”
ไม่ใช่ว่าหลิวจื่อซิงจะไม่เกลียดกู้เค่อหยิงหรอกนะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะกู้เค่อหยิง หลิวจื่อซิงรู้สึกว่าตอนนี้เธออาจจะเป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งแล้วก็เป็นได้ แต่ตอนนี้กู้เค่อหยิงกลายเป็นคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งไปแล้ว และยังให้กำเนิดลูกชายอีกหนึ่งคน แล้วเธอจะทำอย่างไรได้ล่ะ? ทำได้เพียงเก็บทุกความคับแค้นใจเอาไว้ ตอนนี้ทั้งเหลิ่งหมิงอันและเหลิ่งเซ่าถิงก็ไม่สนใจเธอแล้ว หลิวจื่อซิงต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลเหลิ่งต่อไป อีกทั้งยังต้องพึ่งพากู้เค่อหยิงอีกด้วย
กู้เค่อหยิงยิ้มและพูดว่า :“อืม ฉันยุ่งเกินไป และไม่ค่อยมีเวลาว่างเลย แต่ฉันเพิ่งกินของหวานข้างนอกและมันก็ไม่เลว คุณอาจไปที่ร้านนี้และซื้อของหวานเพิ่มเติมไปไว้บ้างนะ ร้านอาหารของคุณดีทุกอย่าง ยกเว้นขนมที่ทำได้แย่มาก แต่มันก็โทษคุณไม่ได้หรอก เพราะคุณเกิดในชนชั้นต่ำเกินไป คุณไม่รู้หรอกว่าขนมที่อร่อยนั้นมีความสำคัญกับลูกค้ามากแค่ไหน แต่ร้านขนมร้านนี้แตกต่างจากร้านอื่น ถึงแม้จะเป็นร้านขนมที่ธรรมดามากไปหน่อย แต่ว่าเจ้าของร้านเป็นคนมีรสนิยมดีกว่าคุณมาก”
หลิวจื่อซิงกัดฟันของเธอ และในที่สุดก็ปกปิดความขุ่นเคืองทั้งหมดไว้ในใจของเธอ พยายามฝืนยิ้มแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เยี่ยมมากเลย เป็นเรื่องยากที่คุณนายจะเป็นห่วงเป็นใยร้านเล็กๆของฉัน ”
"ร้านของคุณเล็กไปหน่อย แต่ใครให้ฉันเป็นคนมีจิตใจดีล่ะ ฉันทนเห็นผู้หญิงด้วยกันต้องทนทุกข์ทรมานไม่ได้ ……”กู้เค่อหยิงฟังออกว่าหลิวจื่อซิงกำลังกลั้นความเกลียดชังไว้อยู่ แต่เขายังคอยประจบเธอ สิ่งนี้ทำให้อารมณ์ของกู้เค่อหยิงดีขึ้น และมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอขึ้น
เมื่อมาถึงจุดนี้กู้เค่อหยิงยิ้มมากขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม: "อันที่จริงคุณก็ไม่เด็กแล้วนะ คุณควรจะแต่งงานได้แล้ว คุณดูสิอายุของคุณมากขนาดนี้แล้ว ยังคงไม่มีอะไรเลย ถ้าหากยังไม่ได้แต่งงาน ต่อไปจะทำอย่างไรล่ะ ?เมื่อเร็ว ๆ นี้ญาติห่าง ๆ ในครอบครัวของฉันสูญเสียภรรยาไป เขาอายุสี่สิบกว่าๆแล้ว เขาเหมาะกับคุณมากเลยล่ะ ถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่ร่ำรวย แต่เขาก็เหมาะสมกับคุณมากนะ คุณเปิดร้านอาหาร และครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ ถือเป็นอุตสาหกรรมการผลิตอาหารที่เชี่ยวชาญที่เหมาะสมกับเธอมาก?”
หลิวจื่อซิงกระตุกมุมปากและพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม: "มันยากที่คุณหญิงยังคงนึกถึงฉัน แต่ว่าฉันคาดไม่ถึงว่าคุณหญิงก็มีญาติแบบนี้ด้วยเหรอ”
กู้เค่อหยิงหัวเราะและพูดว่า :“ไม่ใช่เหรอ แม้แต่จักรพรรดิยังมีญาติที่ยากจนเลย แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างฉัน? ตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลเหลิ่งแล้วยังไง? ก็ยังมีคนอย่างเธอที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหลิ่งไม่จบไม่สิ้นไม่ใช่หรือ?”
หลิวจื่อซิงกำโทรศัพท์ไว้แน่น อยากวางสายทันที อย่างไรก็ตามเมื่อหลิวจื่อซิงนึกถึงฐานะของกู้เค่อหยิงแล้ว เธอจึงอดทนกับมันทันที พยายามฝืนยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้มสั่น ๆ : "รบกวนคุณหญิงจริงๆนะคะ โปรดให้หมายเลขโทรศัพท์ของอีกฝ่ายกับฉันด้วย ฉันจะสั่งขนมหวานเข้าร้าน ถึงเวลานั้นยังต้องเชิญคุณหญิงมาชิมนะคะ ”
กู้เค่อหยิงยิ้มและพูดว่า :“ไม่ต้องแล้ว ฉันทิ้งเบอร์โทรร้านอาหารของคุณไว้ให้เธอแล้ว ถึงเวลาเธอจะไปหาคุณเอง คุณต้องต้อนรับดูแลเธออย่างดีหน่อยนะจ๊ะ”
กู้เค่อหยิงวางสายโทรศัพท์หลังจากพูดจบ หลิวจื่อซิงขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยินกู้เค่อหยิงวางสาย และพูดอย่างดุเดือด :“โอเค โอเค! ฉันจะต้อนรับดูแลอย่างดีเลย และฉันจะแสดงให้คุณหญิงตระกูลเหลิ่งดู ว่าเป็นต้อนรับและดูแลลูกค้าได้ดีขนาดไหน”
กู้เค่อหยิงยิ้มและมองไปที่โทรศัพท์เธอรู้ว่าหลิวจื่อซิงต้องการแต่งงานกับเหลิ่งเซ่าถิง แม้ว่าจะมีผู้หญิงหลายคนที่ต้องการแต่งงานกับเหลิ่งเซ่าถิง แต่หลิวจื่อซิงนั้นแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ เธอเคยอยู่ใกล้กับตำแหน่งนั้นมากใกล้จนถึงจุดที่ทำให้เธอเสียใจมากในภายหลัง
กู้เค่อหยิงคิดว่าผู้หญิงอย่างหลิวจื่อซิงก็ไร้สาระเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเธอมีโอกาสที่ดีเช่นนี้ แต่เธอมีความฝันพาตัวเองเข้าสู่อนิเมะและจินตนาการว่าตัวเองเป็นคนมีอำนาจทุกอย่าง เธอคิดว่าเธอสามารถทำให้พี่น้องทั้งสองคนในตระกูลเหลิ่งหลงรักเธออย่างหัวปักหัวปำเหรอ? ผลสุดท้ายคือเธอไม่ได้อะไรเลย และในตอนนี้เธอก็จับไม่ได้สักคน และเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าหัวเราะของคนชั้นสูง
หลิวจื่อซิงจะมาเปรียบเทียบกับเธอได้อย่างไร? เธอเป็นผู้หญิงที่ทำให้สองพี่น้องตระกูลเหลิ่งหลงรักอย่างหัวปักหัวปำต่างหากล่ะ
กู้เค่อหยิงนึกถึงนี่ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย เธอรู้สึกว่าเธอหน้ามืดตามัวมากจริงๆ ทำไมถึงเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอย่างหลิวจื่อซิงด้วย ? เธอเป็นถึงคุณหญิงของตระกูลเหลิ่งแล้ว หลิวจื่อซิงยังนับประสาอะไร? ตอนนี้เป็นได้เพียงแค่สุนัขพันธุ์ปั๊กที่ประจบข้างกายเธอตัวหนึ่งเท่านั้น
ตอนนี้กู้เค่อหยิงหวังเพียงว่าสุนัขพันธุ์ปั๊กตัวนี้จะมีบทบาทเล็ก ๆ น้อย ๆ และสามารถกัดเจี่ยนอี๋นั่วได้บ้าง
กู้เค่อหยิงคิดถึงนี่ จดหมายเลขโทรศัพท์ร้านอาหารของหลิวจื่อซิงไว้บนกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วส่งให้นักสืบส่วนตัวที่นั่งข้างๆเธอ ยิ้มและพูดว่า: "เอาเบอร์โทรศัพท์นี้ไปให้เจี่ยนอี๋นั่ว ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ พูดแค่ว่าเจ้าของร้านอาหารได้ชิมขนมหวานของร้านเธอแล้ว และคิดว่ามันไม่เลวเลย เธอจึงขอให้เธอส่งขนมไปที่ร้านอาหารของเธอด้วย”
นักสืบเอกชนยิ้มและพยักหน้าตอบรับทันที แล้วรีบลุกขึ้นและเดินไปที่ร้านขนมของเจี่ยนอี๋นั่ว กู้เค่อหยิงเหล่ไปที่ร้านขนมของเจี่ยนอี๋นั่ว และพูดด้วยความเยาะเย้ย: "เจี่ยนอี๋นั่ว ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เธอไม่สามารถอยู่ในเมืองนี้ได้อีกต่อไป!”
เจี่ยนอี๋นั่วรับนามบัตรจากเจ้าของร้านอาหาร และส่งคนที่ส่งนามบัตรไปที่ประตูด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปยิ้มให้ เจี่ยนซวงที่เดินตามหลังเธอมา ยิ้มแล้วพูดว่า:“ซวงซวง พวกเรามีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นอีกแล้วนะ”
เจี่ยนซวงยิ้มและปรบมือทันที: "เยี่ยมมากค่ะ เยี่ยมมากจริงๆค่ะ! คุณแม่เยี่ยมมากค่ะ!"
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและลูบหัวของเจี่ยนซวงเบาๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม: "นี่เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากเจี่ยนซวงนะเนี่ย คุณแม่ต้องขอบคุณซวงซวง แต่ซวงซวงก็อย่าหักโหมมากเกินไปนะคะ ไม่ต้องมาช่วยคุณแม่บริการลูกค้าแล้วนะคะ ไปนั่งเล่นตรงนั้นเถอะลูก รอคุณแม่ทำงานเสร็จแล้ว คุณแม่จะพาชวงซวงกลับบ้านนะคะ และเล่านิทานให้ซวงซวงฟังนะคะ”
เจี่ยนซวงยิ้มและพยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "อืม อืม วันนี้คุณครูเล่าเรื่องเจ้าหญิงนิทราให้ฟังค่ะ คุณแม่เล่านิทานเรื่องบ้านขนมให้หนูฟังอีกครั้งนะคะ หนูชอบฟังนิทานเรื่องบ้านขนมมากที่สุดเลยค่ะ!”
เจี่ยนอี๋นั่วยิ้มและพยักหน้า เจี่ยนซวงก็ปีนขึ้นไปบนที่นั่งที่ว่างอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง และเล่นเกมต่อจิ๊กซอว์คนเดียว ในเวลานี้ลูกค้าในร้านอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า :“เถ้าแก่เนี้ย ลูกสาวของคุณน่ารักน่าเอ็นดูและเชื่อฟังจริงๆนะคะ”
เจี่ยนซวงได้ยินสิ่งที่คนอื่นยกย่องเธอ เธอเงยหน้าขึ้นทันทีและมองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วด้วยรอยยิ้ม เจี่ยนอี๋นั่วไม่เคยถ่อมตนเมื่อคนอื่นชมเจี่ยนซวงต่อหน้า เธอต้องการให้เจี่ยนซวงรู้ว่าเธอเก่งแค่ไหน ในช่วงเวลาที่ถูกคุมขังเจี่ยนอี๋นั่วเคยกังวลว่ามันจะทิ้งสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาไว้ที่เจี่ยนซวง และทำให้เจี่ยนซวงรู้สึกมีปมด้อย ดังนั้นตอนนี้ให้ความสนใจเจี่ยนซวงและให้กำลังใจเธอเป็นพิเศษ เพื่อปลูกฝังให้เธอมีความมั่นใจในตนเอง
ในขณะนี้เจี่ยนอี๋นั่วได้ยินคำชื่นชมจากคนอื่น ๆ และพยักหน้าด้วยรอยยิ้มทันทีและกล่าวด้วยรอยยิ้มให้กับบุคคลนั้น: "ใช่ค่ะ เธอเป็นเด็กดี และฉลาดมากค่ะ ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ"
เมื่อเจี่ยนซวงได้ยินเจี่ยนอี๋นั่วชมเธอต่อหน้าคนอื่น ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ แดงขึ้นเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจและกระพริบตามองไปที่เจี่ยนอี๋นั่วด้วยรอยยิ้ม เจี่ยนอี๋นั่วก็ยิ้มและกระพริบตาให้กับเจี่ยนซวง สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง เยี่ยหมิงจูที่กำลังทำขนมอยู่มองไปที่ฉากของสองแม่ลูกยิ้มให้กันและอดไม่ได้ที่จะหยุดดูพวกเธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข